ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มมุมปากตอบรับฉุ่ยเยว่โดยไม่ได้ออกความเห็นใดๆ
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเปิดเผยตัวฉินอวี้โม่และไม่บอกผู้ใดว่า ‘บุรุษลึกลับ’ ข้างกายแท้จริงแล้วคือคุณหนูสี่ตระกูลฉินที่ผู้คนต่างก็พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
หนึ่งสตรีสองบุรุษสนทนาพาทีกันอยู่พักใหญ่และบรรยากาศการพูดคุยของพวกเขาก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“จริงสิ ไม่ทราบว่าแม่นางฉุ่ยเยว่รู้รึไม่ว่าในงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้จะมีรางวัลอะไรสำหรับผู้เข้าร่วมบ้าง ?”
ฉินอวี้โม่คิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง นางยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรางวัลในงานมากนัก ในเมื่อหอนางโลมแห่งนี้ทรงพลังและขึ้นชื่อด้านข่าวสารก็น่าจะมีข้อมูลนี้เช่นกัน
“คุณชายต้องการจะเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมในปีนี้ด้วยรึเจ้าคะ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของบุรุษลึกลับ ฉุ่ยเยว่ก็ชะงักไปเล็กน้อยและอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
ฉินอวี้โม่ไม่ได้ปกปิดเป็นความลับจึงพยักศีรษะเป็นการยืนยันในสิ่งที่อีกฝ่ายสงสัย
“ฮิฮิ ถ้าเช่นนั้นข้าจะเป็นคนบอกคุณชายเอง”
ฉุ่ยเยว่ยิ้มพลางเรียบเรียงข้อมูลที่มี
“งานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้ รางวัลต่าง ๆ ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าปีก่อนๆพอสมควรโดยรางวัลสูงสุดในปีนี้คือแผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียน”
ข้อมูลจากฉุ่ยเยว่ทำให้ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยมองหน้ากันและพยักศีรษะอย่างรู้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร
แม้ว่าทั้งสองคาดเดาได้มาก่อนและทราบว่าจะมีสมบัติล้ำค่าหลายอย่างในงานชุมนุมช่างหลอม ทว่าฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดว่าจะมีรางวัลเป็นแผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนจริง ๆ
ยอดฝีมือขอบเขตเซียนแข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตจ้าวสุริยะหลายสิบเท่าตัวนัก ซึ่งการที่มันเป็นแผ่นที่ของยอดฝีมือในระดับนี้ ไม่ต้องสงสัยว่าหากผู้ใดได้มีโอกาสเข้าไปที่นั่น คนผู้นั้นจะต้องได้สมบัติล้ำค่ามากมายอย่างแน่นอน
“เพียงแต่บรรดาจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ต่างก็ลึกลับซับซ้อนอย่างยิ่ง”
ฉุ่ยเยว่หยุดชั่วคราวก่อนกล่าวต่อ “จากข่าวที่หอนางโลมของเราได้รับ ช่างหลอมจำนวนมากจากทั่วดินแดนจะเข้าร่วมงานชุมนุมในปีนี้และจะมีช่างหลอมอุปกรณ์ระดับสูงจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมเช่นกัน นอกเหนือจากขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬ ขุมกำลังใหญ่อีกหลายกลุ่มก็จะส่งตัวแทนมาเข้าร่วมงานเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะคว้าอันดับดี ๆ และคว้ารางวัลในงานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉุ่ยเยว่ คุณหนูสี่ตระกูลฉินก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย นางพอจะคาดเดาสถานการณ์โดยรวมได้อยู่แล้ว ทว่าบุรุษผู้อ่อนโยนข้างกายนางถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจจริง ๆ ดูเหมือนว่าแผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนจะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจต่อทุกคน”
ฉินอวี้โม่ไม่คาดคิดว่าฉีอวิ๋นเหล่ยจะไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
แม้ว่างานชุมนุมช่างหลอมในดินแดนอ้างว้างจะเป็นงานใหญ่ประจำปีงานหนึ่ง โดยปกติแล้วขุมกำลังและตระกูลใหญ่หลายตระกูลก็จะไม่ได้เข้าร่วมงาน
ทว่าในปีนี้จะมีผู้คนมากมายเข้าร่วมงานชุมนุมครานี้ แม้แต่ขุมกำลังและตระกูลใหญ่ ๆ ต่างก็ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมโดยผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เดียวกันซึ่งก็คือแผนที่ดังกล่าว
