“ผู้ฝึกกายา!”
หลี่เปียวชี้มือไปที่บุรุษวัยกลางคนผู้ลึกลักพลางอุทานออกมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและไม่อยากเชื่อ
‘ผู้ฝึกกายา’ เทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตนภมายาที่แข็งแกร่ง พวกเขาเป็นผู้ที่มุ่นเน้นฝึกฝนร่างกายจากภายนอกจนทำให้ร่างทางกายภาพของพวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าเหล่าผู้ฝึกกายาจะไม่สามารถทำพันธสัญญากับอสูรมายาได้ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เป็นรองเหล่าผู้ฝึกพลังมายาในขอบเขตนภามายาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และถ้าหากฝึกฝนและบ่มเพาะร่างกายจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ในการต่อสู้แลกชีวิตกันผู้ฝึกกายาก็ไม่ได้เป็นรองผู้ใช้พลังมายาในขอบเขตนภามายาเลยแม้แต่น้อย
“ยังไม่ไปอีกรึ?”
บุรุษวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแววตากลับเย็นเฉียบจนน่าหวาดหวั่น
และสายตานั้นก็ทำให้หลี่เปียวถึงกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่อลุกขึ้นได้ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอันธพาลก็หันหลังวิ่งหนีหายไปจากสายตาผู้คนทันที
“ลุงหลัวเจี๋ย สุดยอดที่สุด”
สาวน้อยนามว่าฉีฉีวิ่งเข้าไปหาบุรุษวัยกลางคนผู้มีนามว่าหลัวเจี๋ยผู้นั้น ด้วยท่าทางดีใจ นัยน์ตาใสกระจ่างเป็นประกายระยับ
“สาวน้อยที่น่ารัก”
หลัวเจี๋ยยิ้มพลางยื่นมือออกไปบีบจมูกเล็กของฉีฉีอย่างเอ็นดู
ฉินอวี้โม่พอจะคาดเดาตัวตนของผู้มาเยือนทั้งห้าได้บ้างแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกับหลินจิ้งหงด้วย ที่สำคัญพวกเขายังมีผู้ฝึกกายาฝีมือสูงส่งเป็นองครักษ์คุ้มกัน ตัวตนของพวกเขาจึงพอจะคาดเดาได้ไม่ยากนัก
ถ้าหากความทรงจำของคุณหนูสี่คนเดิมไม่ผิดพลาด ตระกูลที่กุมอำนาจภายในจักรวรรดิไป๋อวิ๋นอยู่ในขณะนี้ก็คือ ‘ตระกูลฉี’
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดจะทำตัวสอดรู้สอดเห็นในเรื่องนี้ นางปลดผ้าคลุมหน้าออกแล้วเดินเข้าไปโค้งคำนับสตรีวัยกลางคนนามว่าเหวินหย่าเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณนายหญิง ขอบคุณท่านลุงเจ้าค่ะ”
“สาวน้อยไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนั้น ข้ารู้ดีว่าต่อให้พวกข้าไม่มาช่วย เจ้าก็คงจะจัดการกับหลี่เปียวได้ไม่ยากอยู่แล้ว”
หลัวเจี๋ยกล่าว เขาจงใจหันไปมองเสี่ยวเฮยที่นอนขดอยู่บนไหล่ฉินอวี้โม่ ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะหนูน้อยฉีฉีเป็นคนขอให้ข้าเข้ามาช่วย ข้าก็คงไม่เข้าไปก้าวก่ายการแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมของแม่นางแน่”
ฉินอวี้โม่ไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้ นางคาดเดาว่าเป็นเพราะเขามองเห็นตัวตนของเสี่ยวเฮยตัวน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ของนาง ตัวนางเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าอสูรเทวะในร่างย่อส่วนนั้นจะมีม่านพลังลึกลับบางอย่างอำพรางกายเอาไว้ ผู้ที่มีระดับพลังไม่สูงมากนักหรือมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอจะไม่สามารถมองเห็นได้ หลัวเจี๋ยเป็นถึงผู้ฝึกกายา การที่เขามองเห็นเสี่ยวเฮยได้นับเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากเขามองไม่เห็นก็คงจะทำให้นางรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยแน่นอน
“ท่านลุงหลัวเจี๋ย ลุงทนเห็นคนมากรุมรังแกพี่สาวได้จริงๆ เหรอ?”
ฉีฉีมองหลัวเจี๋ยด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเดินมาจับมือของฉินอวี้โม่แล้วกล่าว “พี่สาว ข้าจะเรียกท่านอย่างไรดี?”
“ฉินอวี้โม่”
ฉินอวี้โม่ยิ้มหวานหยดให้เด็กน้อย นางไม่คิดจะปิดปังตัวตนกับฉีฉี
“พี่สาวฉินอวี้โม่ ดีจริงๆ”
ฉีฉียิ้มพร้อมพยักหน้าอย่างมีความสุข
เมื่อเหวินหย่าได้ยินชื่อของฉินอวี้โม่ คิ้วเรียวได้รูปของนางก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ขณะเดียวกันดวงตาคู่งามภายใต้คิ้วบางก็เป็นประกายขึ้นทันที ทว่าทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะก่อจะจางหายไป
“แม่นางอวี้โม่ ตัวตนของเจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก ข้ามองไม่ทันด้วยซ้ำว่าเจ้าเล่นงานเขาเหล่านี้อย่างไร”
แม้ว่าหลัวเจี๋ยจะเป็นผู้ฝึกกายาที่แข็งแกร่ง แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องยอมรับว่าเขาไม่สามารถมองเห็นการโจมตีของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจนได้ ความเร็วของสตรีร่างบางผู้นี้ราวกับสายฟ้า แม้จะฝึกร่างกายมานานแต่เขาก็ยังเห็นกระบวนท่าของนางเป็นเพียงเงารางๆ เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นนางเตะบุรุษสามคนออกไปได้ด้วยการตวัดขาเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังทำให้พวกเขากระเด็นออกไปฟาดกับผนังไกลเกือบสามสิบจั้ง การจะทำเช่นนั้นได้ ย่อมแสดงว่าความแข็งแกร่งทางกายของสาวน้อยผู้นี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ฝึกกายาร่างใหญ่แม้แต่น้อย
“มันก็แค่ลูกไม้ตื้นๆ เท่านั้น ไม่มีอะไรน่าตกใจหรอกเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะ ต่อหน้าของผู้ฝึกกายาระดับสูงเช่นนี้นางไม่กล้าอวดอ้างความสามารถหรือโอ้อวดว่าตนเองเก่งกาจ
“ไม่คิดเลยว่าแม่นางจะถ่อมตัวถึงเพียงนี้”
หลัวเจี๋ยยิ้มและไม่เอ่ยถามอะไรอีก
“แม่นางฉิน”
ฉีอวี้ที่เดินมาจากด้านหลังของฉินอวี้โม่ เอ่ยเรียกนาง
“คุณชาย มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”