ข่ายอาคมส่องสว่างห้อมล้อมร่างของฮวาฟางเฟยไว้ภายใน ไม่ทราบเลยว่ามันถูกวางไว้เมื่อใด ทว่าเมื่อฮวาฟางเฟยรู้ตัวอีกครั้ง นางก็ติดอยู่ในวงล้อมของข่ายอาคมเสียแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไป นางใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของกระแสเวลาในคฤหาสน์เฟิงหัวและโลกภายนอกเพื่อศึกษาจนมีความเข้าใจเกี่ยวกับข่ายอาคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข่ายอาคมที่ถูกนำมาใช้ครานี้ก็คือ ‘ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ’
ฉินอวี้โม่เคยลองทดสอบข่ายอาคมนี้มาก่อนและแม้ผู้ที่ทรงพลังเช่นหานโม่ฉือก็ยังได้รับผลกระทบจากมันไม่น้อย ความแข็งแกร่งของฮวาฟางเฟยในปัจจุบันนี้ไม่มากเท่าหานโม่ฉือด้วยซ้ำและข่ายอาคมนี้สามารถกักขังนางไว้ได้อย่างแน่นอน
“เหอะ คิดจะใช้ข่ายอาคมเพื่อกักขังข้าไว้งั้นรึ ? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี !”
ฮวาฟางเฟยไม่ทราบถึงพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพแม้แต่น้อย นางจึงแค่นเสียงอย่างไม่แยแสขณะแผ่พลังมายาจากร่างของตนออกไปรอบตัวเพื่อฝ่าผ่านแนวป้องกันของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลดปล่อยพลังมายาออกไปกระทบเข้ากับข่ายอาคมรอบตัว มันเพียงทำให้ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเกิดความผันผวนเล็กน้อยเท่านั้นและไม่สามารถทำให้มันเสียหายได้เลย
ฟึ่บ !
เสียงประหลาดดังขึ้นและพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็ก่อรูปก่อร่างในที่สุด เสาที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังมายาเก้าต้นปรากฏขึ้นมาโดยที่มีมังกรยักษ์เก้าตัวพันอยู่รอบ ๆ มันซึ่งแอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่แกร่งกล้าอย่างที่สุด
แววตาของมังกรขนาดยักษ์เหล่านั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าและเพลิงหลากสีสันถูกพ่นออกมาจากปากของพวกมันขณะพุ่งตรงเข้าโจมตีฮวาฟางเฟยอย่างรุนแรง
ตูมมม !
ฮวาฟางเฟยสร้างม่านป้องกันขึ้นมาตรงหน้าได้ทันเวลา ทว่ามันก็แหลกสลายภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวและไม่อาจต้านทานพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพได้แม้แต่น้อย
“มันมีพลังที่แกร่งกล้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?!”
ในอดีต ฮวาฟางเฟยเคยเห็นข่ายอาคมมาแล้วมากมายหลายชนิด ทว่าไม่เคยเห็นข่ายอาคมที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพของฉินอวี้โม่เหนือชั้นเกินกว่าจินตนาการของนางไปมากนัก เพียงติดอยู่ภายในนี้ก็ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นและสิ้นหวังอย่างที่สุด ราวกับว่านางไม่สามารถฝ่าทะลวงออกไปได้เลยและทำได้เพียงติดอยู่ภายในเท่านั้น
ฉินอวี้โม่เพียงยกยิ้มมุมปากเบา ๆ และไม่กล่าวสิ่งใด ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพนี้ก่อตัวขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างเพลิงแห่งชีวิตของซิวและพลังของไข่มุกวิญญาณเหล่านั้น เพราะเหตุนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พลังของมันจะเหนือชั้นกว่าข่ายอาคมทั่ว ๆ ไป ยิ่งไปกว่านั้น ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพในปัจจุบันก็อยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อมันพัฒนาขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด เกรงว่าฮวาฟางเฟยจะถูกทำลายไปอย่างสิ้นซากภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียว
ตูมมม ! ตูมมม ! ตูมมม !
