อสูรมายาอื่น ๆ ทั้งหมดกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวตามเดิมในขณะที่ฉินอวี้โม่มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของซิวอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ ซิวอยู่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางของซากปรักหักพังเท่าใดนัก
ข้อสันนิษฐานของพวกนางก่อนหน้านี้ก็นับว่าถูกต้อง ซากปรักหักพังของต้นไม้โลกเป็นมิติพิเศษอย่างแท้จริงซึ่งภายในมีเพียงต้นไม้ที่เป็นพฤกษาวิญญาณและไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก ในที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่เมืองหรือหมู่บ้านใด ๆ โดยที่เป็นเพียงผืนป่ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ระหว่างมุ่งหน้าไปหาซิว ฉินอวี้โม่ก็ไม่พบผู้ใดตลอดเส้นทาง
มิติพิเศษแห่งนี้กว้างขวางและมิใช่เรื่องง่ายที่จะพบกับจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ปลายทางสุดท้ายของซากปรักหักพังแห่งนี้ก็คงจะเป็นที่ศูนย์กลางของมันซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้นไม้โลกเคยเติบโตอาศัยอยู่
หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็มองเห็นซิวซึ่งกำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงชะลูดขึ้นไปท่ามกลางหมู่เมฆ
“นายหญิง ดูซิว่าข้าพบอะไร”
ซิวชี้ไปที่ต้นไม้ที่มันกำลังนั่งอยู่และกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกจากต้นไม้ต้นนี้ อีกทั้งต้นไม้ดังกล่าวก็ยังดูแปลกประหลาดจนสังเกตเห็นได้
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและพลังชีวิตที่หนาแน่นเช่นกันซึ่งมั่นใจว่ามาจากต้นไม้ใหญ่ที่ซิวกำลังนั่งอยู่
ฟิ้ววว ~
จู่ ๆ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกก็บินออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนหยุดลงลอยตัวกลางอากาศและหมุนวนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน
แสงที่ส่องออกมาจากเมล็ดพันธุ์ก็สว่างสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้ฉินอวี้โม่และซิวมั่นใจว่าต้นไม้ต้นนี้แตกต่างไปจากต้นไม้ทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน
หลังจากรอเวลาครู่หนึ่ง จู่ ๆ เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกก็พุ่งตรงเข้าไปในต้นไม้ใหญ่และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เอ๋ ?”
เมื่อซิวกระโดดลงมา ต้นไม้ที่มันนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ก็สลายหายไปทันทีและไม่เหลือแม้กระทั่งกิ่งก้านใด ๆ
จากนั้น เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาก เดิมทีมันมีขนาดเพียงประมาณหัวแม่มือเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันกลับขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากำปั้น ราวกับได้ดูดซับพลังบางอย่างเข้าไปจนเต็มเปี่ยม
“นี่คงจะเป็นซากของต้นไม้โลกซึ่งยังมีพลังของต้นไม้โลกหลงเหลืออยู่ เมื่อเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกสัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังนั้น มันจึงได้ดูดซับเข้าไป”
ในเวลานี้ หลังจากที่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกดูดซับพลังงานเข้าไปเป็นปริมาณมาก มันก็ลอยกลับมาอยู่ในมือของฉินอวี้โม่ ด้วยขนาดของมันในตอนนี้ทำให้มันดูเหมือนมันฝรั่งที่ไม่โดดเด่นสะดุดตามากนัก หากไม่ทราบว่าสิ่งนี้คือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลก เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเชื่อมโยงระหว่างมันและต้นไม้โลกได้เลย
เนื่องจากพอจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้โลกอยู่บ้างแล้ว ฉินอวี้โม่จึงคาดเดาได้อย่างคร่าว ๆ
“คงจะเป็นเช่นนั้น”
ซิวพยักศีรษะและคิดในสิ่งเดียวกัน
