คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 31 สั่งสอนอันธพาล

บุรุษร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดตรงอยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่ สีหน้าและแววตาของพวกเขาดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย

เมื่อได้เห็นคนกลุ่มนั้นเดินเข้ามาด้วยท่าทางราวกับจะหาเรื่อง สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะก็เปลี่ยนไปทันที

เหล่าทหารรับจ้างที่อยู่รอบข้างต่างก็หันมามองฉินอวี้โม่ด้วยเช่นกัน พวกเขาเริ่มส่งเสียงซุบซิบกันอย่างออกรสในขณะที่มองดูหนุ่มน้อยในชุดดำสลับกับกลุ่มบุรุษร่างใหญ่ที่เดินเข้าไปหาเรื่อง ราวกับว่ากำลังมีละครฉากเด็ดให้ได้ดู

“จบแล้วล่ะ ข้าว่าหนุ่มคนนั้นคงจบแค่นี้แน่”

ผู้ลอบมองอยู่ต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ บางคนมองด้วยสายตาสมเพช บางคนมองด้วยสายตาเย้ยหยัน และมีบ้างที่ถอนหายใจออกมาด้วยความเวทนา ‘ไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงได้กล้าเอา ‘สมบัติ’ มหาศาลอย่างนั้นมาแลกเงินที่นี่’  

เรื่องนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็คิดไม่ตกว่าควรจะตกใจกับเรื่องที่เขาสามารถรวบรวมแก่นมายาและแกนชีวิตได้มากมายขนาดนี้ หรือควรจะตกใจเรื่องความไร้เดียงสาของเขามากกว่ากันดี

“อีกฝ่ายเป็นกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ คนพวกนี้ยิ่งกว่าอัธพาล หยิ่งยโสมาก ไม่เคยเห็นหัวใครเลยในสมาคม   ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาหรอก”

เมื่อได้รู้ถึงตัวตนของกลุ่มชายร่างใหญ่ที่ปรี่เข้าไปหาเรื่อง คนจำนวนมากต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทอดถอนใจอย่างแสนเสียดายและเริ่มรู้สึกเสียใจกับ ‘หนุ่มน้อย’ ชุดดำที่ชีวิตทหารรับจ้างต้องมาจบลงเพียงเท่านี้

บุรุษร่างใหญ่เหล่านี้หาใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ‘กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ’ ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดของเมืองเยว่กวางแห่งนี้

กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับสอง  ซึ่งเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งและมีอิทธิพลสูงสุดในเมืองเยว่กวาง

หัวหน้าของพวกเขาคือยอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดารา เขาเป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่ง และเป็นหนึ่งในบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองแห่งนี้

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะมีบ่อยครั้งที่กองทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจทำเรื่องนอกกฎหมาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดในเมืองกล้าเอาเรื่องพวกเขา

“เฮ้ ข้าว่าทางที่ดีพวกเจ้าน่าจะเงียบเสียงลงหน่อยนะ ถ้าหัวหน้าของพวกมันได้ยินเข้า ระวังจะเจ็บตัวเอาได้”   ใครคนหนึ่งกระซิบกระซาบเตือนขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น

ในตอนนี้ทุกคนต่างก็หยุดมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่จนหมดแล้ว และหันมาตั้งใจมองจุดที่กำลังเกิดเรื่องขึ้นอย่างเงียบๆ แทน  ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา

ฉินอวี้โม่หันหน้าไปมองต้นเสียงช้าๆ ก่อนจะเห็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสูงใหญ่ หน้าตาของคนผู้นี้ดูนถมึงทึงน่าหวาดกลัว เขากำลังยืนจ้องมองนางด้วยแววตาหิวกระหาย ความโลภในดวงตาน่ากลัวนั้นชัดเจนอย่างไม่อาจปกปิด

“เจ้าหนุ่ม เมื่อครู่เจ้าเดินผ่านกลุ่มทหารรับจ้างมาป่าปีศาจและแอบล้วงเอาของของเราไปตอนเผลอ  แล้วตอนนี้เจ้ายังกล้าเอาของที่เพิ่งขโมยมา มาแลกเป็นเงินที่สมาคมอย่างเปิดเผยอีกเรอะ เจ้าไม่อยากอยู่ดูตะวันวันพรุ่งนี้แล้วรึไง?!”

บุรุษสูงใหญ่รูปร่างกำยำผู้นี้ก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจนามว่าหลี่เปียว เขาจ้องมองฉินอวี้โม่พร้อมกับหักนิ้วเป็นการข่มขู่

“จริงเหรอ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ”

ฉินอวี้โม่จ้องมองหลี่เปียวอย่างไม่เกรงกลัว อีกทั้งยังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าเป็นคนขโมยมันมา งั้นข้าขอถามเจ้าสามข้อ ข้อแรกเจ้าไปได้แก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากขนาดนี้มาจากที่ใด ข้อสองในมือข้าตอนนี้มีแก่นมายาและแกนชีวิตทั้งหมดเท่าไหร่  และข้อสุดท้ายพวกมันมาจากอสูรชนิดไหนบ้าง? หากของทั้งหมดนี่เป็นของเจ้า เรื่องเหล่านี้เจ้าก็ควรจะรู้”

คำพูดของฉินอวี้โม่ทำให้หลี่เปียวชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีเขาก็แค่บังเอิญเห็นตอนที่เจ้าหนุ่มชุดดำนี่เทแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากออกมาเท่านั้น  และดูจากท่าทางใสซื่อไม่รู้ความแล้วก็ทำให้เขาคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดาไร้ผู้มีอำนาจสนับสนุน   เพียงเขาข่มขู่ไปเล็กน้อยก็คงจะยอมได้โดยง่าย   ฉะนั้นเขาจึงคิดจะชิงแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนั้นมา

ต้องทราบก่อนว่าหากนำแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ไปแลกเป็นเงินแล้ว  เงินที่ได้รับมาจะมหาศาลเสียจนสามารถนำเอาไปพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างไม่ว่าจะกลุ่มใดให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้

“ใครมันจะไปสนใจนับแก่นมายาและแกนชีวิตที่มีกัน?! ที่สำคัญ วันๆ พวกเราฆ่าอสูรมายานับไม่ถ้วน ใครมันจะไปจำได้วะ?!”

