ซากศพที่เหลือบนพื้นเริ่มฟื้นคืนชีพขึ้นมาทีละตน ๆ โดยที่ลุกขึ้นยืนอย่างไร้สติ พวกมันแต่ละตนก็มีพลังการต่อสู้ที่แกร่งกล้ามากทีเดียว
เวลานี้เพลิงแห่งชีวิตของซิวก็ถูกขวางกั้นไว้โดยกระจกป้องกันและการโจมตีของหานโม่ฉือก็ไม่สามารถสร้างผลกระทบอะไรต่อมังกรกระดูกดำได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉินอวี้โม่กังวลมิใช่ซากศพเหล่านั้นหรือตัวมังกรกระดูกดำเอง หากแต่เป็นทิศทางที่อสูรร้ายชำเลืองมองไปเมื่อครู่
หากมีเพียงซากศพเหล่านี้ มันก็คงไม่มากพอที่มังกรกระดูกดำจะป่าวประกาศด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถทำลายดินแดนมหาเทพไปโดยสมบูรณ์ได้ ต่อให้เป็นผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจที่มาที่นี่ด้วยตัวเองก็คงจะไม่กล้าลั่นวาจาเช่นนั้น เกรงว่าในสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้จะยังมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งพวกนางยังไม่ค้นพบ
“เหอะ คิดว่ากระจกนี่จะหยุดข้าได้งั้นรึ ?”
ซิวแค่นเสียงเย็นชาและความเดือดดาลเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดก่อนบินขึ้นสูงและรวบรวมพลังอีกครั้ง
แคร็ก !
เดิมทีทะเลเพลิงของซิวที่ถือว่าร้อนระอุมากแล้ว ทว่าในเวลานี้มันกลับลุกโชนอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นและกระทบลงบนกระจกป้องกันที่แข็งแกร่งของมังกรกระดูกดำจนเกิดรอยแตกขึ้นมาทันที
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของมังกรกระดูกดำเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่าอุปกรณ์ระดับสูงที่มันได้ครอบครองมาจะเกิดรอยแตกอย่างง่ายดายเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เพลิงทรงพลังส่วนหนึ่งก็ตกลงบนซากศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่เช่นกันและทำให้พวกมันสลายกลายเป็นเถ้าถ่านก่อนลอยละล่องหายไปในอากาศทันที
“อ๊ากก อ๊ากก ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้ !”
มังกรกระดูกดำโกรธแค้นอย่างที่สุดขณะมองดูโครงกระดูกฟื้นคืนชีพที่สลายไป ในเวลานี้ดวงตาแดงก่ำของมันแสดงถึงเดือดดาลที่มากกว่าปกติ
“โอ้ งั้นรึ ? น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีความสามารถเช่นนั้น”
ซิวกล่าวอย่างไม่แยแสนักและเป็นวาจาที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บแสบไม่เปลี่ยนแปลง
มังกรกระดูกดำแทบกระอักเลือดกับสิ่งที่ได้ยิน ทว่าการที่กล่าวว่ามันเอาชนะซิวไม่ได้ก็เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“หึ อยากเห็นนักว่าเจ้าจะมีไพ่ตายอื่นใดซ่อนอยู่อีก รีบนำมันออกมาเถอะ”
ซิวมองมังกรกระดูกดำด้วยสีหน้าเย้ยหยันและแสยะออกมา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่าง ราวกับมีภัยคุกคามบางอย่างที่กำลังซ่อนอยู่ในที่ใดสักแห่งและมีพลังมากพอที่จะเป็นอันตรายต่อมันได้
แม้ภายนอกยังดูสงบนิ่งและสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทว่าแท้จริงแล้วซิวก็แผ่พลังวิญญาณออกไปอย่างสุดขีดเพื่อคอยเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมรอบตัวอยู่ตลอดเวลา
“ฮ่า ๆ ๆ จัดให้ตามคำขอ !”
จู่ ๆ มังกรกระดูกดำก็สงบสติอารมณ์ลงอย่างน่าประหลาดและแสยะยิ้มเย้ยหยัน ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าและแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ รวมถึงกดข่มทุกคนอย่างรวดเร็ว
สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจก็คุกเข่าลงโดยอัตโนมัติและแม้แต่มังกรกระดูกดำเองก็แสดงสีหน้าของความเคารพเช่นกัน
ตูมมม !