“ดูเหมือนว่าในการที่จะทำให้เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกเจริญเติบโตขึ้นไป มันจะต้องดูดกลืนพลังที่หลงเหลืออยู่ของต้นไม้โลกต่อไปเรื่อย ๆ คาดการณ์ได้ว่าในสถานที่แห่งนี้ก็คงจะมีซากของต้นไม้โลกอยู่อีกมาก”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าซากปรักหักพังของต้นไม้โลกอาจปรากฏขึ้นที่นี่เพราะพวกตนเดินทางเข้ามาในโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวโยงกันอย่างมิอาจมองข้ามได้ ซากปรักหักพังของต้นไม้โลกไม่ปรากฏขึ้นก่อนหน้าหรือหลังจากนี้ ทว่าปรากฏขึ้นมาในช่วงเดียวกับที่พวกนางเดินทางมาที่เมืองฝู่ฮว๋าพอดิบพอดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการที่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกอยู่ในมือของฉินอวี้โม่มาโดยตลอด สิ่งนี้ก็ทำให้นางมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตนมากขึ้น
หลังจากเก็บเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัว นางก็สำรวจพื้นที่รอบ ๆ ต่อไป
จุดที่นางอยู่ในตอนนี้ห่างจากจุดศูนย์กลางของมิติพิเศษเพียงไม่มากนักและเริ่มมองเห็นจอมยุทธ์หนึ่งถึงสองคนผ่านไปผ่านมาเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นเป็นเพียงจอมยุทธ์อิสระซึ่งฉินอวี้โม่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
พวกเขาเพียงยิ้มให้นางจากระยะไกลและหลีกเลี่ยงออกไปทางอื่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับนางมากจนเกินไป
เพราะถึงอย่างไร แม้ว่าฉินอวี้โม่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม นางก็มีปัญหาบาดหมางกับสองตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหนิงและตระกูลเยี่ย เพราะเหตุนั้น การผูกมิตรกับนางจึงไม่คุ้มค่าพอที่จะแลกกับการเป็นปฏิปักษ์กับทั้งสองตระกูล
ยิ่งไปกว่านั้น ซากปรักหักพังไม่เพียงแต่เป็นอันตรายในตัวมันเองเท่านั้น ทว่าคนอื่นอาจเข้ามาโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ เพราะเหตุนั้นการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ฉินอวี้โม่ไม่สนใจคนเหล่านั้นเช่นกัน พื้นที่ในจุดที่ต้นไม้โลกเคยอาศัยอยู่มีความเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง นางหันไปหารอบตัวและพบสมุนไพรระดับเก้าจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากอย่างยิ่งในโลกภายนอก สมุนไพรเหล่านี้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการหลอมโอสถระดับต้น ๆ และสามารถขายได้ในราคาสูงเสียดฟ้าในโรงประมูลของโลกภายนอก เพราะเหตุนั้นมันจึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้หลอมโอสถอย่างมาก
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะนำสมุนไพรเหล่านี้ไปขายในงานประมูล พี่ใหญ่ของนางเป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับสูงและตอนนี้เขาก็ต้องการสมุนไพรระดับเก้าอยู่พอดิบพอดี หากเก็บสมุนไพรเหล่านี้ไปให้กับเขา เชื่อว่าฉินอี้เฟยจะใช้ประโยชน์จากพวกมันได้อย่างแน่นอน
“ต้นอู๋ถง…เหมือนว่ามันจะเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการหลอมโอสถนิพพาน…”
ซิวสังเกตเห็นสมุนไพรชนิดหนึ่งเช่นกันและหยิบมันขึ้นมาก่อนยื่นให้กับฉินอวี้โม่
‘ต้นอู๋ถง’ เป็นสมุนไพรวิญญาณในตำนาน กล่าวกันว่าต้นอู๋ถงเป็นสมุนไพรที่สามารถเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างเฟิ่งหวงออกมาได้และมันจะปรากฏขึ้นในเฉพาะพื้นที่ที่มีสภาวะพลังหนาแน่นเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบมันในซากปรักหักพังแห่งนี้
“เยี่ยมไปเลย ตำนานกล่าวกันว่าโอสถนิพพานมีคุณสมบัติในการฟื้นคืนชีพคนที่ตายไปแล้ว อยากรู้นักว่ามันจะทำได้จริงหรือไม่”
ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและเก็บมันไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวทันทีโดยตั้งใจว่าจะมอบให้กับฉินอี้เฟยเพื่อช่วยให้เขาพัฒนาฝีมือในการหลอมโอสถขึ้นไปอีก
“หนีเร็ว !”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากระยะไกลก่อนที่คนกลุ่มเล็ก ๆ จะวิ่งตรงเข้ามาหาพวกนางอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของคนเหล่านั้นดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดราวกับเผชิญกับสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่าง พวกเขาวิ่งตาตื่นและหันกลับไปมองด้านหลังเป็นระยะ ๆ เสมือนว่ามีบางอย่างกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่
ฟุ่บ !
