“เหอะ ก็แค่อสูรมายาที่หยิ่งยโสตัวหนึ่ง ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด ข้าก็ไม่เชื่อว่าเจ้าจะเป็นคู่มือให้กับพวกเราที่มีจำนวนมากเช่นนี้ได้”
คนผู้หนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยท่าทีเย็นชา เขาเปล่งเสียงออกมาในลำคอ ไม่ได้เห็นราชาเขาเงินอยู่ในสายตา
ตอนนี้การที่พวกเขาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ต่อให้ราชาเขาเงินจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด พวกเขาก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากเป็นเช่นนั้นก็เข้ามา ผลจินหยินอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า หากพวกเจ้าไม่เข้ามาเด็ดมันไป เกรงว่ามันจะไม่เดินไปหาพวกเจ้าเอง” ราชาเขาเงินเผยรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมา มีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการเหน็บแนม
“ทุกๆคน เจ้าราชาเขาเงินที่หยิ่งยโสนี่ไม่ใช่ศัตรูที่จะรับมือได้ง่าย หากพวกเราไม่ร่วมมือกัน ก็คงจะไม่มีทางจัดการกับมันได้ หากไม่เอาชนะเจ้าราชาเขาเงินนี่ก่อน มันก็ไม่มีหวังที่จะเด็ดเอาผลจินหยินมา ดังนั้นข้าขอเสนอให้พวกเราร่วมมือกันและกำราบเจ้าราชาเขาเงินด้วยกัน”
คนผู้หนึ่งกวาดสายตามองทุกคนพลางเอ่ยออกมา
เขาเป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาดและทราบดีว่าราชาเขาเงินเป็นศัตรูที่รับมือได้ยาก ดังนั้นเขาจึงได้เสนอความคิดของตนเองออกไป ต้องการให้ทุกคนร่วมมือกัน
อย่างไรก็ตาม สายตาของคนผู้นี้ก็ไม่ได้มองไปที่ฝ่ายของฉีอวิ๋นเหล่ยหรือว่าฝ่ายของเฟิงอู๋ เพราะเขาทราบดีว่ากลุ่มของฉีอวิ๋นเหล่ยและกลุ่มของเฟิงอู๋จะไม่เลือกร่วมมือกับพวกเขา
“ตกลง พวกเราเห็นด้วย”
อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา ต้องการร่วมมือจัดการกับเจ้าราชาเขาเงิน
“พวกเราก็ไม่มีปัญหา!” คนอื่นๆที่เหลือก็ตกปากรับคำ พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเจ้าราชาเขาเงินนี่เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากจริงๆ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสามัคคีกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ลุยกันเถอะ”
ชายผู้นั้นพยักหน้าและก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป เขาทำหน้าที่นำทัพเพื่อบุกโจมตีราชาเขาเงิน
ขุมกำลังขนาดเล็กอื่นๆก็ไม่ได้ลังเลเช่นกัน พวกเขาต่างก็ปลดปล่อยการโจมตีไปที่ราชาเขาเงิน
เมื่อราชาเขาเงินเห็นผู้คนจำนวนมากที่กำลังโจมตีเข้าใส่มัน มันก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด แรงกดดันที่ทรงพลังได้แผ่ออกมาจากร่างของมันและกดทับไปที่ร่างของมนุษย์เหล่านี้
ในเวลาเดียวกัน ลูกบอลพลังมายาแต่ละลูกก็ปรากฏขึ้นบนมือของมันก่อนที่จะถูกโยนออกไปสู่กลุ่มคนเหล่านี้
ตึบ ตึบ ตึบ!!!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง บางคนถูกซัดจนกระเด็นออกไปโดยตรงพร้อมกับกระอักเลือดคำโตออกมากลางอากาศ
“ช่างมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”
เมื่อเห็นพลังอันน่าอัศจรรย์ที่ราชาเขาเงินแสดงออกมา ใครบางคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล เดิมทีที่กำลังจะลงมือโจมตีราชาเขาเงินก็หยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน
“อย่าลังเลเด็ดขาด ใช้นภายุทธ์จู่โจมร่วมกัน ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราที่มีจำนวนมากเช่นนี้จะเอาชนะเจ้าราชาเขาเงินไม่ได้” บุคคลที่เป็นผู้นำก็ไม่ได้อ่อนแอเลย เขาหลบหลีกการโจมตีของราชาเขาเงินไปได้และก็ครุ่นคิดวิธีการจัดการกับมันได้อย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย อึดใจต่อมา นภายุทธ์จำนวนมากก็ก่อรูปร่างขึ้นมา จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยการโจมตีนี้ไปสู่ราชาเขาเงินโดยที่ไม่มีความลังเล
แน่นอนว่าราชาเขาเงินก็ไม่กล้าที่จะประมาท มันรีบเปลี่ยนกลับคืนร่างเดิมอย่างรวดเร็ว
พริบตาต่อมา วิหคขนาดยักษ์ซึ่งมีเปลวไฟลุกโชนทั่วร่างและมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับหงส์แดงก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตาทุกคน
“กรรรร!” ในขณะเดียวกับที่คำราม ราชาเขาเงินก็ปลดปล่อยเปลวไฟนับไม่ถ้วนออกไปเพื่อเข้าปะทะกับนภายุทธ์จำนวนมากที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาที่มัน
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นชุด นภายุทธ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาล้วนไม่มีผลกับราชาเขาเงิน พวกมันละลายหายไปในเปลวไฟของราชาเขาเงินอย่างรวดเร็ว สลายหายไปในพริบตา
“ช่างเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนระอุเหลือเกิน!”