ราวกับว่าอากาศรอบตัวหยุดแน่นิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็มีร่างมหึมาที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าและบดบังแผ่นดินปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ร่างดังกล่าวมีขนาดใหญ่กว่ามังกรกระดูกดำหลายสิบเท่าซึ่งถือว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
“นี่มัน…”
เมื่อเห็นอสูรร่างมหึมาอย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวของซิวก็ชะงักไปทันทีในขณะที่สีหน้าของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนในตอนนี้คือซากศพที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีและมีลักษณะเหมือนซิวทุกประการ เกล็ดบนลำตัวของมันก็ยังคงส่องแสงสีสลัวออกมา แม้เป็นเพียงซากศพไร้จิตวิญญาณ ร่างของมันก็นำพาแรงกดดันที่ไร้ที่สิ้นสุดมาซึ่งทำให้ทุกคนหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ท่านบรรพบุรุษ…”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความรู้สึกซับซ้อนดังมาจากปากของซิว ซากศพของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังนี้คือศพของมังกรทองสิบเล็บ—เทพอสูรในอดีตนั่นเอง
ไม่คิดเลยว่าในสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้จะมีซากศพของเทพอสูรในอดีต ซ้ำร้ายยังถูกทำให้ฟื้นคืนชีพโดยวิธีการที่พิเศษของจอมยุทธ์ปีศาจ
ทุกคนก็ตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของเทพอสูรดี แม้เป็นเพียงซากศพไร้จิตวิญญาณ พลังที่อัดแน่นในร่างกายของมันก็เหนือชั้นเกินกว่าที่คนธรรมดาจะคิดสู้ได้…
“เป็นอย่างไรล่ะ ? การที่เผชิญหน้ากับบรรพบุรุษเทพอสูรเช่นนี้ อยากเห็นนักว่าเจ้าจะรับมือได้สักกี่น้ำ”
มังกรกระดูกดำกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจและโอหังอย่างที่สุด นี่คือไพ่ตายที่แท้จริงของพวกเขาซึ่งเป็นไพ่ตายสำคัญที่สุดในการรับมือกับฉินอวี้โม่และคณะ
สำหรับโครงกระดูกของเทพอสูรนี้ จอมยุทธ์ปีศาจต้องใช้พลังงานไปอย่างมหาศาลกว่าที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาจนสำเร็จ อย่างไรก็ตาม พลังอำนาจที่แกร่งกล้าและเผด็จการในร่างของเทพอสูรก็ทำให้พวกเขาพึงพอใจอย่างที่สุด
ด้วยไพ่ตายนี้เพียงอย่างเดียว ฉินอวี้โม่และทุกคนก็ไม่มีทางรับมือได้แม้จะร่วมมือกันก็ตาม
โร่ววว !
เห็นได้ชัดว่าซากศพของเทพอสูรนี้ก็แตกต่างไปจากซากศพอื่น ๆ ทั้งหมด เพียงส่งเสียงคำรามออกมา มันก็แผ่แรงกดดันอันทรงพลังเกินกว่าที่ฉินอวี้โม่และทุกคนจะยืนอยู่เฉยได้
แรงกดดันของเทพอสูรก็มิใช่เป็นเพียงแรงกดดันทั่ว ๆ ไปเช่นกัน แม้แต่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ถูกกดข่มโดยแรงกดดันดังกล่าวจนแทบทรงตัวยืนไม่ได้
“ขอให้สนุกล่ะ !”
มังกรกระดูกดำโบกมือส่งสัญญาณให้กับจอมยุทธ์ปีศาจและถอยออกไปด้านหลังโครงกระดูกเทพอสูร ในขณะเดียวกัน มันก็เลื่อนซากศพสิ่งมีชีวิตที่เหลือและก้อนพลังสีดำประหลาดออกไปเช่นกัน
ซากศพเทพอสูรไม่มีจิตวิญญาณหรือสตินึกคิดเป็นของมันเอง มันเพียงพุ่งตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ทันที คลื่นพลังมหาศาลถูกพ่นออกจากปากของมันส่งผลให้เพลิงแห่งชีวิตของซิวดับมอดลงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นคลื่นพลังอีกระลอกหนึ่งก็ฟาดเข้ากับร่างของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จนกระเด็นออกไป
เมื่อเผชิญหน้ากับเทพอสูรผู้ทรงพลัง แม้มันเป็นเพียงซากศพไร้ชีวิต พวกนางก็ไม่อาจตอบโต้ได้เลย
“นายหญิง ในอดีตความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษเทพอสูรบรรลุถึงระดับที่เย้ยฟ้าท้าดินแล้วและมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะเอาชนะได้ ต่อให้ตายไปนานหลายปีและพลังเดิมจางหายไปมาก พลังที่เหลือหลังจากฟื้นคืนชีพของมันก็ยังแกร่งกล้าเกินกว่าจะมีผู้ใดในดินแดนมหาเทพที่จะต่อกรด้วยได้”
ซิวขมวดคิ้วมุ่นและกล่าวอธิบายกับฉินอวี้โม่ มันตระหนักดีว่าพลังของบรรพบุรุษนั้นน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด แม้ตอนนี้เป็นเพียงซากโครงกระดูก มันก็มีพลังที่เหนือชั้นเกินเทียบเทียม ฉินอวี้โม่และทุกคนไม่อาจเอาชนะมันได้ในตอนนี้
ตูมมม !