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อพลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้งและกระหน่ำโจมตีเข้าใส่ฮวาฟางเฟยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ฮวาฟางเฟยก็มิใช่คนที่จะยอมตั้งรับการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เวลานี้นางพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบโต้พลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งอยู่ด้านนอกข่ายอาคมก็ถ่ายทอดพลังมายาเข้าไปในข่ายอาคมของตนเพื่อเสริมพลังให้กับข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพอย่างไม่หยุดหย่อน
จากนั้นเวลาหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พลังของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพไม่จางหายไปแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม สถานการณ์ของฮวาฟางเฟยที่ติดอยู่ภายในนั้นเลวร้ายลงเรื่อย ๆ พลังของข่ายอาคมนี้แกร่งกล้าจนเกินไป แม้แต่นางที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเสมอมาก็ยังเผชิญกับความเสียหายอย่างหนัก
ในอีกฟากหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างซิวและมังกรกระดูกดำก็ดุเดือดไม่แพ้กัน
ทั้งสองถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกัน เมื่อประจันหน้ากันเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่มีฝ่ายใดที่ยอมน้อยหน้า
หากซิวอยู่ในสภาวะพลังสูงสุดของมัน การบดขยี้มังกรกระดูกดำก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง ทว่าความแข็งแกร่งของซิวในตอนนี้ยังอ่อนแอกว่าในอดีตพอสมควรและความแข็งแกร่งภายนอกของมังกรกระดูกดำในตอนนี้ก็เหนือชั้นมากกว่า อย่างไรก็ตาม เพียงการอาศัยแรงกดดันทางสายเลือด ซิวก็สามารถกลายเป็นฝ่ายเหนือกว่าได้ แม้ในตอนนี้ชัยชนะยังไม่ชัดเจนนัก ทว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปพอสมควร ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำจะต้องเป็นมังกรกระดูกดำอย่างแน่นอน
คนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ติดพันอยู่ในการต่อสู้เช่นกันและฝ่ายของนิกายหมื่นบุปผาก็เสียเปรียบมาตั้งแต่ต้น
การต่อสู้ระหว่างฮวาเยว่และฮวาหรงเป็นคู่ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ทั้งสองมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไล่เลี่ยกันและรู้จักลักษณะการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดี เพราะเหตุนั้น พวกนางจึงต่อสู้ระยะประชิดกันอย่างตาต่อตาฟันต่อฟันและเป็นการปะทะที่ดุเดือดอย่างยิ่ง
“ฮวาเยว่ นังแพศยา! เมื่อครั้งที่อยู่ในนิกายหมื่นบุปผา เจ้ามักจะกดหัวข้าอยู่เสมอ ตอนนี้เมื่อออกจากนิกายไปแล้ว เจ้าก็ยังมาตามจองล้างจองผลาญข้าอีก ! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้และทุกคนจะได้เห็นว่าฮวาหรงผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเจ้า !”
ในขณะที่ต่อสู้กัน ฮวาหรงก็กล่าวอย่างโกรธแค้นและวาจาแสดงถึงความริษยาในความเหนือกว่าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“เหอะ ฮวาหรง ข้าเคยแข็งแกร่งกว่าเจ้าเช่นไร ตอนนี้ข้าก็ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าเช่นนั้นและในอนาคตข้างหน้าข้าก็ยังจะเหนือกว่าเจ้าต่อไปเช่นกัน ต่อให้เจ้าจะเกาะแข้งเกาะขาฮวาฟางเฟยไว้แน่นและยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ข้าก็ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าอยู่ดี !”
ฮวาเยว่แค่นเสียงเบา ๆ และกล่าวตอบโต้ การเคลื่อนไหวทุกท่วงท่าของนางรวดเร็วอย่างยิ่งจนทำให้อีกฝ่ายสับสนได้ง่าย ๆ
แม้ความแข็งแกร่งของทั้งสองจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน ทว่าประสบการณ์การต่อสู้ของฮวาเยว่ก็โชกโชนกว่าฮวาหรงมากนัก หลังจากประจันหน้ากันนานสองก้านธูป ฮวาเยว่ก็ค่อย ๆ กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ส่วนใหญ่แล้ว นางมักจะโจมตีฮวาหรงได้ถึงสามครั้งติดต่อกันก่อนที่ฮวาหรงจะโจมตีถึงตัวนางได้ครั้งหนึ่ง
เรียกได้ว่าสถานการณ์ของฮวาหรงเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ฮวาเยว่ยังคงใจเย็นและสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก ! ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ !”
