“ท่านลุง ข้าว่าท่านเจ็บหนักทีเดียว ท่านมาหลบข้างหลังพวกเราและรักษาตัวก่อนจะดีกว่า”
ซูเสี่ยวจวิ้นบอกบุรุษสูงวัยที่บาดเจ็บด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความจิตใจดี
ฉินอวี้โม่ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินวาจาของดรุณีน้อย เด็กน้อยเจ้าเล่ห์นี่เหตุใดครานี้จึงสมองทึบจนโดนหลอกเสียได้ง่ายๆเช่นนี้
เมื่อสหายอู๋พยักศีรษะตอบรับพลางเดินโซเซตรงไปหาซูเสี่ยวจวิ้นและคณะ อดีตนักฆ่าสาวผู้อำพรางตัวอยู่ในมุมมืดก็ไม่รีรออีกต่อไปและค่อยๆก้าวออกไปแสดงตัว
“พี่อวิ๋นเหล่ย เสี่ยวจวิ้น มีเรื่องอะไรงั้นรึ?”
เสียงของฉินอวี้โม่ดังขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน สหายอู๋ที่เพิ่งก้าวเดินก็ชะงักฝีเท้าและจดจ่อสายตาไปที่ผู้มาใหม่เช่นกัน
สหายไห่เองก็จับจ้องไปที่ฉินอวี้โม่เช่นกัน ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด เขาเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย
“พี่อวี๋โม่ ท่านกลับมาแล้ว !”
ทันทีที่เห็น ‘พี่ชาย’ คนโปรดเดินกลับมา ซูเสี่ยวจวิ้นยิ้มกว้างและโผเข้าหาด้วยความดีใจ
คุณหนูสี่ตระกูลฉินในคราบบุรุษแทบเหงื่อตกกับอากัปกิริยาของเด็กสาวขณะยกมือขึ้นขวางอ้อมกอดเต็มเหนี่ยวของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและลูบศีรษะเล็กๆของนาง
ดรุณีน้อยผู้นี้ตื่นเต้นออกนอกหน้ามากเกินไปจริงๆและความกระตือรือร้นนี้มากเกินกว่าที่วิญญาณสมัยใหม่อย่างนางจะทนไหว
“เสี่ยวจวิ้น บอกพี่ชายซิว่าคนพวกนี้คือใคร?”
ฉินอวี้โม่เหลือบสายตาไปที่สหายไห่และสหายอู๋พร้อมรอยยิ้มที่ยากเกินคาดเดาซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดระแวงขึ้นมา
เด็กสาวไม่ได้คิดอะไรมากนักและบอก ‘พี่ชาย’ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
แน่นอนว่านางเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว สาเหตุที่นางเอ่ยเช่นนี้ออกมาเป็นเพียง ‘การแสดง’ ฉากหนึ่งของนางเท่านั้น
ทันทีที่สิ้นเสียงซูเสี่ยวจวิ้น ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากและเดินเข้าไปยืนข้างฉีอวิ๋นเหล่ย
หลังจากมองสหายอู๋ครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับเขา “ท่านลุง ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของท่านจะไม่ได้รุนแรงนัก”
เมื่อได้ยินวาจาที่ฟังดูเหมือนรู้ทันของบุรุษลึกลับ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
ทันทีที่บุรุษลึกลับผู้นี้ปรากฏตัวก็ทำให้เขาชะงักกึกจนลืมตัวเผลอหลุดจาก ‘บทบาท’ ของตนเอง
อาการบาดเจ็บของเขาไม่รุนแรงอย่างแท้จริงทว่าเขาเพียงแสดงทั้งหมดออกมา บัดนี้เมื่อลืมตัวและสมาธิถูกเบี่ยงเบน เขาก็แทบเผยธาตุแท้ออกมา
“เอ่อ.. คุณชายพูดเล่นงั้นรึ? หากบาดแผลของข้าไม่รุนแรง ข้าจะมีสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?”
สีหน้าของเขาซีดเผือดลงด้วยความหวาดระแวงว่าจะถูกจับได้
อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูก็อดยิ้มมุมปากน้อยๆไม่ได้ บุรุษตรงหน้ากล้าแสดงแสร้งทำต่อไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน
เมื่อฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่ได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็มองหน้ากันสลับกับมองนางด้วยความฉงน ทว่าไม่ได้เอ่ยพูดอะไรและเพียงแต่มีสีหน้าที่กำลังครุ่นคิด
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงต้องเข้ามาสอดเรื่องคนอื่นด้วย?”
