ความแข็งแกร่งของกิเลนอัคคีสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในสมรภูมิรบ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของหานโม่ฉือแล้ว สิ่งนี้ก็ไม่เกินความคาดหมายจนเกินไป
สำหรับนายน้อยของโลกปีศาจผู้เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าอสูรแห่งโชคชะตาของเขาย่อมร้ายกาจเป็นธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีเมื่อครู่ก็เป็นฝีมือของกิเลนอัคคีทั้งหมดและหานโม่ฉือยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ ทุกคนเชื่อว่าต่อให้ไม่มีอสูรคู่กาย หานโม่ฉือก็จะจัดการกับเหออวี่ได้อย่างง่ายดาย
ตูมมม !
โครมมม !
เสียงดังสนั่นปะทุขึ้นมาจากกลางอากาศเมื่อกระบวนท่าโจมตีของซิวถูกปล่อยตรงไปที่มังกรกระดูกดำจนมันร่วงลงกระแทกพื้นอย่างจัง
มังกรกระดูกดำจึงจำแลงร่างเป็นมนุษย์อีกคราและถือโอกาสนี้เพื่อพยายามหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
“เหอะ คิดจะหนีเอาตัวรอดไปจากนายหญิงของข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
ร่างหนึ่งตรงออกไปขวางหน้ามังกรกระดูกดำทันที มันคือเนตรปีศาจที่หานโม่ฉือสยบมาก่อนหน้านี้และไม่แสดงตัวออกมาเป็นพักใหญ่นั่นเอง
พลังของเนตรปีศาจในตอนนี้พัฒนาขึ้นกว่าก่อนมากนัก มันเพียงปล่อยลำแสงสีแดงสว่างออกไปปกคลุมทั่วร่างมนุษย์ของมังกรกระดูกดำส่งผลให้อีกฝ่ายขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย
“นายหญิง เราจะจัดการกับเจ้านี่อย่างไรดี ?”
มันหันมองไปที่ฉินอวี้โม่พร้อมเอ่ยถามเสียงดัง
“ซิว ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกัน”
ฉินอวี้โม่ทราบดีว่าการดูดกลืนพลังของมังกรกระดูกดำจะเป็นประโยชน์ต่อซิวอย่างมาก นางจึงส่งมอบมังกรกระดูกดำให้กับซิวโดยที่ไม่ลังเล
“อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายอมแพ้แล้ว…ข้าจะยอมจำนนต่อเจ้า”
สีหน้าของมังกรกระดูกดำในร่างบุรุษชุดดำบิดเบี้ยวเหยเกอย่างเห็นได้ชัดขณะร้องขอความเมตตา ในที่สุดมันก็ฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งได้สำเร็จหลังจากที่เอาตัวรอดมาได้และบ่มเพาะวิชามาเนิ่นนาน แน่นอนว่ามันยังไม่อยากตายในตอนนี้
ตราบใดที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของซิว จุดจบของมันมีเพียงทางเดียวเท่านั้นและนั่นก็คือความตาย ทว่าหากยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่ มันก็อาจมีโอกาสหลบหนีได้ในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ การที่จะยอมจำนนต่อนางก็มิใช่เป็นเรื่องที่เสียหน้าแต่อย่างใด
“โอ้ ในหมู่อสูรมายาของข้า ไม่มีดาบสองคมอย่างเจ้าอยู่แม้แต่ตัวเดียว !”
ฉินอวี้โม่ปฏิเสธทันควันและสั่งให้ซิวจัดการกับมันให้สิ้นซากโดยเร็วที่สุด
“กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียเถอะ !”
