หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ทุกคนก็ปรากฏตัวอย่างพร้อมหน้าในจวนที่พักของตระกูลฉู่
เมื่อบิดาและบุตรสาวตระกูลฉินได้พบกันอีกครั้ง ฉีอวิ๋นเหลย ฉู่เจี๋ยและคนอื่นๆก็ยินดีมีความสุขกับทั้งสองและตัดสินใจที่จะไปดื่มกันในตอนค่ำ เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงแยกออกไปเตรียมความพร้อมและปล่อยให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องของท่านแม่ให้ข้าฟังได้รึไม่?”
ฉินอวี้โม่มองฉินเทียนและเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุด
“ตอนนี้แม่ของเจ้าอยู่ที่ดินแดนเทพมายา ในตอนนั้นสิ่งต่างๆซับซ้อนมาก หลังจากสืบเสาะนานหลายปี ข้าก็ยังมีคำถามที่ต้องการคำตอบอีกมาก”
ฉินเทียนไม่ต้องการปิดบังเรื่องใดจากฉินอวี้โม่และเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพยายามสืบมาตลอดหลายปี
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ข้าคิดว่าเจ้าก็คงจะรู้ว่าที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกนี้มันมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของทั้งดินแดนได้ นั่นก็คือกายเทพมายาในตำนานนั่นเอง”
ดูเหมือนว่าความทรงจำมากมายของฉินเทียนได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาซึ่งส่งผลให้สีหน้าของเขากลายเป็นความขมขื่นไปชั่วขณะ
ในอดีต เขาและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเป็นครอบครัวที่มีความสุขมาก หลังจากที่ให้กำเนิดฉินอี้เฟยและฉินอวี้โม่ออกมา มันก็ถือว่าพวกเขามีทั้งบุตรชายและบุตรสาวแล้ว เดิมทีทั้งสองวางแผนที่จะเดินทางไปที่นครเมฆาและหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งครอบครัวก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่มีการรบกวนใจใดๆอีก
อย่างไรก็ตาม จู่ๆตอนนั้นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็เกิดฝันร้ายขึ้นมา
ในความฝันนั้น ตระกูลฉินของพวกเขากลายเป็นภาพนองเลือดและมีศพเกลื่อนกระจายไปทั่ว ส่วนฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยก็ตายไปอย่างน่าอนาถในแอ่งเลือดในขณะที่ร่างกายของฉินเทียนเต็มไปด้วยบาดแผลและตายไปหลังจากเผชิญหน้ากับเพลงกระบี่ของกลุ่มคนชุดดำ
ความฝันนั้นทั้งแปลกและดูสมจริงจนอวี๋เสี่ยวอวิ๋นหวาดกลัวอย่างมาก ในตอนนั้นเองที่เซียวเหยา–อาจารย์ที่เคารพของฉินเทียนเดินทางมาที่บ้านของทั้งสอง
บุรุษชรานามว่าเซียวเหยาเป็นคนลึกลับอย่างยิ่ง ในสายตาของฉินเทียน อาจารย์ของเขาเป็นคนที่ทรงพลังเกินกว่าที่ใครจะมองอย่างทะลุปรุโปร่งได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีความรู้และความเข้าใจมากมาย รวมถึงยังมีความเชี่ยวชาญในด้านการดูดวงโชคชะตา
เขาคาดการณ์ไว้ว่าฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นจะเผชิญกับหายนะในภายภาคหน้า เขาจึงคิดหาวิธีให้ทั้งสองขึ้นมา ซึ่งเป็นการให้พวกเขาย้ายไปอยู่ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลเพื่อเลี่ยงจากความหายนะดังกล่าว
แน่นอนว่าฉินเทียนเชื่อคำพูดของผู้เฒ่าเซียวเหยาอย่างไร้ข้อกังขา เขาและฉินเฟิงจึงวางแผนและแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าพวกเขาแตกหักกันก่อนพาอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและบุตรทั้งสองมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่าเมืองหลิงซี
อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่ได้ดีเลิศอย่างที่คาดหวังไว้ ฉินเทียนไม่คิดเลยว่าญาติแท้ๆอย่างฉินจิ่วที่สนิทสนมกับเขามาตลอดจะทรยศเขาได้ลงคอ และไม่คิดเลยว่าอวี๋จวินเหยา—พี่สามของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นจะบอกตำแหน่งของพวกเขาให้กลุ่มคนลึกลับได้รู้
เรียกได้ว่า ‘วันนั้น’ คือวันที่ฉินเทียนจะต้องจดจำและไม่อาจลืมเลือนไปตลอดทั้งชีวิต
เมื่อกลุ่มคนชุดดำมาเยือนครอบครัวของพวกเขา ฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมพร้อมสำหรับการสังหาร
