สิ่งที่เกิดขึ้นภายในหุบเขาหงส์ร่วงนั้น ผู้ที่อยู่ด้านนอกไม่ทราบเลย
ในขณะนี้พวกเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต้านทานกองทัพอสูรที่กำลังบุกเข้ามา พวกเขาคงไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องอื่น
“คุณชายจู สถานการณ์ในหุบเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ?”
ลั่วเยาเซียนรู้สึกไม่สบายใจนัก แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของลั่วอวิ๋นซาง แต่ก็ยังไว้ใจความลึกลับของฉินอวี้โม่ไม่ได้ สตรีผู้นี้สร้างความประหลาดใจให้เขาได้ตลอดเวลา
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านหัวหน้าลั่วโปรดวางใจ เมื่อบิดาของข้าลงมือเอง มีหรือที่พวกมันจะรอดไปได้”
จูฉีกล่าวด้วยความมั่นใจ
เขาเชื่อมั่นในตัวบิดาของตนเองมาก แค่การจัดการกับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินนั้นมิใช่ปัญหาเลย
“เจ้าพวกอสูรที่บ้าคลั่งพวกนี้มันอะไรกัน! พวกเราก็ฆ่าไปตั้งเยอะแล้ว ไม่เพียงพวกมันไม่ลดลงแต่กลับมากขึ้นเรื่อย ๆ !”
เมื่อกวาดสายตามองไปที่ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนของอสูรมายา ลั่วเยาเซียนก็คำรามลั่นด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
อสูรฝูงนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ภายใต้การโจมตีและเข่นฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อนของพวกเขา พวกมันกลับไม่มีความคิดหรือทีท่าว่าจะถอยเลย ที่สำคัญยังดูเหมือนจะบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ตอนนี้คนของลั่วเยาเซียนจำนวนมากบาดเจ็บหนัก และมีอีกบางส่วนเสียชีวิตไปแล้วด้วยทำให้กำลังของฝ่ายเขาตกต่ำลงมาก
“มันเป็นฝีมือของอสูรพฤกษาของฉินอวี้โม่”
จูฉีกัดฟันกล่าว ตัวเขาสนใจอสูรพลับพลึงแดงตนนี้มาก
ถ้าเขามีอสูรที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ การจะชิงอันดับหนึ่งของทำเนียบรุ่นเยาว์มาคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของขุมกำลังพญายมของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ในใจของเขาอดคิดไม่ได้ว่า ในตอนที่จูอวิ๋นซานสังหารฉินอวี้โม่ได้แล้ว เขาจะสยบอสูรพลับพลึงแดงมาฝากบุตรชายผู้นี้หรือไม่
“ฮิ ๆ ๆ พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ?”
ในตอนนั้นเองจู่ ๆ เสียงหัวเราะของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางของอดีตนักฆ่าสาวจะปรากฏด้านหน้าของลั่วเยาเซียนและจูฉี
ทันทีที่ได้ยินเสียงของนาง จูฉีและลั่วเยาเซียนก็แข็งค้าง ใบหน้าซีดเผือดในบัดดล
ไม่เพียงแต่ฉินอวี้โม่ แม้แต่ลั่วเสวี่ยเหินก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อม ๆ กันด้วย
และเมื่อเห็นสภาพที่ยังอยู่ดีและไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากของทั้งคู่ จูฉีและลั่วเยาเซียนก็เบิกตากว้าง
“พวกเจ้า…!”
จูฉีถึงกับกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสองคนที่น่าจะตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้
การที่สองคนนี้สามารถมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าบิดาของเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
“ตกใจมากนักหรือที่พวกเรามาที่นี่ได้ ? ข้าว่าตอนนี้บิดาของเจ้าคงกระอักเลือดอยู่ที่บ้านแล้ว”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของจูฉีและลั่วเยาเซียนก็ซีดเผือดในทันที
เรื่องความแข็งแกร่งของจูอวิ๋นชางพวกเขารู้เป็นอย่างดี
แม้ว่าจะมีพลังเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับตัวจริง แต่พลังครึ่งเดียวของจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะก็เพียงพอจะเอาชนะจอมยุทธ์จ้าวพิภพนับสิบคนได้ พลังระดับนั้นกลับพ่ายแพ้ให้ฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหิน เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม การที่ทั้งคู่มาปรากฏตัวตรงหน้าก็คือคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ถึงจะไม่อยากเชื่ออย่างไรก็มีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น
จูอวิ๋นชางคงจะแพ้ให้กับฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินไปแล้วจริง ๆ
จูฉีและลั่วเยาเซียนหันมามองหน้ากัน สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่มืดมนเป็นอย่างมาก
ในเมื่อจูอวิ๋นชางพ่ายแพ้แล้ว ด้วยสภาพที่กองทัพของเขาบาดเจ็บอย่างหนักเช่นนี้ โอกาสที่จะเอาชนะฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินได้นั้นมีอยู่น้อยนิด เกรงว่าวันนี้พวกเขาจะถึงคราววิกฤตแล้ว
“ลั่วเยาเซียน ข้าเกลียดคนที่กล้าขู่ข้าและสหายของข้า และข้ายิ่งเกลียดผู้ที่กล้าล้ำเส้นตายของข้า ในเมื่อเจ้ากล้าแตะต้องชาวบ้านจันทรา ข้าก็ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาก่อนจะสั่งให้อสูรมายาปิดล้อมลั่วเยาเซียนไว้ทันที
นางคร้านจะลงมือด้วยตัวเองแล้ว นางเชื่อว่าอสูรของนางคงจะรับมือกับคนผู้นี้ได้ไม่ยาก
สีหน้าของลั่วเยาเซียนในตอนนี้แทบจะไร้สีเลือด
เขาไม่กล้าเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมาเพราะถ้าทำเช่นนั้นก็จะถูกอสูรพลับพลึงแดงควบคุม ขณะที่หงส์แดง อาไป๋ และอสูรตนอื่น ๆ ก็ตั้งท่าเตรียมจะเผด็จศึกเขาแล้ว นี่ทำให้แข้งขาของลั่วเยาเซียนแทบจะไร้เรี่ยวแรง
อสูรของฉินอวี้โม่แต่ละตนมีสีหน้าที่น่ากลัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด จิตสังหารของพวกมันเข้มข้นจนเขาไม่กล้าสบตา
“คุณชายจูรีบมาช่วยข้าเร็ว !”
เมื่อเข้าตาจน สิ่งที่ลั่วเยาเซียนพอทำได้ก็มีเพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากจูฉีเท่านั้น
“ฮ่า ๆ ๆ ช่วยตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า”
ลั่วเสวี่ยเหินกระโดดเข้าไปขวางทางจูฉีเอาไว้
เขายังไม่รู้ว่าฉินอวี้โม่คิดจะทำอย่างไรกับจูฉีผู้นี้ แต่คงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“เสวี่ยเหิน เจ้าเป็นคนของหุบเขาหงส์ร่วง เหตุใดถึงกล้าสมคบคนนอกมาแว้งกัดข้าเช่นนี้ ?”
เมื่อเห็นการกระทำของผู้ที่เคยอยู่ใต้อำนาจตัวเอง ลั่วเยาเซียนก็ตวาดด้วยความโกรธ
ถ้าลั่วเสวี่ยเหินเลือกอยู่ข้างเขาอย่างที่ควรจะเป็น มีหรือวันนี้ฉินอวี้โม่ก็จะเป็นฝ่ายชนะ ที่เหตุการณ์มันมาถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นเพราะลั่วเสวี่ยเหินหน้ามืดตามัวไปเข้าข้างศัตรูจนทำให้สถานการณ์พลิกกลับ
“เยาเซียน ข้าไม่อยากให้หุบเขาหงส์ร่วงอยู่ในมือเจ้าอีกต่อไป เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เจ้าทำสิ่งใดลงไปตัวเจ้ารู้ดีกว่าใคร เรื่องนี้เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้”
ลั่วเสวี่ยเหินโต้กลับไปด้วยสีหน้าที่หนักแน่น
หลายปีมานี้้ลั่วเยาเซียนใช้หุบเขาหงส์ร่วงกระทำการอันชั่วร้ายนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังใช้กำลังกดดันลั่วเสวี่ยเหินที่มักจะไม่เห็นด้วยกับตนเองให้ทำในสิ่งที่ฝืนใจเสมอมา
