“เหอะ หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระสักที หากไม่ใช่เพราะบาดเจ็บสาหัส เหตุใดข้าจะมีอาการเช่นนี้? ไห่ป้าหวังตามล่าข้าเป็นระยะเวลานาน หากไม่ใช่เป็นเพราะข้ามีฝีมือในระดับหนึ่ง ข้าก็คงตายไปนานแล้ว!”
สหายอู๋แค่นเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นเกินความพอดี
“เลิกพูดจาเหลวไหล เจ้าสารเลวอู๋นี่รับการโจมตีเต็มกำลังของข้าเข้าไป ไม่มีทางที่เขาจะไม่บาดเจ็บรุนแรง!”
ไห่ป้าหวังแค่นเสียงและรีบกล่าวออกไปอย่างขึงขังเช่นกัน ทว่าความวิตกกังวลในหัวใจของเขารุนแรงขึ้นทุกวินาที
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากไม่ใช่อย่างที่ข้าพูดไป ทำไมพวกท่านจะต้องร้อนรนขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
แววตาของฉินอวี้โม่ฉายประกายบางอย่างขณะมองสองสหายและกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเดาถูกสินะ พวกท่านทั้งสองรู้จักกันและแสร้งทำเป็นบาดหมางกัน การแสดงว่าบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้มันก็แค่อุบายตบตาเท่านั้น !”
เมื่อได้ยินวาจาของบุรุษลึกลับตรงหน้า สีหน้าของทั้งไห่ป้าหวังและสหายอู๋ก็เปลี่ยนไปทันที
“ข้าอยากจะรู้จริงๆ ต่อให้พวกเจ้าจะฆ่าอวิ๋นเหล่ย เสี่ยวจวิ้นหรือจอมยุทธ์รุ่นเยาว์คนอื่นได้สำเร็จ พวกเจ้าจะโยนความผิดให้กับขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬอย่างไร? พวกเจ้าช่วยไขปริศนานี้ให้ข้าได้รึไม่?”
อดีตนักฆ่าสาวยิ้มอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไปและเปิดเผยแผนการสมคบคิดของไห่ป้าหวังและสหายอู๋ต่อหน้าทุกคน
เมื่อสิ้นเสียงฉินอวี้โม่ สีหน้าของสองสหายก็บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ พวกเขาไม่ทราบเลยว่าเหตุใดบุรุษลึกลับตรงหน้าถึงรู้แผนการของพวกเขาอย่างชัดเจนเช่นนี้
“เจ้ารับรู้ถึงแผนการของเราได้อย่างไร?!”
ไห่ป้าหวังมองฉินอวี้โม่ตาเขม็งและเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย
แผนการชั่วร้ายนี้คือสิ่งที่เขาและสหายอู๋คิดค้นขึ้นมาด้วยความยากลำบาก พวกเขาต้องใคร่ครวญวิธีการทั้งหมดรวมถึงพิจารณาปัจจัยแวดล้อมจนมั่นใจว่าแผนการจะดำเนินไปได้ด้วยดี ตอนที่หารือกันเรื่องแผนการนี้ ทั้งสองมั่นใจว่าฉินอวี้โม่ไม่ได้อยู่ในละแวกใกล้เคียง อีกทั้งบรรดาลูกน้องทุกคนที่รู้แผนการก็ไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน!
แล้วบุรุษลึกลับคนนี้รู้แผนการของพวกเขาได้อย่างไร?!
“เหอะ พวกเจ้าไม่รู้หรอกรึว่าทำไมหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง!”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชา ในเมื่อตอนนี้แผนชั่วร้ายถูกเปิดโปงแล้ว นางก็ไม่ต้องเสแสร้งเล่นละครอีกต่อไป
ฉีอวิ๋นเหล่ยและคณะเดินทางงุนงงไปชั่วขณะ พวกเขามองตรงไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยความสงสัยใคร่รู้
พวกเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัดและเหตุใดทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรเช่นนี้
“เดิมทีสหายอู๋และไห่ป้าหวังเป็นพวกเดียวกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาหารือแผนการกันโดยให้สหายอู๋ใจคดใช้อุบายตบตาเพื่อให้พวกท่านไว้วางใจเสียก่อน จากนั้นพวกเขาจะรอโอกาสเหมาะๆเพื่อฆ่าหนึ่งในพวกท่านและโยนความผิดให้ขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬเพื่อล้างแค้นและสร้างผลงานเพื่อเข้าร่วมกับตระกูลเฟิงและขุมกำลังพญายม”
ฉินอวี้โม่อธิบายเรื่องราวอย่างสรุปให้คณะเดินทางฉีอวิ๋นเหล่ยได้ทราบ “ถึงแม้ข้าจะรู้แผนการเหล่านี้อยู่แล้ว ทว่าข้าก็ยังคิดไม่ออกว่าพวกเขาจะโยนความผิดของเรื่องนี้ให้กับขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬอย่างไร?”