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้วเจ้าค่ะ แผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนนี้จะทำให้ผู้คนมากมายแย่งชิงกันอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรแล้วในดินแดนอ้างว้างของเราก็มีขีดจำกัดพอสมควรซึ่งยากที่จอมยุทธ์จะทะลวงพลังเลื่อนระดับไปถึงขอบเขตเซียนได้ เป็นเวลาช้านานหลายศตวรรษมาแล้วที่ไม่มีจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนปรากฏในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ หากใครได้แผนที่และเข้าไปที่ซากปรักหักพังแห่งนั้น คนผู้นั้นอาจสืบทอดมรดกของจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนก็เป็นได้ เมื่อถึงตอนนั้นจอมยุทธ์ผู้ทรงพลังในดินแดนอ้างว้างของเราก็อาจจะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตเซียนได้สำเร็จ เพราะเหตุนั้นงานชุมนุมช่างหลอมในปีนี้จึงน่าจะคึกคักเป็นพิเศษ”
ฉุ่ยเยว่ยิ้มด้วยความตื่นเต้นและอธิบายยาวเหยียดอย่างกระตือรือร้นด้วยอากัปกิริยาที่ดูน่าขบขันเล็กน้อย
ในปีนี้ งานชุมนุมช่างหลอมจะได้รับความสนใจมากกว่าครั้งก่อน ๆ สตรีอันดับหนึ่งของหอนางโลมมั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องสนุก ๆ มากมายเกิดขึ้นในงานอย่างแน่นอน
“นอกเหนือจากแผนที่ซากปรักหักพังที่ว่าก็ยังมีของดีอื่นๆอีกหลายชิ้นเลยเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเตาหลอมที่จัดเป็นหนึ่งในสามเตาหลอมที่ดีที่สุดในโลกของการหลอมอุปกรณ์—เตาหลอมปากั่ว อีกทั้งยังมีทักษะยุทธ์ดี ๆ อีกมากมาย ทว่าเมื่อเทียบกับแผนที่ซากปรักหักพังแล้วนั้น แน่นอนว่าสิ่งอื่นล้วนด้อยค่าไปเลย”
ฉุ่ยเยว่กล่าวเสริมถึงรางวัลอื่น ๆ ในงานครั้งนี้
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ บัดนี้นางเข้าใจภาพรวมของงานเพิ่มขึ้นมากแล้ว งานชุมนุมและของรางวัลในงานนี้เป็นที่คาดหวังของผู้คนมากมาย
หลังจากอยู่ต่อในหอนางโลมอีกพักใหญ่ ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋ยเหล่ยก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวอำลาฉุ่ยเยว่
ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยใช้เวลาอยู่ที่นี่นานครึ่งค่อนวันแล้ว หากยังไม่กลับไปในตอนนี้ ทั้งสองเกรงว่าเหวินซื่อชู่และซูเสี่ยวจวิ้นจะเป็นกังวลและออกมาตามหา
แน่นอนว่าฉุ่ยเยว่ไม่ได้ขัดขวางและบอกเด็กรับใช้ให้ส่งทั้งสองกลับด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม นางยังบอกบุรุษทั้งสองอีกว่าหากมีโอกาสก็เชิญทั้งสองมาที่นี่และสนทนาพาทีกันอีก
ทั้งสองตอบตกลงและกลับออกจากหอนางโลม
หลังจากทั้งสองออกจากหอนางโลม แสงพร่าเลือนก็ปรากฏในห้องที่ทั้งสองนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“คารวะนายท่าน !”
บานประตูปิดลงเบา ๆ หลังจากฉุ่ยเยว่ขยับสะบัดมือ จากนั้นนางก็คุกเข่าลงด้วยอากัปกิริยาเคารพเทิดทูนและเอ่ยออกไปในทิศทางของแสงนั้น
“ลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่เจ้าทำได้ดีมาก”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นโดยไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ ในน้ำเสียง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ นายท่าน”
ฉุ่ยเยว่ยิ้มน้อย ๆ พร้อมเหยียดกายลุกขึ้น
“นายท่าน เมื่อครู่ใช่คนที่ท่านตามหาหรือไม่เจ้าคะ ?”
ฉุ่ยเยว่อดถามออกไปไม่ได้ นางสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับฉินอวี้โม่ ‘บุรุษ’ เมื่อครู่อย่างมาก
“อย่าถามอะไรมากนักเลย เรื่องบางเรื่องเจ้าจะได้รู้เองเมื่อถึงเวลาที่สมควร”
เสียงแหบพร่าตอบกลับและยังไร้ซึ่งความแปรปรวนใด ๆ เช่นเดิม
“ในอนาคตหากนางมาที่หอนางโลมและอยากรู้อะไรเพิ่มเติม จงให้คำตอบทุกอย่างที่นางถาม และอีกอย่าง ในงานชุมนุมช่างหลอม หากนางต้องการความช่วยเหลือก็ไม่ต้องลังเลแต่อย่างใด ข้ายังมีเวลาอีกสักพักก่อนออกไป รอจนกว่าข้าจะออกไป หลังจากนั้นเจ้าจะได้รู้ด้วยตัวเอง”
เสียงแหบพร่ากล่าวทิ้งท้ายก่อนแสงพร่าเลือนดับลงอย่างไร้ร่องรอย
“รับทราบ นายท่าน !”
