บัดนี้ห้องโถงในอาคารสมาคมช่างหลอมคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
เมื่อฉินอวี้โม่และซูเสี่ยวจวิ้นเดินออกไปพร้อมกัน ทั้งสองก็มองเห็นผู้คนมากมายที่รวมตัวกันและรู้สึกสงสัยว่าพวกเขากำลังมุงดูอะไรกัน
ทั้งสองไม่ได้เดินไปหาคนเหล่านั้นขณะซูเสี่ยวจวิ้นคว้าแขนฉินอวี้โม่และมุ่งหน้าตรงไปยังจุดที่ฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆกำลังนั่งพักกันอยู่
“อวี๋โม่ เจ้ามาได้สักที”
เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ฉีอวิ๋นเหล่ยก็ส่งยิ้มให้นาง
เหวินซื่อชู่ก็พยักศีรษะเล็กน้อยพร้อมเอ่ยทักทาย ในขณะที่ฉีป่ายเฉาลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มทักทายเช่นกันก่อนสละที่นั่งของตนให้กับฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่เองก็ทักทายทุกคนอย่างสุภาพก่อนนั่งลง
“การเตรียมความพร้อมของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉีอวิ๋นเหล่ยเอ่ยถามขณะมองลักษณะท่าทางโดยรวมของอีกฝ่ายและอดพยักหน้าเบาๆไม่ได้
ดูเหมือนว่าทั้งร่างกายและสภาวะจิตใจของนางจะอยู่ในระดับดีเยี่ยมและนางน่าจะพร้อมสำหรับงานชุมนุมช่างหลอมในวันรุ่งขึ้นแล้ว
“ข้าคิดว่าข้าอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบแล้ว ข้าเชื่อว่าจะแสดงผลงานได้ดีและราบรื่นในงานชุมนุม”
คุณหนูสี่ในคราบบุรุษเอ่ยพร้อมรอยยิ้มและไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเพลิงของซิว แม้ว่าตอนนี้เรื่องเพลิงของซิวคือสิ่งที่นางกังวล ทว่านางก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครรู้
หลังจากที่ได้รับคำตอบของฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยก็หันไปหาบุรุษอีกสองคน “แล้วการเตรียมตัวของซื่อชู่กับป่ายเฉาเป็นอย่างไรบ้าง?”
เหวินซื่อชู่และฉีป่ายเฉาพยักศีรษะพร้อมกัน พวกเขาก็น่าจะเตรียมตัวเป็นอย่างดีเช่นกัน
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันแข่งขันครั้งใหญ่ ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ อีกอย่าง เรามาคุยเรื่องกฎเกณฑ์ของงานกันเถอะ”
ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มพลางกล่าวถึงจุดประสงค์ที่เขาให้ซูเสี่ยวจวิ้นไปเรียกฉินอวี้โม่ออกมาจากห้องพัก
“โอ้? กฎเกณฑ์ของการแข่งขันออกมาแล้วรึ?”
อดีตนักฆ่าสาวประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่ากฎเกณฑ์ต่างๆจะเปิดเผยออกมาก่อนวันงานจริง
“นั่นเป็นเพราะงานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ อีกทั้งรางวัลก็ล้ำค่ากว่ามาก ด้วยเหตุนั้น กฎของการแข่งขันจึงแตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน”
ฉีอวิ๋นเหล่ยพยักศีรษะเล็กน้อยพร้อมหยิบม้วนหนังแกะออกมาและยื่นให้กับฉินอวี้โม่
นางรับมันมาและเปิดออกทันทีพร้อมเริ่มอ่านเนื้อหาข้างในอย่างละเอียด
งานชุมนุมช่างหลอมจะจัดเป็นระยะเวลาสามวันติดต่อกันและวันที่สี่เป็นวันสำหรับการมอบรางวัล
ช่างหลอมแต่ละคนมีเวลาสามวันเพื่อเตรียมตัวและลงมือหลอมสิ่งที่ต้องการ ภายในสามวันนี้ ไม่ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลวกี่ครั้ง ช่างหลอมก็จะต้องส่งผลงานก่อนพระอาทิตย์ตกดินในวันที่สาม