สหายไห่มองบุรุษผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่เย็นชา แรงกดดันจากร่างกายของเขาแผ่ตรงไปที่อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
เขารู้จักฉีอวิ๋นเหล่ยและอีกสองคน ทว่าเขาไม่รู้จักบุรุษลึกลับที่เพิ่งปรากฏตัวนี้ ฉินอวี้โม่ถือเป็นตัวละครที่ไม่คาดไม่ถึงในแผนการชั่วร้ายของพวกเขา
ด้วยเหตุนั้นเมื่อเห็นฉินอวี้โม่ สองสหายก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยและความวิตกกังวลเริ่มก่อตัวในหัวใจ
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่ใครที่สลักสำคัญหรอก ข้าก็แค่คนคนหนึ่งที่เพิ่งได้เป็นสหายพวกพ้องกับพี่อวิ๋นเหล่ย เสี่ยวจวิ้นและคนอื่นๆโดยบังเอิญ”
คุณหนูสี่ผู้แฝงตัวเป็นบุรุษยิ้มมุมปากและกล่าว “ท่านคือผู้นำของขุมกำลังเมฆาทะยานอย่างนั้นรึ?”
นางหันไปหาสหายไห่และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความแปรปรวน
“ใช่ ข้าคือผู้นำขุมกำลังเมฆาทะยาน—ไห่ป้าหวัง!”
ไห่ป้าหวังพยักศีรษะและกล่าวตอบโดยอัตโนมัติ
“ไห่ป้าหวัง ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูน่าเกรงขามยิ่งนัก”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ นางอดหัวเราะในลำคอไม่ได้และกล่าว “เพียงแต่..เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ากลิ่นอายสกปรกน่ารังเกียจของท่านรุนแรงมาก ชื่อที่น่าเกรงขามเช่นนี้ไม่เข้ากับตัวท่านแม้แต่น้อย!”
*海霸王 ไห่ป้าหวัง = ผู้พิชิตทะเล
เมื่อได้ยินวาจาของบุรุษผู้มาใหม่ สีหน้าของไห่ป้าหวังก็เปลี่ยนกลายเป็นบิดเบี้ยวจนแทบดูไม่ได้อีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีฝีปากกล้าเช่นนี้และวาจาที่เอ่ยออกมานั้นไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย ไม่ได้แตกต่างไปกับการใช้ฝ่ามือฟาดหน้าเขาฉาดใหญ่!
“ไอ้เด็กเวร พูดบ้าอะไรของเจ้า!?”
สีหน้าแววตาของไห่ป้าหวังดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิมและร่างของเขาพุ่งตรงไปข้างหน้าหมายจะจัดการกับเด็กหนุ่มปากเสียอย่างไม่รีรอ
“ช้าก่อน!”
ฉินอวี้โม่เอ่ยขึ้นเบาๆหยุดการจู่โจมของบุรุษผู้โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไห่ป้าหวังจึงหยุดสิ่งที่กำลังจะกระทำและฟังอีกฝ่าย แววตาที่เขามองบุรุษตรงหน้าเจือความฉงนอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าฮ่า ข้าจะสู้กับท่านในอีกประเดี๋ยว ท่านผู้นำขุมกำลังเมฆาทะยานอย่ารีบร้อนไป”
ฉินอวี้โม่เลื่อนสายตาไปมองสหายอู๋และกล่าว “ให้ข้าตรวจดูอาการบาดเจ็บของท่านสักหน่อยเถอะ บังเอิญว่าข้าได้ศึกษาทักษะทางการแพทย์มามาก หากท่านอาการสาหัสจริงๆ ข้าจะได้ทำการรักษาเบื้องต้นที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที ไม่เช่นนั้นหากท่านตายไปเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว มันจะกลายเป็นเรื่องเศร้าทีเดียว”
เนื่องจากรู้เหตุผลผลของ ‘ละคร’ ฉากใหญ่ตรงหน้า อดีตนักฆ่าสาวแห่งศตวรรษ 21 จึงไม่มีทางปล่อยให้แผนการของสองสหายใจคดสมหวังได้ง่ายๆ
นางมาที่นี่เพื่อขัดขวางทำลายแผนชั่วร้ายและสั่งสอนบทเรียนที่ไม่รู้ลืมให้พวกเขาได้สำนึกในเวลาเดียวกัน หากไม่ได้ ‘แสดง’ ตอบโต้เพื่อสั่งสอนพวกเขาให้รู้สำนึกก็คงไม่ใช่ลักษณะนิสัยของอดีตนักฆ่าฝีมือดีอย่างนาง
เมื่อได้ยินวาจาของบุรุษตรงหน้า สีหน้าและอากัปกิริยาของสหายอู๋ก็เปลี่ยนไปอีกครั้งและเขาชำเลืองสายตามองไปที่ไห่ป้าหวังโดยสัญชาตญาณ