ทันใดนั้น แรงกดดันบางอย่างก็แผ่ตรงเข้ามาหาฉินอวี้โม่และทำให้นางรู้สึกอึดอัดไปชั่วขณะ ด้านหลังกลุ่มคนเหล่านั้นคือมนุษย์ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่โบกกิ่งก้านไปมาและตามไล่ล่าบรรดาจอมยุทธ์อย่างบ้าคลั่ง
“ท่านจอมยุทธ์ หนีเร็วเข้า ! ต้นไม้นั่นคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้ว !”
คนเหล่านั้นวิ่งมาถึงตัวฉินอวี้โม่และหนึ่งในกล่าวเตือนเสียงดัง ทว่าความเร็วของฝีเท้ายังไม่ชะลอลงแม้แต่น้อยขณะวิ่งหนีต่อไป
คนอื่น ๆ ที่วิ่งหนีมาในทิศทางเดียวกันล้วนมีบาดแผลปรากฏให้เห็นทั่วร่างกายจนอยู่ในสภาพที่น่าเห็นใจยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ากิ่งก้านสาขาของมนุษย์ต้นไม้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้ไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะหลบหนีแต่อย่างใด นางและซิวมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนตรงเข้าไปประจันหน้ากับมนุษย์ต้นไม้
โครมมม !
กิ่งก้านของมันเหวี่ยงตรงเข้ามาที่ฉินอวี้โม่ ทว่าพลังมายาก็ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันขวางหน้านางไว้อย่างรวดเร็วและป้องกันกิ่งก้านนั้นไว้ ทว่าทันทีที่ปะทะกัน เกราะดังกล่าวก็พังทลายลงโดยที่ร่างของฉินอวี้โม่กระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว กิ่งก้านของมนุษย์ต้นไม้แข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ฉินอวี้โม่ที่ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์แล้วก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้
“นี่มันอะไรกัน ?!”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว บรรดาอสูรมายาส่งเสียงอุทานออกมาอย่างตกใจทันที
มนุษย์ต้นไม้มีขนาดใหญ่อย่างมากโดยที่แทบจะบดบังท้องฟ้าและมีใบหน้าของมนุษย์ปรากฏอยู่บนลำต้น ดวงตาของมันก็เป็นสีเขียวและกลิ่นอายที่แปลกประหลาดจากร่างของมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
“เกรงว่ามันคงจะเป็นผู้พิทักษ์ที่ต้นไม้โลกทิ้งไว้ที่นี่ ทว่าสติรับรู้ของมันก็เหมือนจะถูกลบล้างไปนานแล้วและกลายเป็นอย่างที่เราเห็นในตอนนี้”
เสี่ยวโพธิ์กล่าวออกไปทันที มันเองก็เป็นพฤกษาศักดิ์สิทธิ์และทราบเกี่ยวกับมนุษย์ต้นไม้เหล่านี้เป็นอย่างดี หากพิจารณาจากลักษณะของมนุษย์ต้นไม้ตรงหน้านี้ มันก็พบเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น
ไม่อาจทราบได้เลยว่าในอดีตครานั้นเกิดอะไรขึ้นที่ส่งผลให้ต้นไม้โลกล่มสลายไปและทำให้มิติแห่งนี้เจือปนไปด้วยกลิ่นอายของความชั่วร้ายบางอย่าง…