ในฐานะช่างหลอม ฉินอวี้โม่รู้ดีว่ายิ่งอุปกรณ์อยู่ในระดับสูงเพียงใด การหลอมพวกมันให้ประสบผลสำเร็จก็จะต้องใช้เวลามากขึ้นเพียงเท่านั้น
เพราะเหตุนั้นการให้เวลาหลอมสามวันจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกสำหรับนาง
การแบ่งกลุ่มตามอายุสามช่วงวัยที่นางเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ก็ยังคงมีอยู่ ทว่าในความเป็นจริงแล้วรางวัลสำหรับกลุ่มการแข่งขันอายุต่ำกว่ายี่สิบปีนั้นไม่อู้ฟู่เหมือนรางวัลสูงสุด
ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันจะไม่มีการแบ่งแยกสาขาที่ชัดเจนและจะไม่วัดระดับผลงานแยกกัน นั่นคือช่างหลอมทุกคนจะต้องแข่งรวมกันและทำการทดสอบอายุต่อหน้าธารกำนัลเมื่อส่งผลงาน จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการลงทะเบียนและนับคะแนน
ด้วยเหตุนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมจึงจะไม่ต้องเผชิญความกดดันหรือตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันแบบเดี่ยว เมื่อช่างหลอมจำนวนมากแข่งขันรวมกันเช่นนี้ พวกเขาก็อาจจะมีแรงจูงใจกระตุ้นหรือเข้าใจบางอย่างเพิ่มเติมก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้น มีโอกาสที่มันจะนำไปสู่การหลอมอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบได้สำเร็จ
สำหรับผลลัพธ์ของการแข่งขัน แน่นอนว่าการคัดเลือกผู้ชนะขึ้นอยู่กับคุณภาพ คุณสมบัติและการใช้งานของสิ่งหลอม ในบรรดาผลงานทั้งหมด อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพคุ้มต้นทุนมากที่สุดจะคว้าชัยชนะในงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ไป
เมื่ออ่านกฎเกณฑ์เงื่อนไขครบถ้วน ฉินอวี้โม่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ถ้าหากผลลัพธ์สุดท้ายตัดสินจากระดับของสิ่งหลอมเพียงอย่างเดียว นางก็อาจไม่สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันนี้ได้
ทว่าหากตัดสินจากอัตราส่วนต้นทุนต่อประสิทธิภาพของสิ่งหลอม ถือว่านางก็มีโอกาสพอสมควรที่จะคว้าชัยชนะมาครอง
ตราบใดที่ไม่มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและนางหลอมคฤหาสน์ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ ต่อให้มันจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุด มันก็จะไม่ด้อยไปกว่าสิ่งหลอมคุณภาพสูงอื่นๆ
“งานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้น่าสนใจจริงๆใช่รึไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของฉินอวี้โม่ บุรุษผู้อ่อนโยนก็ยิ้มและกล่าว
ต้องยอมรับเลยว่างานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้น่าสนใจกว่าครั้งก่อนๆมาก
ในงานก่อนหน้านี้ที่ผ่านๆมา การแข่งขันของทั้งสามกลุ่มอายุจะจัดขึ้นแยกกันอย่างชัดเจนและวิธีการตัดสินผลแพ้ชนะขึ้นอยู่กับระดับของสิ่งหลอม ปีนี้เป็นครั้งแรกที่รูปแบบการแข่งขันและกฎเกณฑ์แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทว่ามันก็น่าสนใจมากกว่าทุกครั้งเช่นกัน
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับฉีอวิ๋นเหล่ย นางก็ยอมรับในความน่าสนใจและความสนุกสนานของงานครั้งนี้เช่นกัน
ทว่าจู่ๆนางก็นึกบางอย่างขึ้นมาและอดถามออกไปไม่ได้ “จริงสิ แล้วกรรมการตัดสินของงานชุมนุมในปีนี้คือใครรึ?”
