ฉินอวี้โม่ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
การเสียสละตนเองของฉู่เจี๋ย ความรักและชอบธรรมของตระกูลฉู่ นางมองเห็นและรับรู้ทุกอย่างและรู้สึกประทับใจอย่างมาก
นางไม่ใช่คนชอบก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าแววตาแสดงถึงความโล่งใจและยินดีของฉู่เจี๋ยก่อนหน้านี้ ราวกับว่าพร้อมตายนั้น นางก็อดไม่ได้จริงๆ
หากบรรดาคนตระกูลฉู่หลบหนีออกไปโดยที่ไม่สนใจความเป็นความตายของคนอื่นๆนั้น ฉินอวี้โม่ก็คงจะไม่เคลื่อนไหวออกมาอย่างแน่นอน
ทว่าในช่วงเวลาวิกฤตที่อันตรายที่สุด ฉู่เจี๋ยยังคงสนใจความปลอดภัยของสมาชิกคนอื่นในตระกูลเป็นที่หนึ่ง ความรักใคร่เช่นนี้ทำให้ฉินอวี้โม่ทนอยู่เฉยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นคนลึกลับปรากฏตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉู่เจี๋ยก็ตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อได้มายืนอยู่ใกล้ฉู่เจี๋ย คุณหนูสี่ก็มองเห็นได้ถึงสภาพร่างกายของฉู่เจี๋ยได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ใบหน้าของเขาซีดเซียวจนแทบไร้สี ร่างของเขาสูงกว่าฉินอวี้โม่เล็กน้อยทว่าเขาดูผอมซูบบางอย่างมากจนมองเห็นกระดูกทั่วร่างกาย
ด้วยความรู้ที่นางมีเกี่ยวกับดินแดนนี้ โดยปกติแล้วเด็กหนุ่มที่อายุสิบห้าปีจะใกล้โตเต็มวัยแล้ว ทว่าฉู่เจี๋ยผู้นี้กลับดูอ่อนแอยิ่งนัก
“ท่านเป็นใคร?”
ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เมื่อสัมผัสได้ถึงสภาวะพลังที่แผ่มาจากฉินอวี้โม่ จู่ๆฉู่เจี๋ยก็รู้สึกได้ว่าหัวใจที่ปั่นป่วนยุ่งเหยิงสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์
“ข้าบังเอิญผ่านมาแถวนี้และเห็นว่าพวกท่านทั้งหลายดูเป็นคนดี ข้าจึงอดเข้ามาช่วยไม่ได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ
ครานี้นางสวมหน้ากากสีดำบดบังใบหน้าและสวมอาภรณ์สีดำสนิทซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก
ต่อให้ฉีอวิ๋นเหล่ยและพวกได้พบนางตอนนี้ก็ยากที่พวกเขาจะจดจำนางได้
นางไม่ต้องการสร้างปัญหาหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายใดๆกับตนเองอีก ถึงอย่างไรก็มีหลายคนที่เคยเห็นฉินอวี้โม่อาภรณ์บุรุษมาก่อนและพวกเขาเหล่านั้นก็จดจำนางได้อย่างชัดเจน
หากนางไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้ หลายคนคงนึกถึงนางและจำตัวตนของนางได้ในที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ ฉู่เจี๋ยก็แปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าฉินอวี้โม่จะเป็นคนง่ายๆและทำอะไรอย่างอิสระเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ฉู่เจี๋ยก็กล่าวขึ้นมาทันที “ท่านจอมยุทธ์ ท่านหนีไปก่อนเถอะ ค้างคาวโลหิตพวกนี้ยากจะรับมือ”
เขาไม่เห็นการกระทำของฉินอวี้โม่เมื่อครู่และไม่ทราบถึงพลังความแข็งแกร่งของนางเช่นกัน เพียงแต่เขาสัมผัสได้ว่านางน่าจะมีอายุไม่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในการเผชิญหน้ากับค้างคาวโลหิตเหล่านี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับจ้าวสุริยะหลายคนก็ยังต้องรู้สึกตึงมือ
แม้ว่าฉินอวี้โม่เข้ามาช่วยเขาไว้เมื่อครู่ ฉู่เจี๋ยก็หวังว่านางจะหลบหนีไป เพราะเขาไม่ต้องการให้นางมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“เสี่ยวเจี๋ย เจ้าเป็นอะไรรึไม่?”
