ในเวลานี้เบื้องหน้าของทุกคนปรากฏเป็นภาพของเหล่าอสูรมายาในร่างเล็กจิ๋วที่กำลังอยู่อย่างสงบภายในกรงเล็ก ๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกทำให้เชื่องแล้ว การที่อยู่ในร่างตัวจิ๋วเช่นนี้ได้แสดงว่าระดับของพวกมันจะต้องไม่ใช่น้อย และถึงแม้จะถูกขังในกรงแต่กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นของพวกมันก็ยังสามารถกดดันผู้คนมากมายที่อยู่ภายในหอประมูลแห่งนี้ได้
หากมีอสูรมายาตัวจิ๋วเพียงหนึ่งหรือสองตัว แรงกดดันที่พวกมันปลดปล่อยออกมาก็คงจะไม่ทรงพลังถึงเพียงนี้ และคงจะไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างที่เป็นอยู่เช่นนี้ด้วย
แต่ทว่าบนเวทีตอนนี้กลับเต็มไปด้วยอสูรมายาหลายสิบตัว ต่อให้เป็นสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็เถอะ ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะสยบอสูรมายาจำนวนมากขนาดนี้ด้วยเวลาสั้น ๆ จนสามารถนำมาประมูลพร้อมกันในครั้งเดียวได้เช่นนี้
“สิ่งที่ทุกท่านกำลังคาดเดากันอยู่นั้นไม่ผิด วันนี้พวกเรากำลังจะประมูลอสูรมายาที่เชื่องแล้วกัน”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของฝูงชน เจียงหลิวเยว่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ภายในห้องบนชั้นที่สาม เมื่อเยว่ชิงเฉิงและโอวหยางชิงเฟิงเห็นอสูรมายาระดับสูงจำนวนมาก พวกเขาก็ผงะไปเช่นกัน ทว่าเพียงชั่วอึดใจสองหนุ่มสาวก็หันไปมองฉินอวี้โม่ที่กำลังนั่งยิ้มอยู่อย่างพร้อมเพรียง
“อวี้โม่ อสูรมายาพวกนั้นก็คือสิ่งที่เจ้าส่งเข้าประมูลอย่างนั้นเหรอ ?!”
แม้ว่าจะพอคาดเดาได้อยู่แล้วแต่เยว่ชิงเฉิงก็อยากจะถามสหายให้แน่ชัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดฉินอวี้โม่ถึงกลายเป็นแขกพิเศษของโรงประมูลแห่งนี้ได้ มันไม่ใช่เพราะสหายตระกูลฉินร่ำรวยเงินทองหรือมีสถานะที่สูงส่งแต่เป็นเพราะอสูรมายาระดับสูงจำนวนมากที่นางส่งเข้าประมูลนั่นต่างหาก การแสดงออกถึงพลังความสามารถอันน่าตกใจขนาดนี้จะไม่ให้โรงประมูลถือว่านางเป็นแขกพิเศษก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“คือว่า เมื่อหลายวันก่อนข้าไปที่พงไพรแห่งฝันร้ายแล้วก็จับอสูรมายาพวกนั้นมา”
ฉินอวี้โม่ยิ้มก่อนจะเอ่ยเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงใสซื่อ อย่างไรก็ตามนางพึงพอใจกับวิธีดำเนินการเช่นนี้ของโรงประมูลมาก
นางไม่เห็นด้วยกับการนำพวกมันออกมาประมูลทีละตัวทีละตัว เพราะไม่เพียงแต่จะเสียเวลาแต่จะทำให้ผู้เข้าประมูลสูญเสียกำลังใจและอ่อนล้ามากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้คือจะทำให้ราคาประมูลของอสูรมายาตัวหลัง ๆ ตกลงเรื่อย ๆ ซึ่งนางไม่คิดว่าวิธีนั้นจะทำให้นางได้ราคาที่น่าพอใจ
ซึ่งโรงประมูลใหญ่แห่งนครไป๋อวิ๋นก็มองจุดนี้ออก พวกเขาจึงนำอสูรมายาทั้งหมดขึ้นมาบนเวทีพร้อมกันในครั้งเดียว ประการแรกคือต้องการสร้างความตกตะลึงให้แก่แขกผู้เข้าร่วม ก่อนจะใช้กลยุทธ์อีกเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้ร่วมประมูลเพื่อให้ได้ราคาที่น่าพอใจ
“อสูรมายาพวกนั้น ? นั่นมันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พงไพรแห่งฝันร้ายจะเหลืออสูรมายาอยู่อีกกี่ตัว”
เยว่ชิงเฉิงยังตกใจไม่หาย ฉินอวี้โม่กล่าวราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ผู้ใดก็ทำได้ แม้ว่าการนำเอาอสูรมายามาเข้าร่วมการประมูลอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่การนำอสูรมายาระดับสูงมาเข้าร่วมการประมูลพร้อมกันทีเดียวหลายสิบตัวเช่นนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?”