อาการบาดเจ็บของเขาไม่หนักหนารุนแรง ทว่าเขาแสร้งแสดงว่ามันสาหัสกว่าความเป็นจริง หากบุรุษที่ชื่อว่า ‘อวี๋โม่ ’ฝึกวิชาทางการแพทย์มาจริงก็อาจวินิจฉัยอาการทั้งหมดได้ในทันที
และเมื่อถึงเวลานั้น เรื่องโกหกตบตาทั้งหมดที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน
ไห่ป้าหวังเองก็ได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่เช่นกัน เขาขมวดคิ้วเป็นปมและพยักศีรษะเล็กน้อยหลังสบตากับสหายผู้สมรู้ร่วมคิดแผนการ
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณคุณชายมาก”
สหายอู๋หัวเราะเบาๆอย่างปฏิเสธไม่ได้
มุมปากฉินอวี้โม่ยกยิ้มเล็กน้อยและ ‘เขา’ ค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปหาผู้บาดเจ็บ
“ยื่นแขนมาสิ”
ฉินอวี้โม่สวมบทบาทและเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายยื่นมือออกมาเพื่อตรวจชีพจร
แน่นอนสหายอู๋ไม่ลังเลและค่อยๆยกมือยื่นออกไปข้างหน้า
อดีตนักฆ่าสาวแตะคลำแขนของสหายอู๋อย่างชำนาญแบบคนรู้วิชา
ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆก็ตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นอากัปกิริยาชำนาญช่ำชองของฉินอวี้โม่ พวกเขาไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะเก่งกาจเช่นนี้ นางไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์อันโดดเด่นสะท้านทั้งใต้หล้า มีทักษะการหลอมในระดับที่ไม่ธรรมดา เป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่ถือว่าเป็นอาชีพที่แทบหายสาบสูญไปแล้ว ทว่านางก็ยังรู้ทักษะทางการแพทย์อีกด้วย ฉินอวี้โม่ผู้นี้ไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดในหมู่มวลมนุษย์อย่างแท้จริง
“เอาล่ะ ชีพจรของท่านอ่อนแอและยุ่งเหยิงไม่สมดุล หากข้าวินิจฉัยไม่ผิด มันเป็นอาการของภาวะไตทำงานผิดปกติ”
ฉินอวี้โม่ยังคงดูลึกลับยากจะเข้าใจ ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกมาทำให้สหายอู๋และคนอื่นๆสับสนไม่น้อย
“ท่านลุง ท่านมีครอบครัวรึไม่? และท่านมีบุตรรึไม่?”
‘บุรุษลึกลับ’ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่ากำลังกลั้นหัวเราะอยู่ในใจ
บรรดาอสูรพันธสัญญาของฉินอวี้ไม่ล้วนอยู่ในมิติเชื่อมอสูร ทว่าพวกมันก็อดหัวเราะด้วยความถูกใจไม่ได้
นายหญิงของพวกมันเจ้าเล่ห์ซะเหลือเกิน
สหายอู๋ชะงักไปชั่วขณะทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น อย่างไรก็ตาม เขาเอ่ยตอบอย่างสัตย์จริง “ข้ามีครอบครัว แต่ไม่มีบุตรสืบทายาทแม้แต่คนเดียว”
อดีตนักฆ่าสาวพยักศีรษะเบาๆเป็นการตอบรับ
“เอาล่ะ จากจังหวะชีพจรของท่าน ข้าเกรงว่าท่านมีโรคประหลาดที่เรียกว่า ‘โรคบกพร่องทางการสืบพันธุ์’ ”
ฉินอวี้โม่เอ่ยวาจาในเรื่องไร้สาระได้อย่างจริงจัง ทว่าไม่รู้เลยว่ามันเป็นการกล่าวจี้จุดความเจ็บปวดของบุรุษตรงหน้า
สหายอู๋ผู้นี้อยู่ในช่วงวัยห้าสิบถึงหกสิบปี แม้ด้วยการฝึกวรยุทธ์ของพวกเขา การให้กำเนิดทายาทในวัยหนึ่งร้อยปีก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปกติ ด้วยวัยของเขาก็น่าจะมีทายาทสืบสกุลหลายคน
เมื่อได้ยินคำวินิจฉัยจากฉินอวี้โม่ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน เขาก็เชื่ออย่างเต็มหัวใจ
ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นซีดเซียวในตอนแรกบัดนี้ซีดสลดอย่างแท้จริง
“คุณชาย แล้วโรคนี้รักษาอย่างไรรึ?”