ลุงสองและคนอื่นๆจากตระกูลฉู่ปรี่เข้ามาหาฉู่เจี๋ยอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา พวกเขาเหล่านั้นก็ผ่อนคลายลงมาก
“ท่านจอมยุทธ์ ขอบคุณท่านมากที่มาช่วย เราจะจดจำน้ำใจนี้ไม่มีวันลืม หากวันนี้เรารอดไปจากที่นี่ได้ พวกเราจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
ลุงสองเดินเข้ามาและแสดงท่าทางคารวะต่อฉินอวี้โม่พร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง
การที่ฉินอวี้โม่เข้ามาขวางและช่วยชีวิตฉู่เจี๋ยเอาไว้ พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เพียงแต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะได้รอดไปอย่างปลอดภัยหรือไม่ หากพวกเขาไปจากที่นี่ได้โดยที่ไม่ได้รับอันตราย พวกเขาก็จะต้องตอบแทนฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน
“ท่านจอมยุทธ์ หากไม่เป็นการรบกวนท่านเกินไป ช่วยพวกเราพาเสี่ยวเจี๋ยออกไปได้รึไม่ พาตัวเขาไปส่งที่ตระกูลฉู่อย่างปลอดภัย ข้าเชื่อว่าผู้นำตระกูลจะขอบคุณน้ำใจของท่านมาก”
ลุงสองหยุดชั่วคราวและกล่าวต่อ “แต่หากท่านไม่สะดวกก็หนีไปก่อนเถิด ท่านต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้เพราะพวกเรา ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องช่วยให้ท่านหลบหนีออกไปอย่างปลอดภัย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาที่หนักแน่นของลุงสองแห่งตระกูลฉู่
“หึหึ ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดจะต้องหลบหนีไปด้วยล่ะ?!”
หัวหน้าค้างคาวโลหิตยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนที่ค้างคาวหลายตัวจะเข้าล้อมรอบฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไว้
“เจ้ามนุษย์ เจ้าเข้ามาขัดขวางแผนการของพวกเรา แต่อย่างไรก็เถอะ เราไม่โกรธเคืองถือโทษเจ้า เพราะการปรากฏตัวของเจ้า เราจึงมีอาหารเพิ่มขึ้นมาอีก มันถือเป็นเรื่องดีทีเดียว”
หัวหน้าค้างคาวโลหิตมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาหิวกระหาย
มันสัมผัสได้ว่าเลือดของนางก็น่าเอร็ดอร่อยเช่นกัน หากมันได้ดูดกลืนทั้งเลือดของฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ย ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
“เจ้ามันน่ารังเกียจจริงๆ พวกค้างคาวโลหิต เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะมีโอกาสชนะ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยอย่างไม่เห็นค้างคาวตรงหน้าอยู่ในสายตา
สิ่งที่ค้างคาวโลหิตกลัวมากที่สุดคือเปลวเพลิง และบังเอิญเหลือเกินที่นางมีอสูรธาตุไฟจำนวนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เพลิงอสูรของซิวก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของค้างคาวโลหิต
เพราะสิ่งนี้นางจึงกล้าประจันหน้าและเข้ามาช่วยฉู่เจี๋ยอย่างองอาจกล้าหาญและไม่เกรงกลัว
“ฮ่าๆๆ เจ้ามนุษย์ เจ้าเป็นแค่จอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวพิภพคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าจะมีวิธีอะไรจัดการกับพวกเราได้? ข้าล่ะอยากรู้นักว่าอะไรทำให้เจ้ากล้าพูดจาอาจหาญแบบนั้นออกมา”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ หัวหน้าค้างคาวในร่างมนุษย์ก็หัวเราะออกมาแทนที่จะรู้สึกโกรธเคือง
มันสัมผัสถึงพลังของฉินอวี้โม่ได้และนางมีพลังอยู่เพียงขอบเขตจ้าวพิภพเท่านั้น ในขณะที่ลุงสองเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวสุริยะและลุงสี่ก็อยู่ในขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุด อีกทั้งสมาชิกคนอื่นๆที่เหลือก็ไม่ถือว่าอ่อนแอ ทว่าแม้แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ ตอนนี้เพียงแค่เพิ่มจอมยุทธ์ขอบเขตจ้าวพิภพมาคนหนึ่ง พวกมันไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ข้าจะมีวิธีอะไรจัดการกับพวกเจ้างั้นรึ? ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะแสดงให้เห็นว่าช่องว่างพลังที่แตกต่างกันนั้นเป็นอย่างไร!”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและดีดนิ้วเบาๆ จากนั้นหงส์แดง วิหคอมตะและมังกรอัสนีก็ปรากฏกายถัดจากนาง
“ลุย จัดการพวกหนูสกปรกพวกนี้ให้รู้สำนึก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มและสั่งการโดยตรง
อสูรมายาทั้งสามพยักหน้าหงึกๆและพวกมันก็คืนกลับร่างเดิม
“หงส์แดง วิหคอมตะ มังกรอัสนี!”