คลื่นพลังที่รุนแรงก็โจมตีตรงไปในจุดที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ยืนอยู่เมื่อครู่นี้จนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา หากมิใช่เพราะไหวตัวทันและหลบหลีกออกไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าพวกนางอาจได้รับบาดเจ็บหรืออาจตกอยู่ในสภาพปางตายเลยด้วยซ้ำ
พื้นดินในบริเวณนั้นก็กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ขึ้นมาทันทีและแผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณซึ่งยิ่งพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าพลังทำลายล้างของบรรพบุรุษเทพอสูรทรงพลังและน่าทึ่งมากเพียงใด
เวลานี้ก้อนพลังสีดำก็ยังคงไหลเวียนพลังงานออกมาเพื่อฟื้นคืนชีพซากศพที่เหลือต่อไป หากโครงกระดูกทั้งหมดฟื้นคืนชีพสำเร็จ การจัดการกับฉินอวี้โม่และทุกคนก็จะง่ายดายยิ่งขึ้น
“ไม่ว่าจะเอาชนะมันได้หรือไม่ เราก็ต้องลองดูก่อน ต่อให้มันจะทรงพลังมากจริง ๆ เราก็จะแพ้ไม่ได้ !”
ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นและกล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น นางสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างที่รุนแรงจากร่างของเทพอสูรและหมายมั่นที่จะกำจัดมันไปให้ได้ มิฉะนั้นหลังจากนี้มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ต่อดินแดนมหาเทพอย่างแน่นอน !
“โม่เอ๋อร์ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ เพื่อหยุดนางไว้
ประกายบางอย่างฉายชัดในแววตาของเขาและสีหน้าดูสงบนิ่งอย่างที่สุด
“โม่ฉือ พวกเราลุยด้วยกันเถอะ”
เซิ่งเซียวกล่าวขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้หานโม่ฉือจะมีพลังที่แกร่งกล้าอย่างมาก ทว่าเขาเพียงลำพังก็คงจะมิใช่คู่มือของบรรพบุรุษเทพอสูรแน่
“ปล่อยโม่ฉือไปเถอะ”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีหัวใจที่สื่อถึงกันได้ เพราะเหตุนั้นนางจึงทราบดีว่าในเมื่อบุรุษคนรักเอ่ยปากเช่นนี้ เขาก็ต้องมั่นใจแล้วอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นางสัมผัสได้ว่าหานโม่ฉือยังปิดบังบางสิ่งจากตนและตอนนี้อาจเป็นโอกาสที่เขาจะเปิดเผยมัน
“ถ้าเช่นนั้นระวังตัวด้วยล่ะ”
อวิ๋นซื่อเทียนไม่ขัดขวางเขาและเพียงกล่าวกำชับให้หานโม่ฉือระวังตัว
หานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ ก่อนเหาะขึ้นไปบนอากาศและยืนประจันหน้ากับโครงกระดูกเทพอสูรด้วยแววตาเย็นชา
เมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาของอีกฝ่าย ซากศพของเทพอสูรก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนเดินหน้าโจมตีต่อไป
“เจ้าไม่ควรดำรงอยู่ในสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ เพราะฉะนั้นจงกลายเป็นเถ้าธุลีไปเสียเถอะ !”
หานโม่ฉือกล่าววาจาเยือกเย็น ทันใดนั้น พลังมหาศาลก็หลั่งไหลออกมาจากร่างของเขาและปัดเป่าแรงกดดันของบรรพบุรุษเทพอสูรออกไปทั้งหมด
“นี่มันพลังอะไรกัน ?”
ทุกคนตกตะลึงทันที ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือในตอนนี้เกินกว่าระดับที่พวกเขาจะหยั่งถึงได้