— ตุบ! —
ฉินอวี้โม่ถีบร่างของฉินซือขวงอย่างแรงจนล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น และดูเหมือนว่าคุณชายสองหน้าแห่งตระกูลฉินจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงหมดสติไปในที่สุด
“จริงอยู่ว่าข้าส่งคนไปจับตัวแม่เจ้าที่โรงเตี๊ยม แต่มาได้เพียงครึ่งทางกลับมีคนมาช่วยนางไปก่อน”
เมื่อเห็นว่าฉินซือขวงหมดสติไปแล้ว เยี่ยเสี่ยวตี๋จึงรีบเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้
หลังจากฉินอวี้โม่พามารดารวมทั้งสาวใช้ออกไปจากตระกูลฉิน เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ส่งคนสะกดรอยตามทั้งสามไปจนได้รู้ว่าพวกนางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เยี่ยเสี่ยวตี๋จึงสั่งให้คนของนางซุ่มจับตามองอยู่ใกล้ๆ โรงเตี๊ยมและรอคอยจนกระทั่งเห็นฉินอวี้โม่ออกไปข้างนอก จึงค่อยบุกเข้าไปจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋น
เดิมทีฮูหยินรองตระกูลฉินต้องการจะจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นมาเป็นตัวล่อแล้วใช้นางข่มขู่ฉินอวี้โม่ นางจะทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานเพื่อแก้แค้นที่ทำให้นางต้องขายหน้าจากการถูกเหยียดหยาม
เยี่ยเสี่ยวตี๋คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น
เพราะคนที่นางส่งไป บุกเข้าในโรงเตี๊ยม ทำร้ายเสี่ยวโร่ว และสามารถนำตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ทว่าในระหว่างทางที่กำลังพาอดีตฮูหยินใหญ่กลับมายังจวนตระกูลฉิน พวกเขากลับพบกับบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นสวมใส่ชุดสีดำทั้งตัวและปิดบังใบหน้าจนเกือบมิด ไม่มีผู้ใดได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
รู้เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากและเป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง กลุ่มคนที่เยี่ยเสี่ยวตี๋ส่งไปทั้งหมดไม่สามารถต้านทานได้เลย
นางคิดว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคงจะถูกคนผู้นั้นช่วยชีวิตไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้อดีตฮูหยินใหญ่ไปอยู่ที่ใดนั้นก็ไม่มีใครทราบได้
หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็เกิดความรู้สึกโล่งไปพร้อมๆ กัน
ในเมื่อบุคคลผู้นั้นช่วยชีวิตอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไป ย่อมแสดงว่าเขาคงไม่คิดจะทำร้ายนาง แต่ว่ายอดฝีมือลึกลับคือผู้ใด เหตุใดต้องช่วยอวี๋เสี่ยวอวิ๋น และตอนนี้เขาพานางไปที่ไหน?
ในตอนนี้หัวใจของฉินอวี้โม่ทั้งสับสนและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ชายลึกลับผู้นั้นสามารถช่วยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้อย่างทันท่วงที แสดงว่าเขาจะต้องรู้ที่อยู่และความเคลื่อนไหวของพวกนางแน่
เมื่อลองตรึกตรองเรื่องนี้ดูแล้ว ฉินอวี้โม่ก็เชื่อมั่นว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกนางทั้งสามคนจะต้องอยู่ในสายตาของยอดฝีมือลึกลับผู้นี้ตลอดเวลา!
ฉินอวี้โม่หยุดยั้งความคิดของนาง ยามนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคาดเดาเรื่องนี้ได้ เพราะยิ่งคิดนางก็ยิ่งไม่เข้าใจและมีเรื่องที่น่าสงสัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นก็จะทำให้นางต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่
ฉินอวี้โม่เชื่อว่าเยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่ได้กล่าวความเท็จเพราะฮูหยินรองคงไม่กล้าโกหกนางในตอนนี้แน่ ยิ่งกว่านั้นหากอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอยู่ในมือนางจริง สตรีน่ารังเกียจก็คงจะเอาอดีตฮูหยินใหญ่ออกมาต่อรองกับนางนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยมาจนเลวร้ายกับตัวนางถึงเพียงนี้
“เยี่ยเสี่ยวตี๋ เจ้าฉวยโอกาสในตอนที่ข้าไม่อยู่เข้ามาจับตัวแม่ข้า และยังทำให้เสี่ยวโร่วบาดเจ็บ ที่สำคัญแม่ของข้ายังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งหมดข้าถือว่าเป็นความผิดของเจ้า!”
ฉินอวี้โม่มองเยี่ยเสี่ยวตี๋ด้วยสายตาดุจมัจจุราชที่กำลังจะลงทัณฑ์คนบาปพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หากไม่ใช่เพราะสตรีใจทรามผู้นี้ส่งคนไปจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋น มารดาของนางก็คงจะไม่หายตัวไปเช่นนี้และเสี่ยวโร่วก็จะไม่ต้องบาดเจ็บหนักด้วยแบบนี้ด้วย
ลึกๆ แล้วฉินอวี้โม่ก็โทษตัวเองในเรื่องนี้เช่นกัน เธอเสียใจอย่างมากที่ไม่รอบคอบพอ เหตุการณ์จึงเป็นแบบนี้ไปได้…. ‘ทำไมเธอถึงไม่ฆ่าเยี่ยเสี่ยวตี๋ไปเลยตั้งแต่แรกนะ? ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษความบกพร่องของเธอด้วย’ นักฆ่าสาวคิดในใจอย่างเจ็บแค้น
“ข้าอยากจะฆ่าเจ้าซะ แต่ชีวิตของแม่ข้ายังไม่รู้ชะตากรรม ฉะนั้นข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้ตายง่ายๆ!”
