“มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของหลินจิ้งหง ฉินอวี้โม่ก็หันกลับไปถาม
นางเชื่อว่าหลินจิ้งหงและหานโม่ฉือจดจำนางได้ ทว่านางก็ไม่แน่ใจในเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่าย ดังนั้นการเลือกไม่ข้องเกี่ยวก็น่าจะเป็นผลดีกับตัวนางมากที่สุด
“คุณหนูฉิน ท่าน สหายข้า–มนุษย์น้ำแข็งหานโม่ฉือ และตัวข้า เราสามคนมารวมกลุ่มกันเถอะ เราทั้งสองอยากจะชวนท่านมาร่วมทำภารกิจกับพวกเรา คุณหนูมีความคิดเห็นอย่างไร?”
ในตอนที่ได้เห็นฉินอวี้โม่เมื่อวาน เขาไม่รู้สึกถึงพลังมายาจากร่างกายของนางเลย ทว่าดรุณีน้อยผู้นี้กลับสามารถสังหารคนถ่อยกลุ่มนั้นได้อย่างง่ายดายด้วยมือเปล่า เพราะความสงสัย หลินจิ้งหงจึงตัดสินใจเอ่ยปากชวนนางร่วมทำภารกิจ
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สีหน้าของหานโม่ฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินจิ้งหง ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีท่าทีประหลาดใจหรือออกปากคัดค้านเลยเมื่อสหายข้างกายเอ่ยเชิญชวนฉินอวี้โม่เข้าร่วมภารกิจราวกับรู้อยู่นานแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ฉินอวี้โม่อมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินคำที่หลินจิ้งหงใช้เรียกสหายของเขา จะว่าไปหานโม่ฉือผู้นี้ก็ดูเหมือนมนุษย์น้ำแข็งจริงๆ อย่างที่ว่า แม้จุดที่นางยืนอยู่ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ใกล้เขามากนัก แต่ฉินอวี้โม่กลับยังรู้สึกได้ถึงเค้าลางของความเย็นจากตัวเขา
“ทำต้องเป็นข้า?”
ถึงเธอจะเป็นอดีตนักฆ่า แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังคงเป็นสตรี การตกปากรับคำชวนของคนแปลกหน้าง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องสมควร ฉินอวี้โม่มองครุ่นคิด นางจ้องมองหลินจิ้งหงแล้วถามต่อ “ข้าก็แค่ขยะไร้ค่า ส่วนพวกท่านสองคนดูมีฝีมือสูงส่ง ชวนข้าเข้าไปร่วมด้วยเช่นนี้จะไม่กลายเป็นว่ารับตัวถ่วงเข้ามาหรอกหรือ?”
“หึ หึ หึ จะเป็นตัวถ่วงได้อย่างไรกัน?”
หลินจงหงหัวเราะน้อยๆ แล้วกล่าว “มีสาวงามอยู่ในกลุ่มด้วยย่อมต้องช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับพวกเราได้ เช่นนั้นเราก็ย่อมต่อสู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ คุณหนูฉิน เข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราเถอะ”
ถึงแม้วาจาของหลินจิ้งหงจะฟังคล้ายกำลังหยอกล้อ ไม่จริงจังนัก แต่จากน้ำเสียงที่ได้ยิน ฉินอวี้โม่ไม่รู้สึกว่าเขากำลังล้อเล่นเลย
ถ้าหากนางไม่เคยพบเจอเขามาก่อนและรู้ว่าที่อีกฝ่ายชวนเพราะต้องการพิสูจน์ฝีมือของนาง อดีตคุณหนูสี่ก็คงคิดว่าคุณชายผู้นี้กำลังเล่นตลกกับนางอยู่จริงๆ ก็ได้
หลังจากใคร่ครวญอีกสักพัก ฉินอวี้โม่ก็พยักหน้าพลางกล่าวเสียงสดใส “เช่นนั้นก็ตกลง!”