กลุ่มเพลิงลุกโชนออกมารอบร่างของซิวก่อนพุ่งตรงไปที่ร่างของมังกรกระดูกดำ จากนั้นมังกรกระดูกดำก็ไม่มีโอกาสที่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำขณะที่ร่างของมันเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในชั่วพริบตา พลังทั้งหมดที่เหลือในร่างของมันก็ถูกถ่ายทอดตรงเข้ามาในร่างของซิวทันที
“นายหญิง ข้าขอตัวจำศีลสักระยะ”
ซิวกล่าวก่อนหายเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว การดูดกลืนพลังของมังกรกระดูกดำทำให้มันมีโอกาสพัฒนาความแข็งแกร่งได้มาก ก่อนหน้านี้มันก็เข้าใกล้การวิวัฒนาการเต็มทีและในที่สุดตอนนี้มันก็มีพลังงานมากพอที่จะทะลวงพลังได้สำเร็จ
“ข้ายอมจำนน…”
บนพื้นดิน ในที่สุดเหออวี่ผู้ซึ่งพยายามขัดขืนอยู่นานก็เลือกที่จะยอมจำนน แม้ไม่ต้องการให้จบลงเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ภายใต้แรงกดดันอันทรงพลังของกิเลนอัคคี เขาไม่อาจต้านทานได้เลย หากยังมีโอกาสหลบหนีแม้เพียงน้อยนิด คนอวดดีเช่นเหออวี่คงไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน
“หลั่งเลือดสาบานซะ”
การหลั่งเลือดสาบานเป็นสัตย์สาบานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและมีผลในโลกปีศาจเช่นกัน ตราบใดที่เหออวี่หลั่งเลือดสาบาน หานโม่ฉือก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะคิดคดทรยศอีกต่อไป
เหออวี่กล่าวสัตย์สาบานอย่างว่าง่าย ในเมื่อไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ยินดีที่จะยอมทำในสิ่งที่จะช่วยให้ตนเองทุกข์ทรมานน้อยลง
จอมยุทธ์ระดับสูง ๆ ของจอมยุทธ์ปีศาจก็ล้วนพ่ายแพ้ไปทั้งสิ้นแล้ว เสียอวิ๋นและฮวาฟางเฟยกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านสลายไปแล้ว และคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะพลิกผันสถานการณ์ได้อีกต่อไป
ผีดิบเกราะทองและผีดิบเกราะเงินล้วนสูญเสียพลังและถูกกำจัดไปแล้ว รากฐานพลังของเยว่ปู้ฉินและคนอื่นก็ถูกทำลายไปแล้วเช่นกัน ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีกและถือว่าสงครามชี้ชะตาครานี้ได้ข้อสรุปแล้ว
“จ้าวสำนักฟู่ ท่านจัดการเรื่องที่นี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
หลังจากสงครามคลี่คลายแล้ว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางหันไปกล่าวกับฟู่ชางก่อนพวกตน รวมถึงอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวจะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว
เดิมทีฟู่ชางต้องการรั้งพวกนางไว้ก่อน ทว่าก่อนที่จะมีโอกาสกล่าวออกไป ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็หายตัวไปเสียแล้ว
เขาได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก่อนเรียกรวมตัวทุกคน
“ทุก ๆ คน อย่าเพิ่งเดินทางกลับกัน เราจะหารือกันก่อนว่าจะจัดการกับคนพวกนี้อย่างไร”
สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจรวมกันเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยและต้องใช้เวลาจัดการพอสมควร เพราะเหตุนั้น ฟู่ชางและคนอื่น ๆ จึงต้องหารือกันอย่างรอบคอบเสียก่อน…
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่นั่งลงในขณะที่เหออวี่ยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลังหานโม่ฉือ
“บอกความจริงมา มีคนในโลกปีศาจจำนวนมากเพียงใดที่ทราบถึงเรื่องข้า ?”