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย ฉีอวิ๋นเหล่ยก็ตอบกลับโดยไม่ลังเล นี่เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่พลาดและหาข้อมูลมาแล้ว
“ฮ่าๆๆ งานชุมนุมปีนี้เชิญคนสำคัญมามากมายทีเดียว”
จากข้อมูลที่เขาได้มา นอกเหนือจากช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญผู้ทรงเกียรติหลายคนของสมาคมช่างหลอม หลายคนที่มากความสามารถและเลื่องชื่อลือชาในดินแดนก็ได้รับคำเชิญให้มาร่วมเป็นกรรมการตัดสินเช่นกัน
ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้ แน่นอนว่าประธานสมาคมใหญ่ทั้งสี่ก็ยินดีเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินเพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับประธานสมาคมช่างหลอม นอกจากนี้ ผู้นำลึกลับแห่งขุมกำลังเอกพิภพและเฟิงอู๋เฉินผู้นำขุมกำลังหนึ่งนภาก็มาที่เมืองไป๋อวี้เช่นกัน
เมื่อได้ยินรายชื่อของคนเหล่านี้ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่ตัวละครแปลกใหม่และยังรู้สึกได้ว่างานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้ไม่ง่ายราบรื่นเสียทีเดียว
ผู้นำขุมกำลังเอกพิภพที่ลึกละบและผู้นำขุมกำลังหนึ่งนภาซึ่งก็คือเฟิงอู๋เฉินต่างก็เป็นถึงยอดฝีมืออันดับต้นๆของดินแดนอ้างว้าง ในเมื่อพวกเขาจะมาเข้าร่วมงานปีนี้และเป็นกรรมการตัดสิน เห็นได้ชัดว่างานครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนๆอย่างมาก
“เจ้าต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ในงานนี้ หากเจ้าได้อันดับดีๆ รางวัลอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่นัก สิ่งสำคัญกว่าคือการสร้างชื่อในดินแดนแห่งนี้ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าเชื่อว่ามีขุมกำลังมากมายที่อยากจะผูกมิตรกับเจ้า ถึงอย่างไรแล้วช่างหลอมในระดับสูงย่อมมีไมตรีกับหลายขุมกำลัง ถ้าหากเจ้าเข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอมได้ แม้แต่ตระกูลเฟิงที่ว่ายิ่งใหญ่นักก็ไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้ง”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าเขาพูดติดตลกไปสักหน่อย สิ่งที่เขากล่าวก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ถ้าหากนางแสดงฝีมือได้อย่างล้ำเลิศในงานชุมนุมช่างหลอม นางจะเป็นดาวเด่นเจิดจรัสในสายตาของทุกคน เมื่อถึงตอนนั้น ขุมกำลังทั้งเล็กใหญ่มากมายจะเข้ามายื่นมิตรไมตรีกับนาง ซึ่งแม้แต่ตระกูลเฟิงก็ต้องริษยาและหวั่นใจ
คุณหนูสี่และคนอื่นๆไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ทว่าหากได้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของสมาคม มันก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับนาง
ฉะนั้นในการแข่งขันที่จะมาถึง นางจะต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อแสดงผลงานและคว้าอันดับดีๆมาให้จงได้
“จะว่าไปแล้ว รางวัลของงานปีนี้ก็ประกาศออกมาแล้วเช่นกัน มันอยู่ที่กระดานประกาศตรงนั้นน่ะ”
ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวพลางชี้นิ้วตรงไปยังจุดที่มีผู้คนจำนวนมากเนืองแน่นอยู่
ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆชำเลืองมองไปในทิศทางนั้นโดยสนใจที่จะเดินไปดูประกาศนั้นด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ตรงนั้นก็มีผู้คนแออัดอยู่มากเกินไป ถ้าหากต้องการรู้รายการรางวัลทั้งหมดก็สามารถรู้ได้โดยการถามจากคนอื่นเช่นกัน
ขณะคนทั้งกลุ่มกำลังสนทนาพาทีกันอยู่นั้น เด็กรับใช้ที่จัดเตรียมที่พักให้คณะเดินทางฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ก็บังเอิญเดินผ่านมาทางนี้
ซูเสี่ยวจวิ้นวิ่งพรวดออกไปขวางทางเขาไว้ในทันที
“คุณหนูและคุณชายทั้งหลายนี่เอง พวกท่านมีอะไรเรียกใช้ข้าหรือขอรับ?”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ เด็กหนุ่มก็ยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงและอากัปกิริยาเคารพนอบน้อมเช่นเดิม
“น้องชาย เจ้าพอจะรู้เรื่องรางวัลในงานชุมนุมครั้งนี้รึไม่?”