หลังจากฟังคำอธิบายของฉินอวี้โม่ สีหน้าแววตาของซูเสี่ยวจวิ้นก็บูดบึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะฉินอวี้บังเอิญได้ยินแผนการสมคบคิดของคนชั่วช้าตรงหน้าและปรากฏตัวมาที่นี่ทันเวลา เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องร้ายกับพวกเขาทั้งสามเป็นแน่
เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าใครเป็นผู้เคราะห์ร้าย หากแผนการชั่วร้ายของสองสหายประสบผลสำเร็จ การรบราฆ่าฟันกันระหว่างหลายขุมกำลังก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ไม่มีใครอยากจะจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในตอนนั้น
“หึ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้ทุกอย่าง!”
ไห่ป้าหวังแค่นเสียงในลำคอและแสดงท่าทางไม่กลัวเกรง เมื่อแผนการถูกเปิดโปง สหายอู๋ก็ยุติการแสดงและเดินไปยืนข้างเขาเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าก็จะไม่ปิดบัง ไม่ว่าพวกเจ้าคนใดบาดเจ็บสาหัส สหายอู๋ก็จะแสร้งว่าเป็นคนจากขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬ และพวกเราเมฆาทะยานก็จะแสร้งเอาใจให้ความช่วยเหลือพวกเสื้อคลุมทมิฬ ในตอนนั้นจะมีคนอื่นเข้ามาช่วยและป้ายสีให้เป็นความผิดของเสื้อคลุมทมิฬ ท้ายที่สุดขุมกำลังราชาสวรรค์และไร้คู่เปรียบจะเล็งอาวุธของพวกเขาไปที่ขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬ”
ไห่ป้าหวังยิ้มเยือกเย็นและไม่ปิดบังอีกต่อไป
แรงกดดันจากร่างกายของเขาไม่มีการยับยั้งอีกต่อไปขณะแผ่ออกมาครอบงำฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ
“พวกคนต่ำช้า!”
ซูเสี่ยวจวิ้นสบถอย่างโกรธแค้น
“เจ้าหลอกพวกเรา หากอวี๋โม่มาไม่ทัน ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร !”
ฉีอวิ๋นเหล่ยเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เขาคิดว่าตนเองมีปัญญาเป็นเลิศมาตลอด เขาไม่คิดเลยว่าจะหลงเชื่อละครตบตาเช่นนี้
“เมฆาทะยานของพวกเจ้าพ่ายแพ้ให้กับเสื้อคลุมทมิฬและยังไม่ยอมรับความชะตากรรมกัน ข้านึกว่าพวกเจ้าจะหายตัวไปกบดานอย่างเงียบๆและไม่กล้าแสดงตัวอีก ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าวางแผนชั่วร้ายแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่คนทั้งดินแดนจะชิงชังพวกเมฆาทะยานยิ่งนัก!”
ซูเสี่ยวจวิ้นลั่นวาจาอย่างไม่ยับยั้งความโกรธแม้แต่น้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเสื้อคลุมทมิฬใช้วิธีการชั่วช้า พวกเราเมฆาทะยานจะแพ้ไปง่ายๆได้อย่างไร? เมื่อขุมกำลังเมฆาทะยาน พญายมและตระกูลเฟิงผนึกกำลังกันแล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับพวกเจ้าสามขุมกำลัง พวกข้าก็ไม่เกรงกลัว แม้จะเปิดโปงแผนการของเราได้ พวกเจ้าก็ยังต้องชดใช้”
ไห่ป้าหวังยิ้มเยาะเย้ย ความอาฆาตมาดร้ายของเขาแผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบัง
สหายอู๋เองก็แผ่แรงกดดันอย่างแรงกล้าออกมายังคณะเดินทางและไม่พยายามซ่อนความมุ่งร้ายอีกต่อไป
พวกเขาทั้งสองเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจ้าวสุริยะและลูกน้องหลายคนก็มีพลังในระดับจ้าวพิภพ
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายฉีอวิ๋นเหล่ยมียอดฝีมือระดับจ้าวพิภพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและคนอื่น ๆ ก็มีพลังในระดับที่ต่ำกว่า ไม่ว่าในแง่มุมใด คณะเดินทางฉีอวิ๋นเหล่ยก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน
“หึ เจ้าคิดว่าจะจัดการพวกข้าได้ง่ายๆรึ?”
