แม้ว่าฉู่เจี๋ยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามแต่โดยดี เขาถอดอาภรณ์ออกจนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวและเดินตรงเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
เมื่อเห็นร่างกายที่ผอมบางของเด็กหนุ่ม ฉินอวี้โม่ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ เป็นเพราะการปิดกั้นของเส้นชีพจร ร่างกายของฉู่เจี๋ยจึงอ่อนแอกว่าคนทั่วไปมาก
นางไม่ใช่คนที่จำกัดอยู่กับกรอบความคิดอย่างใดอย่างหนึ่ง หากต้องการสร้างเส้นชีพจรได้สำเร็จ นางจะต้องมีการควบคุมที่ดี ภายในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่นั้นฉินอวี้โม่และมารยาได้ใส่สมุนไพรหายากจำนวนมากชุ่มโชกอยู่ในอ่างซึ่งสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฉู่เจี๋ยและช่วยให้เขาดูดซับสภาวะพลังได้มากขึ้น
“เสี่ยวเจี๋ย เจ้าจะต้องอดทนไว้ มันจะเจ็บปวดมากในช่วงหนึ่ง แต่จงจำไว้ว่าต่อให้มันเจ็บปวดมากเพียงใด เจ้าก็ต้องฝืนประคองตนเองไว้และห้ามหมดสติไปเด็ดขาด”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับฉู่เจี๋ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและตึงเครียด
สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
ฉู่เจี๋ยพยักหน้าหงึกหงักอย่างแรง เขาเชื่อมั่นในตัวเองและย้ำเตือนกับตัวเองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาก็ต้องอดทนให้ได้ มีคนรอเขาอยู่มากมายเหลือเกิน คนเหล่านั้นทั้งรักและเป็นห่วงเขาอย่างที่สุด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ
เมื่อฉู่เจี๋ยพยักศีรษะ ฉินอวี้โม่ก็ไม่รอช้าและร่างของมารยาปรากฏกายถัดจากนางในทันที
“นายหญิง ฉีกเส้นชีพจรทั้งหมดของเขาก่อนเถอะ”
มารยามองเด็กหนุ่มร่างผอมในอ่างด้วยความรู้สึกที่เกินทนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากต้องการช่วยให้เขากลายเป็นเหมือนคนปกติ มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ขณะพิจารณาสภาพร่างกายของฉู่เจี๋ย มารยาก็สื่อสารกับฉินอวี้โม่โดยตรง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะทว่าก็ยังทำใจไม่ได้ นางรู้ว่าทันทีที่ปลดปล่อยพลังเข้าสู่ร่างกายของฉู่เจี๋ย นางจะฉีกทำลายเส้นชีพจรของเขาได้อย่างแน่นอน ทว่าถึงแม้ฟังดูเรียบง่าย ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เคยทำในชีวิตนี้
“พี่อวี้โม่ อย่าลังเลเลย ไม่ต้องห่วง ข้าทนได้”
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของฉินอวี้โม่ เด็กหนุ่มก็ยิ้มบางๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็น
แม้ว่ามารยาไม่ได้ส่งเสียงพูดโดยตรง เขาก็รับรู้ได้ ขั้นตอนต่อไปคือฉินอวี้โม่จะต้องใช้พลังเพื่อทำลายเส้นชีพจรของเขา หลังจากนั้น กระบวนการที่ยากที่สุดคือการสร้างเส้นชีพจรขึ้นใหม่ เขาสัมผัสได้ถึงความลังเลของฉินอวี้โม่และเขาก็รู้ว่านางลังเลเพราะอะไร
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตัดสินใจเลือกทางนี้แล้ว ฉู่เจี๋ยก็ไม่อยากให้ฉินอวี้โม่ต้องลังเลอีกต่อไป ยิ่งนางลังเลหรือไม่มั่นใจเพียงใด โอกาสที่จะล้มเหลวก็มากขึ้นเพียงนั้น
“จำคำของข้าไว้ล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดสติเด็ดขาด”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและเอ่ยขึ้นอีกครั้ง จากนั้นพลังก็ทะลวงตรงเข้าสู่ร่างของฉู่เจี๋ยโดยตรง