หลี่เปียวไม่สนใจหาเหตุผลมาสู้กับหนุ่มน้อยตรงหน้า  เขาคิดว่ามันไร้สาระและเสียเวลา  อย่างไรเสียที่นี่ก็คือเมืองเยว่กวาง ในเมืองนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ามีปัญหากับทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจอย่าพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องการแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องได้มันมา!

“หึ หึ หึ ผิดแล้วพี่ชาย ในเมื่อเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างก็ต้องมีระบบระเบียบเพราะต้องมีคนทำงานร่วมกันจำนวนมาก และแน่นอนว่าก็ต้องมีผู้ทำหน้าที่ตรวจนับและคัดแยกชนิดของแก่นมายาและแกนชีวิตอยู่แล้ว  เผื่อในกรณีที่มีคนยักยอกจะได้รู้ได้และเพื่อให้ง่ายเวลานำไปขึ้นเงิน  ในเมื่อเป็นกลุ่มทหารรับจ้างและยังเป็นกลุ่มใหญ่ภายในเมืองเยว่กวางแห่งนี้  แล้วเหตุใดกลุ่มของเจ้าถึงไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเลยล่ะ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มขำ ‘ต้องการจะปล้นของของเธอไปอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่มีสิทธิ์ปล้นคนอื่นได้  เธอคนนี้จะไม่ยอมให้ถูกใครหน้าไหนปล้นอย่างเด็ดขาด…ถ้าแน่จริงนักก็ลองดู เธอจะทำให้รู้ว่าของจริงเป็นยังไง

“ที่สำคัญ พวกเจ้าเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเยว่กวางและยังเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างระดับสอง  แต่กลับปล่อยให้ข้าตัวคนเดียวขโมยของของพวกเจ้าไปได้  กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเจ้ามีแต่คนตายรึไง!?”

ยิ่งฟังคำพูดและเหตุผลที่ฉินอวี้โม่ยกมากล่าว เหล่าคนที่แอบฟังอยู่โดยรอบก็ยิ่งเชื่อว่า กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจกำลังพยายามใช้กำลังขู่เพื่อแย่งชิงของของผู้อื่น  หนุ่มน้อยบ้านนอกถูกอันธพาลเมืองใหญ่หาเรื่องอีกทั้งยังจะปล้นเอาสมบัติมีค่าไป  ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกสงสารหนุ่มน้อยชุดดำผู้นี้

อย่างไรก็ตาม ความสงสารก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความยำเกรงที่มีต่ออิทธิพลของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ และนั่นก็ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอะไรออกมา

“เลิกพูดไหลวไหล  ข้าบอกว่าเจ้าขโมยมันไป เจ้าก็คือขโมย ถ้ายังไม่รีบยอมรับ  ก็อย่ามาตำหนิข้าเรื่องที่จะส่งตัวเจ้าไปให้ทางการลงโทษ!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้โม่ ใบหน้าของหลี่เปียวก็ชาวูบขึ้นมา ไม่มีเหตุผลข้อใดที่เขาโต้แย้งได้เลย แถมเจ้าบ้านนอกนี่บังอาจเหน็บแนมพวกเขาว่าไร้ปัญญาเหมือนคนตายและอ่อนแอปวกเปียก  หลี่เปียวจ้องหน้าฉินอวี้โม่อย่างเคียดแค้น  ในเมื่อไม่สามารถโต้เถียงได้หัวหน้ากลุ่มหมาป่าปีศาจจึงกล่าววาจาข่มขู่ออกไป

เขาต้องยอมรับเลยว่าคนหนุ่มตรงหน้าฉลาดหลักแหลม  แต่สิ่งที่คนผู้นี้ยังไม่รู้ก็คือ ผู้ที่กล้ามาแหย็มกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็เท่ากับมันผู้นั้นรนหาที่ตาย!

“เจ้าหนุ่ม ตัวเจ้าเองก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไหร่ แล้วทำไมถึงมีแก่นมายาและแกนชีวิตมากมายขนาดนี้ ถ้าเจ้าไม่ได้ขโมยมาแล้วไปได้มาอย่างไร?  อย่าบอกนะว่าเจ้าล่าพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเอง?”

หลี่เปียวยังคงกล่าววาจากดดันต่อไป เขาหวังจะให้ฉินอวี้โม่ยอมส่งแก่นมายาและแกนชีวิตมาแต่โดยดี  เพราะอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในอาคารสมาคมที่มีคนจำนวนมากเฝ้าดู  ถ้าเขาจะมือลงที่นี่ทันทีก็อาจจะมีปัญหาทีหลังได้

“ถ้าข้าบอกว่าข้าล่าพวกมันมาได้ล่ะ เจ้าจะว่ายังไง?”

ฉินอวี้โม่ไม่ได้เกรงกลัวหลี่เปียว นางตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

แก่นมายาและแกนชีวิตเหล่านี้นางเป็นผู้ที่รวบรวมมันมาด้วยตัวเอง  ในระหว่างที่ออกมาจากเมืองหลิงซีและกำลังเดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองเยว่กวางแห่งนี้  นางสั่งให้เสี่ยวเฮยหยุดพักในจุดที่มีอสูรมายาที่ระดับไม่สูงมากมารวมตัวกัน   อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูล่าอสูรมายาอยู่ที่นั่นหลายวัน  และใช้ช่วงเวลานั้นปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเอง เธอต้องการขัดเกลาทักษะที่ตนมีในชีวิตก่อนให้เข้าที่ และทำให้ตนเองเข้าใจกับวิธีการใช้พลังมายาของร่างใหม่  นอกจากนั้นเธอยังได้ทดสอบการผสานพลังมายาของร่างนี้เข้ากับวิชาโบราณที่เคยเรียนมาใช้ชีวิตก่อนด้วย

