ฉีฉีไม่ได้เกรงกลัว นางหยิบก้อนหินขึ้นมาและปาใส่อีกฝ่ายอย่างแรง
และเป็นเพราะหลี่หลินไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กๆ จะขวัญกล้าทำอะไรคุณชายสูงส่งอย่างเขา เขาจึงไม่ทันได้เตรียมรับมือ ถูกก้อนหินที่ฉีฉีขวางมาอัดเข้าที่หน้าอกอย่างแรง บุรุษผู้คิดว่าตนสูงส่งรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เจ็บกายไม่เท่าไหร่และเจ็บใจนั้นมากกว่า
หลี่หลินเอามือกุมบริเวณที่ถูกก้อนหินปะทะพลางมองฉินอวี้โม่และเหล่าสหายด้วยแววตาโกรธจัด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะโอหังไม่ไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ “หึ ตอนแรกข้าคิดจะไม่ถือสาหาความเรื่องที่พวกเจ้ามาหยามพวกเรา แต่ในเมื่อกล้ามาลงมือกับข้าเช่นนี้ เห็นทีข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปไม่ได้แล้ว”
“บอกมาว่าใครคือหัวหน้าของพวกเจ้า?”
หลี่หลินจ้องมองคณะล่าหมาป่าเรียงคน ด้วยความเดือดดาล
“ข้าเอง”
ฉินอวี้โม่เอ่ยปากรับอย่างไม่ลังเล นางกล่าวต่อเสียงเรียบ “มีอะไรจะชี้แนะข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ชี้แนะรึ? ใช่ข้ามีคำจะชี้แนะเจ้า!!” หลี่หลินแค่นเสียง
คุณชายผู้ว่าทางสูดลมหายใจเข้าลึกและผ่อนออกครั้งหนึ่งเพื่อควบคุมอารมณ์ เขาเดินวนไปวนมาก่อนจะหันมายิ้มเย็นพลางกล่าวต่อ “เจ้าเพิ่งจะหยามคนของข้าแล้วเด็กนั่นยังกล้าลงมือกับข้าอีก เรื่องนั้นทำให้ข้าไม่พอใจมาก ฉะนั้นถ้าวันนี้พวกเจ้าไม่มีคำตอบดีๆ ให้กับข้าล่ะก็ พวกเจ้าไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่”
“งั้นพูดมาว่าเจ้าต้องการอะไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หลิน มุมปากของฉินอวี้โม่ก็กระตุกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันทันที นางรู้เจตนาของอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแล้ว
“เนื่องเจ้าบอกว่าพวกเจ้าเป็นคนฆ่าหมาป่าสายลมพวกนี้ ข้าก็ไม่อยากจะขัดการโอ้อวดของพวกเจ้า ขอเพียงแค่พวกเจ้ามอบแก่นมายาและแกนชีวิตของพวกหมาป่าทั้งหมดรวมถึงตัวหัวหน้านั่นมา ข้าก็จะยอมปล่อยพวกเจ้าไป มิฉะนั้นแล้ว…”
หลี่หลินหยุดพูดแล้วเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดัง *เป๊าะ!* ซึ่งในทันทีที่เขาทำเช่นนั้น กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็พุ่งเข้าล้อมฉินอวี้โม่และสหายทั้งสามคนเอาไว้
เมื่อครู่นี่เองที่หลี่หลินสังเกตเห็นว่า มีแก่นมายาและแกนชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งถูกดึงออกไปจากซากหมาป่าแล้ว และในบรรดาหมาป่าสายลมทั้งหมดยังมีตัวที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นอยู่ด้วย ซึ่งแก่นมายาของมันก็ถูกดึงออกไปแล้วเช่นกัน หลี่หลินจึงเกิดความคิดที่จะบีบบังคับให้หนุ่มสาวสี่คนตรงหน้ายอมส่งพวกมันให้เขา
แต่เดิมหลี่หลินคิดเพียงว่าจะเอาแก่นมายาและแกนชีวิตจากซากของอสูรมายาที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายเล่นงานเช่นนี้ ก็ทำให้เขาคิดข้ออ้างอันแสนชอบธรรมในการบีบบังคับเอาแก่นมายาทั้งหมดขึ้นมาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโง่งมได้ถึงเพียงนี้”
ฉินอวี้โม่แย้มรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะกล่าววาจาถากถาง
“อสูรมายากลุ่มนี้ พวกเราเป็นผู้สังหาร แก่นมายาและแกนชีวิตทั้งหมดจึงเป็นของพวกเรา ข้าเห็นพวกเจ้าบางคนแอบเอาพวกมันออกไป ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าส่งคืนมาแต่โดนดี ถ้าข้าโกรธขึ้นมา เรื่องไม่จบง่ายๆ แน่”
ฉินอวี้โม่ไม่เกรงกลัวคำขู่ของหลี่หลินเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นเหล่าหนุ่มสาวจากนครไป๋อวิ๋นแล้ว ยิ่งไม่เห็นคนที่มีสถานะเป็นเพียงหลานเจ้าเมืองอย่างหลี่หลินอยู่ในสายตา!
ระดับพลังของหลี่หลินนั้นไม่ได้สูงส่งมากนัก ส่วนคนของเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเลยเช่นกัน คนที่มีระดับพลังสูงสุดก็เป็นเพียงผู้ที่อยู่ในขอบเขตทิพย์มายาแปดดาราเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมาก แต่ฉินอวี้โม่และคนทั้งสี่กลับรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่คู่ควรอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
หนุ่มสาวผู้เดินทางมาจากเมืองหลวงทั้งสามยังคิดเลยว่า แค่ฉินอวี้โม่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอที่จะรับมือกับคนพวกนี้ทั้งหมดได้แล้ว
“ช่างกล้านัก!!!”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หลี่หลินก็กัดฟันกรอดอย่างโกรธเคือง “ข้าบอกให้พวกเจ้ารีบส่งแก่นมายามา อย่างได้ชักช้า คนของข้ากำลังรีบ!!!”
“ส่งให้บิดาเจ้าสิ เจ้าพวกโง่!”
ฉินอวี้โม่ตวาดออกไป ทันใดนั้นร่างบางก็กระโจนไปอยู่ข้างกายหลี่หลินในพริบตา เวลานี้กริชน้ำแข็งที่งดงามแวววาวกำลังจี้อยู่ที่คอของคุณชายท่ามากอย่างน่าหวาดเสียว!
“เชื่อหรือไม่ว่าข้าตัดศีรษะของเจ้าขาดได้ง่ายๆ ”