เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจทุกคน พวงแก้มของซูเสี่ยวจวิ้นก็แดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย
นางลืมไปได้อย่างไรกัน? มีเพียงฉีอวิ๋นเหล่ย เหวินซื่อชู่และนางที่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่เป็นสตรี คนอื่นทั้งหมดล้วนคิดว่า ‘อวี๋โม่’ เป็นบุรุษผู้ที่มีใบหน้างดงาม
“ฮ่าๆๆ ในเมื่อน้องเสี่ยวจวิ้นอดทนรอที่จะนอนกับอวี๋โม่ไม่ไหว พวกเราก็จะไม่คัดค้าน”
ฉีอวิ๋นเหล่ยอดหัวเราะไม่ได้
“ฮ่าๆๆ”
เมื่อได้ยินวาจาติดตลกของบุรุษผู้เป็นมิตร ทุกคนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน ฉีอวิ๋นเหล่ยเลือกเอ่ยเช่นนั้นออกมาเพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศประหลาดที่จู่ๆดรุณีน้อยอย่างซูเสี่ยวจวิ้นก็ขอพักร่วมกับบุรุษอย่าง ‘อวี๋โม่’
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าว “น้องเสี่ยวจวิ้น เจ้าพักห้องเดียวกับข้าได้ ข้าไม่ถือสาหรอก”
พวงแก้มของซูเสี่ยวจวิ้นแดงเรื่อด้วยความเก้อเขินขณะเอื้อมมือไปหยิกแขนของฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยพร้อมกล่าว “พี่อวี๋โม่ พี่อวิ๋นเหล่ย พวกท่านชอบหยอกล้อข้าจริงๆเลยนะ”
เมื่อถูกเด็กสาวหยิกแขน ทั้งสองก็อดหัวเราะอย่างขำขันไม่ได้
ท้ายที่สุด ซูเสี่ยวจวิ้นและฉินอวี้โม่ก็พักอยู่ห้องเดียวกัน
แม้ว่าคณะผู้ติดตามของซูเสี่ยวจวิ้นจะยังคงแปลกใจไม่น้อย ทว่าในเมื่อเหวินซื่อชู่และคนอื่นๆไม่ได้คัดค้าน พวกเขาก็ย่อมไม่แสดงความคิดเห็นอะไร
เหวินซื่อชู่และฉีอวิ๋นเหล่ยพักอยู่ห้องเดียวกันและคนอื่นๆก็พักห้องละสองคนเช่นกัน
หลังจากจัดสรรแบ่งห้องพักกันเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
บัดนี้ยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนถึงงานชุมนุมช่างหลอม ในระหว่างนั้น ฉินอวี้โม่จะเตรียมความพร้อมอยู่ในห้องพักเพื่อที่นางจะได้อยู่ในสภาวะที่พร้อมที่สุดสำหรับงานชุมนุม
หลังจากเปลี่ยนอาภรณ์กลับเป็นอาภรณ์ของสตรี ถอดหน้ากากที่บดบังและชำระล้างทำความสะอาดใบหน้า คุณหนูสี่ตระกูลฉินก็รู้สึกสบายใจสบายกายอย่างมาก
“พี่อวี้โม่ ท่านช่างงดงามอย่างยิ่ง”
ซูเสี่ยวจวิ้นนั่งเท้าคางและมองสตรีงดงามตรงหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกายสุกใส
“เด็กน้อย เจ้านี่ปากหวานเหลือเกินนะ”
ฉินอวี้โม่เอื้อมมือออกไปโยกศีรษะเด็กสาว ทว่ารอยยิ้มก็ประดับบนใบหน้าอย่างมีความสุข
ถึงอย่างไรแล้วนางก็ยังเป็นอิสตรี การได้รับคำชมว่ามีรูปโฉมงดงามย่อมเป็นบ่อเกิดของความสุขใจอย่างมาก
“เสี่ยวจวิ้น ตลอดหลายวันข้างหน้าข้าจะไม่ออกไปไหน เจ้าช่วยข้าจับตาดูสถานการณ์ข้างนอกและกลับมาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังทุกคืนด้วยล่ะ ข้าต้องจดจ่อกับการเตรียมความพร้อมสำหรับงานชุมนุม”
ฉินอวี้โม่เล่าถึงแผนการต่อไปของนางพร้อมบอกให้อีกฝ่ายสอดส่องสถานการณ์ข้างนอกตลอดช่วงเวลานี้ และมาเล่าให้นางฟังหากมีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้น
“ได้เลย ข้าเข้าใจแล้ว พี่อวี้โม่”
ซูเสี่ยวจวิ้นพยักศีรษะรับคำ
รางวัลในงานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้ถือว่าล้ำค่าอย่างมาก แน่นอนว่าซูเสี่ยวจวิ้นก็เอาใจช่วยให้ทั้งฉินอวี้โม่และเหวินซื่อชู่ได้อันดับดีๆ
ตลอดช่วงหลายวันต่อมา ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ก้าวออกจากห้องแม้แต่ครั้งเดียว
งานชุมนุมช่างหลอมใกล้เข้ามาทุกทีและมันคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อทำการหลอมอุปกรณ์ นางมักจะใช้เพลิงอสูรของซิว ทว่าตอนนี้การเก็บตัวของซิวได้ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างฉินอวี้โม่โดยสมบูรณ์ นางจึงเข้าถึงเพลิงอสูรของซิวไม่ได้