ยิ่งความแข็งแกร่งของหุบเขาหงส์ร่วงเพิ่มขึ้นเท่าใด ลั่วเยาเซียนก็ยิ่งได้ใจและกระทำในสิ่งที่ลั่วเสวี่ยเหินยากจะยอมรับได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ลั่วเสวี่ยเหินยังมีความรู้สึกผูกพันกับหุบเขาหงส์ร่วงและไม่อยากให้มันตกต่ำลงไปมากกว่านี้
“ทำเป็นพูดดี เจ้าแค่ต้องการครอบครองหุบเขาหงส์ร่วงเสียมากกว่า”
ลั่วเยาเซียนกล่าววาจาเย้ยหยัน
“เช่นนั้นแล้วมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ ? ตำแหน่งผู้นำควรตัดสินกันที่ความสามารถ ในเมื่อตัวเจ้าหมดคุณสมบัติ ผู้อื่นก็มีสิทธิ์จะขึ้นมาเป็นแทน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ”
ฉินอวี้โม่กล่าวขณะมองลั่วเยาเซียนด้วยสายตาเหยียดหยาม
แม้ว่าจะเพิ่งเคยพบกันไม่นาน แต่นางก็พอจะรู้ถึงพลังและความสามารถของลั่วเยาเซียน
นางมั่นใจว่าลั่วเสวี่ยเหินแข็งแกร่งกว่าทั้งในด้านของพลังและวุฒิภาวะ เขาคือคนที่มีภาวะผู้นำและมีคุณสมับติต่าง ๆ ที่คู่ควร ถ้าลั่วเสวี่ยเหินคือผู้นำของหุบเขาหงส์ร่วง เรื่องในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ยิ่งกว่านั้นด้วยพลังของลั่วเสวี่ยเหิน ถ้าเขาอยากจะได้ตำแหน่งผู้นำหุบเขาหงส์ร่วงจริง ฉินอวี้โม่มั่นใจมากว่าเขาสามารถชิงตำแหน่งนั้นมาได้ตลอดเวลา เพียงแต่เขาไม่คิดจะทำเท่านั้น
“แล้วแต่เจ้าจะคิดเถิด”
ลั่วเสวี่ยเหินไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอีกฝ่าย เขากล่าวสั้น ๆ หนึ่งประโยคและเลิกสนใจลั่วเยาเซียน
“หงส์แดง อาไป๋ หลิวหยา ไม่ต้องลังเลแล้ว รีบสังหารคนผู้นั้น”
ฉินอวี้โม่ถ่ายทอดคำสั่งสังหารลั่วเยาเซียนแก่เหล่าอสูร
วันนี้อย่างไรลั่วเยาเซียนก็ต้องตายสถานเดียว ถ้าเขาไม่ตาย อีกไม่นานหมู่บ้านจันทราต้องพินาศแน่ หากเป็นเช่นนั้นฉินอวี้โม่ก็ไม่อาจจะไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างหมดห่วง
“รับทราบ นายหญิง”
หงส์แดงและอสูรตนอื่น ๆ รอคอยคำสั่งนี้ของเจ้านายอยู่นานแล้ว ทันทีที่ได้รับคำสั่ง พวกมันก็จู่โจมอย่างดุร้ายป่าเถื่อนยิ่งขึ้น
“ฉินอวี้โม่ ข้าขอสาบานว่าต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับคนในหมู่บ้านจันทราอีก ข้าจะปกป้องหมู่บ้านจันทราชั่วชีวิต ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะมอบตำแหน่งผู้นำหุบเขาให้กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าสังหารข้า ต่อให้ต้องตายกลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ให้อภัยเจ้า !”
ลั่วเยาเซียนที่สัมผัสได้ถึงความตายที่กำลังเข้ามาเยือนรีบส่งเสียงร้องอ้อนวอนออกมา
ในเวลานี้เขาไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์หรือศักดิ์ศรีอีกแล้ว ขอเพียงเปลี่ยนใจฉินอวี้โม่ได้ให้ทำอะไรเขาก็ยอม
เขายังไม่อยากตาย อย่างน้อยขอให้มีชีวิตรอดได้ อย่างไรก็ดีกว่าตายเห็น ๆ
“ลั่วเยาเซียน ถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังกล้าขู่ข้าอีกรึ ?”
ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่ชอบใจคำพูดประโยคสุดท้ายของเขาเสียเลย
“ถ้าเจ้าไม่ส่งคนตามไปเล่นงานชาวบ้านเป็นครั้งที่สอง บางทีข้าอาจจะเชื่อเจ้าก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว !”
ฉินอวี้โม่กล่าวาจาเย็นชาราวกับจะแช่แข็งหัวใจของลั่วเยาเซียน
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง ลั่วเยาเซียนก็หน้าซีดไร้สี ความตายกำลังอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เข้าตาจน เขาก็กัดฟันแน่นและเตรียมจะระเบิดตัวเอง
“ชิ ! อย่าฝันไปหน่อยเลย”
ฉินอวี้โม่เปล่งเสียงเย็นชาพลางขยิบตาให้หงส์แดง
หงส์แดงเข้าใจความหมายของเจ้านาย อสูรสาวปลดปล่อยเปลวเพลิงออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาร่างของลั่วเยาเซียนก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ปัง!
เมื่อเห็นวาระสุดท้ายของลั่วเยาเซียน จูฉีที่กำลังดิ้นรนอยู่ก็แทบหมดแรงต่อต้านจนถูกฝ่ามือของลั่วเสวี่ยเหินซัดกระเด็นไป
“จูฉี ถ้าเจ้าอยากจะรอดกลับไป เจ้าต้องกล่าวคำสาบานมา!”
