สิ่งหลอมของเฟิงเสวี่ยเฉินคือเกราะระดับวิจิตรขั้นพิภพซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก
อายุของเฟิงเสวี่ยเฉินยังถือว่าน้อยหากเทียบกับช่างหลอมคนอื่นๆในระดับเดียวกับเขา เขามีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีซึ่งน้อยกว่าหวังซั่วเมื่อครู่ถึงเกือบร้อยปี
เมื่อได้รู้ความแตกต่างระหว่างอายุของคนทั้งสอง ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เข้าใจว่าเหตุใดหวังซั่วจึงดูหวั่นกลัวเฟิงเสวี่ยเฉินมากนัก ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของเฟิงเสวี่ยเฉินในปัจจุบัน คาดว่าเขาจะเหนือชั้นกว่าปรมาจารย์ช่างหลอมผู้ทะนงตนได้ภายในไม่กี่ปี
“น้องเสวี่ยเฉิน อีกไม่นานเจ้าก็จะก้าวผ่านข้าได้แล้ว”
กู่หยวนมองเฟิงเสวี่ยเฉินพร้อมตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ อากัปกิริยาและแววตาของเขาไร้ซึ่งความริษยาทว่าเปี่ยมด้วยความยอมรับและความคาดหวัง
ในเมื่อเขารักศาสตร์การหลอมมากเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมหวังให้มีคนมากพรสวรรค์ปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อที่จะพัฒนาวงการช่างหลอมได้มากขึ้น
ฉินอวี้โม่ชื่นชมเทิดทูนทัศนคติของกู่หยวนมาก ถึงอย่างไรแล้วยอดฝีมือที่แกร่งกล้าอย่างกู่หยวนและเยว่ชิงย่อมคาดหวังให้มีคนหมั่นศึกษาและผลักดันศาสตร์แห่งการหลอมอุปกรณ์ให้ก้าวหน้าและแพร่หลายต่อไป
“ฮ่าๆๆ เอาล่ะ การลงทะเบียนของข้าเสร็จสิ้นแล้ว อยากรู้นักว่าท่านพี่กู่หยวนและเจ้าหนุ่มนี่หลอมสิ่งใดออกมา”
เฟิงเสวี่ยเฉินยิ้มกว้างขณะมองสองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ท่านปรมาจารย์เฟิงเสวี่ยเฉิน ท่านปรมาจารย์กู่หยวน ท่านทั้งสองเรียกข้าว่าอวี๋โม่เถอะขอรับ”
เมื่อได้ยินคำเรียกจากปากกู่หยวนและเฟิงเสวี่ยเฉิน คุณหนูสี่ในคราบบุรุษหนุ่มถึงกับยิ้มมุมปากและกล่าวออกไป
“เข้าใจแล้ว เสี่ยวอวี๋โม่”
ปรมาจารย์ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มก่อนกล่าว “เจ้านำสิ่งหลอมของเจ้าออกมาให้เราทั้งสองได้ดูเถอะ ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญที่สามารถเข้าสู่สภาวะฟ้าคนรวมเป็นหนึ่งและหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสูงได้ บุรุษหนุ่มที่มากพรสวรรค์เช่นนี้ เจ้าเป็นคนแรกที่ปรากฏขึ้นมาในดินแดนอ้างว้างตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้”
ฉินอวี้โม่ก็ไม่รอช้าและค่อยๆหยิบคฤหาสน์เฟิงหัวที่เสร็จสมบูรณ์ของตนเองออกมา
มันเป็นคฤหาสน์ที่วิจิตรงดงามอย่างมาก มันมีขนาดเล็กและประณีตละเอียดซึ่งดูงดงามอย่างที่สุด
“นี่คือ?”
เมื่อเห็นคฤหาสน์หลังน้อยที่ฉินอวี้โม่หยิบออกมา ทั้งกู่หยวนและเฟิงเสวี่ยเฉินก็ชะงักกึกไปเล็กน้อยราวกับไม่เคยเห็นอาคารปลูกสร้างแบบนี้มาก่อน
“นี่คือคฤหาสน์เฟิงหัวที่เป็นห้วงมิติพิเศษ”
เมื่อเห็นสีหน้าฉงนสงสัยของทั้งสองคนตรงหน้า ฉินอวี้โม่จึงยิ้มและกล่าวอธิบาย
“คฤหาสน์เฟิงหัวงั้นรึ?”
กู่หยวนและเฟิงเสวี่ยเฉินมองหน้ากันและกัน พวกเขายังคงสับสนอยู่
พวกเขาเคยได้ยินสิ่งหลอมที่เป็นอาวุธ อุปกรณ์ เครื่องประดับ กำไลมิติ ทว่าไม่เคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า ‘คฤหาสน์เฟิงหัว’ มาก่อน
“อืม ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะมีชื่อเรียกว่าคฤหาสน์เฟิงหัวสินะ”
จู่ๆเยว่ชิงก็กะพริบมาปรากฏตัวถัดจากฉินอวี้โม่และกล่าวทันที
“ศิษย์พี่ ท่านรู้จักสิ่งนี้งั้นรึ?”
เมื่อได้วาจาของเยว่ชิง กู่หยวนก็ชะงักไปเล็กน้อย เขามองอีกฝ่ายและเอ่ยปากอย่างไม่เข้าใจ
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้อง เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร”
เยว่ชิงยิ้มพลางยื่นมือออกไปรับคฤหาสน์หลังน้อยของฉินอวี้โม่มาตรวจดูอย่างพินิจพิจารณา
ฉินอวี้โม่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำที่กู่หยวนใช้เรียกเยว่ชิง นางไม่คิดเลยว่ากู่หยวนและเยว่ชิงจะมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อราวกับพี่น้อง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเยว่ชิง ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินและพอจะรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘คฤหาสน์เฟิงหัว’ และกู่หยวนก็น่าจะเคยได้ยินเช่นกัน
“เจ้าจำที่อาจารย์เคยบอกเราเกี่ยวกับห้วงมิติที่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้รึไม่?”
เยว่ชิงมองดูคฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่ครู่หนึ่งพลางนึกย้อนไปถึงอดีต
เมื่อได้ยินวาจาของเยว่ชิง กู่หยวนก็นึกบางอย่างขึ้นได้และกล่าวทันที “ศิษย์พี่กำลังพูดถึงมิติที่สองงั้นรึ?”
“ถูกต้อง คฤหาสน์นี้คือรูปแบบอย่างง่ายของมิติที่สอง”
เยว่ชิงพยักศีรษะและกล่าว “ก็เหมือนคฤหาสน์ต่างๆในโลกภายนอก คฤหาสน์เฟิงหัวนี้สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตไว้ข้างในรวมถึงมนุษย์อย่างเราก็สามารถเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันมีสภาวะพลังมากกว่าโลกภายนอกซึ่งจะทำให้เราฝึกยุทธ์ได้เร็วขึ้น”
เยว่ชิงบอกข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนคืนมันให้ฉินอวี้โม่
“เสี่ยวอวี๋โม่ เจ้าพอจะบอกได้รึไม่ว่าเจ้าใช้วิธีการใดในการหลอมคฤหาสน์นี้ขึ้นมา?”
อันที่จริง นับตั้งแต่เยว่ชิงได้ข้อมูลเกี่ยวกับมิติที่สองมาจากอาจารย์ เขาก็ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวมิติกับที่สองที่ว่านี้มาเป็นระยะเวลานาน ทว่ามันมีปัญหามากมายเกินกว่าจะหลอมได้สำเร็จ แม้ว่าเขาพยายามหลายครั้งก็ยังไม่เคยหลอมได้สำเร็จ
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่หลอมมันได้สำเร็จในวันนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมอยากรู้และมีความคาดหวังเกี่ยวกับมิติที่สองนี้เป็นธรรมดา
“ท่านปรมาจารย์เยว่ชิง แม้ว่าข้าอยากจะบอกท่าน ข้าก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงขอรับ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะ แม้ว่านางไม่ต้องการปิดบังเยว่ชิง นางก็ไม่รู้ว่าควรกล่าวอย่างไร
นางเพียงเตรียมวัสดุสำหรับหลอมและนึกถึงพระราชวังต้องห้ามจากชีวิตก่อน จากนั้นนางก็หลอมคฤหาสน์เฟิงหัวได้สำเร็จ นางไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการนี้ได้เลย
เมื่อได้ยิน ‘บุรุษหนุ่ม’ กล่าวเช่นนั้น แม้ว่าเยว่ชิงยังคงอยากรู้ เขาก็ไม่คลางแคลงใจใดๆ
เขารู้สึกได้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉินอวี้โม่ไม่ต้องการบอกเขา แต่เป็นเพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
บางทีความสามารถในการหลอมคฤหาสน์มิติได้สำเร็จอาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายปี
“ศิษย์พี่ เราค่อยๆศึกษาเรื่องนี้ต่อไปในอนาคตเถอะ ในเมื่อเสี่ยวอวี๋โม่หลอมมิติที่สองได้สำเร็จเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าเราก็มีโอกาสเช่นกัน”
กู่หยวนกล่าวขัดจังหวะเพื่อไม่ให้เยว่ชิงถามเซ้าซี้ต่อไป
เยว่ชิงพยักศีรษะเบาๆ ทว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องโน้มน้าวใจให้ฉินอวี้โม่เข้าร่วมสมาคมช่างหลอมให้จงได้
ฉินอวี้โม่รับคฤหาสน์เฟิงหัวมาและเดินตรงไปหาผู้อาวุโสหลัวหลินเพื่อทำการลงทะเบียน
หลัวหลินรับคฤหาสน์เฟิงหัวจากนางและสำรวจดูรอบๆอย่างตื่นตา
“เสี่ยวอวี๋โม่ บอกข้าเกี่ยวกับคุณสมบัติพิเศษของคฤหาสน์เฟิงหัวนี้”
หลิวหลินยิ้มอย่างเอ็นดูและเอ่ยถามฉินอวี้โม่เกี่ยวกับคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับคฤหาสน์เฟิงหัวของนาง
สิ่งหลอมทุกอย่างที่เหนือกว่าระดับวิจิตรล้วนมีคุณสมบัติพิเศษ แม้ว่าคุณสมบัติเหล่านั้นไม่ได้วิเศษวิโสนักแต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ดี
อดีตนักฆ่าสาวพยักศีรษะและจิตใต้สำนึกของนางก็แทรกซึมเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว
เมื่อคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ถูกหลอมขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ มันก็เกิดพันธสัญญาร่วมกับนางแล้ว ฉะนั้นแล้ว นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นที่จะตรวจสอบคุณสมบัติของคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ได้
หลังจากย้ายจิตเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว นางก็มองเห็นโครงสร้างที่เหมือนกับรูปแบบที่จินตนาการไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
หลังจากตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียด นางก็ดึงจิตของตนเองกลับออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโสหลัวหลิน คุณสมบัติพิเศษของคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ประกอบไปด้วยความแข็งแกร่งทนทาน การล่องหน การลอยตัวและการพัฒนาขอรับ”
เมื่อได้ยินคุณสมบัติสามอย่างแรก หลัวหลินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากนัก ทว่าเมื่อได้ยินคุณสมบัติสุดท้ายที่ว่าสามารถพัฒนาได้ เขาก็ตะลึงไปชั่วขณะ
ความสามารถในการพัฒนาถือเป็นคุณสมบัติที่ช่างหลอมทุกคนแสวงหาเมื่อทำการหลอมอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง
การที่สิ่งหลอมสามารถพัฒนาได้หมายความว่าต่อให้หลอมเพียงอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสูง มันก็มีโอกาสกลายเป็นอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นพิภพหรือแม้กระทั่งสูงกว่านั้น
สำหรับอุปกรณ์ระดับวิจิตร หากว่ามีคุณสมบัติด้านการพัฒนา มันก็ถือว่าไม่ด้อยไปกว่าอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะเลย
ฉินอวี้โม่สามารถหลอมคฤหาสน์เฟิงหัวเช่นนี้ได้สำเร็จซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดได้ยากอย่างยิ่งในกระบวนการหลอม อีกทั้งมันยังมีคุณสมบัติด้านการพัฒนาซึ่งน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด
คนอื่นๆก็ได้ยินคำอธิบายของนางเช่นกันและสีหน้าท่าทางของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไปทันที
“พี่อวี๋โม่สุดยอดไปเลย!”
ซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างเปิดเผย ถึงแม้นางไม่เข้าใจสิ่งที่เยว่ชิงและฉินอวี้โม่พูดคุยกันเมื่อครู่ นางก็รู้ว่า ‘พี่อวี๋โม่’ ของนางได้หลอมสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก
“คนผู้นี้ไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดเลยจริงๆ!”