ฉีอวิ๋นเหล่ยแค่นเสียงในลำคออย่างไร้ซึ่งความกลัว
“อวี๋โม่ เสี่ยวจวิ้น ซื่อชู่กับข้าจะขัดขวางไว้ก่อน พวกเจ้าทั้งสองล่าถอยไปก่อนเถอะ คนพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย เราสู้กับพวกเขาซึ่งๆหน้าไม่ได้”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกระซิบข้างหูสตรีทั้งสองนางให้หลบหนีไปก่อน
สตรีทั้งสองสบตากันอย่างรู้ใจและส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่
ไม่ใช่นิสัยของพวกนางที่จะทอดทิ้งสหายร่วมทางหรือพี่น้องไว้เบื้องหลัง
“หึ ไอ้เด็กเวร หากไม่ได้เป็นเพราะเจ้าที่ทำลายแผนการของเรา วันนี้ทุกอย่างคงประสบผลสำเร็จไปด้วยดี ต่อให้เราจะปล่อยคนพวกนี้ไป ทว่าเจ้าจะต้องสังเวยชีวิตอยู่ที่นี่!”
ไห่ป้าหวังจ้องมองฉินอวี้โม่อย่างมุ่งร้าย จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อโจมตีนาง
คุณหนูสี่ตระกูลฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและนางรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงแผ่มาจากยอดฝีมือขอบเขตจ้าวสุริยะตรงหน้า
“ราชาเขาเงิน ออกมารับมือกับศัตรู”
ฉินอวี้โม่กล่าวเบาๆก่อนราชาเขาเงินปรากฏตัวข้างนาง
ราชาเขาเงินรับรู้ถึงแรงกดดันจากศัตรูได้เช่นกัน มันไม่ลังเลรีรอขณะปรากฏตัวเผชิญหน้ากับไห่ป้าหวังทันที
ในขณะเดียวกันนั้น สหายอู๋พุ่งตรงไปหมายจู่โจมฉีอวิ๋นเหล่ยและคณะ
ฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่มองหน้ากันอย่างรู้ใจและร่วมมือกันขัดขวางการโจมตีของบุรุษสูงวัยอย่างทันท่วงที
คณะติดตามของซูเสี่ยวจวิ้นก็กำลังสู้กับศัตรูอยู่เช่นกันและสถานการณ์ก็ดุเดือดอย่างที่สุด
ความจริงไห่ป้าหวังก็มีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเลย การที่จะให้อสูรมายาอย่างราชาเขาเงินต่อสู้กับเขาเพียงลำพัง มันก็ไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้
เขาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ ต่อให้ฉินอวี้โม่จะมีไม้เด็ดมากมายและมีพลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่นางก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ
พลังของนางในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป! หากนางบรรลุถึงขอบเขตจ้าวสุริยะล่ะก็ ต่อให้เป็นไห่ป้าหวัง นางก็มีพลังมากพอที่จะต่อสู้
ยิ่งไปกว่านั้น หากซิวอยู่ที่นี่ ต่อให้ต้องประจันหน้ากับยอดฝีมืออันดับหนึ่งในดินแดนอ้างว้าง นางก็ไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
เพียงแต่ตอนนี้นางมีพลังเพียงขอบเขตจ้าวพิภพ ช่องว่างระหว่างพลังยังคงมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม อดีตนักฆ่าสาวแห่งศตวรรษ 21 ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะยอมแพ้ก่อนที่จะได้ต่อสู้ นางเรียกอสูรมายาทั้งหมดออกมาจากมิติเชื่อมอสูรอย่างเปิดเผย
ในตอนแรกที่ไห่ป้าหวังเห็นฉินอวี้โม่เรียกราชาเขาเงินออกมา เขาก็แอบรู้สึกตกใจอยู่ลึกๆแล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าบุรุษหนุ่มลึกลับตรงหน้าจะแกร่งกล้าพอที่จะสยบอสูรมายาทรงพลังอย่างราชาเขาเงินได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไปเพียงไม่นาน ฉินอวี้โม่กลับเรียกอสูรมายาอีกนับสิบตัวออกมา สิ่งที่เห็นทำให้เขาชะงักค้างไปเล็กน้อย
“จัดการเขาด้วยพลังทั้งหมดที่มี ไม่ต้องยั้งมือ!”
