ภายในข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ พลังมายาของฮวาฟางเฟยค่อย ๆ หมดลงและไม่มีพลังที่จะต้านทานอีกต่อไป
“โร่ววว !”
เสียงคำรามดังสนั่นขึ้นอีกครั้งเมื่อมังกรตัวหนึ่งโจมตีทะลุหัวใจของนางและทำให้นางชะงักนิ่งไป
“พรวดดด ! ฉินอวี้โม่ เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้ !”
ฮวาฟางเฟยกระอักเลือดคำโตและล้มลงบนพื้นทว่าใบหน้ายังเผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็น
ภายใต้การควบคุมของฉินอวี้โม่ ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพก็หยุดการโจมตีในขณะที่นางเดินตรงเข้าไปยังศูนย์กลางของมันอย่างช้า ๆ
“ฮวาฟางเฟย สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้ามั่นใจว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ ?”
นางยกยิ้มมุมปากและย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ฮวาฟางเฟยที่ไม่มีพลังตอบโต้อีกต่อไป แววตาของฉินอวี้โม่ในตอนนี้แสดงจิตสังหารอย่างไม่ปิดบัง
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าก็ลองดูสิ!”
ฮวาฟางเฟยหัวเราะอย่างเสียสติ ทันใดนั้นร่างของนางก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดว่านางกำลังจะระเบิดตัวเอง
ฉินอวี้โม่คาดการณ์สิ่งนี้ไว้ก่อนแล้วและเพียงขยับมือเบา ๆ เพื่อดึงร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว
ตูมมมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวในขณะที่พลังทำลายล้างจากการระเบิดตัวเองของฮวาฟางเฟยทำลายภูเขาขนาดใหญ่ที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ข้างในคฤหาสน์เฟิงหัวไป อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และอสูรทั้งหมดไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
พลังระเบิดตัวเองของจอมยุทธ์ผู้ทรงพลังในขอบเขตเทพยุทธ์สามดาราถือว่าน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าหากอยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่ มันย่อมไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อนาง
“ยังคิดจะหนีอีกรึ ?”
เมื่อเห็นร่างจิตโปร่งแสงขนาดเท่าฝ่ามือที่พุ่งตัวออกไปในระยะไกล ฉินอวี้โม่ก็โบกมือออกไปและคว้ามันกลับมาทันที
“ที่นี่คือที่ใดกัน ?”
ร่างจิตดังกล่าวคือจิตวิญญาณของฮวาฟางเฟยนั่นเอง นับตั้งแต่ต้น นางวางแผนที่จะระเบิดร่างกายของตัวเองและใช้จิตวิญญาณหลบหนีออกไป
พลังทำลายล้างจากการระเบิดตัวเองของนางจะทำให้ฉินอวี้โม่บาดเจ็บสาหัสได้อย่างแน่นอน และหากฉวยโอกาสนั้นเพื่อหลบหนี ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีทางที่จะขัดขวางนางได้
ไม่คิดเลยว่านางจะลืมพิจารณาถึงสมบัติที่วิเศษอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว
ถึงแม้ว่านางระเบิดตัวเองได้สำเร็จและร่างจิตมีโอกาสหลบหนีจริงดังที่วางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม ภายในคฤหาสน์ล่องหนแห่งนี้ ไม่ว่าจะพยายามหนีไปที่ใด ฮวาฟางเฟยก็ไม่มีทางรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของฉินอวี้โม่
“ฮวาฟางเฟย มิใช่เจ้าบอกว่าข้าไม่มีทางฆ่าเจ้าได้รึ ?”
ฉินอวี้โม่จับเข้าไปที่ลำคอเล็ก ๆ ของร่างจิตของฮวาฟางเฟยพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ตราบใดที่ออกแรงบีบเพียงเล็กน้อย นางก็จะทำลายจิตวิญญาณของฮวาฟางเฟยได้โดยสมบูรณ์และมิให้โอกาสอีกฝ่ายได้ฟื้นคืนชีพอีกต่อไป
“ไม่ ! ไม่นะ อย่าฆ่าข้าเลย !”