ฉุ่ยเยว่กล่าวด้วยความเคารพ ทว่าบัดนี้สิ่งที่นางสนใจมากกว่าคือตัวตนของฉินอวี้โม่ผู้ลึกลับ
แน่นอนว่าคุณหนูสี่ตระกูลฉินและฉีอวิ๋นเหล่ยไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในห้องนั้นหลังจากที่ทั้งสองออกจากหอนางโลมไป ทั้งสองไม่ทราบเลยว่าสาเหตุที่แม่นางฉุ่ยเยว่บอกข้อมูลทั้งหมดโดยไม่บิดปังเช่นนั้นเป็นเพราะนางได้รับคำสั่งมาจากใครอื่น
อย่างไรก็ตาม อากัปกิริยาของฉุ่ยเยว่ในหอนางโลมทำให้อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูตะขิดตะขวงใจแปลก ๆ
“พี่อวิ๋นเหล่ย ท่านรู้สึกรึไม่ว่าตอนที่เราอยู่ในหอนางโลมเมื่อครู่ ดูเหมือนแม่นางฉุ่ยเยว่จะพยายามลองเชิงข้า ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย
บุรุษผู้อ่อนโยนพยักศีรษะและกล่าว “ข้าก็รู้สึกว่าฉุ่ยเยว่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าและจงใจทดสอบเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น หอนางโลมเป็นสถานที่ที่ลึกลับมาตลอด เป็นที่รู้กันดีว่ายากยิ่งนักที่แม่นางฉุ่ยเยว่จะยอมพบใครและมีคนมากมายที่ต้องการพบนาง ความร่วมมืออย่างว่าง่ายของนางทำให้ข้าสงสัยไม่น้อย”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและขมวดคิ้วมุ่น
นางเพิ่งมาที่ดินแดนอ้างว้างได้เพียงไม่นานและยังไม่รู้จักใครมากนัก แล้วเหตุใดหญิงคณิกาจากหอนางโลมจึงรู้จักตัวตนของนาง? เหตุใดอีกฝ่ายจึงพยายามหยั่งเชิงนางเช่นนั้น? สิ่งที่เกิดขึ้นน่าประหลาดจนอดีตนักฆ่าอย่างนางฉงนและคลางแคลงใจ
“อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกได้ว่าแม่นางฉุ่ยเยว่ไม่ได้มีความเจตนาร้ายแอบแฝง อีกอย่าง หอนางโลมก็ลึกลับมากเกินไป มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เช่นนั้นก็อย่าคิดมากเกินไปให้ปวดหัวเลย รอดูต่อไปเถอะ”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าว
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ได้เอ่ยตอบอะไรอีก
เรื่องของหอนางโลมทำให้นางวิตกกังวลเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะระแวดระวังมากขึ้นในอนาคต หากได้รู้จุดประสงค์แอบแฝงของคนจากหอนางโลม นางจึงจะคลายความกังวลได้
ทั้งสองพูดคุยพลางหัวเราะกันขณะเดินกลับโรงเตี๊ยมที่จองไว้ในตอนเช้า
ณ โรงเตี๊ยม ซูเสี่ยวจวิ้นและเหวินซื่อชู่กำลังโต้เถียงกันจนคอเป็นเอ็น
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยยังไม่กลับมาทั้งที่เวลาล่วงเลยไปมากแล้ว ดรุณีน้อยจึงเสนอให้ออกไปตามหาทั้งสองที่หอนางโลม ทว่าเหวินซื่อชู่ไม่เห็นด้วยและห้ามปรามนางไว้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างที่เห็น ทั้งสองปะทะคารมกันอยู่ในโรงเตี๊ยมและซูเสี่ยวจวิ้นดูไม่สบอารมณ์เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยเดินกลับมา ร่องรอยความไม่พอใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ของซูเสี่ยวจวิ้นก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที นางรีบปรี่เข้าไปต้อนรับคนทั้งสองพร้อมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“พี่อวี๋โม่ พี่อวิ๋นเหล่ย พวกท่านกลับมาแล้ว !”