ถ้าหากนางต้องใช้เปลวเพลิงอื่นในการหลอมอาวุธที่งานชุมนุมช่างหลอม ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงไปมาก
ตลอดช่วงเวลาหลายวันนี้ ฉินอวี้โม่ศึกษาและฝึกฝนการใช้เพลิงอื่นด้วยความหวังว่าจะทำความคุ้นเคยกับเปลวเพลิงและเตาหลอมเพื่อฝึกปรือทักษะการหลอมอาวุธก่อนถึงวันงาน อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้ายังคงไม่มากพอ
ครั้งหนึ่งนางได้พยายามควบคุมเพลิงของหงส์แดงและวิหคอมตะเพื่อหลอมอาวุธ ทว่ามันก็ยังไม่ดีเท่ากับเพลิงของซิว
แม้ว่าเพลิงของหงส์แดงและวิหคอมตะจะเป็นเพลิงที่เหนือธรรมชาติเช่นกัน ทว่าผลลัพธ์จากมันก็ยังไม่ดีเท่าไหร่นักเมื่อใช้ในการหลอมอุปกรณ์
นอกจากเรื่องการหลอมของนาง ในเมืองไป๋อวี้แห่งนี้ก็มีบุคคลสำคัญที่แวะเวียนเข้ามาเป็นพักๆ
เมื่อซูเสี่ยวจวิ้นกลับมาถึงห้องพักในทุกๆคืน นางมักจะเล่าเรื่องข้อมูลของผู้คนที่แวะเวียนไปมาในช่วงเวลานี้และเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเมือง
ถึงแม้ไม่มีเรื่องอะไรสลักสำคัญ ซูเสี่ยวจวิ้นก็ยังเล่าเรื่องราวเหล่านั้นเพื่อให้นางรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมเช่นเดียวกับนาง
งานชุมนุมช่างหลอมได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างล้มหลามและดึงดูดปรมาจารย์ช่างหลอมมากมายในดินแดนนี้
รางวัลสูงสุดของงานคือแผนที่แผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียน ไม่ว่าจะเป็นช่างหลอมหรือขุมกำลังใหญ่ ทุกคนล้วนปรารถนาอยากได้มันมาครอบครอง
จากข้อมูลที่ได้ฟังจากซูเสี่ยวจวิ้น หลายคนที่มาเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นคนที่ทรงพลังอย่างมาก
หนึ่งในนั้นคือช่างหลอมแก่ชราซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนและยังเป็นถึงปรมาจารย์ช่างหลอม เขามีนามว่ากู่หยวน
กู่หยวนผู้นี้มีอายุหลายร้อยปีและเขามักเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมเป็นประจำทุกครั้ง ทว่าในสถานการณ์ปกติ เขาเพียงแต่มารับชมหรือถูกเชิญมาเป็นกรรมการตัดสินเท่านั้น เขาแทบไม่เคยลงแข่งชิงรางวัลด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าในงานปีนี้ เขาคือหนึ่งในผู้สมัครเข้าแข่งขัน ดูเหมือนว่ารางวัลในปีนี้จะทำให้แม้แต่กู่หยวนเองก็อดใจไม่ไหวจนต้องทำลงมือด้วยตนเอง
ความสามารถของเขาก็เป็นที่ความเคารพยำเกรงแม้สำหรับประธานสมาคมช่างหลอมและหลายคนต่างก็คาดเดากันไปว่าเขาทะลวงพลังผ่านระดับปรมาจารย์และกลายเป็นช่างหลอมระดับจักรพรรดิแล้ว
แต่ทว่า เรื่องนี้ก็ยากที่จะพิสูจน์ได้
และหากเขาเข้าร่วมการแข่งขันในงานชุมนุมครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาจะคว้ารางวัลสูงสุดไปครอง
บุคคลที่สองที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือเฟิงเสวี่ยเฉิน ช่างหลอมผู้เป็นยอดฝีมือจากขุมกำลังอันดับหนึ่งของดินแดน
เขายังไม่สูงวัยมากนักโดยมีอายุประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปี อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์และสภาวะพลังของเขาก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ว่ากันว่าตอนที่เขาอายุสามสิบห้าปี เขาก็ได้กลายเป็นปรมาจารย์ช่างหลอมที่เก่งกาจล้ำเลิศที่สุดในดินแดนแล้ว ทว่าในปัจจุบันนี้ที่ผ่านมาแล้วนับสิบปี ไม่มีใครรู้ว่าเขาพัฒนาขึ้นมากเพียงใด