สีหน้าของทุกคนต่างก็บิดเบี้ยว เพียงกระบวนท่าเดียว ราชาเขาเงินก็ทำลายการโจมตีของทุกคนได้อย่างง่ายดาย สลายนภายุทธ์ไปทั้งหมด กล่าวได้ว่านภายุทธ์ของทุกคนไม่ได้มีผลกับมันแม้แต่น้อย
ปัง!
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีนภายุทธ์ของคนผู้หนึ่งที่ไม่ได้ถูกทำลายไปและพุ่งกระแทกไปที่ร่างราชาเขาเงินอย่างรุนแรง ส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมา
บุคคลผู้นี้ก็คือผู้ที่เอ่ยชักชวนคนอื่นๆตั้งแต่แรกและเขาก็เป็นบุคคลที่ทรงพลังที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้
ทว่าถึงแม้นภายุทธ์ของเขาจะพุ่งไปถึงตัวของราชาเขาเงินได้ มันกลับไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้กับราชาเขาเงินแม้แต่น้อย
ราชาเขาเงินเพียงสะบัดร่างกายของมันเล็กน้อย จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย นึกไม่ถึงว่านภายุทธ์ของเจ้าจะโจมตีถึงตัวข้าได้ ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก!” เมื่อถูกการโจมตีนี้เข้าไป ราชาเขาเงินก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา พลังในร่างกายของมันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สร้างแรงกดดันให้กับผู้คนที่อยู่รอบๆ
“ทุกๆคน รีบล่าถอยออกไปเร็ว พวกเราไม่ใช่คู่มือของเจ้าราชาเขาเงิน”
บุรุษผู้นำรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแผ่ออกมาจากร่างของราชาเขาเงิน เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรอีกต่อไป ร่างของเขากะพริบหายไปอย่างรวดเร็ว ล่าถอยออกไปไกล
อย่างไรก็ตาม เขาทำให้ราชาเขาเงินต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวด ดังนั้นจึงแน่นอนว่ามันไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ ทันใดนั้นมันก็อ้าปากออกมาและพ่นลูกเปลวเพลิงออกไปโดยตรง ต้องการที่จะเผาคนผู้นี้จนมอดไหม้
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากลูกเปลวเพลิงและไม่กล้าที่จะประมาท ร่างกายของเขาพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะหลบหลีกลูกเปลวเพลิงนี้
ทว่าลูกเปลวเพลิงก็เหมือนจะติดตามเขาไป อีกทั้งก็ไม่ได้แผ่วหรือช้าลงแม้แต่น้อย พุ่งตรงไปสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่นะ!”
ชายผู้นี้ไร้ซึ่งหนทางอื่น เขาทำได้เพียงหันหลังกลับมาและบีบเค้นพลังมายาทั้งหมดในร่างกายออกมา สร้างม่านพลังเพื่อป้องกันลูกเปลวเพลิงขนาดใหญ่นี้
ปัง!
เกิดเสียงดังก้องขึ้นมา ลูกเปลวเพลิงทะลวงผ่านม่านพลังของเขาและกระแทกเข้าไปที่ชายผู้นี้ ซัดเขาจนกระเด็นออกไปไกล
ร่างของเขาร่วงหล่นกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงก่อนที่จะพ่นเลือดคำโตออกมาจากปาก ลมหายใจของเขารวยรินเต็มที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ ลูกเปลวเพลิงอีกลูกก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาแล้วและกำลังจะพุ่งปะทะเข้ากับร่างของเขา
ชายผู้นี้ไม่มีเวลาที่จะป้องกัน ใบหน้าของเขาถอดสีและทำได้เพียงพึมพำออกมาอย่างอับจนหนทาง “ข้าคงมาได้เพียงเท่านี้!”