ฮวาหรงเดือดดาลอย่างที่สุด นางค่อย ๆ ปลดปล่อยพลังออกไปมากขึ้นและโจมตีฮวาเยว่ต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
ฮวาเยว่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าแม้แต่น้อยและเพิ่มพลังของตนเองมากขึ้นเช่นกันในขณะที่ประจันหน้ากับฮวาหรง…
สถานการณ์ของฮวาฟางเฟยกลางอากาศก็ไม่สู้ดีนักเช่นกัน การถูกห้อมล้อมโดยข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพทำให้นางไม่มีหนทางตอบโต้ได้เลย
“ฉินอวี้โม่ เสียดายจริง ๆ ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่แรก !”
แม้ในหัวใจของฮวาฟางเฟยจะตื่นตระหนกไม่น้อย สีหน้าของนางก็ยังไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมาขณะมองฉินอวี้โม่ที่อยู่ไกลออกไปด้วยแววตามุ่งร้าย
หากทราบถึงตัวตนของฉินอวี้โม่ตั้งแต่ต้นและทราบว่านางจะพัฒนาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของตนเช่นนี้ ฮวาฟางเฟยคงจะกำจัดนางตั้งแต่ที่เข้ามาในนิกายหมื่นบุปผา หากสังหารฉินอวี้โม่ไปตั้งแต่ตอนนั้น สถานการณ์วุ่นวายเหล่านี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
น่าเสียดายที่บนโลกใบนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจในภายหลัง…
“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้รู้ตั้งแต่ต้น เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก !”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน นับตั้งแต่เข้าร่วมกับนิกายหมื่นบุปผาตั้งแต่ต้น ต่อให้ตัวตนจะถูกเปิดเผย นางก็มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่มั่นใจและเดินเข้าไปในนิกายหมื่นบุปผาด้วยตัวเอง
ต่อให้ไม่มีการปกป้องคุ้มครองจากหานโม่ฉือ คฤหาสน์เฟิงหัวก็เป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง นอกจากนี้ก็ยังมีซิวและบรรดาอสูรมากมาย หากต้องประจันหน้ากับฮวาฟางเฟยในตอนนั้น ต่อให้เอาชนะไม่ได้ นางก็ยังหลบหนีเอาตัวรอดออกมาได้
“เหอะ คิดว่าข้าไม่มีไพ่ตายที่จะรับมือกับเจ้าเลยรึ ?!”
ฮวาฟางเฟยแค่นเสียงเย็นชาและจู่ ๆ แสงศักดิ์สิทธิ์ก็แผ่ออกจากร่างของนางอย่างกะทันหัน แสงดังกล่าวปกคลุมทั่วร่างของนางและขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ไปถึงข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลังประหลาดบนร่างของฮวาฟางเฟยและไม่ประมาทแม้แต่น้อยขณะยังคงถ่ายทอดพลังมายาของตนออกไปเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ
ในเวลานี้ มังกรขนาดยักษ์เก้าตัวก็ผสานรวมตัวกันกลางอากาศและก่อตัวกลายเป็นมังกรหลากสีตัวหนึ่งที่ร่างกายมีขนาดใหญ่มหึมาและปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นมังกรตัวนี้ก็พุ่งตรงเข้าไปยังจุดที่ฮวาฟางเฟยยืนอยู่
ตูมมม !
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ครานี้พลังดังกล่าวไม่ได้โจมตีถึงตัวฮวาฟางเฟย ทว่าประจันหน้ากันในสภาวะที่ไม่สามารถเอาชนะกันได้
ในเวลานี้พลังมายาปริมาณมหาศาลก็พุ่งออกจากมือของฉินอวี้โม่ตรงไปยังลำตัวของมังกรมหึมาส่งผลให้มันมีขนาดใหญ่มากขึ้น
แน่นอนว่านางย่อมควบคุมข่ายอาคมที่นางวางไว้เองได้อย่างอิสระและสามารถเสริมสร้างพลังความแข็งแกร่งให้กับมันได้อย่างง่ายดาย
แสงสว่างบนร่างของฮวาฟางเฟยก็ดูจะเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และเห็นได้ชัดว่านี่คือหนึ่งในไพ่ตายสำคัญของนางซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
พลังของทั้งสองฝ่ายที่ปะทะกันกลางอากาศก็ติดอยู่ในสภาวะจนมุมเป็นเวลานานก่อนสลายหายไปในเวลาเดียวกัน
ร่างของฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนใด ๆ ทว่าร่างของฮวาฟางเฟยกลับถอยหลังออกไปนับสิบก้าวและใบหน้าซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด