ฉินอวี้โม่มองวัสดุหลากหลายบนโต๊ะตรงหน้าและชะงักไปเล็กน้อย
สมาคมช่างหลอมทั้งมั่งคั่งและทรงพลังอย่างแท้จริง วัสดุต่างๆตรงหน้ามีหลายชิ้นที่เป็นวัสดุคุณภาพสูงซึ่งถูกวางอย่างเกลื่อนกลาดบนโต๊ะราวกับว่าพวกมันไม่ได้มีมูลค่าใดๆ
อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องแปลกหรือบังเอิญ ถึงอย่างไรก็มีผู้คนและขุมกำลังมากมายที่อยากผูกมิตรสร้างไมตรีกับสมาคมช่างหลอมและหลายคนก็ยอมลงทุนเป็นอย่างมากเพื่อหวังให้สมาคมช่างหลอมช่วยหลอมอุปกรณ์ให้พวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยน
เพราะเหตุนั้น การที่สมาคมช่างหลอมจะมีวัสดุหลอมและวัสดุหายากเป็นจำนวนมากก็ไม่ถือเป็นเรื่องที่แปลกแต่อย่างใด
“เลือกหยิบสิ่งที่เจ้าต้องการได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ฮ่าๆๆ”
หลัวหลินยิ้มเล็กน้อยพลางมองฉินอวี้โม่และคนอื่นๆด้วยแววตาเป็นมิตร
หากว่าเป็นใครคนอื่น เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสใจกว้างเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็คงเลือกหยิบวัสดุคุณภาพสูงล้ำค่าบางชิ้นที่ตนสนใจและถือโอกาสหลอมอุปกรณ์ดีๆสักชิ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มของคุณหนูสี่ตระกูลฉินมิได้คิดทำเช่นนั้น
ทุกคนเลือกวัสดุธรรมดาและหยิบเตาหลอมธรรมดาของตนเองออกมาเพื่อทำการหลอมอุปกรณ์ที่จะเป็นตัวชี้วัดตัวตนในสถานะช่างหลอม
ถึงอย่างไรแล้วบททดสอบนี้ก็เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นช่างหลอมที่แท้จริงหรือไม่ ทั้งสามจึงไม่จำเป็นที่จะต้องหลอมอุปกรณ์วิเศษวิโสหรือซับซ้อนมากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ามีวัสดุหายากหลายชิ้นอยู่บนโต๊ะ พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่นัก ด้วยสถานะของเหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉา พวกเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนวัสดุเหล่านี้
หลังจากการเก็บประสบการณ์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็ได้ครอบครองสมบัติมามากมายหลายอย่างแล้ว นอกจากนี้คฤหาสน์ที่นางต้องการหลอมที่งานชุมนุมช่างหลอมก็มีวัสดุที่เพียงพอแล้ว
เพราะเหตุนั้นพวกเขาทั้งสามจึงไม่ได้สนใจวัสดุบนโต๊ะตรงหน้าเท่าไหร่นัก
เมื่อทั้งสามเลือกวัสดุที่ต้องการได้แล้ว หลัวหลินก็ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ อย่างไรก็ตาม มุมปากของเขายกเป็นรอยยิ้มชัดเจนอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆเลือกทำให้เขารู้สึกชื่นชมและยังกระตุ้นความสงสัยใครรู่เกี่ยวกับคนทั้งสามให้เพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่าทั้งสามก็ไม่ได้ทราบถึงความคิดที่อยู่ในหัวของหลัวหลิน ทว่าพวกเขาเริ่มลงมือหลอมในสิ่งที่คิดไว้
มันเป็นเพียงการประเมินที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน พวกเขาจึงไม่ได้แสดงทักษะทั้งหมดที่มีออกมา
เหวินซื่อชู่หลอมกระบี่ยาวระดับวิญญาณขั้นต้น ในขณะที่ฉีป่ายเฉาหลอมกริชเล่มเล็กและดูประณีตสวยงามซึ่งเป็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นต้นเช่นเดียวกัน