ฉู่เจี๋ยรู้สึกถึงความเจ็บปวดเสียดแทงที่แล่นเข้าสู่ร่างและแทบอยากปล่อยให้ร่างกายทำหน้าที่ตามปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติเพื่อขับไล่ความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม หากความเจ็บปวดถูกผลักออกไป มันก็จะส่งผลกระทบต่อฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นเขาจึงพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดอย่างแสนทรมานขณะที่ใบหน้าซีดเผือดลงยิ่งกว่าเดิม
หลังจากความเจ็บปวดผ่านพ้นไป ฉู่เจี๋ยก็แทบจะหมดสติอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ราวกับว่าทั้งร่างไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ทว่าฉู่เจี๋ยก็พยายามฝืนยื้อสติตัวเองไว้ได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ฉินอวี้โม่ย้ำเตือนไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ห้ามหมดสติเป็นอันขาด เพราะเหตุนั้นฉู่เจี๋ยจึงยึดมั่นตามนั้น เขาจะต้องผ่านมันไปให้ได้
“มารยา ถึงตาของเจ้าแล้ว”
หน้าผากของฉินอวี้โม่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและพลังมายาของนางหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของฉู่เจี๋ยอย่างบ้าคลั่งเพื่อช่วยปกป้องหัวใจของเขาไว้ ขั้นตอนต่อไปในการสร้างเส้นชีพจรขึ้นใหม่เป็นหน้าที่ของมารยา
มารยาพยักหน้าและนั่งลง จากนั้นฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่าห้วงจิตของมารยาแทรกซึมเข้าในร่างของฉู่เจี๋ยโดยตรง
ภายในร่างของฉู่เจี๋ย มารยาช่วยเขาเชื่อมต่อเส้นชีพจรที่ถูกทำลายอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเส้นใหม่ๆ สมาธิของมันแน่วแน่อย่างมากโดยไม่กล้าก่อให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของฉู่เจี๋ยโดยตรงและเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปที่ยาวนานผ่านไป ฉินอวี้โม่ก็แทบจะหมดพลังทว่ายังคงอดทนต่อไปได้ นางจะวอกแวกไม่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาที
ในที่สุดช่วงที่สำคัญที่สุดก็มาถึง เส้นชีพจรส่วนใหญ่ในร่างของฉู่เจี๋ยได้รับการเชื่อมต่อแล้ว บัดนี้หากเชื่อมต่อเส้นชีพจรตามลำดับจนครบทั้งหมด กระบวนการนี้ก็จะถือว่าเป็นอันสิ้นสุด
ทว่า…ขั้นตอนสุดท้ายนี้ก็เป็นขั้นตอนที่ยากและอันตรายที่สุด
หากควบคุมได้ไม่ดีหรือมีความผิดปกติใดๆเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
“นายหญิง ดูแลหัวใจของเขาไว้ให้ดี ข้ากำลังจะเริ่มแล้ว”
มารยากล่าวย้ำเตือนฉินอวี้โม่เพื่อให้นางปกป้องหัวใจของฉู่เจี๋ยไว้
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะโดยไม่ลังเลและพลังของนางก็แผ่เข้าสู่ร่างของฉู่เจี๋ยอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เหล่าอสูรมายาของฉินอวี้โม่ต่างก็สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าของนายหญิงและพวกมันรู้ว่าพลังมายาของนางถูกใช้ไปจนเกือบหมด พวกมันก็ไม่รอช้าและเข้ามารวมตัวกันก่อนถ่ายทอดพลังไปยังร่างของฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยสนับสนุนนางไว้
“อ๊ากกก!”
ทันใดนั้น ฉู่เจี๋ยที่หลับตาและมีสติเหลืออยู่น้อยนิดก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา จากนั้นฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่าร่องรอยของสภาวะพลังในร่างของฉู่เจี๋ยได้หายสาบสูญไปอย่างสิ้นเชิง และทั้งร่างของเขาก็หมดเรี่ยวแรงทรุดลงในอ่างขนาดใหญ่ในสภาพที่หมดสติอย่างสมบูรณ์
อั่ก!
ในขณะเดียวกัน มารยาที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาโพลงและกระอักเลือดคำโตออกมาทันที ใบหน้าของมันซีดเผือดไปชั่วขณะ
“มารยา..”