ฉินอวี้โม่ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเยี่ยเสี่ยวตี๋พลางกำกริชในมือแน่น ริมฝีบางปรากฏรอยยิ้มอันน่าขนลุก
“ฉินอวี้โม่ได้โปรด ปล่อยแม่ข้าไปเถอะ”
ฉินฉืออวี้หวาดกลัวฉินอวี้โม่จับจิต เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เดินเข้ามา นางก็กล่าวร้องขอชีวิตมารดาด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“เยี่ยเสี่ยวตี๋ ข้าจะทำให้เจ้าต้องทุกข์ทรมาน อยู่ไม่สู้ตาย!”
“อ๊ากก!”
กริชในมือของฉินอวี้โม่ถูกกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วและทิ้งรอยบาดแผลไว้บนใบหน้าของเยี่ยเสี่ยวตี๋
เมื่อมองดูใบหน้าที่เคยงดงามของเยี่ยเสี่ยวตี๋ในตอนนี้ นักฆ่าสาวในร่างอดีตคุณหนูก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปสาดสายตาเย็นยะเยือกเข้าใส่ฉินฉืออวี้ หลังจากนั้นอดีตคุณหนูคนงามก็เดินไปหยุดอยู่ข้างตัวเสี่ยวเฮย
ในครั้งนี้นางใช้ประโยชน์จากสภาวะพลังที่แข็งแกร่งของเสี่ยวเฮยเพื่อสะกดไม่ให้เยี่ยเสี่ยวตี๋สามารถต่อต้านได้ก่อนจะใช้กริชในมือวาดตัวอักษรคำว่า 妾* ขนาดใหญ่ไว้บนหน้าของฮูหยินรองแห่งตระกูลฉิน
(*妾 = อนุภรรยา/เมียน้อย)
อันที่จริงตัวเธอ ไม่ได้สนใจกับเรื่องเมียหลวงเมียน้อยมากนัก แต่ครั้งนี้เพราะต้องการจะสร้างความอับอายอย่างไม่รู้ลืมให้อีกฝ่าย เธอจึงเลือกใช้วิธีนี้ที่ดูเหมาะสมมากที่สุด!
ต่อไปนี้ใครก็ตามที่มองดูใบหน้าของเยี่ยเสี่ยวตี๋ก็จะเห็นคำว่า ‘เมียน้อย’ ปรากฏอยู่และระลึกได้ว่าสตรีผู้นี้คืออนุภรรยาของผู้นำตระกูลฉินทุกครั้งไป แล้วค่อยมาดูกันว่าต่อไปนี้ฮูหยินรองผู้นี้จะกล้าออกจากบ้านหรือไม่
หลังจากขึ้นไปบนหลังของเสี่ยวเฮยแล้ว ฉินอวี้โม่ก็จ้องมองฉินเทียนด้วยแววตาเย็นชาก่อนจะกวาดตามองทุกคนในตระกูลฉินที่ยืนอึ้งกันอยู่
“เสี่ยวเฮย เจ้าทำลายเรือนหลังนั้นได้หรือไม่?”
นางชี้ไปยังเรือนหลังใหญ่อันแสนงดงามที่เป็นของเยี่ยเสี่ยวตี๋ ไม่ถึงพริบตาหลังจากนั้นลูกไฟขนาดยักษ์ก็พุ่งออกไปจากปากของอาชาสีนิล
เรือนหลังงามของฮูหยินรองตระกูลฉินระเบิดออกไปเกือบครึ่งในทันทีก่อนที่ส่วนที่เหลือจะถูกไฟเผามอดไหม้อย่างรวดเร็ว
“ฉินเทียน มองดูเรือนหลังนั้นให้ดี นั่นคือคำเตือน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับแม่ข้า ตระกูลฉินของเจ้าได้ถึงจุดจบแน่!”
แม้ว่าตอนนี้นางจะตัดขาดกับคนพวกนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว แต่เพราะเห็นแก่บุญคุณที่เคยให้ที่ซุกหัวนอนนางกับมารดามานานหลายปี ฉินอวี้โม่จึงยังไม่ทำลายจวนตระกูลใหญ่แห่งนี้จนสิ้นซาก ส่วนเรื่องแซ่ ‘ฉิน’ นักฆ่าสาวไม่ได้คิดอะไรมากนัก และเธอเองก็ไม่กล้าเจ้ากี้เจ้าการตัดสินใจเปลี่ยนมันแทนคุณหนูสี่ตัวจริงผู้ล่วงลับอีกด้วย
หลังจากเจ้านายสาวของมันเอ่ยวาจาแสนเย็นชาออกไปแล้ว เสี่ยวเฮยก็สยายปีกทะยานขึ้นท้องฟ้าและบินหายไปอย่างรวดเร็ว