ทว่าระดับของฉินอวี้โม่สูงกว่าทั้งสองเล็กน้อย
เดิมทีนางต้องการหลอมแหวนมิติระดับวิญญาณขั้นต้นเท่านั้น ทว่าด้วยการศึกษาทักษะการหลอมในช่วงหลังมานี้ ไม่ว่าในแง่ของความเข้าใจเปลวเพลิงและทักษะการหลอมอาวุธ ฝีมือของนางก็เพิ่มเป็นระดับที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์จึงถือว่าน่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะท้ายที่สุดนางหลอมแหวนมิติระดับวิญญาณขั้นกลางออกมา
ผู้อาวุโสหลัวหลินจดจ่อกับเตาหลอมอุปกรณ์ของทั้งสาม เมื่อเห็นว่าไม่มีเตาใดเป็นเตาหลอมคุณภาพดีและเพลิงทั้งหมดถูกจุดมาจากฟากเดียวของเตาหลอม เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นต้นสองชิ้นของเหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉา เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ มันถือเป็นผลงานที่เขาพอจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นแหวนมิติระดับวิญญาณขั้นกลางที่หลอมโดยฉินอวี้โม่ ผู้อาวุโสหลัวหลินก็ถึงกับชะงักค้างเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจและคาดไม่ถึง
ในฐานะช่างหลอม แน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจดีว่าแหวนมิติคือสิ่งที่หลอมได้ยากที่สุด ด้วยการใช้วัสดุหลอมที่พบได้ทั่วไป รวมถึงเตาหลอมและเพลิงธรรมดาทั่วไป มันยากที่จะหลอมแหวนมิติระดับวิญญาณขั้นกลางออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเรียบเฉยของฉินอวี้โม่ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
คนทั้งสามมองหน้ากันเล็กน้อยและส่งผลงานของตนให้ผู้อาวุโสตรงหน้าเพื่อทำการตรวจสอบและประเมิน
หลัวหลินเพียงโบกมือโดยไม่ได้รับสิ่งของเหล่านั้น
“หึๆๆ ขอแสดงความยินดี พวกเจ้าทั้งสามผ่านการประเมินและสามารถเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมของเราได้”
เขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวต่อ “หลังจากนี้ จงนำป้ายหยกนี้ติดตัวออกไปและจะมีคนจัดเตรียมที่พักให้กับพวกเจ้า ข้าจะตั้งตารอชมผลงานของพวกเจ้าในงานชุมนุมอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
เขาตั้งหน้าตั้งตารอดูฝีมืออันยอดเยี่ยมของฉินอวี้โม่ในงานชุมนุมช่างหลอมที่จะมาถึง เขาเชื่อว่า ‘เด็กหนุ่มลึกลับ’ คนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
การประเมินทักษะการหลอมของคนทั้งสามทำให้ผู้อาวุโสมากประสบการณ์อย่างเขาประหลาดใจไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าผู้ถูกประเมินยังไม่ได้ใช้ไพ่เด็ดไม้ตายที่ยอดเยี่ยมที่สุดและทักษะการหลอมที่ซับซ้อนด้วยซ้ำ
เพราะเหตุนั้น หลัวหลินจึงสงสัยใครรู้ยิ่งนักว่าทั้งสามจะแสดงผลงานออกมาอย่างไรในงานชุมนุม นับว่างานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้น่าจับตามองมาก
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสหลัวหลินขอรับ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและเอ่ยขอบคุณผู้อาวุโสตรงหน้า
จากนั้น หลัวหลินก็มอบป้ายหยกให้กับคนทั้งสาม มันเป็นป้ายหยกกลมเล็กๆที่พบเห็นได้ทั่วไป
ทั้งสามยิ้มให้กับหลัวหลินและเอ่ยร่ำลาก่อนกลับออกไป
“สามคนนั้นฝีมือใช้ได้เลยทีเดียว!”
หลังจากผู้เข้ารับการประเมินทั้งสามเดินออกไป จู่ๆร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้องของหลัวหลิน
บุรุษผู้นั้นมองตามไปในทิศทางที่คนทั้งสามเดินจากไปและอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ เขาแสดงท่าทีชื่นชมฉินอวี้โม่อย่างอาจปกปิดได้
“เป็นจริงอย่างที่ว่า พวกเขาถือว่ายอดเยี่ยมพอตัว พวกเขารู้ว่าควรรักษาท่าทีวางตัวอย่างไร ไม่แสดงความโลภในผลประโยชน์ที่ฉับพลันและฉาบฉวย พวกเขารู้ว่าตนเองต้องการอะไร ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาไม่หวาดหวั่นต่อพลังอำนาจและอิทธิพล บุคคลประเภทนี้จะต้องกลายเป็นผู้โด่งดังเลื่องชื่อของดินแดนในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสหลัวหลินพยักศีรษะอย่างไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังเอ่ยวาจาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมต่อคนทั้งสามอย่างชัดเจน
แม้ว่าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตูสมาคมช่างหลอมก่อนหน้านี้ เขาก็พอได้ยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว
ปรมาจารย์หวั่งซั่วยโสโอหังมากและสถานะของเขาอยู่ในระดับสูงพอสมควร ทว่าฉินอวี้โม่และพวกไม่ได้หวาดหวั่นต่ออำนาจและกล้าหาญเด็ดเดี่ยว อีกทั้งเมื่อมาพบเขาและได้เห็นวัสดุหายากมากมาย หากเป็นคนอื่นทั่วไปก็คงจะตาลุกวาวและรีบตะครุบวัสดุเหล่านั้นอย่างแน่นอน
ทว่าฉินอวี้โม่และอีกสองคนเพียงมองดูวัสดุล้ำค่าและไม่ได้แสดงอากัปกิริยาตื่นเต้นหรือสนใจใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสามเลือกใช้เพียงวัสดุหลอมทั่วไป เตาหลอมและเปลวเพลิงธรรมดาเพื่อผ่านการประเมิน
มันเป็นเรื่องยากที่หลัวหลินผู้มองเห็นโลกและผ่านประสบการณ์มามากมายจะไม่เอ่ยชมการกระทำและคุณลักษณะเหล่านั้น
“เด็กหนุ่มคนแรกนั่นน่าจะเป็นนายน้อยแห่งขุมกำลังไร้คู่เปรียบและอีกคนน่าจะเป็นช่างหลอมมีพรสวรรค์จากขุมกำลังราชาสวรรค์ แต่ข้าไม่สามารถมองทะลุและทำความเข้าใจบุรุษสวมหน้ากากนั่น ไม่รู้เลยว่าดินแดนของเรามีคนมากพรสวรรค์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
อีกเสียงหนึ่งเอ่ยด้วยความสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ข้ายืนยันได้ว่าคนที่เราอ่านเขาไม่ออกเป็นคนที่ลึกลับที่สุดในสามคนและน่าจะแสดงผลงานได้ล้ำเลิศที่สุดในงานชุมนุมที่จะถึง”
หลัวหลินส่ายศีรษะด้วยความไม่รู้ก่อนพยักหน้าอีกครั้งเมื่อจินตนาการถึงฝีมือฉินอวี้โม่
เมื่อนึกถึงทักษะการหลอมและอากัปกิริยาที่ดูช่ำชองของบุรุษลึกลับเมื่อครู่ แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างเขาก็รู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจจริงๆ”
บุรุษอีกคนยิ้มอย่างพึงพอใจและกล่าว “การที่ชายแก่หวังซั่วนั่นมาที่งานชุมนุมช่างหลอมปีนี้ก็เพื่อช่วงชิงของสิ่งนั้น เท่าที่ข้ารู้ งานปีนี้จะมีช่างหลอมระดับสูงหลายคนเข้าร่วมด้วย ดูเหมือนกับว่าของสิ่งนั้นจะดึงดูดผู้คนได้มากมายทีเดียว!”
หลัวหลินเพียงยิ้มและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
ดูแล้วงานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้จะคึกคักอย่างมาก ในฐานะผู้อาวุโสของสมาคมช่างหลอม แน่นอนว่าเขาจะไม่เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม เขาตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
ฉินอวี้โม่และอีกสองคนออกจากห้องของหลัวหลินและเดินลงไปยังชั้นล่างอีกครั้ง
ทันทีที่พวกเขาเดินลงมา เด็กรับใช้คนเดิมที่พาพวกเขาไปส่งข้างบนก่อนหน้านี้ก็ปรี่เข้ามาทักทาย
เมื่อเห็นป้ายหยกในมือของคนทั้งสาม เด็กหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปากและกล่าว “ขอแสดงความยินดีกับการผ่านการประเมินขอรับ ท่านทั้งสามจะได้เข้าร่วมงานชุมนุมของเราและจะได้พักในที่พักสำหรับช่างหลอม ซึ่งทางสมาคมได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว”
ทั้งสามยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินวาจาของเด็กรับใช้ตรงหน้าก่อนยื่นป้ายหยกให้กับเขา
เด็กหนุ่มรับป้ายหยกทั้งสามและนำทางตรงไปยังห้องโถงที่ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆกำลังนั่งจิบน้ำชารออยู่ จากระยะที่ห่างออกไป คุณหนูสี่ตระกูลฉินมองเห็นซูเสี่ยวจวิ้นเดินไปมาและมองมาในทิศทางของนางอย่างอยู่ไม่ติด
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ที่กำลังเดินตรงเข้ามา ดรุณีน้อยก็วิ่งพรวดออกไปด้วยความตื่นเต้น
“พี่อวี๋โม่ พี่ซื่อชู่ พี่ป่ายเฉา พวกท่านกลับมาแล้ว!”