ซูเสี่ยวจวิ้นไม่รอช้าและกล่าวจุดประสงค์ที่หยุดเขาไว้โดยตรง
เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว เด็กหนุ่มก็ยิ้มอย่างเคารพและตอบ “ฮ่าๆๆ เป็นเรื่องนี้นี่เอง”
เด็กหนุ่มบอกรายชื่อรางวัลตามที่ติดประกาศให้กับฉินอวี้โม่และคนอื่นๆได้รู้โดยที่ไม่ลังเล
รางวัลต่างๆสำหรับงานชุมนุมช่างหลอมประจำปีนี้เรียกได้ว่าล้ำค่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นอกเหนือจากแผนที่ซากปรักหักพังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีทักษะลับระดับสูงอีกสองอย่าง
ต้องกล่าวเลยว่าทักษะลับระดับสูงเป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อทะลวงพลังถึงขอบเขตจ้าวสุริยะเท่านั้น หากได้มันมาครอง มันก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างที่สุด
นอกเหนือจากรางวัลเหล่านี้ยังมีเตาหลอมทศทิศซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเตาหลอมอันดับหนึ่งของดินแดน อย่างไรก็ตาม เตาหลอมทศทิศนี้เป็นรางวัลสำหรับช่างหลอมที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอายุน้อยกว่ายี่สิบปี เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรางวัลพิเศษสำหรับการสนับสนุนช่างหลอมมากพรสวรรค์
ถึงแม้ว่ารางวัลอื่นๆจะด้อยกว่าของเหล่านี้เล็กน้อยแต่พวกมันก็ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปเช่นกัน
วัสดุหายาก โอสถล้ำค่าและแม้แต่อสูรมายาระดับสูงล้วนอยู่ในรายชื่อรางวัล
หลังจากฟังรายการรางวัลจากเด็กรับใช้ ซูเสี่ยวจวิ้นก็อดน้ำลายยืดย้อยด้วยความตื่นตะลึงไม่ได้
“เสี่ยวจวิ้น เจ้าเป็นสตรีนะ เจ้าทำกิริยาดีๆแบบสตรีไม่เป็นรึอย่างไร?”
ฉีอวิ๋นเหล่ยอดหัวเราะกับท่าทางของเด็กสาวไม่ได้ จากนั้นซูเสี่ยวจวิ้นก็เรียกสติกลับมาได้และวางท่าเล็กน้อย
“พี่อวิ๋นเหล่ย ไม่แปลกใจเลยที่บิดาของข้าเคยบอกว่าสมาคมใหญ่ทั้งสี่มั่งคั่งร่ำรวยมาก เมื่อได้ยินรายชื่อของรางวัลพวกนี้ ข้าก็ยอมรับอย่างแท้จริง”
นางเคยคิดมาตลอดว่าขุมกำลังที่ใหญ่เป็นอันดับสองในทั้งสิบแห่งของตนเองร่ำรวยมาก ทว่ากลับเทียบไม่ได้กับสมาคมช่างหลอมแห่งนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“น้องชาย ขอบใจเจ้ามาก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มให้กับเด็กหนุ่มรับใช้พร้อมเอ่ยขอบคุณ
“ฮ่าๆๆ ยินดีขอรับ ขอให้คุณชายทั้งหลายได้อันดับดีๆในการแข่งขันพรุ่งนี้ขอรับ”
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพพร้อมพยักศีรษะก่อนเดินแยกออกไป
“อวี๋โม่ ซื่อชู่ ป่ายเฉา พวกเจ้าจะต้องทำอย่างเต็มที่”
ฉีอวิ๋นเหล่ยยิ้มและมองทั้งสามเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ในบรรดาสมาชิกกว่าสามสิบคนในคณะเดินทาง มีเพียงสามคนนี้เท่านั้นที่เข้าร่วมการแข่งขันในงานชุมนุมช่างหลอมและคนอื่นๆเพียงแค่ให้กำลังอย่างเงียบๆโดยหวังว่าพวกเขาจะแสดงผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนคว้าอันดับดีๆมาได้
ทั้งสามมองหน้ากันด้วยแววตามุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร พวกเขาจะทุ่มเทแสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถ
จากนั้นพวกเขาก็นั่งรับประทานอาหารและสนทนาพาทีกันอย่างออกรส
“ขออภัย คุณชายอวี๋โม่และคุณชายฉีอวิ๋นเหล่ยอยู่ที่นี่รึไม่?”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางบทสนทนาของทุกคน
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทั้งสองคนที่ถูกขานชื่อก็ประหลาดใจเล็กน้อยและหันไปมองต้นเสียงนั้นด้วยท่าทางงุนงง
“ฮิๆๆ นายหญิงของข้าขอเชิญคุณชายทั้งสองไปพบขอรับ”
เมื่อบุรุษคนนั้นเห็นฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย เขาก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
.