หลายวันผ่านไป แม้ว่าระดับพลังจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าวิญญาณของเธอและร่างใหม่นี้เริ่มจะเข้ากันได้ดียิ่งขึ้นจนเกือบจะใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ ทักษะต่างๆ ของเธอค่อยๆ ฟื้นกลับมา และบางทีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าชีวิตก่อนเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะพลังวิญญาณและพลังชีวิตที่แฝงอยู่ในธรรมชาติของดินแดนแห่งนี้มีมากกว่าที่โลกใบเดิมของเธอในชีวิตก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้  ความหนาแน่นของพลังในดินแดนนี้มากกว่าของโลกของเธอ หลายสิบเท่า จึงอาจจะไม่แปลกนัก ถ้าในดินแดนนี้เธอจะสามารถฝึกวิชาและทักษะต่างๆ ที่ในโลกก่อนไม่มีทางทำได้จนบรรลุถึงขีดสูงสุดได้

ฉินอวี้โม่ลองคำนวณอย่างคร่าวๆ แล้วพบว่า ปริมาณแก่นมายาและแกนชีวิตที่นางได้มาทั้งหมดจากการเก็บเกี่ยวระหว่างการเดินทางของนางในครั้งนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างน้อยๆ ก็หมื่นเหรียญทอง

นี่ยังไม่ได้คำนวณรวมกับมูลค่าเพิ่มของแกนชีวิตและแก่นมายาบางก้อนด้วย  เพราะในบรรดาแก่นมายาและแกนชีวิตเหล่านั้น มีส่วนหนึ่งที่เป็นของอสูรมายาระดับภูตที่มีดาราสูงๆ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นเงินที่นางควรจะได้รับก็จะต้องเพิ่มมากขึ้นอีก

“เจ้าเนี่ยนะล่า?”

หลี่เปียวจ้องมองฉินอวี้โม่ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสายตาไม่เชื่อก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหลวไหลทั้งเพ เจ้าจะบอกว่าตัวเองล่าได้ก็เรื่องของเจ้าเถอะ แต่ข้ากลัวว่าอย่างเจ้า แค่หมาป่าสายลมตัวเล็กๆ ก็ไม่มีปัญหาเอาชนะมันแล้ว”

เดิมทีคนรอบๆ ที่กำลังมองดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็รู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงหนุ่มน้อยบ้านนอกที่น่าสงสาร  แต่ทว่าเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าว พวกเขาก็หันกลับมามองนางด้วยสายตาดูถูก ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเชื่อคำพูดนั้น

‘เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ กลับกล้าบอกว่าตนเองล่าแก่นมายาและแกนชีวิตทั้งหมดนี้มาได้ด้วยตัวคนเดียว!  มีแต่เด็กอมมือเท่านั้นที่จะเชื่อ เล่นตลกอยู่หรือไง โกหกทั้งเพ!’

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เข้าใจวาจาเสียดสีของหลี่เปียวดี หมาป่าสายลมเป็นเพียงอสูรมายาระดับต่ำเท่านั้น การที่เขาบอกว่าฉินอวี้โม่ไม่สามารถเอาชนะมันได้จึงถือเป็นการดูถูกนางอย่างมาก

“เจ้าหนุ่ม เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าเจ้าจะยอมส่งแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนั้นมาหรือไม่ ถ้าเจ้าส่งมันมา ข้าจะยกโทษเรื่องที่เจ้าขโมยมันไปจากกลุ่มทหารรับจ้างของข้า  และข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเจ้า”

หลี่เปียวยื่นมือออกไปหาฉินอวี้โม่ เพื่อแสดงเจตนาว่าเขาพร้อมที่จะให้อภัยหนุ่มน้อยผู้นี้

เมื่อเห็นมือของหลี่เปียวที่ยืนมา ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม นางไร้ซึ่งความกลัวคนพาลผู้นี้  สตรีผู้งดงามในชุดบุรุษเมินเฉยต่อมือสกปรกที่ยื่นมาและไม่คิดจะส่งแก่นมายาและแกนชีวิตให้ด้วย

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดดำตรงหน้าไม่ขยับตัว สีหน้าของหลี่เปียวก็เข้มขึ้นและเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง เขาตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไอ้หนู ข้ายื่นไมตรีให้ดีๆ แต่เจ้ากลับต้องการคมดาบ คิดจะอวดดีกับข้าเรอะ!?”

“ไสหัวไป อย่ามายุ่งกับการแลกเปลี่ยนของข้า!” อดีตคุณหนูสี่ในชุดบุรุษสวนกลับไปด้วยการตวาดไล่

ตอนนี้ทั้งนางและเสี่ยวโร่วต้องการการพักผ่อน นางไม่ต้องการเสียเวลาเสวนากับอันธพาลไร้ค่าอย่างหลี่เปียวอีก  นางหันหน้ากลับมาเพื่อจะดำเนินการแลกเปลี่ยนต่อให้เสร็จสิ้น

“น้องชาย รีบจัดการให้ข้าที เสร็จแล้วข้าจะได้ไปหาสถานที่เหมาะๆ เพื่อพักผ่อน ”

ฉินอวี้โม่เพิกเฉยต่อหลี่เปียวอย่างสิ้นเชิง

“บังอาจ! ไอ้เด็กจองหอง ในเมืองเยว่กวางไม่มีผู้ใดกล้าไล่หลี่เปียวคนนี้!”

สีหน้าของหลี่เปียวดำคล้ำขึ้นมาทันที เขาหันไปสั่งคนที่อยู่ด้านหลัง

“ไปเอาแก่นมายาของพวกเราคืนมา และสั่งสอนเจ้าเด็กน้อยนั่นให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูง!”

“ขอรับ”

บุรุษร่างกำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เปียวพยักหน้ารับ ท่าทางคนผู้นี้ก็ดูอันธพาลไม่แพ้หัวหน้าของเขา ชายกำยำค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างคุกคาม

เมื่อเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มชุดดำ เขากลับไม่เห็นหนุ่มผู้นี้ปฏิกิริยาใดๆ ชายผู้นั้นจึงยื่นมือออกไปหมายจะหยิบถุงที่เก็บแก่นมายาและแกนชีวิตที่ฉินอวี้โม่วางไว้บนโต๊ะ

ทว่า ในตอนที่มือของเขาสัมผัสกับถุงนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของชายร่างใหญ่ผู้นั้นดังขึ้น

“กรี๊ดดดดดดดด!”

ชายกำยำดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงไม่ต่างจากสตรี  ไม่มีผู้ใดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทุกคนเห็นเพียงแค่ว่ามือของชายกำยำดูคล้ายจะถูกอะไรบางอย่างเล่นงานก่อนที่เขาจะกรีดร้องเป็นสตรีตกใจ

“ไอ้เด็กเวร กล้าลงมือกับข้า!”

ชายคนนั้นตะโกนอย่างโกรธแค้น เขายับยั้งความเจ็บปวดเอาไว้แล้วลงมือโจมตีเด็กหนุ่มชุดดำเสียงอย่างไม่ลังเล

“ข้าบอกให้ไสหัวไป!”

ฉินอวี้โม่เริ่มหมดความอดทนแล้ว เมื่อเห็นชายผู้นั้นโจมตีนาง เท้าเล็กก็ขยับอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาเลือนรางก่อนจะฟาดเข้าที่หน้าท้องของชายผู้นั้น

— ปัง! —

เกิดเสียง *ปัง* ดังขึ้นมา ชายเสียงแหลมถูกฉินอวี้โม่ถีบเข้าอย่างจังจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังด้านหนึ่งของอาคารสมาคมทหารรับจ้างอย่างแรง

ร่างกำยำกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะกระอักเลือดออกมาแล้วสลบไป

“ซี๊ด…”

เหล่าผู้ชมที่ดูอยู่ต่างพากันตื่นตะลึง พวกเขาสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดไม่ได้  ทุกคนรู้สึกได้ถึงความรุนแรงจากฝ่าเท้าของฉินอวี้โม่ ถ้าไม่ใช่เพราะผนังของอาคารสมาคมแห่งนี้แข็งแกร่งมากก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นั้นคงจะกระเด็นทะลุออกไปด้านนอกแล้ว

หลี่เปียวอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองนอนสลบอยู่บนพื้นก็ทำให้เขาเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม

“ไอ้สารเลว กล้าลงมือทำร้ายคนของข้า!”

ฉินอวี้โม่จ้องมองหลี่เปียวอย่างเย็นชาพลางกล่าว “ข้าเตือนแล้วว่าให้เจ้าไสหัวไป แต่เจ้าไม่ฟังแถมยังให้คนเข้ามาปล้นของของข้า!  ข้าก็แค่สั่งสอนให้คนผู้นั้นรู้จักที่ต่ำที่สูง เหมือนที่เจ้าพูดไว้ไง!”

หลังจากนั้นฉินอวี้โม่ในชุดบุรุษก็หันหน้ากลับไปพูดกับเจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยที่กำลังหวาดกลัวอยู่อีกครั้ง “เอ้า อย่ามัวแต่อึ้ง รีบๆ คำนวณเงินให้ข้าเร็วเข้า!”

หนุ่มน้อยผู้นั้นรีบพยักหน้าและคำนวณอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ได้ไปยั่วยุหรือหาเรื่องกับคนตรงหน้า หาไม่แล้วผู้ที่จะถูกเตะกระเด็นไปชนกำแพงอาจจะเป็นตัวเขาแทนก็ได้

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่เห็นตนอยู่สายตา หลี่เปียวก็กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้าสามคน เข้าไปเอาของมาให้ข้า จากนั้นก็สั่งสอนเจ้านั่นซะ ให้มันได้รู้สำนึกว่าอย่าอาจหาญคิดกระตุกหนวดหมาป่าปีศาจอย่างเรา!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของหลี่เปียว ชายร่างใหญ่อีกสามก็เดินออกมาจากด้านหลังของเขา แต่ครั้งนี้คนทั้งสามพุ่งตัวเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว

เมื่อได้เห็นสหายในกลุ่มถูกเล่นงานไป พวกเขาสามคนก็ไม่กล้าประมาทหนุ่มน้อยชุดดำผู้นี้ ทั้งสามจึงทุ่มสุดฝีมือตั้งแต่เริ่มต้น

ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ต่างกัน!

— ตุ๊บตั๊บๆ! —

ไม่มีผู้ใดมองตามการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ได้ทัน พวกเขาได้ยินเพียงเสียงฝ่าเท้ากระทบร่างกาย  ก่อนที่จะมองเห็นร่างของคนจากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจกระเด็นไปกระแทกกำแพงแล้วหมดสติไป

“สวรรค์….”

บางคนอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ ‘หนุ่มน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงมีฝีมือถึงเพียงนี้?’

อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนมากก็ยังไม่คิดว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกจะรอดไปได้ในวันนี้  เพราะถึงอย่างไร กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็ยังมีหลี่เปียวที่เป็นถึงยอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดารา และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้วาดหมัดเลยสักกระบวนท่า ถ้าหากคนผู้นั้นลงมือเอง ชีวิตของหนุ่มน้อยผู้นั้นต้องจบสิ้นอย่างไม่มีข้อสงสัยแน่

หลี่เปียวเองไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าลูกน้องทั้งสามคนของเขารับมือกับหนุ่มชุดดำนั่นไม่ได้แม้แต่น้อย เขาก็ไม่คิดจะส่งใครไปเอง

“เจ้าเด็กสามหาว กล้าลบหลู่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าคนที่กล้ามีเรื่องกลับพวกเราจะมีจุดจบยังไง”

กล่าวจบหลี่เปียวก็เปล่งเสียงคำรามดังลั่นแล้วพุ่งเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่ทันที

ฉินอวี้โม่ยื่นมองชายร่างใหญ่ที่พุ่งเข้ามาด้วยความสงบ อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วนางเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าระหว่างนางในตอนนี้กับยอดฝีมือขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราจะห่างชั้นกันมาแค่ไหน

อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ปะทะกัน  ฉินอวี้โม่ก็พบว่าจู่ๆ ร่างของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นขวางทางหลี่เปียวเอาไว้

และถัดออกไปไม่ไกลในทิศทางเดินที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นพุ่งมา มีสตรีสาววัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาในอาคารสมาคมพร้อมกับคนวัยหนุ่มสาวอีกสามคน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 31 สั่งสอนอันธพาล

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 31 สั่งสอนอันธพาล

บุรุษร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดตรงอยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่ สีหน้าและแววตาของพวกเขาดูไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย

เมื่อได้เห็นคนกลุ่มนั้นเดินเข้ามาด้วยท่าทางราวกับจะหาเรื่อง สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะก็เปลี่ยนไปทันที

เหล่าทหารรับจ้างที่อยู่รอบข้างต่างก็หันมามองฉินอวี้โม่ด้วยเช่นกัน พวกเขาเริ่มส่งเสียงซุบซิบกันอย่างออกรสในขณะที่มองดูหนุ่มน้อยในชุดดำสลับกับกลุ่มบุรุษร่างใหญ่ที่เดินเข้าไปหาเรื่อง ราวกับว่ากำลังมีละครฉากเด็ดให้ได้ดู

“จบแล้วล่ะ ข้าว่าหนุ่มคนนั้นคงจบแค่นี้แน่”

ผู้ลอบมองอยู่ต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ บางคนมองด้วยสายตาสมเพช บางคนมองด้วยสายตาเย้ยหยัน และมีบ้างที่ถอนหายใจออกมาด้วยความเวทนา ‘ไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ถึงได้กล้าเอา ‘สมบัติ’ มหาศาลอย่างนั้นมาแลกเงินที่นี่’  

เรื่องนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็คิดไม่ตกว่าควรจะตกใจกับเรื่องที่เขาสามารถรวบรวมแก่นมายาและแกนชีวิตได้มากมายขนาดนี้ หรือควรจะตกใจเรื่องความไร้เดียงสาของเขามากกว่ากันดี

“อีกฝ่ายเป็นกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ คนพวกนี้ยิ่งกว่าอัธพาล หยิ่งยโสมาก ไม่เคยเห็นหัวใครเลยในสมาคม   ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาหรอก”

เมื่อได้รู้ถึงตัวตนของกลุ่มชายร่างใหญ่ที่ปรี่เข้าไปหาเรื่อง คนจำนวนมากต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทอดถอนใจอย่างแสนเสียดายและเริ่มรู้สึกเสียใจกับ ‘หนุ่มน้อย’ ชุดดำที่ชีวิตทหารรับจ้างต้องมาจบลงเพียงเท่านี้

บุรุษร่างใหญ่เหล่านี้หาใช่ใครอื่น พวกเขาคือ ‘กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ’ ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดของเมืองเยว่กวางแห่งนี้

กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับสอง  ซึ่งเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งและมีอิทธิพลสูงสุดในเมืองเยว่กวาง

หัวหน้าของพวกเขาคือยอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดารา เขาเป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่ง และเป็นหนึ่งในบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองแห่งนี้

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าจะมีบ่อยครั้งที่กองทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจทำเรื่องนอกกฎหมาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดในเมืองกล้าเอาเรื่องพวกเขา

“เฮ้ ข้าว่าทางที่ดีพวกเจ้าน่าจะเงียบเสียงลงหน่อยนะ ถ้าหัวหน้าของพวกมันได้ยินเข้า ระวังจะเจ็บตัวเอาได้”   ใครคนหนึ่งกระซิบกระซาบเตือนขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น

ในตอนนี้ทุกคนต่างก็หยุดมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่จนหมดแล้ว และหันมาตั้งใจมองจุดที่กำลังเกิดเรื่องขึ้นอย่างเงียบๆ แทน  ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา

ฉินอวี้โม่หันหน้าไปมองต้นเสียงช้าๆ ก่อนจะเห็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสูงใหญ่ หน้าตาของคนผู้นี้ดูนถมึงทึงน่าหวาดกลัว เขากำลังยืนจ้องมองนางด้วยแววตาหิวกระหาย ความโลภในดวงตาน่ากลัวนั้นชัดเจนอย่างไม่อาจปกปิด

“เจ้าหนุ่ม เมื่อครู่เจ้าเดินผ่านกลุ่มทหารรับจ้างมาป่าปีศาจและแอบล้วงเอาของของเราไปตอนเผลอ  แล้วตอนนี้เจ้ายังกล้าเอาของที่เพิ่งขโมยมา มาแลกเป็นเงินที่สมาคมอย่างเปิดเผยอีกเรอะ เจ้าไม่อยากอยู่ดูตะวันวันพรุ่งนี้แล้วรึไง?!”

บุรุษสูงใหญ่รูปร่างกำยำผู้นี้ก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจนามว่าหลี่เปียว เขาจ้องมองฉินอวี้โม่พร้อมกับหักนิ้วเป็นการข่มขู่

“จริงเหรอ? เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ”

ฉินอวี้โม่จ้องมองหลี่เปียวอย่างไม่เกรงกลัว อีกทั้งยังกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าเป็นคนขโมยมันมา งั้นข้าขอถามเจ้าสามข้อ ข้อแรกเจ้าไปได้แก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากขนาดนี้มาจากที่ใด ข้อสองในมือข้าตอนนี้มีแก่นมายาและแกนชีวิตทั้งหมดเท่าไหร่  และข้อสุดท้ายพวกมันมาจากอสูรชนิดไหนบ้าง? หากของทั้งหมดนี่เป็นของเจ้า เรื่องเหล่านี้เจ้าก็ควรจะรู้”

คำพูดของฉินอวี้โม่ทำให้หลี่เปียวชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีเขาก็แค่บังเอิญเห็นตอนที่เจ้าหนุ่มชุดดำนี่เทแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากออกมาเท่านั้น  และดูจากท่าทางใสซื่อไม่รู้ความแล้วก็ทำให้เขาคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดาไร้ผู้มีอำนาจสนับสนุน   เพียงเขาข่มขู่ไปเล็กน้อยก็คงจะยอมได้โดยง่าย   ฉะนั้นเขาจึงคิดจะชิงแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนั้นมา

ต้องทราบก่อนว่าหากนำแก่นมายาและแกนชีวิตจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ไปแลกเป็นเงินแล้ว  เงินที่ได้รับมาจะมหาศาลเสียจนสามารถนำเอาไปพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างไม่ว่าจะกลุ่มใดให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้

“ใครมันจะไปสนใจนับแก่นมายาและแกนชีวิตที่มีกัน?! ที่สำคัญ วันๆ พวกเราฆ่าอสูรมายานับไม่ถ้วน ใครมันจะไปจำได้วะ?!”