“ให้ข้าร่วมมือด้วยมิใช่ปัญหา แต่…เอ่อ…ค่าตอบแทนที่ท่านจะต้องจ่ายให้ข้าน่ะ ไม่น้อยเลยนะ”
ไม่คิดให้มากมายก็รู้ได้ว่างานที่หลินจิ้งหงกับหานโม่ฉือกำลังจะทำต้องเป็นงานที่ไม่ธรรมดาแน่ และรางวัลของภารกิจนี้ก็คงจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ฉะนั้นขอเสนอนี้สำหรับนางมีแต่ได้กับได้
ในเมื่อหลินจิ้งหงตั้งใจชวนนาง ถ้านาง ไม่สิ ถ้าเธอ ไม่ถือโอกาสนี้ฉกฉวยผลประโยชน์จากเขาให้ได้มากที่สุด เธอก็ไม่ใช่ฉินอวี้โม่จากศตวรรษที่ 21 ตัวจริงแล้ว อย่างไรเสียตอนนี้เรื่องเงินกับปัญหาปากท้องก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว จะมัวแต่คิดสัพเพเหระก็ใช่ที่ ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอมาแบบนี้ฉินอวี้โม่ผู้นี้ก็พร้อมน้อมรับ!
“เรื่องนั้นวางใจได้”
หลินจิ้งหงพยักหน้าหงึกหงักพลางยิ้มอย่างยินดีแล้วกล่าวเสียงแจ่มใส “รางวัลของงานในครั้งนี้ไม่ใช่น้อยๆ หากทำสำเร็จเราจะแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ยิ่งกว่านั้นพวกเราจะจ่ายให้คุณหนูฉินเพิ่มอีกร้อยเหรียญทองต่อชั่วยามเป็นค่าเหนื่อย เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
“ตกลง”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าหงึกหงักอย่างแจ่มใสไม่แพ้กัน
นางไม่สามารถปฏิเสธรางวัลร้อยเหรียญทองต่อชั่วยามได้เลย
เมื่อได้ยินว่าหลินจิ้งหงใช้เงินจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึงในการเชื้อเชิญฉินอวี้โม่ผู้ที่คนทั้งเมืองต่างก็เรียกขานว่าขยะให้เข้าร่วมกลุ่ม สีหน้าของเหล่าทหารรับจ้างที่นั่งตั้งใจฟังอยู่โดยรอบก็แปลกไปทันที
ฉินอวี้โม่เป็นผู้ไร้พรสวรรค์ แม้ว่าจะมีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติ แต่มันก็เพียงเท่านั้น รูปโฉมเอามาใช้ทำงานไม่ได้ ซ้ำร้ายยังอาจจะทำให้ภารกิจของพวกเขาช้าลงไปด้วย…. ‘คุณชายหลินคิดอะไรอยู่!?’
ทว่าเหล่าทหารทั้งหลายก็ไม่มีผู้ใดกล้าออกปากวิพากษ์วิจารณ์ คุณชายหลินจิ้งหงเป็นผู้นำของสมาคมทหารรับจ้างแห่งนี้ และหานโม่ฉือสหายสนิทของเขาก็มีฝีมือไม่ธรรมดา
‘….บางทีพวกเขาอาจจะเบื่อหน่ายเลยอยากจะเชิญสาวงามไปคุยเล่นแก้เหงาระหว่างทำงานจริงๆ ล่ะมั้ง หรือบางทีเราอาจจะเข้าไม่ถึงความคิดของคนร่ำรวยถึงไม่เข้าใจก็เป็นไปได้….’ ทหารรับจ้างที่นิ่งอึ้งกับตัวเลขค่าตอบแทนของฉินอวี้โม่คาดเดาเรื่องนี้ในใจไปต่างๆ นานา
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ สถานที่ของภารกิจในครั้งนี้คือบึงสายหมอก”
สิ้นเสียงของหลินจิ้งหง หานโม่ฉือก็หันหลังและเดินผ่านประตูออกไปอย่างไม่รีรอ
“คุณหนูฉินคนงาม ตามพวกเรามาให้ทันล่ะ”
ดูเหมือนว่าบุรุษทั้งสองจะจงใจทดสอบฝีมือของฉินอวี้โม่ตั้งแต่แรก หลินจิ้งหงและหานโม่ฉือเดินทางกันด้วยความเร็วที่สูงมาก
ฉินอวี้โม่ฉินยิ้มสนุก นางติดตามฝีเท้าของพวกเขาไปอย่างง่ายดายไร้ซึ่งแรงกดดัน