เมื่อเห็นอสูรมายาทั้งสามปรากฏตัวอย่างกะทันหัน สีหน้าของหัวหน้าค้างคาวก็เปลี่ยนไปมาก แน่นอนว่ามันย่อมเข้าใจดีว่าเพลิงเป็นศัตรูร้ายกาจที่ค้างคาวโลหิตไม่กล้าเข้าใกล้
และบังเอิญเหลือเกินที่อสูรมายาทั้งสามมีเพลิงอสูรที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และนี่คือสิ่งที่ค้างคาวโลหิตอย่างพวกมันเกรงกลัวเป็นที่สุด
ภายในพริบตา หัวหน้าค้างคาวก็ถอยร่นไปเสียแล้ว
“ทุกคน ถอยก่อน!”
หัวหน้าค้างคาวถือเป็นอสูรมายาที่เด็ดเดี่ยวและหนักหนักแน่นขณะออกคำสั่งลูกน้องอย่างไม่ลังเล
เมื่อค้างคาวโลหิตตัวอื่นได้ยินเสียงของหัวหน้า พวกมันก็ทำตามอย่างไม่อิดออด
พวกมันก็สัมผัสได้ว่าเปลวเพลิงของอสูรทั้งสามเป็นภัยคุกคามที่ทำให้พวกมันรู้สึกถึงความตายที่อยู่ไม่ไกล
ทันทีที่พวกมันหันหลังกลับ ค้างคาวโลหิตก็อยากบินหนีไปโดยเร็ว
“ค้างคาวสกปรก คิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปงั้นรึ?!”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเยาะ ในเมื่อนางปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว นางก็ไม่มีทางปล่อยให้ค้างคาวเหล่านี้หลบหนีไปได้แน่
อสูรชั่วร้ายอย่างค้างคาวโลหิตไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปในดินแดนนี้และทำให้มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
หัวหน้าค้างคาวถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนี้มันถอยหนีออกไปไกลหลายสิบเมตรแล้ว
“เหอะ เชิญสัมผัสด้วยตนเองเถอะ”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงในลำคอโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ
หัวหน้าค้างคาวโลหิตฉงนสงสัยมากยิ่งขึ้นแต่มันไม่มีเวลาที่จะสนใจจดจ่ออยู่ที่ฉินอวี้โม่ ทันทีที่มันหันหลังกลับอีกครั้ง มันก็ต้องการหลบหนีออกไปให้ไกลที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้หลบหนีออกไปได้หลายก้าว จู่ๆหัวหน้าค้างคาวก็เห็นได้ว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปและมันนิ่งงันด้วยความสับสนงุนงง
ค้างคาวโลหิตตัวอื่นๆก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับหัวหน้าของพวกมันซึ่งนิ่งไปด้วยความสับสนขณะบินอยู่กับที่และไม่เคลื่อนที่ไปไหน
“ฆ่ามันซะ”
เมื่อเห็นว่าค้างคาวโลหิตไม่ขยับเคลื่อนที่อีกต่อไป ฉินอวี้โม่ก็ขยับปากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความลังเลหรือเวทนาใดๆ
“นายหญิง ท่านจะไม่ทำพันธสัญญากับพวกมันรึ?”
หงส์แดงเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ลืมมันไปเถอะ ค้างคาวโลหิตพวกนี้แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการดูดเลือดมนุษย์และอย่างน้อยความแข็งแกร่งของฝูงค้างคาวเหล่านี้ก็อยู่ในระดับจักรพรรดิอสูรสวรรค์ จากสิ่งนี้สามารถเห็นได้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ตกเป็นเหยื่อของพวกมัน อีกทั้งค้างคาวพวกนี้ก็เกิดมาพร้อมความเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ ข้าไม่อยากมีอสูรที่ชั่วร้ายแบบนี้เป็นอสูรพันธสัญญาของข้าหรอก”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะ นางไม่คิดที่จะสยบอสูรชั่วร้ายเหล่านี้แม้แต่น้อย
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และอสูรมายาเคยเป็นแบบทำร้ายซึ่งกันและกัน ทว่าความขัดแย้งไม่ได้ฝังลึกหรือรุนแรงนักและพวกมันไม่จุดประเด็นหาเรื่องอีกฝ่าย ทว่าค้างคาวโลหิตเหล่านี้โจมตีทำร้ายมนุษย์อย่างต่อเนื่องและเป็นอสูรที่โหดเหี้ยมอย่างที่สุด
แม้ว่าค้างคาวโลหิตไม่ใช่อสูรอ่อนแอ ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีความคิดที่จะสยบพวกมัน
“จะว่าไปแล้ว พวกเจ้าสามารถฆ่าค้างคาวพวกนี้และเก็บเลือดของพวกมันมารึไม่?”