ฉินอวี้โม่จ้องมองจูฉีด้วยแววตาเย็นชา
นางไม่คิดจะฆ่าคนผู้นี้เพราะถ้าเกิดสังหารคนผู้นี้ไปก็จะทำให้จูอวิ๋นชางเดือดถึงขีดสุดและจะตามราวีนางไม่เลิก เรื่องนี้นางเคยได้รับบทเรียนตอนที่สังหารลิ่วเยว่ไปแล้ว หลังจากสังหารคนผู้นั้น อารามก็ตามรังควานนางจนทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด
ทางที่ดีสู้ปล่อยคนผู้นี้กลับไปก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยหาทางสังหารเขาทีหลังก็ยังไม่สาย
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ ไฟแห่งความหวังที่จะรอดของจูฉีที่เหมือนจะดับไปแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เขารีบกรีดเลือดของตัวเองและกล่าวคำสาบานโดยไม่ลังเล เขาสาบานว่าจะไม่ไปยุ่งกับชาวบ้านจันทราอีกแล้ว และจะไม่มาหาเรื่องฉินอวี้โม่อีกตลอดชั่วชีวิต
“ไสหัวไป !”
หลังจากได้ยินคำสาบานของจูฉี ฉินอวี้โม่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นางจ้องมองเขาด้วยสายเย็นชาและไล่ให้กลับไป
จูฉีไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย เขารีบหันหลังวิ่งหนีไปพร้อมกับคนของเขาอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเพราะกลัวว่าฉินอวี้โม่อาจจะเปลี่ยนใจ
“เสี่ยวม่าน ให้อสูรพวกนั้นกลับไปได้”
ฉินอวี้โม่พูดกับอสูรพลับพลึงแดงเพื่อให้นางควบคุมให้อสูรที่บ้าคลั่งพวกนั้นถอนกำลังกลับไป
เสี่ยวม่านพยักหน้า เสียงขลุ่ยของนางเงียบลงไป ชั่วอึดใจหลังจากนั้น อสูรที่บ้าคลั่งทั้งหลายก็ได้สติกลับมาและพากันถอนตัวกลับไป
เมื่อเห็นซากศพของอสูรตัวอื่น ๆ ที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ฉินอวี้โม่ก็ได้แต่ถอนหายใจ
อดีตมือสังหารสาวโค้งกายลงก่อนจะกล่าวว่า “ต้องขอโทษจริง ๆ”
แม้ว่าจะเป็นเพียงอสูร แต่ที่พวกมันต้องมาตายก็เป็นเพราะนาง ความรู้สึกผิดนี้นางจำต้องแบกรับเอาไว้
เมื่อเห็นการกระทำของฉินอวี้โม่ อสูรของนางต่างก็ก้มหน้าลง ในหัวใจเจ้านายของพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาหรือมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เท่าเทียม
สำหรับพวกมันแล้ว ฉินอวี้โม่ถือเป็นสหายและเจ้านายที่ดีอย่างยากจะหาได้ในโลกนี้ นางไม่เคยบังคับให้พวกมันทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ลั่วเสวี่ยเหินอึ้งไปไม่น้อย เขามองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นสตรีที่อยากจะหยั่งถึงจริง ๆ นางมาจากที่แห่งใดกัน เหตุใดถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?
คนของหุบเขาหงส์ร่วงมองดูฝูงอสูรที่ถอนกำลังกลับไปด้วยสีหน้าโล่งอก
“ในเมื่อผู้นำของพวกเจ้าตายก็ถือว่าหุบเขาหงส์ร่วงได้ชดใช้ในสิ่งที่กระทำไปแล้ว ขอเพียงหลังจากนี้ พวกเจ้าจะไม่ทำในสิ่งที่ผิดพลาดเฉกเช่นวันนี้ ข้าก็จะไม่ฆ่าพวกเจ้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวต่อหน้าของทุกคนในหุบเขาหงส์ร่วงที่กำลังยืนหน้าซีดด้วยความกังวลว่าตัวเองอาจจะถูกสังหาร
หลังจากได้ยินคำพูดนาง พวกเขาก็รู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอกก็มิปาน
ความโหดเหี้ยมของฉินอวี้โม่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ถ้าฉินอวี้โม่ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป วันนี้ทุกคนในหุบเขาก็คงจะชะตาขาดอย่างแน่นอน
“จอมยุทธ์ลั่ว เรื่องของหุบเขาหงส์ร่วงท่านคงรู้ดีกว่าใคร ที่เหลือข้าฝากท่านด้วย ข้าต้องขอตัวไปดูชาวบ้านจันทราก่อน”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
กล่าวจบนางก็หายไปจากสายตาของลั่วเสวี่ยเหินอย่างรวดเร็ว
.