จากนั้นเขาก็หลับตาลงเพื่อรอคอยความตาย เหมือนกับยอมแพ้ให้กับชีวิต
“การป้องกันสมบูรณ์!”
ทว่าทันใดนั้นม่านพลังก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขา ป้องกันลูกเพลิงเปลวเอาไว้ได้
ลูกเปลวเพลิงตกอยู่ในสภาวะติดตายอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะทั้งม่านพลังและลูกเปลวเพลิงจะสลายหายไปในอากาศพร้อมกัน
“เฮ้ออ~” ชายผู้นั้นถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้นก่อนที่จะเห็นว่าฉีอวิ๋นเหล่ยเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเขาไว้
“นายน้อยฉี ขอบคุณท่านมากจริงๆ”
“ไม่ต้องคิดมาก”
ฉีอวิ๋นเหล่ยส่ายศีรษะ เขาคิดว่าชายผู้นี้เป็นคนดีทีเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องการช่วยบุคคลผู้นี้ไว้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่เข้าไปก้าวก่าย
“ฮ่าฮ่า ข้าเกรงว่าผลจินหยินคงจะไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อข้า ข้าจะจดจำบุญคุณของนายน้อยฉีในวันนี้ไว้ หากในอนาคตมีโอกาสล่ะก็ แน่นอนว่าข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณของนายน้อยฉี”
บุรุษผู้นั้นยิ้มอย่างหมดหนทางและมองไปที่ฉีอวิ๋นเหล่ยครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับกลุ่มผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง
“นี่คือบุรุษที่รู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อใดควรถอยเมื่อใดควรสู้ บุคคลเช่นนี้ย่อมเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์”
ซูเสี่ยวจวิ้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม คิดว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนดีทีเดียว
ฉีอวิ๋นเหล่ย เหวินซื่อชู่และแม้แต่ฉินอวี้โม่เองก็พยักหน้าเช่นกัน เห็นด้วยกับคำพูดของแม่นางตัวน้อย
หลังจากที่บุรุษผู้นั้นล่าถอยออกไป คนอื่นๆก็มองกันและกันก่อนที่จะถอยออกไปตามๆกัน ทว่าก็ยังมีบางคนที่ไม่ยอมจำนน ยังคงหลบซ่อนอยู่ในระยะที่ห่างออกไป พวกเขาไม่มีความคิดที่จะล่าถอย
“มนุษย์ ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะป้องกันลูกเปลวเพลิงของราชาผู้นี้ได้!” สายตาของราชาเขาเงินบรรจบลงที่ฉีอวิ๋นเหล่ยก่อนที่จะเอ่ยออกมา
ฉีอวิ๋นเหล่ยเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลก เนื่องจากลูกเปลวเพลิงเมื่อครู่นี้ของราชาเขาเงินยังไม่ใช่พลังเต็มเปี่ยมของมัน
หากมันใช้พลังทั้งหมดออกมาล่ะก็ แม้แต่ฉีอวิ๋นเหล่ยก็ไม่อาจต้านทานพลังของมันได้
พลังของราชาเขาเงินนี้อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ เทียบกับยอดฝีมือทั่วไป พลังของราชาเขาเงินนี้ถือว่าทรงพลังอย่างที่สุด
“พวกมันถอยกันไปหมดแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงยังไม่ไป!” ราชาเขาเงินยังคงพูดจาอย่างแข็งกร้าว น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“ที่พวกเรามาในวันนี้ พวกเราเพียงต้องการผลจินหยินไม่กี่ลูก หากราชาเขาเงินมอบมันให้กับพวกเราได้ พวกเราจะกลับไปในทันที จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล แต่ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะจากไป
ถึงแม้ว่าราชาเขาเงินจะทรงพลัง ทว่าหากพวกเขาลงมือกันอย่างเต็มที่ พวกเขาก็อาจจะเอาชนะมันได้
อย่างไรก็ตาม การที่จูตี๋และเฟิงอู๋ยังคงยืนอยู่ห่างออกไปและจับจ้องพวกเขาตลอดเวลานั้น พวกเขาก็ทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้
ราชาเขาเงินพยักศีรษะอย่างเรียบเฉยและไม่ได้กล่าวอะไร
จากนั้นมันก็หันไปหาเฟิงอู๋และคนอื่นๆก่อนเอ่ยออกมา “จุดประสงค์ของพวกเจ้าล่ะ?”