“ฮิๆๆ ท่านทั้งสามคนนี้ผ่านการประเมินแล้ว ตามข้ามาได้เลยขอรับ ข้าจะนำทางพวกท่านไปสู่ที่พัก”
เด็กรับใช้ยิ้มให้กับทุกคนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆเดินออกมายืนข้างฉินอวี้โม่ก่อนเดินตามเด็กหนุ่มออกไปทางด้านหลัง
เด็กหนุ่มนำทางฉินอวี้โม่และทุกคนเดินผ่านประตูไปทางตะวันออกและไปถึงลานกว้างเล็กๆทางด้านหลัง
ในลานขนาดเล็กนี้มีห้องพักมากกว่าสิบห้องซึ่งไม่แออัดมากนัก
“พวกท่านคงจะอยากพักอยู่ในที่เดียวกับลูกน้องและคณะติดตาม แม้ว่าจะมีห้องพักบางส่วนอยู่ข้างหน้า พวกมันก็อยู่ไกลออกไปเสียหน่อย ลานตรงนี้เป็นลานแยกอิสระหลังสมาคมซึ่งสามารถรองรับพวกท่านและคณะเดินทางได้ขอรับ”
เด็กรับใช้ยิ้มเล็กน้อยขณะอธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้นลานเล็กแห่งนี้ก็เงียบสงบมาก พวกท่านหลายๆคนสามารถฝึกฝนได้อย่างมีสมาธิและเตรียมความพร้อมสำหรับงานชุมนุมในอีกไม่กี่วันข้างหน้าได้”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะแสดงความขอบคุณต่อการจัดเตรียมของเด็กหนุ่ม
การจัดสรรสิ่งต่างๆของเด็กหนุ่มคนนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากทีเดียว ลานส่วนนี้เป็นพื้นที่อิสระแยกตัวออกมา ทุกคนจะได้ศึกษาทักษะการหลอมอย่างเงียบสงบและได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม
“ฮ่าๆๆ ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกขอรับ หากพวกท่านมีอะไรก็มาเรียกใช้ข้าที่ข้างหน้าได้เลยขอรับ”
เด็กหนุ่มยิ้มและกล่าวต่อ “ข้าน้อยจะไม่รบกวนการพักผ่อนของพวกท่านอีกแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อน”
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไม่ได้ขัดขวางและปล่อยให้เด็กหนุ่มกลับออกไป
“ฮ่าๆๆ คนในสมาคมช่างหลอมนี้เป็นคนดีทีเดียว”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ ผู้คนในสมาคมช่างหลอมแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก ไม่มีใครทำตัวสูงส่งเกินไป ทุกคนล้วนเป็นมิตรและสุภาพนอบน้อม
ฉินอวี้โม่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางเองก็ประทับใจการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนที่นี่เช่นกัน
ต่อไปคือการจัดสรรที่พักให้กับทุกคน
ลานกว้างแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมดสิบห้าห้อง คณะเดินทางของฉินอวี้โม่ก็มีสมาชิกรวมทั้งหมดสามสิบคนพอดิบพอดีและทุกคนล้วนไม่มีปัญหากับการพักร่วมกันสองคนต่อหนึ่งห้อง
อย่างไรก็ตาม สตรีเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้คือซูเสี่ยวจวิ้น
“ไม่เป็นไร ข้าจะพักห้องเดียวกับพี่อวี๋โม่”
แน่นอนว่าซูเสี่ยวจวิ้นไม่มีปัญหากับการพักร่วมกับฉินอวี้โม่ นางทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย การพักร่วมกับสตรีด้วยกันเป็นเรื่องปกติทั่วไป
ทว่า…เมื่อสิ้นเสียงของซูเสี่ยวจวิ้น สีหน้าของทุกคนนอกเหนือจากเหวินซื่อชู่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็ชะงักและแปลกไปในทันที
.