ครานี้เฟิงเสวี่ยเฉินจะเข้าร่วมแข่งขันชิงรางวัลในงานชุมนุมเช่นกันและแน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือรางวัลสูงสุด หลายคนเชื่อว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่สามารถปะทะฝีมือกับกู่หยวนได้อย่างเท่าเทียม
อีกทั้งเฟิงเสวี่ยเฉินผู้นี้ก็เลื่องชื่อในทางที่ดีและมีผู้คนมากมายที่ให้การสนับสนุนเขาอย่างมาก
เขาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโอกาสครอบครองอันดับหนึ่งในงานชุมนุมช่างหลอมในปีนี้
คนที่สามคือหวั่งซั่วซึ่งมีเรื่องบาดหมางกับฉินอวี้โม่และคณะมาก่อน
แม้ว่าเขาหยิ่งทะนงอย่างที่สุดและไม่น่าเชื่อถือ ฝีมือในการหลอมของเขาก็ไร้ข้อกังขา
ในงานชุมนุมครั้งนี้ เขาก็เป็นตัวเต็งอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสคว้าชัยชนะ นอกจากนี้เขายังเป็นถึงหัวหน้าช่างหลอมแห่งตระกูลเฟิง เขาจึงได้รับการสนับสนุนจากคนไม่น้อยเลยทีเดียว
บรรดาคนที่มาจากขุมกำลังพญายม ตระกูลเฟิงและคนอื่นๆที่ผูกมิตรไมตรีกับทั้งสองขุมกำลังนั้นต่างก็สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
นอกเหนือจากสามคนข้างต้นก็ยังมีปรมาจารย์ช่างหลอมอีกห้าคน ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญอีกหลายสิบคนและช่างหลอมระดับอาวุโสอีกเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านี้ต่างก็คู่ควรกับความสนใจของฉินอวี้โม่
อย่างไรก็ตาม อันที่จริงแล้วคนเหล่านี้ไม่สามารถข่มขวัญนางได้
นอกจากนี้ ฉินอวี้โม่ก็ได้สอบถามข่าวเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มีอายุน้อยกว่ายี่สิบปีเช่นกัน ทว่านางกลับได้รับข้อมูลที่น่าแปลกใจ
ในบรรดาผู้เข้าร่วมที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปี คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงแค่ช่างหลอมระดับอาวุโสเท่านั้น
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าช่างหลอมไม่ใช่อาชีพที่จะฝึกฝนทักษะได้ง่ายๆ
ซูเสี่ยวจวิ้นบอกฉินอวี้โม่ว่าไม่มีผู้เข้าแข่งขันคนใดที่มาจากขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬและสำหรับขุมกำลังราชาสวรรค์และขุมกำลังไร้คู่เปรียบนั้น นอกเหนือจากกลุ่มของพวกนางแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
เมื่อได้ยินข่าวนี้ อดีตนักฆ่าสาวก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
นางคิดว่าขุมกำลังเสื้อคลุมทมิฬจะส่งคนมาเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมเพื่อที่นางจะได้ติดต่อกับบิดาเร็วขึ้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะไม่ส่งใครมาเข้าร่วมงานนี้ เมื่อเป็นในกรณีนี้ นางก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเลื่อนการพบปะกับบิดาออกไป
ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ดำเนินมาถึงวันก่อนเริ่มงานชุมนุมช่างหลอม
วันนี้ฉินอวี้โม่ยังคงเก็บตัวศึกษาเพลิงทุกรูปแบบและต้องการทดสอบว่าเพลิงของอสูรมายาตัวใดจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดสำหรับการหลอม
อย่างไรก็ตาม หลังจากเพียรศึกษาเป็นเวลานานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสำเร็จดังใจหวัง
“นายหญิง พวกเราอ่อนแอเกินไป…”
หงส์แดงและอสูรมายาตัวอื่นๆอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้ประโยชน์ พลังของพวกมันทั้งหมดยังคงไม่อาจทัดเทียมกับซิวผู้เป็นถึงเทพอสูรในตำนานได้
“ไม่เลย พวกเจ้าทำดีแล้ว เพียงแต่เรามีการผสมผสานที่ไม่มากพอและข้าควบคุมเพลิงของพวกเจ้าได้ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างเพลิงของซิว หรือข้าคงยังเตรียมตัวไม่ดีพอ..”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะอย่างปลงตก