หลี่เปียวไม่สนใจหาเหตุผลมาสู้กับหนุ่มน้อยตรงหน้า  เขาคิดว่ามันไร้สาระและเสียเวลา  อย่างไรเสียที่นี่ก็คือเมืองเยว่กวาง ในเมืองนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้ามีปัญหากับทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจอย่าพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องการแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องได้มันมา!

“หึ หึ หึ ผิดแล้วพี่ชาย ในเมื่อเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างก็ต้องมีระบบระเบียบเพราะต้องมีคนทำงานร่วมกันจำนวนมาก และแน่นอนว่าก็ต้องมีผู้ทำหน้าที่ตรวจนับและคัดแยกชนิดของแก่นมายาและแกนชีวิตอยู่แล้ว  เผื่อในกรณีที่มีคนยักยอกจะได้รู้ได้และเพื่อให้ง่ายเวลานำไปขึ้นเงิน  ในเมื่อเป็นกลุ่มทหารรับจ้างและยังเป็นกลุ่มใหญ่ภายในเมืองเยว่กวางแห่งนี้  แล้วเหตุใดกลุ่มของเจ้าถึงไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเลยล่ะ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มขำ ‘ต้องการจะปล้นของของเธอไปอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่มีสิทธิ์ปล้นคนอื่นได้  เธอคนนี้จะไม่ยอมให้ถูกใครหน้าไหนปล้นอย่างเด็ดขาด…ถ้าแน่จริงนักก็ลองดู เธอจะทำให้รู้ว่าของจริงเป็นยังไง

“ที่สำคัญ พวกเจ้าเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเยว่กวางและยังเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างระดับสอง  แต่กลับปล่อยให้ข้าตัวคนเดียวขโมยของของพวกเจ้าไปได้  กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเจ้ามีแต่คนตายรึไง!?”

ยิ่งฟังคำพูดและเหตุผลที่ฉินอวี้โม่ยกมากล่าว เหล่าคนที่แอบฟังอยู่โดยรอบก็ยิ่งเชื่อว่า กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจกำลังพยายามใช้กำลังขู่เพื่อแย่งชิงของของผู้อื่น  หนุ่มน้อยบ้านนอกถูกอันธพาลเมืองใหญ่หาเรื่องอีกทั้งยังจะปล้นเอาสมบัติมีค่าไป  ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกสงสารหนุ่มน้อยชุดดำผู้นี้

อย่างไรก็ตาม ความสงสารก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความยำเกรงที่มีต่ออิทธิพลของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ และนั่นก็ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอะไรออกมา

“เลิกพูดไหลวไหล  ข้าบอกว่าเจ้าขโมยมันไป เจ้าก็คือขโมย ถ้ายังไม่รีบยอมรับ  ก็อย่ามาตำหนิข้าเรื่องที่จะส่งตัวเจ้าไปให้ทางการลงโทษ!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้โม่ ใบหน้าของหลี่เปียวก็ชาวูบขึ้นมา ไม่มีเหตุผลข้อใดที่เขาโต้แย้งได้เลย แถมเจ้าบ้านนอกนี่บังอาจเหน็บแนมพวกเขาว่าไร้ปัญญาเหมือนคนตายและอ่อนแอปวกเปียก  หลี่เปียวจ้องหน้าฉินอวี้โม่อย่างเคียดแค้น  ในเมื่อไม่สามารถโต้เถียงได้หัวหน้ากลุ่มหมาป่าปีศาจจึงกล่าววาจาข่มขู่ออกไป

เขาต้องยอมรับเลยว่าคนหนุ่มตรงหน้าฉลาดหลักแหลม  แต่สิ่งที่คนผู้นี้ยังไม่รู้ก็คือ ผู้ที่กล้ามาแหย็มกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็เท่ากับมันผู้นั้นรนหาที่ตาย!

“เจ้าหนุ่ม ตัวเจ้าเองก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไหร่ แล้วทำไมถึงมีแก่นมายาและแกนชีวิตมากมายขนาดนี้ ถ้าเจ้าไม่ได้ขโมยมาแล้วไปได้มาอย่างไร?  อย่าบอกนะว่าเจ้าล่าพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเอง?”

หลี่เปียวยังคงกล่าววาจากดดันต่อไป เขาหวังจะให้ฉินอวี้โม่ยอมส่งแก่นมายาและแกนชีวิตมาแต่โดยดี  เพราะอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในอาคารสมาคมที่มีคนจำนวนมากเฝ้าดู  ถ้าเขาจะมือลงที่นี่ทันทีก็อาจจะมีปัญหาทีหลังได้

“ถ้าข้าบอกว่าข้าล่าพวกมันมาได้ล่ะ เจ้าจะว่ายังไง?”

ฉินอวี้โม่ไม่ได้เกรงกลัวหลี่เปียว นางตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

แก่นมายาและแกนชีวิตเหล่านี้นางเป็นผู้ที่รวบรวมมันมาด้วยตัวเอง  ในระหว่างที่ออกมาจากเมืองหลิงซีและกำลังเดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองเยว่กวางแห่งนี้  นางสั่งให้เสี่ยวเฮยหยุดพักในจุดที่มีอสูรมายาที่ระดับไม่สูงมากมารวมตัวกัน   อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูล่าอสูรมายาอยู่ที่นั่นหลายวัน  และใช้ช่วงเวลานั้นปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเอง เธอต้องการขัดเกลาทักษะที่ตนมีในชีวิตก่อนให้เข้าที่ และทำให้ตนเองเข้าใจกับวิธีการใช้พลังมายาของร่างใหม่  นอกจากนั้นเธอยังได้ทดสอบการผสานพลังมายาของร่างนี้เข้ากับวิชาโบราณที่เคยเรียนมาใช้ชีวิตก่อนด้วย

หลายวันผ่านไป แม้ว่าระดับพลังจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าวิญญาณของเธอและร่างใหม่นี้เริ่มจะเข้ากันได้ดียิ่งขึ้นจนเกือบจะใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ ทักษะต่างๆ ของเธอค่อยๆ ฟื้นกลับมา และบางทีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าชีวิตก่อนเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะพลังวิญญาณและพลังชีวิตที่แฝงอยู่ในธรรมชาติของดินแดนแห่งนี้มีมากกว่าที่โลกใบเดิมของเธอในชีวิตก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้  ความหนาแน่นของพลังในดินแดนนี้มากกว่าของโลกของเธอ หลายสิบเท่า จึงอาจจะไม่แปลกนัก ถ้าในดินแดนนี้เธอจะสามารถฝึกวิชาและทักษะต่างๆ ที่ในโลกก่อนไม่มีทางทำได้จนบรรลุถึงขีดสูงสุดได้