ผู้ที่ตกใจมากที่สุดก็คือบุรุษอาวุโสที่อยู่ในห้องเดียวกันกับหวังรั่วจวินในตอนนี้
การได้เห็นอสูรมายาที่เชื่องแล้วจำนวนมากอยู่บนเวทีประมูลพร้อมกันเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนจากสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ แม้จะเป็นขุมกำลังที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยตรงอย่างสมาคมของพวกเขาก็ยังไม่สามารถสยบอสูรมายามากมายถึงเพียงนี้แล้วส่งเข้าประมูลในคราวเดียวได้ ต้องทราบก่อนว่าการจะสยบอสูรมายาแต่ละตัวจะต้องใช้พลังมากมายมหาศาล ยิ่งถ้าเป็นระดับเทวะราชัน ถึงจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เก่งกาจก็ไม่สามารถสยบเกินกว่าวันละหนึ่งตัวได้
การจะสยบอสูรมายาระดับสูงได้มากถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นลงทุนใช้เวลาอย่างยาวนานก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือผู้ฝึกสัตว์อสูรผู้นั้นอยู่ในระดับที่สูงมากจนไม่อาจจินตนาการได้
อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้ฝึกสัตว์อสูรที่หลายคนรู้จัก ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากที่สุดก็คือปู่ของหวังรั่วจวิน ประธานแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร ทว่าผู้เฒ่าประธานสมาคมผู้นี้เองก็ยังไม่สามารถสยบอสูรมายามากมายขนาดนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น
ในขณะนี้หวังรั่วจวินและชวี่เซียวกำลังตกตะลึงตาค้าง หัวสมองของทั้งคนหนุ่มและคนแก่ว่างเปล่าขาวโพลน พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็น
“ว้าว !”