ฮวาฟางเฟยส่ายหน้าอย่างรวดเร็วและความหวาดกลัวเกาะกุมในหัวใจ
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าก่อกรรมทำชั่วมามากมายและยังสมคบคิดกับจอมยุทธ์ปีศาจ อยากรู้นักว่ามีสาเหตุใดกันที่ข้าไม่ควรฆ่าเจ้า ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเย็นและแสดงจิตสังหารออกมาอย่างเปิดเผย
“ข้าทราบว่ามารดาของเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าไม่อยากทราบรึว่าข้าจัดการกับเรื่องมารดาของเจ้าอย่างไร ?”
ฮวาฟางเฟยกลอกตาเล็กน้อยและรวบรวมความกล้าก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่
“ฉินอวี้โม่ หากเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะไม่มีทางได้รับรู้ถึงเรื่องเหล่านี้”
ฮวาฟางเฟยคิดว่าฉินอวี้โม่จะสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตราบใดที่เปิดเผยข้อมูลเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็จะไม่กล้าสังหารนางอีก และเมื่อถึงตอนนั้น นางก็จะมีโอกาสหลบหนีเอาตัวรอดในที่สุด
แต่ทว่า…นางไม่ทราบเกี่ยวกับ ‘วิธีการพิเศษ’ ของฉินอวี้โม่เลยสักนิด
“จริงรึ ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาและคลื่นพลังรุนแรงก็เจาะตรงเข้าไปที่จิตของฮวาฟางเฟยทันที
ภาพความทรงจำต่าง ๆ ในความคิดของนางถูกส่งต่อไปในความคิดของฉินอวี้โม่เสมือนกระจกสะท้อน และในเวลานี้ฉินอวี้โม่ก็ทราบถึงสาเหตุที่ฮวาฟางเฟยจับตัวมารดาของนางไปตั้งแต่แรก
“เป็นไปได้อย่างไร ?! นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ! เจ้ามีวิชาขุดคุ้ยจิตวิญญาณของโลกปีศาจได้อย่างไร ?!”
ฮวาฟางเฟยเรียกสติกลับคืนมาและสีหน้าถอดสีขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาตกตะลึง
“มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เจ้ายังไม่ทราบ หากข้าเดาไม่ผิด บุรุษผู้นั้นก็คงจะมาจากโลกปีศาจสินะ”
ฉินอวี้โม่เปิดมุมมองเพื่อให้ฮวาฟางเฟยมองเห็นสถานการณ์ข้างนอกคฤหาสน์เฟิงหัวได้อย่างชัดเจนและเอ่ยถามขณะชี้นิ้วไปยังบุรุษลึกลับผู้มีสีหน้าเรียบเฉยซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“เจ้าทราบได้อย่างไร ?”
สีหน้าของของฮวาฟางเฟยเปลี่ยนไปอีกครั้ง เดิมทีนางคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเพียงจงใจแสร้งทำเป็นไม่รับรู้เรื่องราวและปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเท่านั้น
“เพราะว่าคนที่เขาตามหาก็อยู่ที่นี่อย่างไรล่ะ !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนกลุ่มเพลิงเล็ก ๆ ปรากฏที่ปลายนิ้วมือและแผดเผาร่างจิตโปร่งแสงของฮวาฟางเฟยจนสลายหายไป
ฮวาฟางเฟยไม่มีโอกาสได้ต่อต้านขัดขืนแม้แต่น้อยและจิตวิญญาณของนางก็ถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์ นางไม่เหลือโอกาสในการฟื้นคืนชีพได้อีกต่อไป
“คิดไว้ไม่มีผิด เป็นคนพวกนั้นจริง ๆ ด้วย !”