ซูเสี่ยวจวิ้นดีใจมากและรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“เด็กน้อย เจ้าไม่เชื่อฟังคำพูดของพี่ชายอีกแล้วนะ ”
ฉีอวิ๋นเหล่ยโยกศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กจอมดื้อพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
ซูเสี่ยวจวิ้นแลบลิ้นปลิ้นตาพร้อมส่ายศีรษะและกล่าวด้วยน้ำเสียงแกมไม่พอใจ “ข้าจะกล้าได้อย่างไรล่ะ? มันเพียงแค่พี่ซื่อชู่ไม่ยอมให้ข้าไปหาพวกท่าน ข้าก็เลยหงุดหงิดไปหน่อยเท่านั้น”
เมื่อเห็นท่าทางเอาแต่ใจของเด็กน้อย ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็อดหัวเราะไม่ได้
“พี่อวี๋โม่ เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิว่าหอนางโลมเป็นอย่างไร ?”
ซูเสี่ยวจวิ้นเกาะแขนพร้อมมองฉินอวี้โม่ ดวงตากลมโตเป็นประกายแบบเด็กน้อยขี้สงสัย
นางอยากรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหอนางโลมเป็นอย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินซื่อชู่ยืนกรานสั่งไม่ให้นางไปที่นั่น นางก็อยากไปดูให้เห็นด้วยตาของตนเอง
“อืม.. มันก็เหมือนโรงน้ำชาทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและบอกเสี่ยวจวิ้นถึงลักษณะของหอนางโลม
“เหตุใดจึงฟังดูธรรมดานัก ข้านึกว่ามันจะเป็นสถานที่ที่พิเศษกว่านั้นเสียอีก”
คำตอบของฉินอวี้โม่ดับความตื่นเต้นทั้งหมดในหัวใจของซูเสี่ยวจวิ้นจนนางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นางนึกว่าหอนางโลมจะเป็นเหมือนอย่างที่เคยอ่านในตำราเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของหอนางโลมในการสืบหาข่าวสารทำให้นางแปลกใจ
“ความสามารถในการตรวจหาข่าวกรองของหอนางโลมนั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากขุมกำลังเอกพิภพแค่ไหน”
ซูเสี่ยวจวิ้นอดพูดบางอย่างออกไปไม่ได้
เอกพิภพมักจะเป็นกลุ่มหน่วยข่าวกรองอันดับหนึ่งของดินแดนอ้างว้างมาโดยตลอด แม้แต่ข่าวเกี่ยวกับฉินอวี้โม่ในหุบเขาหงส์ร่วงก็เป็นที่ทราบอย่างรวดเร็วซึ่งแสดงให้เห็นว่าขุมกำลังเอกพิภพนั้นไม่ธรรมดาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ขุมกำลังเอกพิภพก็ยังลึกลับยิ่งนัก มีคนเพียงน้อยนิดที่รู้ว่าเอกพิภพตั้งอยู่ที่ใด ฉินอวี้โม่ไม่เคยพบคนจากขุมกำลังดังกล่าว นางรู้เพียงว่ามีกลุ่มอิทธิพลทรงพลังและอัศจรรย์เช่นนั้นในดินแดน
“ข้าคิดว่าเอกพิภพมีอิทธิพลมากกว่า”
ฉีอวิ๋นเหล่ยยังเชื่อว่าเอกพิภพทรงพลังมากกว่า ถึงอย่างไรแล้วหอนางโลมก็ไม่ใช่กลุ่มที่ช่ำชองเชี่ยวชาญด้านการสืบเสาะข้อมูลข่าวกรอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเช่นนี้ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ทว่าเขายังจับประเด็นไม่ได้
ฉินอวี้โม่เองก็รู้สึกถึงบางอย่าง ทว่านางก็นึกไม่ได้เช่นกัน นางรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามองข้ามอะไรบางอย่างไป
“เอาล่ะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ ทุกคนแยกย้ายกันไปพักก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเดินทางกันต่อ”
บุรุษผู้อ่อนโยนยิ้มและบอกให้ทุกคนแยกย้ายไปพักก่อนเอาแรงสำหรับการเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น
พวกเขายังอยู่ไกลจากเมืองไป๋อวี้พอสมควรและต้องเร่งความเร็วเพื่อไปให้ถึงตัวเมืองภายในเจ็ดวันก่อนถึงวันงานชุมนุมช่างหลอม
เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะสืบเสาะข้อมูลในเมืองไป๋อวี้และเตรียมความพร้อมสำหรับงานที่จะเกิดขึ้น นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะได้อันดับดี ๆ ในงานชุมนุม
.