ฉินอวี้โม่ชะงักค้างไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เดิมทีนางนึกว่าสหายอู๋ผู้นี้จะโกรธจัดหรือลืมตัวหลุดจากบทบาทการแสดงและโจมตีนางเสียอีก
ไม่คิดเลยว่าบุรุษสูงวัยตรงหน้าจะเอ่ยถามอย่างจริงจังเช่นนี้
เป็นไปได้ว่าเรื่องเหลวไหลของนางบังเอิญตรงกับสถานการณ์จริงของสหายอู๋ผู้นี้
นางถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วครู่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ‘ละคร’ ฉากนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป คุณหนูสี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าว “อันที่จริงมันก็รักษาได้ง่าย แค่ท่านไม่ยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับคนน่ารังเกียจพวกนี้และไม่ทำเรื่องน่าละอายไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารการกินมากกว่านี้ มันก็จะหายดีได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำตอบของฉินอวี้โม่ สหายอู๋ก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ไห่ป้าหวังก็พูดไม่ออกราวกับน้ำท่วมปาก เมื่อเห็นอากัปกิริยาและได้ยินบทสนทนาของสหายอู๋และฉินอวี้โม่ผู้ลึกลับ ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เกาะกุมในหัวใจของเขา
“เหอะ ไร้สาระน่า หากมันมีอยู่จริง เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อโรคบ้าๆนี่มาก่อน?”
สหายไห่แค่นเสียงและบรรยากาศมุ่งร้ายจากร่างกายของเขาก็เข้มข้นขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า กบในกะลาย่อมไม่รับรู้สถานการณ์ของโลกภายนอกเป็นธรรมดา”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “ข้าว่าท่านหน้าเขียวและตาแดงก่ำผิดปกติ ดูเหมือนว่าท่านจะมีอาการเจ็บปวดที่ร้ายแรง ยื่นแขนมาให้ข้าตรวจชีพจรดูสิ”
วาจาของฉินอวี้โม่เต็มไปด้วยคำประชดเหน็บแนมไร้ซึ่งความเป็นมิตรใดๆ
นางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างขุมกำลังเมฆาทะยานและเสื้อคลุมทมิฬเป็นอย่างดี
ขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬอยู่ภายใต้การปกครองของบิดาของนางและถือว่าเป็นของนางเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาตเช่นนี้ แน่นอนว่าอดีตนักฆ่าสาวแห่งยุคก็จะไม่แสดงความปรานี
“ไม่จำเป็น ข้าไม่มีทางเชื่อเรื่องโกหกพกลมพวกนั้น !”
สหายไห่ส่ายศีรษะอย่างมั่นอกมั่นใจราวกับต้องการย้ำเตือนสหายอู๋ถึงเรื่องบางอย่าง
เมื่อสหายอู๋ได้ยินวาจาของสหายผู้ร่วมแผนการ สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นและใบหน้าที่ซีดสลดเริ่มมีเลือดฝาด เขาไม่ชะงักค้างเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“ในเมื่อไม่เชื่อข้า เอาเป็นว่าข้าจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของท่านลุงผู้นี้ก็แล้วกัน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากการสวมบทบาทสิ้นสุด มันก็ถึงเวลาเปิดโปงแผนสมคบคิดของสองสหายใจคด
“เหอะ พูดมาสิ สารเลวอู๋คนนี้บาดเจ็บจากเงื้อมมือของข้า ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงแค่ไหน ข้าอยากจะเห็นนักว่าคนแต่งเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวอย่างเจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร!”
ไห่ป้าหวังแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อวาจาของอีกฝ่ายแม้แต่คำเดียว
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวอย่างชัดเจน “สารเลวอู๋คนนี้ดูซีดเซียว ชีพจรของเขาไม่สมดุลและลมหายใจขึ้นๆลงๆผิดปกติ มันดูเหมือนอาการของคนที่บาดเจ็บสาหัสจริงๆ”
เมื่อสองสหายถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งอก ฉินอวี้โม่ก็กล่าวต่อ “เพียงแต่ข้าเคยได้ยินว่ามีวิธีการยับยั้งลมหายใจและปลอมแปลงอาการที่เห็นภายนอก จากทั้งหมดนี้ ข้าว่าอาการของเขาดูจะเข้าเค้าสิ่งนี้มากกว่า”
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ สีหน้าของสหายไห่และอู๋ก็บิดเบี้ยวทันที !
.