เมื่อจูตี๋และคนอื่นๆได้ยินคำกล่าวของราชาเขาเงิน เขาก็ตอบกลับไป “พวกเราต้องการผลจินหยินทั้งหมด หากวันนี้เจ้ายอมถอยไปแต่โดยดี พวกเราก็จะไม่แตะต้องเจ้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสิ้นดี มันขึ้นอยู่กับเจ้าอย่างนั้นรึ หากข้าปฏิเสธ เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
ราชาเขาเงินที่ได้ยินสิ่งที่จูตี๋และคนอื่นๆเอ่ยออกมานั้น มันก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
จากนั้นมันก็ไม่ได้ลังเลอีกและโจมตีตรงไปที่จูตี๋และคนอื่นๆ
“มนุษย์ ราชาผู้นี้จะยอมมอบผลจินหยินให้กับพวกเจ้าจำนวนหนึ่ง พวกเจ้าสามารถขึ้นไปเก็บมันได้ หลังจากที่ได้มาแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปเถิด” ราชาเขาเงินกล่าวกับฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆ ทว่าสิ่งที่มันกล่าวออกมากลับทำให้ทุกๆคนตกตะลึงอย่างมาก
“ราชาเขาเงินเป็นอสูรมายาที่ชาญฉลาด มันไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับพวกเราทั้งสองขุมกำลังในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันก็คงจะคิดว่าพวกเราเป็นคนดี ดังนั้นจึงปล่อยให้พวกเราเก็บผลจินหยินไปจำนวนหนึ่ง”
ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มออกมา นางคาดเดาถึงจุดประสงค์ของราชาเขาเงินได้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไปเก็บกันเถอะ”
ซูเสี่ยวจวิ้นยิ้มออกมาและเตรียมพร้อมที่จะขึ้นไปเก็บผลจินหยินมา
“ข้าไปเอง”
ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มอ่อนๆ เขากังวลว่าราชาเขาเงินอาจจะมีแผนการร้ายบางอย่างซ่อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องการขึ้นไปเก็บด้วยตนเอง
ทุกๆคนพยักศีรษะและเห็นด้วยกับความคิดของฉีอวิ๋นเหล่ย
เพียงชั่วครู่ ร่างของฉีอวิ๋นเหล่ยก็ปรากฏขึ้นข้างต้นจินหยิน
เขายื่นมือออกไปและเด็ดผลจินหยินออกมาสามผล เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายใดๆ เขาก็กลับไปหาฉินอวี้โม่และคนอื่นๆทันที
“อวี้โม่ ผลจินหยินนี่เป็นของเจ้า” ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มขณะมอบผลจินหยินให้กับฉินอวี้โม่โดยตรง
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน นางยื่นมือรับมันมา
“ขอบคุณราชาเขาเงิน ในเมื่อเสร็จสิ้นธุระแล้ว พวกเราก็ขอตัวก่อน” ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มให้กับราชาเขาเงินก่อนที่จะกล่าวอำลา
ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็พยักศีรษะ พวกเขาได้ทำตามข้อตกลงแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาหันหลังและเดินจากไป
ราชาเขาเงินเพียงยิ้มตอบโดยไม่เอ่ยอะไร จากนั้นมันก็โจมตีจูตี๋และคนอื่นๆต่อไป
เมื่อจูตี๋และคนอื่นๆเห็นว่ากลุ่มของฉีอวิ๋นเหล่ยได้ครอบครองผลจินหยินไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ พวกเขาก็มีสีหน้าที่มืดมนราวกับถ่าน
พวกเขาไม่คาดคิดว่าจู่ๆราชาเขาเงินจะมีน้ำใจเช่นนี้ หากพวกเขาทราบก่อน พวกเขาก็คงจะไม่เอ่ยเช่นนั้นไป ทว่าคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
ก่อนที่จะเดินออกไป ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆก็ส่งยิ้มให้กับกลุ่มของจูตี๋ แสดงสีหน้าความเย้ยหยันเล็กน้อย จากนั้นก็หายไปจากสายตาของผู้คนอย่างรวดเร็ว
………..
ในสถานที่ห่างไกลไปจากต้นจินหยิน ซูเสี่ยวจวิ้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก “เจ้าราชาเขาเงินนี่น่าสนใจทีเดียว”
ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆก็เพียงยิ้มตาม ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
“อวี๋โม่ พวกเรากำลังจะไปที่เมืองเยี่ยหลาย เจ้าต้องการมากับพวกเราหรือไม่?” ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มและเอ่ยถาม เขาคิดว่าฉินอวี้โม่อาจจะมีความคิดบางอย่างอยู่
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและบอกให้ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆกลับไปก่อน
เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะกลับไปง่ายๆเช่นนี้ นี่มันไม่ใช่สไตล์ของเธอ
.