แน่นอนว่าฉินเทียนไม่มีทางยอมให้พวกเขาทำเช่นนั้น เขาจึงพยายามล่อคนเหล่านั้นไปให้ไกลออกจากครอบครัว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้เลยว่ากลุ่มที่เขาหลอกล่อออกไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นและยังมีอีกส่วนหนึ่งที่กำลังซ่อนอยู่ หลังจากฉินเทียนออกไป กลุ่มคนอีกส่วนหนึ่งก็มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านพักของพวกเขา
ในตอนนั้นฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนเหล่านี้ เพื่อปกป้องฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟย อวี๋เสี่ยวอวิ๋นจึงต่อสู้กับกลุ่มศัตรูอีกกลุ่มหนึ่งอย่างดุเดือดและพาบุตรทั้งสองหนีออกจากบ้านไปไกล
นับว่าในตอนนั้นทั้งฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย ภายในดินแดนหวนหลิงเล็กๆแห่งนั้น พวกเขามีพลังถึงขอบเขตราชาทูตสวรรค์และทรงพลังอย่างยิ่ง
ทว่าความแข็งแกร่งของคนชุดดำก็เหนือกว่าทั้งสองอย่างชัดเจน อีกทั้งพวกเขาก็ยังมีจำนวนที่มากกว่า แม้ว่าฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มี ทั้งสองก็ยังเทียบไม่ได้และต้องพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่ายไปโดยปริยาย
จากนั้นคนเหล่านั้นก็จับตัวฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้โดยที่ต้องการนำพวกเขากลับไป
เพียงแต่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเข้าโดยบังเอิญ
เมื่อรู้ว่ากลุ่มคนชุดดำกำลังตามหากายเทพมายา นางจึงหลอกพวกเขาว่าตนเองคือผู้ที่มีกายเทพมายาและก็ข่มขู่พวกเขาด้วยชีวิตของตนเองเพื่อให้คนเหล่านั้นยอมปล่อยฉินเทียนไป
กายเทพมายาคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนชุดดำ และในสภาวะหมดสิ้นทางเลือก พวกเขาจึงทำได้เพียงปล่อยฉินเทียนไปตามที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นต้องการ
เพียงแต่คนชุดดำเหล่านั้นไม่ใช่คนดีและรักษาคำพูด หลังจากยอมปล่อยฉินเทียนไป พวกเขาก็แอบส่งคนตามฉินเทียนไปอย่างลับๆ
และท้ายที่สุดอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ถูกคนเหล่านั้นพาตัวไป
แม้ว่าฉินเทียนองอาจและกล้าหาญ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกลุ่มชุดดำเหล่านั้น อีกประการหนึ่งก็คือยังมีฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยที่ต้องการเขาเป็นที่พึ่งอยู่ เพราะเหตุนั้นเขาจึงต้องจำใจทนมองเห็นภรรยาของตนเองถูกคนร้ายจับตัวไป ส่วนตัวเขาก็ต้องกลับไปที่เมืองหลิงซีเพื่อพาฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม คนชุดดำไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆและกลุ่มเล็กๆที่แอบตามเขาอยู่ก็หมายที่จะฆ่าล้างพวกเขาทั้งหมด
ฉินเทียนหลบหนีการไล่ล่าสังหารมาตลอดทาง ทว่าระหว่างการหลบหนีนี้ เขาก็ออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆและพลัดหลงเข้าไปในช่องว่างห้วงมิติหนึ่งซึ่งนำทางเข้ามาสู่ดินแดนอ้างว้างแห่งนี้โดยตรง ส่วนคนชุดดำเหล่านั้นก็หายไปโดยที่ไม่ได้พบเจออีก
ในตอนนั้นฉินเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเพราะเพิ่งมาถึงดินแดนอ้างว้างที่เป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเขา เขาจึงไม่คุ้นชินแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าจะกลับไปที่ดินแดนหวนหลิงอย่างไรและทำได้เพียงฝึกฝนวิชาสั่งสมพลังความแข็งแกร่งอย่างช้าๆอยู่ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้
แม้ว่าเป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของบุตรทั้งสอง ฉินเทียนก็ทำอะไรไม่ได้ โชคดีที่ก่อนอวี๋เสี่ยวอวิ๋นจะถูกจับไป ทุกอย่างได้ถูกเตรียมการไว้แล้ว ในเมื่อมีหลี่ก่วนคอยดูแลฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟย เขาก็พอจะโล่งใจได้บ้าง
ฉินเทียนฝึกฝนอยู่ในดินแดนนี้จนแข็งแกร่งไปเรื่อยๆพร้อมกันสืบหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเวลาล่วงเลยไป เขาก็ได้รับเบาะแสบางอย่าง
ในตอนนั้นเขาจำได้รางๆว่ากลุ่มชุดดำตามหากายเทพมายา เพราะเหตุนั้นเขาจึงพยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกายเทพมายาที่ว่านี้โดยตรง
หลังจากได้รู้ว่ากายเทพมายาคือสภาวะร่างกายพิเศษที่เป็นของเทพมายาเมื่อหลายพันปีก่อนและหายสาบสูญไปกว่าหลายพันปีแล้ว เขาก็แปลกใจอย่างยิ่ง ฉินเทียนรู้ว่าภรรยาของตนมาจากนครเมฆา แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่านางจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ควรจะหายสาบสูญไปหลายพันปีแล้ว
ฉินเทียนมีพรสวรรค์อันโดดเด่นยอดเยี่ยม หลังจากใช้เวลาอยู่ในดินแดนอ้างว้างนานหลายปี สภาวะพลังของเขาก็ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจ้าวพิภพและในตอนนั้นเองที่เขาได้พบและผูกมิตรกับบิดาของฉีอวิ๋นเหล่ย บิดาของซูเสี่ยวจวิ้นและเฟิงอู๋เฉิน—ผู้นำขุมกำลังหนึ่งนภา
คนเหล่านี้ใช้เวลาอยู่ในดินแดนอ้างว้างมาเนิ่นนานหลายปีและฉินเทียนไม่มีทางพลาดโอกาสถามหาข้อมูลจากพวกเขา
แต่ว่า…ถึงแม้พวกเขามีเครือข่ายที่กว้างขวาง พวกเขาก็ไม่มีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาตามหาเลย
ในช่วงเวลานั้น ผู้เฒ่าเซียวเหยา—อาจารย์ของฉินเทียนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนอ้างว้างอย่างน่าอัศจรรย์
ผู้เฒ่าเซียวเหยาพบฉินเทียนและแจ้งให้เขาทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่สืบหามาได้
ในตอนแรก บุรุษชราได้คำนวณไว้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทว่าเขาก็ไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปช่วยเหลือที่เมืองหลิงซีได้ทัน ในตอนนั้นฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้หายตัวไปแล้ว
ตอนที่ผู้เฒ่าเซียวเหยาไปถึง ฉินจิ่วก็ได้ปลอมตัวเป็นฉินเทียนแล้วและเข้าแฝงตัวในครอบครัวฉินของเขา
ในฐานะอาจารย์ของฉินเทียน ผู้เฒ่าเซียวเหยารู้จักศิษย์ของตนเองเป็นอย่างดี เมื่อรู้ว่าฉินจิ่วมีจุดประสงค์บางอย่างและจะไม่ทำร้ายฉินอี้เฟยและฉินอวี้โม่ เขาจึงออกจากดินแดนหวนหลิงเพื่อตามหาเบาะแสร่องรอยของฉินเทียน
เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอยู่ในดินแดนเทพมายาและฉินเทียนอยู่ในดินแดนอ้างว้าง จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าและมุ่งหน้าตรงมาที่ดินแดนอ้างว้างแห่งนี้
หลังจากพบตัวศิษย์ที่ตามหา เขาก็แจ้งให้ฉินเทียนทราบข้อมูลทั้งหมดที่ตนเองมี
กลุ่มคนที่บุกไปที่เมืองหลิงซีและโจมตีฉินเทียนกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคือสมาชิกของนิกายหงส์มังกรแห่งดินแดนเทพมายา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่ได้อยู่ในเงื้อมมือของนิกายหงส์มังกรทว่าอยู่กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ลึกลับยิ่งกว่า
ผู้เฒ่าเซียวเหยาไม่ได้บอกฉินเทียนเกี่ยวกับตัวตนของคนเหล่านั้นโดยบอกเพียงว่าพวกเขาทรงพลังอย่างมาก และด้วยพลังความแข็งแกร่งของฉินเทียนในตอนนั้น ต่อให้รู้ไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร
ในขณะเดียวกัน เซียวเหยาก็บอกอีกว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆ นางเพียงแต่ขาดอิสระเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉินเทียนแข็งแกร่งมากพอและต่อสู้กับยอดฝีมืออันดับต้นๆของดินแดนเทพมายาได้ เขาจะได้รู้เบาะแสของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเอง
ฉินเทียนไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้เฒ่าเซียวเหยา ไม่รู้ว่าคนที่ตนเองเรียกว่าอาจารย์ผู้นี้มีพลังอำนาจมากเพียงใด เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าตนเองสามารถเชื่อมั่นในคำพูดของผู้เฒ่าเซียวเหยาได้
เพราะเหตุนั้นฉินเทียนจึงหมั่นฝึกยุทธ์อย่างขยันขันแข็งตลอดหลายปีด้วยความหวังว่าจะไปที่ดินแดนเทพมายาให้ได้โดยเร็วที่สุด จากนั้นเขาก็จะสืบหาเบาะแสของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและตามหานางเพื่อที่ครอบครัวของตนเองจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
หลังจากผู้เฒ่าเซียวเหยาแจ้งข่าวให้ฉินเทียนได้ทราบ เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกเช่นเดิม ฉินเทียนรู้ดีว่าอาจารย์ของตนไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เขาจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันเมื่อมีเรื่องใหญ่สักอย่างเกิดขึ้น เพราะเหตุนั้นฉินเทียนจึงไม่ได้กังวลอะไร
เมื่อได้รู้ว่าสตรีคนรักไม่ได้เป็นอันตราย แม้ว่าฉินเทียนจะคะนึงหาอาวรณ์นางตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่กังวลใจเท่าไหร่นัก
ตลอดหลายปีมานี้ คนที่ฉินเทียนเป็นห่วงและกังวลมากที่สุดก็คือฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟย
ตอนที่ฉินเทียนจากดินแดนหวนหลิงมา ฉินอี้เฟยยังเด็กมากและฉินอวี้โม่ก็ยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อไม่มีบิดาและมารดาคอยดูแล ไม่รู้เลยว่าทั้งสองจะเป็นอย่างไรในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
โชคดีที่ความกังวลเหล่านั้นคลายลงได้เล็กน้อยเพราะมีหลี่ก่วนอยู่ที่นั่นและนางจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี
ทว่าถึงแม้เป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคิดถึงและเป็นห่วงทั้งสองอย่างที่สุด เวลาผ่านมานานกว่าสิบปีแล้ว เขาตั้งตารอข่าวคราวของฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยตลอดเวลาทว่าไม่มีหนทางสืบหาได้เลย
เขาเชื่อว่าบุตรและบุตรีของตนจะไม่อยู่นิ่งเฉยและจะพยายามตามหาเขาและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นในสักวัน อย่างไรก็ตาม บางคราฉินเทียนก็คิดว่าเป็นเรื่องดีหากบุตรทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่ใดสักแห่ง
ทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ในที่สุดเขาก็ได้ข่าวของฉินอวี้โม่
เมื่อได้รู้ว่าบุตรสาวของตนทั้งทรงพลัง น่าเกรงขามและมากพรสวรรค์เช่นนี้ แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ชื่อของฉินอวี้โม่เลื่องลือไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งมาถึงดินแดนอ้างว้างนี้ได้ไม่นาน อีกทั้งนางยังมีเรื่องบาดหมางกับคนบางกลุ่ม ฉินเทียนจึงเกิดกังวลขึ้นมา
เมื่อรู้ว่าใครบางคนริอาจรังแกบุตรสาวอันเป็นที่รัก เขาจึงรู้สึกโกรธแค้นจนควบคุมตนเองไม่ได้และพุ่งพรวดไปที่ขุมกำลังพญายมเพื่อสั่งสอนให้คนเหล่านั้นรู้สำนึก
ในอดีต แม้ว่าฉินเทียนจะไม่สามารถปกป้องภรรยาและบุตรทั้งสองได้ ทว่าบัดนี้จะไม่มีใครหน้าไหนที่แตะต้องพวกเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้พบกับบุตรสาวคนเล็ก
บุตรสาวของเขายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมงดงามสะท้านทั้งใต้หล้า ลักษณะเฉพาะที่ทะนงตนทว่ายังน่าพิสมัย ความรักอันเปี่ยมล้น พรสวรรค์ที่กล่าวได้ว่าเหนือมนุษย์ ทุกอย่างเกี่ยวกับนางทำให้ฉินเทียนทั้งประหลาดใจ ตื่นตะลึงและกังวล
เขาเข้าใจว่าการที่ฉินอวี้โม่เติบโตมาถึงจุดนี้ได้จะต้องใช้ความหมั่นเพียรพยายามมากกว่าคนทั่วไปเป็นเท่าทวี การที่ดรุณีน้อยไร้บิดามารดาอยู่เคียงข้าง ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจะลำบากลำบนแค่ไหน
ทว่าสิ่งที่ฉินเทียนรู้สึกเหนือสิ่งใดทั้งปวงคือความภาคภูมิใจ หากว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นรู้ว่าบุตรสาวของนางเก่งกาจถึงเพียงนี้ นางจะต้องปลื้มปีติและมีความสุขมากอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นฉินเทียนดื่มด่ำอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด ฉินอวี้โม่ก็ไม่ขัดจังหวะเขาทว่าคิดไตร่ตรองสิ่งที่ฉินเทียนกล่าวเมื่อครู่เกี่ยวกับข้อมูลที่สืบหามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
.