ในที่สุดหลาย ๆ คนก็ได้สติกลับมา ในตอนนั้นเอง ฝูงชนทั้งหมดก็จ้องมองไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสามด้วยดวงตาเป็นประกายที่ผสมผสานไปด้วยความสนใจใคร่รู้และกับความเคารพยำเกรง
แทบไม่มีเลยสักครั้งที่พวกเขาจะพบว่ามีคนขึ้นไปอยู่บนชั้นที่สามของหอประมูล แต่งานประมูลใหญ่ในครั้งนี้กลับมีคนอยู่บนนั้นจริง ๆ และยังมีเรื่องน่าตกใจอย่างการที่มีอสูรมายาระดับสูงมากมายออกมาให้ประมูล ดังนั้นผู้คนมากมายจึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน
ยิ่งคิดทุกคนก็ยิ่งสงสัย พวกเขาอยากรู้เหลือเกินว่าตัวตนของผู้ที่นั่งอยู่บนชั้นที่สามนั้นเป็นใคร
ทว่าเหล่าสหายที่สนิทกับฉินอวี้โม่ทุกคนต่างก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที ในตอนที่ได้ยินเสียงของคนบนชั้นสามกำลังเล่นงานหวังรั่วจวิน พวกเขาก็เกิดความสงสัยขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว ถึงตอนนี้เมื่อได้เห็นอสูรมายามากมายขนาดนี้พวกเขาก็มั่นใจในทันทีว่าสตรีบนชั้นสามก็คือฉินอวี้โม่ แต่พวกเขาไม่คิดจะเอ่ยเรื่องนี้ออกไป เหล่าสหายอวี้โม่ทั้งหมดทำเพียงแค่อมยิ้ม ในใจของทุกคนคิดเห็นตรงกันว่าสหายตระกูลฉินผู้นี้เป็นยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดเสียอีก
“เอาล่ะทุกท่าน อย่ามัวคาดเดากันอยู่เลย กลับมาให้ความสนใจกับอสูรมายาเหล่านี้ก่อน”
เมื่อเห็นบรรยากาศและท่าทีของผู้ร่วมงานทั้งหมดในตอนนี้ เจียงหลิวเยว่ก็พอจะเข้าใจความคิดของพวกเขา มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะรีบเรียกความสนใจของฝูงชนกลับมา
“ข้าเชื่อว่าหลายคนคงไม่ขาดแคลนอสูรมายา แต่ว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสมีอสูรมายาระดับสูง ๆ ไว้ในครอบครอง อสูรมายาถือเป็นหน้าเป็นตาและยังเป็นสิ่งบ่งบอกสถานะทางสังคมของทุกท่านได้ ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของอสูรมายาที่แข็งแกร่งก็จะเป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คน
ทุกท่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จงอย่าลังเลกันอีกเลย เหล่าอสูรมายาด้านหลังของข้ามีตั้งแต่ระดับเทวะดาราสูงไปจนถึงเทวะราชันดาราสูง ตัวที่อ่อนแอที่สุดคืออสูรเทวะเจ็ดดารา ส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคืออสูรเทวะราชันเก้าดารา แต่ละตัวจะมีราคาที่สัมพันธ์กับความแข็งแกร่ง ขอให้ทุกท่านสมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ”
หลังจากได้ฟังถ้อยคำปลุกใจของเจียงหลิวเยว่ อารมณ์ของผู้ร่วมประมูลทั้งหลายก็เดือดพล่านขึ้นมา หลังจากนี้ในอึดใจถัดไปก็คาดว่าน่าจะได้เห็นฉากแห่งการสู้ราคาอย่างบ้าคลั่ง
“มาเริ่มที่ตัวแรกซึ่งก็คืออสูรเทวะเจ็ดดารา ‘เสือโคร่งสีรุ้ง’ ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 เหรียญทอง และขานราคาเพิ่มขึ้นขั้นต่ำที่ 5,000 เหรียญทอง”
เจียงหลิวเยว่กล่าวพลางเปิดกรงและอุ้มเสือโคร่งหลากสีตัวกระจิริดออกมา ก่อนที่เจ้าเสือหลากสีจะแปลงร่างให้มีขนาดเท่าลูกแมวตัวอ้วนกลม
“50,000 !”
ทันทีที่สิ้นเสียงของโฉมงามอันดับหนึ่ง บุรุษผู้หนึ่งก็รีบขานราคาอย่างรวดเร็ว
ตามราคาตลาดปกติ ราคาของอสูรเทวะเจ็ดดาราจะอยู่ระหว่างหนึ่งแสนถึงสองแสนเหรียญทองซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับชนิด ศักยภาพ รวมไปถึงความสมบูรณ์หรือความพิเศษด้านอื่น ๆ แล้วแต่สายพันธุ์ ตัวอย่างเช่น ความสวยงาม และสำหรับเสือโคร่งสีรุ้งตัวนี้ความงามก็มีผลต่อราคาของมันไม่น้อย การตั้งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ห้าหมื่นเหรียญจึงดึงดูดใจผู้คนอย่างเหลือล้น
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มาเข้าร่วมการประมูลจำนวนไม่น้อยไม่ใช่เศรษฐีที่มั่งคั่งร่ำรวย ฉะนั้นตั้งแต่เกิดมาหลายคนจึงยังไม่มีโอกาสได้ครอบครองอสูรระดับเทวะเลยแม้แต่ตัวเดียว ในเมื่อตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาจึงไม่อยากพลาดมันไป
“60,000 !”