พลังมายาของฉินอวี้โม่ก็กระจัดกระจายหายไปเพราะพลังมหาศาลที่เอ่อล้นมาจากร่างของฉู่เจี๋ยอย่างกะทันหันเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก
ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นยืนก่อนเดินตรงไปหามารยาและกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
“ข้าไม่เป็นไร”
มารยาเช็ดเลือดที่มุมปากและค่อยๆลุกขึ้นยืน แม้ว่าใบหน้าของมันซีดเซียว ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่ามันเพียงแค่ใช้พลังวิญญาณมากเกินไปจนร่างกายอ่อนแอ
“มันสำเร็จหรือล้มเหลว?”
เมื่อมองไปที่ฉู่เจี๋ยในอ่างน้ำโดยไม่สามารถสัมผัสถึงลมหายใจของเขา หัวใจของฉินอวี้โม่ก็ตกฮวบและมีสีหน้าบิดเบี้ยว
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”
มารยาส่ายหน้าเบาๆ มันไม่รู้ว่ากระบวนการเมื่อครู่ประสบผลสำเร็จหรือล้มเหลว
หากว่าทำสำเร็จ ฉู่เจี๋ยก็น่าจะมีลมหายใจแห่งชีวิตอยู่ ทว่าหากล้มเหลว มันก็คงจะเป็นเหมือนอย่างในตอนนี้
ฉู่เจี๋ยดูเหมือนตายไปแล้ว หากแต่มีบางอย่างที่ผิดปกติไป
เมื่อได้ยินคำตอบอย่างไม่มั่นใจของมารยา อดีตนักฆ่าสาวผู้เก่งกาจก็หัวใจเย็นเฉียบ สุดท้ายมันก็ล้มเหลวหรือนี่!
“นายหญิง หัวใจของเขายังคงเต้นและร่างกายก็ยังอุ่นอยู่”
อย่างไรก็ตาม จู่ๆคำพูดของเสี่ยวเฮยจุดประกายให้นางมีความหวังขึ้นมา
นางเดินเข้าไปข้างฉู่เจี๋ยและเอื้อมมือออกไปแตะอกของเขาบริเวณหัวใจ
เป็นจริงอย่างที่ว่า ร่างของฉู่เจี๋ยยังคงอุ่นและหัวใจของเขายังคงเต้นอย่างช้าๆ
ฉินอวี้โม่โล่งใจขึ้นเล็กน้อยและหันไปมองมารยาด้วยความฉงนสงสัยและต้องการคำตอบ
“มารยา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในเวลานี้นางสงสัยใคร่รู้เป็นที่สุดและหวังว่ามารยาจะมีคำตอบให้นางได้
ทว่าเมื่อมารยาได้ยินว่าร่างของฉู่เจี๋ยยังอุ่นและหัวใจยังเต้น มันก็ตกตะลึงเช่นกัน
มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายหญิง ไม่ต้องกังวล ครานี้ท่านน่าจะทำสำเร็จแล้ว”
ทันใดนั้น เสียวของซิวก็ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ แม้ว่าตอนนี้มันสามารถสื่อสารกับฉินอวี้โม่ได้ตลอดเวลา ทว่ามันก็เก็บตัวจำศีลเป็นเวลาส่วนใหญ่
การที่มันแสดงตัวอย่างฉับพลันเช่นนี้เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงสภาวะอารมณ์ที่ปั่นป่วนไม่คงที่ของฉินอวี้โม่ มันจึงต้องกล่าวออกมาเพื่อให้นายหญิงคลายใจ
“ซิว เจ้ารู้รึไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
เสียงของซิวช่วยให้ฉินอวี้โม่ใจเย็นลงได้ในทันที ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร หากซิวเอ่ยออกมา ฉินอวี้โม่มักรู้สึกคลายกังวลได้เสมอ
“นายหญิง การสร้างเส้นชีพจรใหม่เป็นกระบวนการที่ยากมากอยู่แล้ว ด้วยพลังความแข็งแกร่งของท่านในปัจจุบันกอปรกับมารยาที่ยังแข็งแกร่งไม่มากเท่าไหร่นัก มันจึงยากมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ครานี้ท่านทำได้ดีมากและการสร้างเส้นชีพจรก็สำเร็จผล”
ซิวยิ้มและกล่าวต่อ “เด็กหนุ่มคนนี้ เส้นชีพจรของเขาถูกปิดกั้นมานานกว่าสิบปีและเมื่อมีการสร้างเส้นชีพจรขึ้นใหม่อย่างกะทันหันเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะเกินทนไหว ยิ่งไปกว่านั้น ท่านน่าจะรู้ว่าการสร้างเส้นชีพจรมีทั้งความเสี่ยงและโอกาสประสบความสำเร็จ อาจเป็นเพราะบังเอิญมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างการสร้างเส้นชีพจรของเด็กหนุ่ม เขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนตายเช่นนี้ แต่ท่านไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเขาก็จะฟื้นขึ้น เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