ฉีอวิ๋นเหล่ยส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ ทว่าเขารู้สึกยินดีกับฉินอวี้โม่อย่างแท้จริง
บัดนี้สีหน้าของหวังซั่วและเฟิงอู๋ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับฉินอวี้โม่บิดเบี้ยวเหยเกจนดูไม่ได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่าต่อให้นางมีพรสวรรค์มากเพียงใด นางก็ไม่มีทางเหนือชั้นกว่าหวังซั่วอย่างแน่นอน ทว่าบัดนี้ไม่ว่าคิดอย่างไร คุณค่าของคฤหาสน์เฟิงหัวของนางก็เหนือยิ่งกว่าสิ่งหลอมของหวังซั่วอย่างชัดเจน
“หึ เจ้านั่นจะต้องเป็นเฒ่าปีศาจอายุหลายร้อยปีเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีความเข้าใจในวิชาข่ายอาคมที่นับว่าสูญหายไปนานหลายปีและมีความสามารถในการหลอมอุปกรณ์เช่นนี้ได้อย่างไร”
จูตี๋แค่นเสียงในลำคอและทำได้เพียงปลอบใจตัวเองเช่นนี้
“จะต้องใช่แน่ๆ”
คนอื่นๆก็เห็นด้วยกับเขา ทว่าพวกเขาก็ไม่มั่นใจในคำพูดนั้นเช่นกัน
ผู้อาวุโสหลัวหลินดึงสติกลับจากความตื่นตะลึงอย่างรวดเร็วและกล่าว “ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ทักษะการหลอมของเจ้าเหนือยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
เมื่อได้ยินคำชมจากผู้อาวุโสตรงหน้า อดีตนักฆ่าสาวก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกล่าว “ท่านผู้อาวุโสหลัวหลินชมข้าเกินไปแล้วขอรับ มันเป็นเพียงเหตุบังเอิญที่ข้าหลอมสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้ หากให้ข้าหลอมใหม่อีกครั้งก็อาจทำได้ไม่สำเร็จ บนเส้นทางแห่งการหลอมอุปกรณ์ ข้ายังห่างจากท่านอีกมากขอรับ”
อากัปกิริยา ความคิดและวาจาของฉินอวี้โม่ทำให้หลัวหลินชื่นชมนางมากยิ่งขึ้น สำหรับคนรุ่นเยาว์ที่มีทัศนคติเช่นนี้ อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด
“เอาล่ะ ถึงเวลาทดสอบอายุของเจ้า”
เขารู้ดีว่าถึงแม้ฉินอวี้โม่จะมีอายุเท่าไหร่ ผู้คว้าชัยชนะของการแข่งขันครั้งนี้ก็จะต้องเป็นนาง ทว่าหลัวหลินก็ยังอยากรู้อายุที่แท้จริงของ ‘บุรุษหนุ่มมากพรสวรรค์’ ตรงหน้า
ฉินอวี้โม่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยและวางมือลงบนลูกบอลแสงที่หลัวหลินหยิบออกมา
ด้วยแสงสว่างวาบขึ้นมา อายุจริงของ ‘อวี๋โม่’ ก็ปรากฏขึ้นบนลูกบอลแสงนั้น — 19
“สวรรค์! ข้าเห็นผิดไปรึไม่?!”
ท่ามกลางผู้ชม ใครคนหนึ่งเห็นตัวเลขที่ปรากฏบนลูกบอลแสงและขยี้ตาอย่างแรงพร้อมอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ไม่ ไม่เลย เจ้าไม่ได้เห็นผิดไป ข้าก็เห็นเหมือนเจ้า!”
คนอื่นๆขยี้ตาตนเองเช่นกันและเมื่อเห็นว่าตัวเลขที่ปรากฏยังคงเหมือนเดิม สีหน้าของพวกเขาก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“การที่ช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญอายุสิบเก้าปีเป็นคนหลอมสิ่งที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ แล้วพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรได้อีก!”
ใครบางคนโพล่งออกมาท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ
“แม่เจ้าเอ๊ย เขาจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดในหมู่มวลมนุษย์เป็นแน่ เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี๋โม่ผู้ยิ่งใหญ่นี้ ใครเล่าจะกล้าเอ่ยว่าตนมีพรสวรรค์โดดเด่น”
บุรุษกำยำคนหนึ่งอดตะโกนออกมาไม่ได้ ทว่าแววตาของเขาเปี่ยมด้วยความเคารพยำเกรงต่อฉินอวี้โม่
ซูเสี่ยวจวิ้น ฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซือชู่รู้อายุแท้จริงของฉินอวี้โม่อยู่ก่อนแล้วจึงไม่แปลกใจนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินทุกคนกล่าวออกมาเป็นคำพูด ทั้งสามก็อดรู้สึกทึ่งในใจไม่ได้
สีหน้าของหวังซั่วและคนอื่นๆก็ซีดสลดและเหยเกจนดูไม่ได้ พวกเขาคิดว่าฉินอวี้โม่น่าจะเป็นบุรุษชราที่แฝงตัวเข้ามา หากแต่ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วนางจะมีอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น
เพียงแค่มีอายุสิบเก้าปีก็เหนือธรรมชาติถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าในอีกสิบปีข้างหน้า ‘เขา’ จะกลายเป็นยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวจนไม่มีใครในดินแดนอ้างว้างทัดเทียมได้อย่างแน่นอน
เฟิงอู๋และจูตี๋มองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำและเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
เมื่อเยว่ชิงและคนอื่นๆเห็นตัวเลขระบุอายุของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็ชะงักค้างไปเช่นกัน
“โอ้ ข้าคิดมาตลอดว่าข้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ทว่าเมื่อเทียบกับหนุ่มน้อยคนนี้ ข้ารู้สึกละอายใจขึ้นมาจริงๆ!”
เฟิงเสวี่ยเฉินกล่าวและทอดถอนหายใจอย่างปลงตก
.