เสือโคร่งตัวนี้เป็นถึงอสูรเทวะเจ็ดดารา แน่นอนว่าค่าตัวของมันคงจะไม่ถูกและจะต้องมีการแข่งขันเกิดขึ้นอยู่แล้ว ทันทีที่เสียงของคนแรกสิ้นสุดลง คนต่อไปก็เสนอราคาเข้าสู้ทันที
“70,000 !”
สตรีผู้หนึ่งที่เห็นว่าเสือโคร่งตัวนั้นน่ารักน่าชังและยังสวยสะดุดตา แม้ว่าอาจจะระดับไม่สูงมากแต่ก็ยังอดออกปากขานราคาเพื่อแย่งชิงมาไม่ได้
ในตอนนี้ราคาของเสือโคร่งสีรุ้งทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วอึดใจราคาของมันก็ขึ้นมาอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทองแล้ว
ราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทองนั้นถือเป็นราคามาตรฐานสำหรับเสือโคร่งสีรุ้งในระดับนี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นที่ยุติได้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมีสตรีผู้ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์ของเจ้าเสือสีสวยขานราคาสู้ต่อที่หนึ่งแสนหกหมื่นเหรียญทองจึงไม่มีผู้ใดเสนอราคาต่ออีก เพราะถ้าหากเกินกว่านี้ราคาของมันจะดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินความคุ้มค่าไป
เจียงหลิวเยว่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เจ้าเสือโคร่งหลายสีถูกเจ้าหน้าที่ของโรงประมูลพาตัวไปส่งมอบให้กับเจ้าของใหม่ของมันถึงยังตำแหน่งที่นั่ง เนื่องจากบนเวทีมีอสูรมายาเป็นจำนวนมากจึงต้องรีบพาตัวที่ถูกประมูลแล้วออกไปโดยเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นการทำเช่นนี้จะยังช่วยให้แขกคนอื่น ๆ เพ่งความสนใจไปยังอสูรมายาที่เหลืออยู่ด้วย
แน่นอนว่าทันทีที่สตรีผู้ชนะการประมูลได้เห็นเสือโคร่งสีรุ้งถูกนำมาส่งถึงที่ นางก็ยิ้มแจ่มใสราวดอกไม้บาน ก่อนจะมอบตั๋วเงินหนึ่งแสนหกหมื่นเหรียญทองให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นและรีบทำพันธสัญญากับเสือโคร่งเทวะเจ็ดดาราอย่างรวดเร็ว
หลังจากทำพันธสัญญาเสร็จสิ้นลง ระดับพลังของสตรีผู้นั้นก็เพิ่มขึ้นหลายดาราซึ่งทำให้หลายคนที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกอิจฉาและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอสูรมายาทั้งหลายที่เหลืออยู่บนเวทีด้วยตาวาวโรจน์
“หึหึ ต่อตัวไปคืออสูรเทวะราชาแปดดารา ‘งูเหลือมพงไพร’ แม้ว่างูเหลือมพงไพรจะเป็นอสูรมายาที่ออกจะดุร้ายไปบ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความแข็งแกร่งและความเร็วที่สูงส่ง”
เจียงหลิวเยว่กวาดสายตามองผู้คนด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวต่อ
“ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 เหรียญทอง ขานราคาเพิ่มขึ้นขั้นต่ำที่ 10,000 เหรียญทอง การประมูลเริ่มต้นได้ !”