ฉินอวี้โม่ลองคำนวณอย่างคร่าวๆ แล้วพบว่า ปริมาณแก่นมายาและแกนชีวิตที่นางได้มาทั้งหมดจากการเก็บเกี่ยวระหว่างการเดินทางของนางในครั้งนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างน้อยๆ ก็หมื่นเหรียญทอง

นี่ยังไม่ได้คำนวณรวมกับมูลค่าเพิ่มของแกนชีวิตและแก่นมายาบางก้อนด้วย  เพราะในบรรดาแก่นมายาและแกนชีวิตเหล่านั้น มีส่วนหนึ่งที่เป็นของอสูรมายาระดับภูตที่มีดาราสูงๆ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นเงินที่นางควรจะได้รับก็จะต้องเพิ่มมากขึ้นอีก

“เจ้าเนี่ยนะล่า?”

หลี่เปียวจ้องมองฉินอวี้โม่ขึ้นๆ ลงๆ ด้วยสายตาไม่เชื่อก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหลวไหลทั้งเพ เจ้าจะบอกว่าตัวเองล่าได้ก็เรื่องของเจ้าเถอะ แต่ข้ากลัวว่าอย่างเจ้า แค่หมาป่าสายลมตัวเล็กๆ ก็ไม่มีปัญหาเอาชนะมันแล้ว”

เดิมทีคนรอบๆ ที่กำลังมองดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็รู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงหนุ่มน้อยบ้านนอกที่น่าสงสาร  แต่ทว่าเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าว พวกเขาก็หันกลับมามองนางด้วยสายตาดูถูก ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเชื่อคำพูดนั้น

‘เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ กลับกล้าบอกว่าตนเองล่าแก่นมายาและแกนชีวิตทั้งหมดนี้มาได้ด้วยตัวคนเดียว!  มีแต่เด็กอมมือเท่านั้นที่จะเชื่อ เล่นตลกอยู่หรือไง โกหกทั้งเพ!’

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เข้าใจวาจาเสียดสีของหลี่เปียวดี หมาป่าสายลมเป็นเพียงอสูรมายาระดับต่ำเท่านั้น การที่เขาบอกว่าฉินอวี้โม่ไม่สามารถเอาชนะมันได้จึงถือเป็นการดูถูกนางอย่างมาก

“เจ้าหนุ่ม เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าเจ้าจะยอมส่งแก่นมายาและแกนชีวิตพวกนั้นมาหรือไม่ ถ้าเจ้าส่งมันมา ข้าจะยกโทษเรื่องที่เจ้าขโมยมันไปจากกลุ่มทหารรับจ้างของข้า  และข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเจ้า”

หลี่เปียวยื่นมือออกไปหาฉินอวี้โม่ เพื่อแสดงเจตนาว่าเขาพร้อมที่จะให้อภัยหนุ่มน้อยผู้นี้

เมื่อเห็นมือของหลี่เปียวที่ยืนมา ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม นางไร้ซึ่งความกลัวคนพาลผู้นี้  สตรีผู้งดงามในชุดบุรุษเมินเฉยต่อมือสกปรกที่ยื่นมาและไม่คิดจะส่งแก่นมายาและแกนชีวิตให้ด้วย

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดดำตรงหน้าไม่ขยับตัว สีหน้าของหลี่เปียวก็เข้มขึ้นและเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้ง เขาตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไอ้หนู ข้ายื่นไมตรีให้ดีๆ แต่เจ้ากลับต้องการคมดาบ คิดจะอวดดีกับข้าเรอะ!?”

“ไสหัวไป อย่ามายุ่งกับการแลกเปลี่ยนของข้า!” อดีตคุณหนูสี่ในชุดบุรุษสวนกลับไปด้วยการตวาดไล่

ตอนนี้ทั้งนางและเสี่ยวโร่วต้องการการพักผ่อน นางไม่ต้องการเสียเวลาเสวนากับอันธพาลไร้ค่าอย่างหลี่เปียวอีก  นางหันหน้ากลับมาเพื่อจะดำเนินการแลกเปลี่ยนต่อให้เสร็จสิ้น

“น้องชาย รีบจัดการให้ข้าที เสร็จแล้วข้าจะได้ไปหาสถานที่เหมาะๆ เพื่อพักผ่อน ”

ฉินอวี้โม่เพิกเฉยต่อหลี่เปียวอย่างสิ้นเชิง

“บังอาจ! ไอ้เด็กจองหอง ในเมืองเยว่กวางไม่มีผู้ใดกล้าไล่หลี่เปียวคนนี้!”

สีหน้าของหลี่เปียวดำคล้ำขึ้นมาทันที เขาหันไปสั่งคนที่อยู่ด้านหลัง

“ไปเอาแก่นมายาของพวกเราคืนมา และสั่งสอนเจ้าเด็กน้อยนั่นให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูง!”

“ขอรับ”

บุรุษร่างกำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่เปียวพยักหน้ารับ ท่าทางคนผู้นี้ก็ดูอันธพาลไม่แพ้หัวหน้าของเขา ชายกำยำค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างคุกคาม

เมื่อเดินเข้าไปอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มชุดดำ เขากลับไม่เห็นหนุ่มผู้นี้ปฏิกิริยาใดๆ ชายผู้นั้นจึงยื่นมือออกไปหมายจะหยิบถุงที่เก็บแก่นมายาและแกนชีวิตที่ฉินอวี้โม่วางไว้บนโต๊ะ

ทว่า ในตอนที่มือของเขาสัมผัสกับถุงนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของชายร่างใหญ่ผู้นั้นดังขึ้น

“กรี๊ดดดดดดดด!”

ชายกำยำดึงมือของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงไม่ต่างจากสตรี  ไม่มีผู้ใดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ทุกคนเห็นเพียงแค่ว่ามือของชายกำยำดูคล้ายจะถูกอะไรบางอย่างเล่นงานก่อนที่เขาจะกรีดร้องเป็นสตรีตกใจ

“ไอ้เด็กเวร กล้าลงมือกับข้า!”

ชายคนนั้นตะโกนอย่างโกรธแค้น เขายับยั้งความเจ็บปวดเอาไว้แล้วลงมือโจมตีเด็กหนุ่มชุดดำเสียงอย่างไม่ลังเล

“ข้าบอกให้ไสหัวไป!”

ฉินอวี้โม่เริ่มหมดความอดทนแล้ว เมื่อเห็นชายผู้นั้นโจมตีนาง เท้าเล็กก็ขยับอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเงาเลือนรางก่อนจะฟาดเข้าที่หน้าท้องของชายผู้นั้น

— ปัง! —

เกิดเสียง *ปัง* ดังขึ้นมา ชายเสียงแหลมถูกฉินอวี้โม่ถีบเข้าอย่างจังจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังด้านหนึ่งของอาคารสมาคมทหารรับจ้างอย่างแรง

ร่างกำยำกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะกระอักเลือดออกมาแล้วสลบไป

“ซี๊ด…”

เหล่าผู้ชมที่ดูอยู่ต่างพากันตื่นตะลึง พวกเขาสูดหายใจเข้าลึกอย่างอดไม่ได้  ทุกคนรู้สึกได้ถึงความรุนแรงจากฝ่าเท้าของฉินอวี้โม่ ถ้าไม่ใช่เพราะผนังของอาคารสมาคมแห่งนี้แข็งแกร่งมากก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายผู้นั้นคงจะกระเด็นทะลุออกไปด้านนอกแล้ว

หลี่เปียวอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองนอนสลบอยู่บนพื้นก็ทำให้เขาเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม

“ไอ้สารเลว กล้าลงมือทำร้ายคนของข้า!”

ฉินอวี้โม่จ้องมองหลี่เปียวอย่างเย็นชาพลางกล่าว “ข้าเตือนแล้วว่าให้เจ้าไสหัวไป แต่เจ้าไม่ฟังแถมยังให้คนเข้ามาปล้นของของข้า!  ข้าก็แค่สั่งสอนให้คนผู้นั้นรู้จักที่ต่ำที่สูง เหมือนที่เจ้าพูดไว้ไง!”

หลังจากนั้นฉินอวี้โม่ในชุดบุรุษก็หันหน้ากลับไปพูดกับเจ้าหน้าที่หนุ่มน้อยที่กำลังหวาดกลัวอยู่อีกครั้ง “เอ้า อย่ามัวแต่อึ้ง รีบๆ คำนวณเงินให้ข้าเร็วเข้า!”

หนุ่มน้อยผู้นั้นรีบพยักหน้าและคำนวณอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ได้ไปยั่วยุหรือหาเรื่องกับคนตรงหน้า หาไม่แล้วผู้ที่จะถูกเตะกระเด็นไปชนกำแพงอาจจะเป็นตัวเขาแทนก็ได้

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่เห็นตนอยู่สายตา หลี่เปียวก็กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้าสามคน เข้าไปเอาของมาให้ข้า จากนั้นก็สั่งสอนเจ้านั่นซะ ให้มันได้รู้สำนึกว่าอย่าอาจหาญคิดกระตุกหนวดหมาป่าปีศาจอย่างเรา!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของหลี่เปียว ชายร่างใหญ่อีกสามก็เดินออกมาจากด้านหลังของเขา แต่ครั้งนี้คนทั้งสามพุ่งตัวเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว

เมื่อได้เห็นสหายในกลุ่มถูกเล่นงานไป พวกเขาสามคนก็ไม่กล้าประมาทหนุ่มน้อยชุดดำผู้นี้ ทั้งสามจึงทุ่มสุดฝีมือตั้งแต่เริ่มต้น

ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ต่างกัน!

— ตุ๊บตั๊บๆ! —

ไม่มีผู้ใดมองตามการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ได้ทัน พวกเขาได้ยินเพียงเสียงฝ่าเท้ากระทบร่างกาย  ก่อนที่จะมองเห็นร่างของคนจากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจกระเด็นไปกระแทกกำแพงแล้วหมดสติไป

“สวรรค์….”

บางคนอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ ‘หนุ่มน้อยผู้นี้เป็นใครมาจากไหน เหตุใดจึงมีฝีมือถึงเพียงนี้?’

อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนมากก็ยังไม่คิดว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกจะรอดไปได้ในวันนี้  เพราะถึงอย่างไร กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็ยังมีหลี่เปียวที่เป็นถึงยอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดารา และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้วาดหมัดเลยสักกระบวนท่า ถ้าหากคนผู้นั้นลงมือเอง ชีวิตของหนุ่มน้อยผู้นั้นต้องจบสิ้นอย่างไม่มีข้อสงสัยแน่

หลี่เปียวเองไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าลูกน้องทั้งสามคนของเขารับมือกับหนุ่มชุดดำนั่นไม่ได้แม้แต่น้อย เขาก็ไม่คิดจะส่งใครไปเอง

“เจ้าเด็กสามหาว กล้าลบหลู่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าคนที่กล้ามีเรื่องกลับพวกเราจะมีจุดจบยังไง”

กล่าวจบหลี่เปียวก็เปล่งเสียงคำรามดังลั่นแล้วพุ่งเข้าจู่โจมฉินอวี้โม่ทันที

ฉินอวี้โม่ยื่นมองชายร่างใหญ่ที่พุ่งเข้ามาด้วยความสงบ อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วนางเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าระหว่างนางในตอนนี้กับยอดฝีมือขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราจะห่างชั้นกันมาแค่ไหน

อย่างไรก็ตามยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ปะทะกัน  ฉินอวี้โม่ก็พบว่าจู่ๆ ร่างของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นขวางทางหลี่เปียวเอาไว้

และถัดออกไปไม่ไกลในทิศทางเดินที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นพุ่งมา มีสตรีสาววัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาในอาคารสมาคมพร้อมกับคนวัยหนุ่มสาวอีกสามคน

Options

not work with dark mode
Reset