หานโม่ฉือเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม หากมีคนของเผ่าปีศาจทราบเรื่องนี้เป็นจำนวนมากแล้ว มันก็คงจะเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวไม่น้อย ทว่าหากมีคนทราบเพียงไม่มาก หลังจากที่เขาเดินทางไปที่โลกปีศาจ เขาก็คงจะไม่เผชิญกับอันตรายใดเป็นการชั่วคราว
“มีเพียงท่านอาจารย์ของข้าซึ่งก็คือผู้อาวุโสสามและท่านผู้นำคนปัจจุบันของโลกปีศาจเท่านั้นที่ทราบ”
เหออวี่หลั่งเลือดสาบานต่อหานโม่ฉือแล้วและเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปิดบังสิ่งใด แววตาที่เขามองหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ในตอนนี้ไม่เหลือร่องรอยของความแข็งข้อหรือมุ่งร้ายอีกต่อไป
ด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ทรงพลังเพียงนี้ การยอมจำนนต่อคนทั้งคู่ก็มิใช่สิ่งที่เลวร้ายจนเกินไป
พวกเขาเคยเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุดในอดีต แม้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันยังไม่มากเท่าในอดีต พลังเหล่านั้นก็จะฟื้นฟูกลับคืนมาในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงตอนนั้น หานโม่ฉือจะกลับไปที่โลกปีศาจและไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเผ่าปีศาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
“ในตอนแรกที่กลิ่นอายของนายท่านรั่วไหลออกไป ท่านผู้นำคนปัจจุบันของโลกปีศาจก็สัมผัสถึงมันได้ทันที สถานการณ์ของเผ่าปีศาจในตอนนี้ซับซ้อนกว่าที่นายท่านคิดไว้มากนัก ทั้งผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองไม่ได้ยอมจำนนต่อท่านผู้นำคนปัจจุบันเสียทีเดียว และผู้อาวุโสสามเป็นคนที่เขาไว้วางใจได้มากที่สุด เพราะเหตุนั้น เขาจึงเรียกผู้อาวุโสสามซึ่งเป็นอาจารย์ของข้าไปพบและบอกให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็ส่งข้ามาที่ดินแดนมหาเทพเพื่อตามหาและกำจัดนายท่านไปเสีย”
เหออวี่กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปีศาจให้หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ได้ทราบโดยไม่ปิดบังสิ่งใด
สาเหตุที่เขาถูกส่งมาที่นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสสามไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากจนเกินไป ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองของเผ่าปีศาจไม่ได้จำนนต่อผู้นำโลกปีศาจคนปัจจุบันจากใจจริง หากพวกเขาทราบว่าหานโม่ฉือยังมีชีวิตอยู่ ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป แม้ผู้นำโลกปีศาจในตอนนี้จะแข็งแกร่งมาก ทว่าการร่วมมือกันระหว่างผู้อาวุโสทั้งสองก็เป็นสิ่งที่เขายังต้องหวาดหวั่นในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสสามและผู้นำโลกปีศาจสัมผัสได้ว่าหานโม่ฉือในตอนนี้ไม่ได้ทรงพลังมากนัก เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่าเหออวี่เพียงคนเดียวก็ควรจะรับมือได้
หากทราบมาก่อนว่าพลังดั้งเดิมของหานโม่ฉือฟื้นคืนมากพอสมควรแล้ว พวกเขาก็คงไม่ประมาทเช่นนี้และส่งผู้ที่ทรงพลังมากกว่านี้มาจัดการ
“นายท่านขอรับ เมื่อกลับไปที่โลกปีศาจ ข้าจะบอกกับผู้อาวุโสสามว่าข้าสังหารท่านไปแล้วและพยายามถ่วงเวลาไปสักระยะ อย่างไรก็ตาม ท่านน่าจะทราบถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นดี แม้จะถ่วงเวลาได้พักหนึ่ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะค้นพบความจริง เพราะฉะนั้นเราจะต้องเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ”
เหออวี่อดกล่าวออกไปไม่ได้ แม้ทราบถึงความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือและทราบดีว่าเขาจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจ เหออวี่ก็ยังอดกังวลไม่ได้
หากถูกค้นพบว่ารายงานเรื่องเท็จ เหออวี่จะเป็นคนแรกที่ต้องตายอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องกังวล ก่อนที่พวกเขาจะทราบความจริง ข้าก็คงจะไปถึงโลกปีศาจแล้วและมีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้”
หานโม่ฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ ถึงอย่างไรเขาก็จะกลับไปที่โลกปีศาจในไม่ช้าและมันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบ่มเพาะพลังของเขา หลังจากที่กลับไป ความแข็งแกร่งของเขาจะฟื้นคืนกลับมามากกว่าห้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น การที่จะสยบผู้ที่เคยยอมจำนนต่อเขาและการปกป้องตัวเองก็สามารถทำได้อย่างไม่เป็นปัญหา
แผนการของหานโม่ฉือในตอนนี้เป็นเพียงการถ่วงเวลาไปสักระยะเท่านั้นและเขายังไม่ต้องการประจันหน้ากับผู้นำของโลกปีศาจโดยตรง