ฉินอวี้โม่พอจะมองกลวิธีที่เจียงหลิวเยว่ใช้ออกแล้ว นางไม่ได้บอกผู้ร่วมประมูลก่อนว่าอสูรในแต่ละระดับมีทั้งหมดกี่ตัวและไม่ได้เรียงลำดับอสูรที่จะประมูลจากระดับของพวกมัน คราแรกผู้ดำเนินรายการสาวนำอสูรเทวะเจ็ดดาราออกมาประมูลก่อนจะเปลี่ยนสลับเอาอสูรเทวะราชันแปดดาราออกมาประมูล การทำเช่นนี้นับว่าชาญฉลาด เพราะผู้เข้าร่วมจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าอสูรมายาที่จะถูกนำออกมาเป็นตัวถัดไปจะเป็นระดับใดและอสูรในระดับเดียวกับตัวที่กำลังถูกประมูลอยู่นั้นมีกี่ตัว นั่นจะทำให้ผู้ที่หมายตาอสูรมายาในระดับเดียวกับที่กำลังประมูลกันอยู่ต้องรีบเสนอราคาเข้าสู้ ซึ่งเมื่อได้รู้เช่นนั้นคุณหนูตระกูลฉินก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ต้องบอกเลยว่าการที่โรงประมูลใหญ่แห่งไป๋อวิ๋นเชิญเจียงหลิวเยว่มาเป็นผู้ดูแลและดำเนินการประมูลถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าอาจจะเย็นชาไปบ้างแต่นางเป็นคนที่เฉลียวฉลาด รู้จักใช้ถ้อยคำจูงใจ ที่สำคัญยังรู้จักกลวิธีในการประมูลเป็นอย่างดี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานนี้อสูรมายาพวกนี้คงจะถูกขายออกไปในราคาที่สูงกว่าปกติเป็นแน่
และก็เป็นดั่งที่คาดเอาไว้ งูเหลือมพงไพรอสูรเทวะราชันแปดดาราถูกเสนอราคาประมูลแข่งกันอย่างบ้าคลั่ง จากราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนเหรียญทอง ภายในชั่วอึดใจราคาก็พุ่งขึ้นสูงถึงห้าแสนเหรียญทองแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ราคานี้ไม่ถือว่าแปลกแต่อย่างใด อสูรเทวะราชันดาราสูงไม่ใช่ว่าจะหาพบและสยบกันได้โดยง่าย ตัวอย่างเช่นราชาอสรพิษเก้าเศียรที่เคยอยู่ในระดับเทวะราชันแปดดารา ในตอนนั้นต้องใช้ผู้อาวุโสของหลายตระกูลร่วมมือกันกว่าจะล้มมันลงได้ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ครอบครองอสูรเทวะราชันดาราสูงแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากมายก็ตาม ที่สำคัญแม้ว่าจะเหลืออสูรมายาบนเวทีอีกเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบว่าตัวอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ในระดับอะไร หากว่ามัวแต่ลังเลก็อาจจะพลาดอสูรเทวะราชันดาราสูงไปก็ได้ ดังนั้นการประมูลนี้จึงดุเดือดเลือนพล่านเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนขานราคาแข่งกันไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าพวกเขาไม่คิดจะเก็บเงินเอาไว้ในรอบอื่น ๆ อีกแล้ว
“750,000 !”
มีเสียงอันราบเรียบเสียงหนึ่งดังมาจากห้องห้องหนึ่งบนชั้นที่สอง ราคานี้ถือว่าสูงมากพอที่จะชนะการประมูลในรอบนี้ได้แล้ว
แน่นอนว่าเมื่อมีคนขานราคาที่สูงถึงเจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญทอง ผู้คนที่สู้ราคากันก่อนหน้านี้ก็เงียบเสียงลงทันที พวกเขายอมแพ้และถอนตัวจากศึกนี้ไปแล้ว
“เจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง !”