ฉินอวี้โม่ออกคำสั่งให้กับอสูรพันธสัญญาของตนและสังเกตการณ์สถานการณ์ระหว่างเหวินซื่อชู่ ซูเสี่ยวจวิ้นและคนอื่น ๆ
คุณหนูสี่ตระกูลฉินเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ของพวกเขาไม่สู้ดีนัก
พลังของไห่ป้าหวังและคนอื่นๆถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ อีกทั้งยังมีจำนวนมากกว่า เมื่อประจันหน้ากับซูเสี่ยวจวิ้นและคณะ แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นย่อมเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า
ในขณะที่ฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื้อชู่เป็นจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวพิภพ สหายอู๋ก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะ แม้ว่าบุรุษรุ่นเยาว์ทั้งสองสามารถรับมือได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็อาจตกเป็นรองได้ในชั่วพริบตา
ฉินอวี้โม่นิ่วหน้าเล็กน้อย สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เข้าข้างบรรดาสหายของนางเอาเสียเลย
“นายหญิง ท่านไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าจะเป็นฉีอวิ๋นเหล่ยหรือเหวินซื่อชู่ ทั้งสองมีไพ่ตายของตนเอง หากพวกเขาใช้ไพ่ตายทั้งหมด ไห่ป้าหวังและสหายอู๋ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
เสียงของราชาเขาเงินดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ มันรู้จักดินแดนอ้างว้างดีกว่าใคร
สาเหตุที่เหวินซื่อชู่และฉีอวิ๋นเหล่ยยังไม่ใช้ไพ่ตายในตอนนี้ก็เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร
หากถึงเวลาที่สมควร พวกเขาไม่มีทางยั้งมืออย่างแน่นอน
ตูม !
เกิดเสียงปะทะดังสนั่นเมื่อไห่ป้าหวังประจันหน้ากับราชาเขาเงินและอสูรมายาอื่นๆกระเด็นออกไป
ตุบ ตุบ ตุบ !
ราชาเขาเงินและอสูรตัวอื่นๆร่วงกระแทกพื้นในสภาพบาดเจ็บเล็กน้อย
“บัดซบ ! หากไม่ใช่เพราะพลังของพวกเราตอนนี้อ่อนแอเกินไป มนุษย์ตัวกระจิริดแค่นี้จะเทียบกับพวกเราได้อย่างไร!”
หงส์แดงและอสูรมายาตัวอื่นๆโกรธแค้นไม่น้อย พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นอสูรมายาระดับสูงและมีศักยภาพการเจริญเติบโตที่สูงเช่นกัน ทว่าตอนนี้พวกมันก็ยังอ่อนแอเกินไป แล้วพวกมันจะจัดการกับไห่ป้าหวังได้อย่างไร?
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อให้เจ้ามีอสูรมายามากมายหลายตัว คิดรึว่าคนอย่างข้าจะกลัวเจ้า?!”
ไห่ป้าหวังยิ้มกริ่มด้วยความหยิ่งทะนงและกล่าวอย่างข่มขู่
เขาถือเป็นยอดฝีมือชั้นเลิศในดินแดนนี้ แม้ต้องรับมือกับอสูรมายาจำนวนมากเช่นนี้เขาก็ไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย
“ไอ้เด็กสารเลว! ลิ้มรสความตายซะเถอะ !”
ไห่ป้าหวังมองฉินอวี้โม่อย่างมุ่งร้าย ก้อนแสงปรากฏในมือของเขาและแรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากก้อนแสงนั้น
อดีตนักฆ่าสาวแห่งยุคขมวดคิ้วเล็กน้อยและนางรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายบางอย่าง
“นายหญิง ระวังตัวด้วย เขากำลังเตรียมทักษะบางอย่าง !”
ความวิตกกังวลเล็กๆฉายชัดบนหน้าของราชาเขาเงินและอสูรทุกตัว พวกมันไม่ยั้งมืออีกต่อไปและโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
เสี่ยวเฮยและอสูรมายาอื่นๆเข้ามาขวางข้างหน้าฉินอวี้โม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกมันจะช่วยจัดการและป้องกันไม่ให้ผู้เป็นนายหญิงได้รับบาดเจ็บ
อดีตนักฆ่าสาวซาบซึ้งใจอย่างมาก ทว่ายังคงไร้ซึ่งความกลัวใดๆ นางร่ายผนึกขึ้นในมืออย่างรวดเร็ว ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งนางพร้อมทุ่มเทพลังอย่างเต็มที่เพื่อขัดขวางการโจมตีของไห่ป้าหวัง
“นายหญิง ไม่ต้องกังวล ข้าจะแสดงอิทธิฤทธิ์ของข้าให้คนชั่วช้าเหล่านี้ได้เห็น”
จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห้วงจิตของฉินอวี้และทำให้นางรู้สึกโล่งใจ
.