เมื่อนางนึกถึงปัญหานี้ มันก็มีเวลาเพียงไม่มากแล้วก่อนงานชุมนุมจะเริ่มต้นขึ้น
ในเวลาเพียงระยะสั้นๆเช่นนี้ มันยากที่นางจะหาเพลิงที่สามารถแทนที่เพลิงของซิวได้เป็นการชั่วคราว
“นายหญิง ตอนนี้ทักษะการหลอมของท่านยังไม่โดดเด่นมากนัก หากท่านต้องการสร้างผลงานดีๆในงานชุมนุมนี้ ท่านจะต้องคิดหาวิธีการบางอย่าง ตอนนี้การที่พี่ซิวยังไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา ท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของมารยาดังขึ้นในโสตประสาทของนาง
แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าผู้เป็นนายหญิงเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้เพราะสนใจแผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียน
อย่างไรก็ตาม ทักษะการหลอมของฉินอวี้โม่บัดนี้อย่างมากก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญ แม้ว่าสิ่งที่นางตั้งใจจะหลอมเป็นสิ่งของที่พบได้ยาก เมื่อทำสำเร็จ พวกมันจะก่อให้เกิดความฮือฮาไปทั่วดินแดนอย่างแน่นอน
ทว่า…หากนางยังแสดงความสามารถในระดับสูงสุดไม่ได้ งานชุมนุมช่างหลอมนี้ก็ถือว่ายากเข็ญพอสมควร
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบาๆและกล่าว “ข้าทำได้แค่ค่อยๆศึกษาและฝึกไปทีละขั้น ไม่รู้ว่าซิวจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าเพลิงของพวกเจ้าจะแทนที่ซิวไม่ได้และไม่สามารถผสมผสานได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกมันก็ไม่ใช่เพลิงที่อ่อนแอ ในงานชุมนุมพรุ่งนี้ เราทำได้เพียงทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเท่านั้น”
สำหรับเรื่องนี้ อดีตนักฆ่าสาวก็หมดสิ้นหนทางเช่นกัน จู่ๆนางก็เกิดไม่มั่นใจขึ้นมา ไม่รู้ว่างานในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างที่นางคาดหวังให้เป็นหรือไม่
ถึงอย่างไรแล้วนางก็ต้องเพียรพยายามอย่างมากกว่าที่จะเก็บรวบรวมวัสดุหลอมมากมายมาเพื่องานนี้ หากว่าการหลอมล้มเหลว มันก็ยากที่จะเก็บรวบรวมวัสดุเหล่านั้นได้อีกเป็นครั้งที่สอง
“นายหญิงวางใจได้เลย เราทั้งหมดจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่”
แม้รู้ว่าพวกมันไม่สามารถช่วยฉินอวี้โม่ในการหลอมดังกล่าวได้ อสูรมายาเหล่านี้ก็ไม่ย่อท้อแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันจะสนับสนุนและช่วยนายหญิงอย่างเต็มกำลังที่สุด
เมื่อได้ยินอสูรมายาทั้งหลายของตนที่ร่วมมือร่วมใจกัน อดีตนักฆ่าสาวแห่งยุคก็อดยิ้มมุมปากเล็กๆไม่ได้
อสูรพันธสัญญาเหล่านี้คือคู่หูที่ดีที่สุดของนางไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าทางข้างหน้าจะมีขวากหนามทิ่มแทงมากเพียงใด นางก็ไว้วางใจในอสูรมายาเหล่านี้ได้เสมอ พวกมันจะร่วมฝ่าฟันความเป็นความตายไปกับนาง
“พี่อวี้โม่ พี่อวี้โม่!”
เสียงเจื้อยแจ้วของซูเสี่ยวจวิ้นดังมาจากไกลๆ
หลังจากเก็บวัสดุหลอมและอสูรมายาทั้งหมดให้เข้าที่ รวมถึงสลัดความกังวลที่เกาะกุมในหัวใจ นางก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูก่อนก้าวออกไป
เมื่อฉินอวี้โม่ก้าวออกมาจากห้อง ซูเสี่ยวจวิ้นก็ตกใจเล็กน้อย
“พี่อวี้โม่ ข้ามารบกวนท่านรึไม่?”
เด็กสาวเอ่ยเสียงเบาด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อครู่ฉีอวิ๋นเหล่ยบอกให้นางมาเรียกฉินอวี้โม่ ทว่านางเผลอลืมไปชั่วครู่ว่าอีกฝ่ายกำลังเก็บตัวเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเงียบๆ
“ไม่หรอก เจ้ามีอะไรงั้นรึ?”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะพร้อมยิ้มตอบ
.