เจียงหลิวเยว่กวาดสายตามองฝูงชนด้วยรอยยิ้มก่อนจะประกาศอย่างช้า ๆ
นางพึงพอใจกับราคาเจ็ดแสนห้าหมื่นเป็นอย่างมาก ต้องทราบก่อนว่าปกติแล้วราคาของอสูรเทวะราชันแปดดาราจะอยู่ที่หกแสนเหรียญเท่านั้น แม้ว่ามันจะดูมีศักยภาพที่ดีและใกล้จะถึงระดับอสูรสวรรค์แล้วแต่การที่งูเหลือมพงไพรสามารถขายออกไปได้ในราคาเจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าราคามันติดจะสูงมากเกินไปเล็กน้อย
“เจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญทองครั้งที่สอง !”
สิ้นสุดการนับครั้งที่สองก็ยังไม่มีใครขานราคาสู้อยู่ดี เมื่อรออยู่อีกสักครู่ เจียงหลิวเยว่จึงต้องขานครั้งสุดท้ายและประกาศผู้ชนะ
“เจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญทองครั้งที่สาม การประมูลในรอบนนี้ยุติได้ !”
หลังจากที่เจียงหลิวเยว่ประกาศผลลัพธ์แล้ว เจ้าหน้าที่ของโรงประมูลก็นำเอางูเหลือมพงไพรไปส่งที่ห้องบนชั้นที่สอง
ด้วยเหลี่ยมมุมของอาคาร ฝูงมองในชั้นที่หนึ่งจึงมองไม่เห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ในชั้นที่สองที่ชนะการประมูลงูเหลือมพงไพรคือผู้ใด พวกเขารู้เพียงแค่มีแสงสว่างขึ้นจากห้องของเขาและยังมีพลังมายามหาศาลระเบิดออกมาด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าคนผู้นั้นก้าวข้ามขอบเขตจากการทำพันธสัญญากับอสูรมายา
“เอาล่ะ เรามาเริ่มการประมูลอสูรมายาตัวต่อไปกัน”
เจียงหลิวเยว่ยิ้มและเปิดกรงเพื่ออุ้มอสูรมายาตัวที่สามออกมา
“อสูรตัวที่สามคืออสูรเทวะราชันสองดารา ‘เสือเขี้ยวดาบ’ ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 เหรียญทอง ขายราคาขั้นต่ำเพิ่มขึ้นครั้งละ 10,000 เหรียญทอง การประมูลเริ่มต้นได้ !”
และเช่นเคย เมื่อสิ้นเสียงประกาศของโฉมงามผู้คนก็เริ่มขานราคาประมูลแข่งกันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสือเขี้ยวดาบก็ถูกบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ชั้นที่หนึ่งประมูลไปด้วยราคาสี่แสนสามหมื่นเหรียญทอง
หลังจากอสูรมายาทั้งสามตัวถูกประมูลไป จำนวนเงินที่ฉินอวี้โม่จะได้รับในตอนนี้จึงมีไม่ต่ำกว่าล้านเหรียญทองแล้ว แม้แต่นางก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดผู้คนจึงกล่าวกันว่าอาชีพที่ร่ำรวยที่สุดก็คือผู้ฝึกสัตว์อสูร ประโยคนี้ดูเหมือนจะเป็นจริงที่สุด อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูลองประเมินอย่างคร่าว ๆ หากอสูรมายาทั้งหมดถูกขายออกไป เงินที่นางจะได้ก็น่าจะมากกว่าสิบล้านเหรียญทอง !
ซึ่งการคาดการณ์ของนางก็ไม่ผิดเลยสักนิด การประมูลอันบ้าคลั่งยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อสูรมายาถูกประมูลออกไปทีละตัวทีละตัว และคุณหนูสี่ตระกูลฉินก็ได้เงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