หลังจากฟังคำอธิบายของซิว ฉินอวี้โม่และมารยาก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสองคลี่ยิ้มบางๆและหัวเราะออกมา
ถึงอย่างไรซิวก็ยืนยันแล้วว่าทั้งสองทำสำเร็จ ตราบใดที่ฉู่เจี๋ยฟื้นขึ้นมา ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใดทั้งสองก็เต็มใจรอ
“ไม่ต้องห่วง เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาจะนำพาความน่าประหลาดใจครั้งใหญ่มาให้ท่านอย่างแน่นอน ระหว่างช่วงนี้ ท่านพยายามหาสมุนไพรอื่นๆมาเพิ่มเติมเถอะ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กหนุ่มคนนี้มาก”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย เสียงของซิวก็หายไปและมันเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกครั้ง
“เยี่ยมไปเลย เราทำสำเร็จแล้ว”
มารยาอดหัวเราะเบาๆอย่างมีความสุขไม่ได้ ขณะมองฉู่เจี๋ยในอ่างอาบน้ำ ร่องรอยความรู้สึกผิดที่ก่อตัวในหัวใจของมันก่อนหน้านี้ก็ได้อันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง
หากความพยายามในครั้งนี้ล้มเหลว มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของทั้งมารยาและฉินอวี้โม่เป็นอย่างมาก โชคดีที่สวรรค์ยังไม่ใจร้ายเกินไปและทั้งสองก็ทำสำเร็จ
“ใช่แล้ว เราทำสำเร็จ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะ ทว่าจู่ๆนางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย พลังมายาและพลังวิญญาณของนางถูกใช้ไปมากเกินไปจนนางแทบหมดเรี่ยวแรงและทรุดตัวลง
“มารยา เจ้าไปพักฟื้นก่อนเถอะ ข้าว่าครานี้เจ้าคงใช้พลังวิญญาณไปมากเกินไป หากเจ้าอยากจะฟื้นตัว มันคงต้องใช้เวลาสักระยะ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวกับอสูรคู่คิดในภารกิจนี้
“ท่านก็เหมือนกัน ครานี้ท่านใช้พลังไปไม่น้อยกว่าข้าเลย หากท่านไม่ได้มีพลังวิญญาณที่ต่างจากคนทั่วไป ข้าว่าท่านก็คงยืนหยัดอดทนจนถึงตอนนี้ไม่ได้”
มารยาพยักศีรษะโดยไม่เอ่ยอะไรก่อนหลับตาลงและปรับลมหายใจของตัวเอง
“เสี่ยวเฮย เจ้าช่วยเช็ดตัวให้เสี่ยวเจี๋ย จัดการสวมอาภรณ์และพาเขาไปพักในห้องกว้างๆที่มีอากาศถ่ายเทหน่อยเถอะ”
ฉินอวี้โม่เองก็หลับตาลงและพยายามปรับลมหายใจเช่่นกัน
นางใช้พลังมายาและพลังวิญญาณไปมากเกินไปและต้องปรับสภาวะร่างกายให้คงที่ก่อนออกไปข้างนอก
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ ฉินอวี้โม่และมารยาสามารถปรับสภาวะพลังได้ในหนึ่งวัน บัดนี้บรรดาสมาชิกตระกูลฉู่ข้างนอกต่างก็กำลังกังวลใจจนอยู่ไม่เป็นสุข สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่คฤหาสน์เฟิงหัวโดยไม่กะพริบตา
“ท่านพี่ มันจะล้มเหลวรึไม่?”
เฟิงหรูชวงอดเอ่ยถามฉู่เหิงไม่ได้ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวลและความตึงเครียด
“ท่านแม่ ไม่ล้มเหลวหรอกเจ้าค่ะ แม่ลูกมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ข้าเชื่อว่าเสี่ยวเจี๋ยจะข้ามผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้”
โหรวชูมารดาของฉู๋เจี๋ยเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ แม้ว่านางเองก็กังวลไม่น้อย ทว่าน้ำเสียงยังเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าอย่างไรนางก็เชื่อมั่นว่าบุตรชายของตนจะไม่เป็นอะไร