อันที่จริงร่างกายของนางในตอนนี้ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แม้ว่าจะไม่เคยฝึกพลังมายาและไม่ได้ออกกำลังเลยตลอดหลายปี แต่ก็ยังถือว่ามีสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
ตัวเธอในชีวิตก่อน ฉินอวี้โม่เป็นนักฆ่าระดับแนวหน้าที่มีทักษะสูงส่ง เมื่อวานนี้กายเทพมายาของนางก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมา ตัวนางสามารถดูดซับพลังมายาและฝึกฝนได้
ในตอนนี้สภาพร่างกายของนางจึงถือว่าดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก
ดังนั้นการไล่ตามความเร็วของหลินจิ้งหงและหานโม่ฉือตลอดทางสำหรับฉินอวี้โม่แล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่ามันยากเย็นแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ตัวนางเองก็ดูออกว่าหลินจิ้งหงและหานโม่ฉือยังไม่ได้ใช้ความเร็วในระดับเต็มที่ของพวกเขา ซึ่งก็คงเป็นเพราะเกรงว่านางอาจจะตามไม่ทัน
ภายในครึ่งชั่วยาม คนทั้งสามก็มาถึงยังบริเวณป่าพรุซึ่งอยู่ส่วนรอบนอกของบึงสายหมอกเรียบร้อยแล้ว
ณ จุดหนึ่งในบริเวณนั้นมีร่องรอยของคราบเลือดหลงเหลืออยู่…นี่คือเลือดของพวก ‘สุนัข’ ที่ถูกฉินอวี้โม่เชือดทิ้งไปเมื่อวานนี้
ศพของพวกมันหายไปหมด มีเพียงกระดูกกองย่อมๆ หลงเหลืออยู่บนพื้น คาดว่าศพพวกนั้นคงจะกลายเป็นอาหารของอสูรมายาที่เดินผ่านมาแถวนี้และบางส่วนก็คงถูกลากไปกินที่อื่นแล้ว
“ดูเหมือนว่าคุณหนูฉินจะมิใช่ผู้ไร้พรสวรรค์อย่างที่เขาร่ำลือกันสินะ?”
หลินจิ้งหงมองดูฉินอวี้โม่พร้อมทำหน้าราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
“มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เชื่อว่าข่าวลือคือเรื่องจริง ตรงกันข้ามกับผู้มีปัญญาที่มักค้นหาความจริงด้วยตนเอง”
ฉินอวี้โม่เอ่ยวาจาด้วยเสียงหวานหยด นางไม่อยากอธิบายขยายความทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากนัก
แม้จะรู้ว่าสตรีตรงหน้ากำลัง ‘เหน็บแนม’ เขาอยู่อย่างชัดเจน แต่หลินจิ้งหงก็ไม่รู้สึกขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้ดูน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม
“ภารกิจของพวกเราครั้งนี้ไม่ง่ายเลย คุณหนูจะต้องติดตามพวกเราอย่างใกล้ชิด โปรดจำไว้อย่าไปไหนโดยพลการเด็ดขาด!”
หลินจิ้งหงกล่าวเรื่องจริงจังด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ก่อนจะส่งยิ้มใจดีให้ฉินอวี้โม่แล้วเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเนื้องานของภารกิจนี้ หลังจากนั้นบุรุษทั้งสองก็หันหลังมุ่งหน้าเดินตรงเข้าสู่บึงสายหมอกทันที
ในตอนรับฟังเนื้องานของภารกิจ ฉินอวี้โม่ตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามนางพบว่าภารกิจนี้ค่อนข้างยากอยู่บ้าง
ทว่าอดีตคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินก็เดินตามบุรุษทั้งสองไปโดยไม่ลังเล