ฉินอวี้โม่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก จากความคิดของฮวาฟางเฟย นางได้ทราบถึงตัวตนของผู้ที่จับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นแล้ว
คนเหล่านั้นต้องการบางอย่างจากนาง แต่มิใช่จากตัวตนในปัจจุบันของนาง หากแต่เป็นตัวตนในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นชิงเหอ
ในภพก่อน ตัวตนที่แท้จริงของนางคงจะพิเศษเหนือธรรมชาติมาก แม้ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด ฉินอวี้โม่ก็พอจะเดาได้อย่างเลือนราง
เกรงว่าคนที่จับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคงจะสัมผัสถึงกลิ่นอายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตภพก่อนของฉินอวี้โม่ได้จากร่างของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงยอมทุ่มเททรัพยากรและเผชิญความวุ่นวายมากมายเพียงเพื่อจับตัวสตรีธรรมดา ๆ จากดินแดนระดับต่ำไป
คนเหล่านั้นจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ฉินอวี้โม่ จนกว่าจะทำสำเร็จ พวกเขาไม่มีทางสังหารอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและนั่นหมายความว่านางจะยังปลอดภัยดี
เพียงได้ทราบเช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็โล่งใจขึ้นมาก สิ่งที่นางต้องทำคือสะสางความวุ่นวายที่นี่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดและเดินทางไปช่วยศิษย์พี่ที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนางก็จะไปที่นั่นเพื่อตามหามารดาให้พบ…
ด้วยความคิดเพียงแวบเดียว ฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าทุกคนในสมรภูมิรบอีกครา
นับตั้งแต่ที่นางจับตัวฮวาฟางเฟยที่กำลังจะระเบิดตัวเองเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและกลับออกมา เวลาก็ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้นและคนอื่น ๆ ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือดโดยไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มีเพียงผู้ที่สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดไม่กี่คนเท่านั้นที่มองเห็นการกระทำของนาง และบุรุษลึกลับจากโลกปีศาจก็คือหนึ่งในนั้น
“นายหญิง แล้วหงส์ฟ้านี่ล่ะ ?”
ฮวาฟางเฟยเสียชีวิตไปแล้วและจิตวิญญาณก็ดับสลายไป หงส์ฟ้าเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน มันยังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่และความรู้สึกทั้งหมดเฉื่อยชาเต็มที
มารยาโบกมือเล็กน้อยเพื่อทำลายน้ำแข็งเยือกเย็นบนร่างของหงส์ฟ้าและทำให้มันขยับเขยื้อนได้อย่างอิสระขณะเอ่ยถามฉินอวี้โม่
“โร่ววว !”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะได้เอ่ยตอบ หงส์ฟ้าก็กลับคืนร่างอสูรและส่งเสียงคำรามแหลม จากนั้นทั้งร่างของมันก็ระเบิดออกมาโดยเลือกที่จะตายตามฮวาฟางเฟยไป
“มันเป็นอสูรที่ซื่อสัตย์และภักดีจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม หากไม่นึกถึงเรื่องที่มันเป็นอสูรประจำตัวของฮวาฟางเฟย หงส์ฟ้าตนนี้ก็เป็นอสูรที่ควรค่าแก่ความชื่นชมอย่างแท้จริง
อย่างน้อยที่สุด เมื่อผู้เป็นนายตายไป มันก็ไม่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่และแปรพักตร์ไปหาผู้ใด หากแต่เลือกจุดจบที่น่าเศร้าทว่าถูกต้องเช่นนี้
เมื่อตระหนักว่าฮวาฟางเฟยและอสูรคู่กายถูกฉินอวี้โม่สังหารไปแล้ว บรรดาสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจต่างก็ตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ขวัญและกำลังใจของฝ่ายดินแดนมหาเทพก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ฝ่ายดินแดนมหาเทพที่เดิมทีได้เปรียบอยู่แล้วก็เริ่มบุกโจมตีอย่างหนักจนทำให้จอมยุทธ์ปีศาจไม่มีพลังที่จะต้านทานได้อีกและถูกควบคุมโดยสมบูรณ์
ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองสถานการณ์การต่อสู้รอบตัวและกำลังจะเข้าไปช่วยหานโม่ฉือ ทว่าจู่ ๆ ร่างหนึ่งก็เข้ามาขวางหน้าเสียก่อน
“แม่สาวน้อย ส่งมิติที่สองของเจ้ามาให้ข้า !”
น้ำเสียงเรียบเฉยเย็นชาดังมาจากบุรุษผู้นั้นพร้อมกับแรงกดดันรุนแรงที่กดข่มฉินอวี้โม่ในทันที
ผู้ที่เข้ามาขวางหน้าฉินอวี้โม่มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นบุรุษผู้นั้นของเผ่าปีศาจนั่นเอง
เดิมทีเขาไม่เคยคิดสนใจคนธรรมดาต่ำต้อยจากดินแดนระดับต่ำและไม่มีความคิดที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม คฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่ดึงดูดความสนใจของเขายิ่งนัก เพราะถึงอย่างไร แม้แต่ในโลกปีศาจก็ยังไม่มีมิติที่สองที่สมบูรณ์แบบมากเช่นนี้
ด้วยจิตใจที่ต้องการจะแย่งชิงสมบัติของผู้อื่น เขาจึงตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าฉินอวี้โม่ทันที ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้มิติที่สองของนางมาครองให้ได้ !
.