จู่ๆมารยาก็ปรากฏตัวข้างหงส์แดงและอสูรอื่นๆพร้อมกล่าวขึ้นมา
“พี่มารยาหมายถึง…”
เมื่อได้ยินคำพูดของมารยา หงส์แดงและอสูรอื่นๆก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจทันที
แม้ว่าค้างคาวโลหิตเป็นอสูรชั่วร้าย เลือดของพวกมันก็เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง หากผสมเลือดของพวกมันในระหว่างการหลอมอุปกรณ์หรือโอสถ มันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงได้
“วางใจได้เลย!”
วิหคอมตะยิ้มร่าและไม่ลังเลอีกต่อไปขณะพุ่งตรงเข้าไปหาค้างคาวโลหิตที่หยุดนิ่งไม่ไหวติง
หงส์แดงและมังกรอัสนีก็ไม่รอช้าและพุ่งตรงไปยังค้างคาวเช่นกัน
ภายในเวลาเพียงสั้นๆก็ไม่มีค้างคาวโลหิตหลงเหลืออยู่กลางอากาศอีกต่อไป ในทางกลับกัน หงส์แดงและวิหคอมตะก็นำขวดแก้วจำนวนหนึ่งกลับมา
“นายหญิง รับนี่ไปเถอะ”
พวกมันยื่นขวดเลือดของค้างคาวโลหิตที่พวกมันเก็บมาให้กับฉินอวี้โม่และใบหน้าของพวกมันก็แสดงความปีติยินดีอย่างเต็มเปี่ยม
“ขอบใจมากที่พวกเจ้าทุ่มเทอย่างหนัก สุดท้าย…หัวหน้าค้างคาวโลหิต ข้าจะจัดการเอง”
เมื่อศัตรูเหลือเพียงหัวหน้าค้างคาว ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มกริ่มและค่อยๆขยับเข้าไปใกล้มันทีละน้อย
“มารยา คลายมนต์สะกดของมันก่อน”
ฉินอวี้โม่ส่งเสียงบอกมารยาขณะยิ้มให้กับหัวหน้าค้างคาวตรงหน้า
มารยาพยักหน้าตอบรับพร้อมโบกมือเบาๆและหัวหน้าค้างคาวที่อยู่ในสภาวะงุนงงก็ได้สติกลับคืนมาในทันที
“เจ้ามนุษย์บัดซบ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เพียงชั่วครู่เดียว หัวหน้าค้างคาวโลหิตก็รู้สึกได้ว่าพี่น้องของมันหายสาบสูญไปจากดินแดนนี้แล้ว แววตาของมันแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นและร่างของมันปูดบวมขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับใกล้จะระเบิดเต็มที
“หัวหน้าค้างคาว เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถนั้นรึ?!”
อดีตนักฆ่าสาวผู้เก่งกาจยิ้มบางๆขณะมองเหยื่อตรงหน้า เปลวเพลิงลอยออกจากปลายนิ้วมือของนางและล้อมรอบหัวหน้าค้างคาวไว้อย่างรวดเร็ว
“เพลิงจักรพรรดิ!”
เมื่อรู้สึกถึงเพลิงจักรพรรดิที่ลุกท่วมตัว ใบหน้าของหัวหน้าค้างคาวก็เหยเกจนแทบดูไม่ได้
ทว่าก่อนที่มันจะเอ่ยปากพูดอะไรได้ มันก็กลายเป็นเถ้าถ่านลอยละล่องไปแล้วและหลงเหลือไว้เพียงสิ่งที่ดูเหมือนหยดน้ำเล็กๆที่เป็นเลือดควบแน่น
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เพลิงจักรพรรดิ’ ลุงสองและลุงสี่ตระกูลฉู่ก็มองหน้ากันและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทว่าพวกเขาก็ปรับสีหน้าจนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว