เมื่อฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยมองเห็นมือของบุรุษลึกลับที่ยื่นออกมาหมายจะคว้าตนเองไว้ ทั้งสองก็มองหน้ากันและพร้อมที่จะจัดการอีกฝ่ายต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ไม่คาดคิดว่าก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ลำตัวขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา
“เต่ามังกร!”
ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อเห็นเต่ามังกรที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ทั้งสองไม่คิดเลยว่าอสูรเจ้าถิ่นจะออกมาช่วยตนเองเช่นนี้
“การต่อสู้ของเรายังไม่จบ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าตายไปได้อย่างไรเล่า”
เต่ามังกรยิ้มเล็กๆและออกไปขวางหน้าจอมยุทธ์ทั้งสองอย่างไม่ลังเล
สามสหายจอมยุทธ์ทำให้เต่ามังกรหวนนึกถึงเผ่าพันธุ์เต่ามังกรที่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความรักใคร่กลมเกลียวและความแน่นแฟ้นที่ทั้งสามมีต่อกันทำให้เต่ามังกรซาบซึ้งใจไม่น้อย
นี่คือสาเหตุที่เต่ามังกรยอมเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อช่วยฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย
“ฮ่าๆๆ เต่ามังกรโบราณนี่เอง เป็นอสูรมายาที่ดีทีเดียว แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็ยังอ่อนแอเกินไป”
ในตอนแรก อวิ๋นขวงตกใจเล็กน้อยก่อนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขามองเต่ามังกรที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง
“หึ เจ้าพวกขุมกำลังมารร้าย เมื่อนับพันปีก่อน นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดจริงๆที่เผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรไม่สามารถจำกัดพวกเจ้าให้สิ้นซากได้”
เต่ามังกรมองอวิ๋นขวงและแค่นเสียงในลำคอโดยไม่แสดงท่าทีสะทกสะท้านใดๆ
“ฮ่าๆๆ ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นความผิดพลาด พวกเจ้าก็จะต้องชดใช้กับความผิดพลาดที่ทำไว้ ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องบางอย่าง ต่อให้เผ่ามนุษย์ อสูรและเอลฟ์ผนึกกำลังกันก็ไม่มีทางเทียบพวกข้าได้ ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานพวกข้าจะกลับมาผงาดอย่างเดิม และความสูญเสียที่เราต้องเผชิญในอดีตจะย้อนกลับไปหาพวกเจ้าทุกชีวิต!”
อวิ๋นขวงยิ้มพร้อมประกาศกร้าวด้วยความมั่นใจ ตลอดนับพันปีที่ผ่านมา ฝ่ายมารของพวกเขาเก็บตัวฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งมาตลอดและบัดนี้พลังของพวกเขาก็ค่อยๆแกร่งกล้าขึ้นทีละน้อย เมื่อบุปผาแห่งความมืดโตเต็มวัย เมื่อนั้นจะเป็นวันที่พวกเขาจะกลับมาประกาศศักดาอีกครั้ง และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะสะสางทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน
“น่าขันซะจริง เมื่อนับพันปีก่อน พวกเราสามารถเอาชนะพวกเจ้าได้ ต่อให้ผ่านมาแล้วนับพันปี เราก็ยังสามารถเอาชนะพวกเจ้าได้เช่นเดิม ในเมื่อขุมกำลังมารร้ายของพวกเจ้ากล้าบุกรุกเข้ามา เราก็ไม่รังเกียจที่จะประจันหน้ากับพวกเจ้า รอจนถึงวันที่พวกเจ้ากลับมาเถอะ นั่นคือวันที่ฝ่ายมารจะถูกกำจัดไปจนสิ้นซาก!”
ฉินอวี้โม่เหยียดกายลุกขึ้นและกล่าวอย่างแน่วแน่ วันใดที่ขุมกำลังมารร้ายกลับคืนมา วันนั้นจะเป็นวันที่พวกเขาจะถูกกำจัดไปจากดินแดนนี้อย่างไม่มีทางหวนกลับ
ครานี้หากนางเอาตัวรอดไปได้ วันหนึ่งนางจะไปที่ฝ่ายมารด้วยตัวเองเพื่อสะสางปัญหาทั้งหมด
“ฮ่าๆๆ เจ้าควรคิดก่อนเถอะว่าวันนี้เจ้าจะเอาตัวรอดไปได้ยังไง นี่ก็แค่เต่ามังกรที่ไม่โตเต็มวัย มันช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้หรอก!”
อวิ๋นขวงไม่อยากพูดอะไรให้มากความขณะยิ้มมุมปากเบาๆ
เดิมทีเขาต้องการจับตัวฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยไปเพื่อพยายามควบคุมทั้งสอง ทว่าในเมื่อเต่ามังกรเสนอหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยว การพาตัวทั้งสองกลับไปก็ยุ่งยากขึ้นอีกเล็กน้อย
เพราะเหตุนั้นเขาจึงต้องสังหารมันก่อน
“ในเมื่อมีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่มีทางแตะต้องตัวพวกเขาได้”
เสียงของเต่ามังกรเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะถ่วงเวลาจนกว่าซูเสี่ยวจวิ้นจะตามคนมาช่วยได้
“ฮ่าๆๆ หากเป็นเต่ามังกรที่โตเต็มวัย ข้าก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่าเจ้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป!”
บุรุษชุดดำยกยิ้มมุมปากและจู่ๆอาวุธแสงสีดำที่มีลักษณะเป็นอาวุธแหลมคมก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ว่ากันว่ากระดองของเต่ามังกรแข็งแกร่งมากจนแม้แต่อาวุธที่แหลมคมที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้ วันนี้ข้าจะขอลองดูสักหน่อย อยากรู้นักว่าระหว่างกระดองของเจ้าและอาวุธของข้า สิ่งใดจะแข็งแกร่งกว่า!”
อวิ๋นขวงไม่รอช้าและพุ่งตรงออกไปเพื่อโจมตีเต่ามังกร
“พวกเจ้าทั้งสองไปพักรักษาบาดแผลก่อนเถอะ ข้าจะถ่วงเวลาคนผู้นี้ให้พวกเจ้าเอง”
เต่ามังกรขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกล่าวกับฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก่อนหันไปรับมือกับอวิ๋นขวง
ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยพยักศีรษะก่อนบินออกไปหาที่ปลอดภัย
ฉีอวิ๋นเหล่ยหยิบโอสถออกมากินก่อนหลับตาลงและควบคุมลมหายใจในขณะที่ฉินอวี้โม่ก็สังเกตการณ์จูตี๋และพวกเพื่อไม่ให้พวกเขาได้ลอบจู่โจมอย่างกะทันหัน
อาจเป็นเพราะคำพูดของอวิ๋นขวงก่อนหน้านี้ที่ทำให้จูตี๋หวาดหวั่น แม้ว่าเห็นฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยที่บาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ เขาก็ไม่กล้าลงมือโจมตีแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน เขาก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้กับสหายคนอื่นๆก่อนล่าถอยออกไปไกล พวกเขาทั้งหมดต้องการนั่งบนภูดูเสือกัด
*坐山观虎斗 นั่งบนภูดูเสือกัด หมายถึง การรอทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันให้เพลี่ยงพล้ำและรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
“เหอะ คิดจะฆ่าพวกเรา ตอนนี้รอดูกันไปก่อนเถอะ เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญกับความเสียหายทั้งคู่ รอดูเถอะว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้ายังไง!”
นี่คือความคิดของจูตี๋ในตอนนี้ เขาสัมผัสได้ว่าเต่ามังกรมีพลังมากพอสมควร เมื่อผนวกกับฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย เขาก็คิดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะลงเอยด้วยการบาดเจ็บทั้งคู่ เมื่อถึงตอนนั้น ตัวเขาก็จะเข้าไปฉวยประโยชน์ในฐานะมือที่สาม
เมื่อเห็นท่าทางของจูตี๋และพวก ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาความคิดของจูตี๋ได้ทันที อย่างไรก็ตาม นางไม่แยแสพวกเขาเหล่านั้นและหลับตาลงเพื่อปรับสภาวะร่างกายของตนเอง
การต่อสู้ระหว่างเต่ามังกรและอวิ๋นขวงก็ดุเดือดอย่างยิ่ง
อวิ๋นขวงโจมตีเต่ามังกรอย่างรวดเร็วและเป็นการกระหน่ำจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่ได้คิดจู่โจมส่วนที่อ่อนแอของเต่ามังกรด้วยซ้ำ ทว่าโจมตีตรงไปที่กระดองหนาของมันราวกับต้องการจะแทงทะลุมันให้ได้
เต่ามังกรยังคงพ่นลมหายใจน้ำแข็งต่อไปเพื่อโจมตีอวิ๋นขวงและต้องการแช่แข็งเขาจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งเยือกเย็น
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของเต่ามังกรยังน้อยนักและพลังของเขาก็ด้อยกว่าบุรุษลึกลับจากฝ่ายมารอย่างชัดเจน เพราะเหตุนั้นการโจมตีหลายครั้งของมันจึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับอวิ๋นขวงเลย
อย่างไรก็ตาม แม้เป็นเช่นนั้น เต่ามังกรก็ไม่สนใจ ตอนนี้มันเพียงต้องการถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด ตราบใดที่ซูเสี่ยวจวิ้นตามคนมาช่วยได้ทัน สถานการณ์ที่นี่ก็จะคลี่คลายลง
อวิ๋นขวงโจมตีออกไปหลายครั้ง ทว่าก็ยังไม่เกิดผล ในทางกลับกัน ลมหายใจน้ำแข็งจากเต่ามังกรก็ทำให้เขาเริ่มปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย
“เป็นอย่างที่คิด กระดองของเต่ามังกรแข็งแกร่งมากจริงๆ หากข้าฆ่าเจ้าได้และนำกระดองของเจ้ามาหลอมเป็นเกราะ ข้าจะต้องได้เกราะที่แข็งแกร่งทนทานมากแน่ๆ”
ในเวลานี้อวิ๋นขวงก็ถอยกลับไปโดยที่ไม่ได้โจมตีเต่ามังกรอีก เขาถอยจนห่างออกไปพอสมควร
ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่สามารถฝ่าทำลายการป้องกันของเต่ามังกรได้เลย
“หยุดพล่ามสักทีเถอะ เข้ามาเลย!”
เต่ามังกรไม่ต้องการพูดอะไรให้เสียเวลาขณะจ้องมองอีกฝ่ายและจู่ๆมันก็พ่นน้ำแข็งที่แกร่งกล้ากว่าเดิมออกมา
“วังวนน้ำแข็ง!”
ทันใดนั้น น้ำจากทะเลสาบและน้ำแข็งก็ก่อตัวเป็นพายุหมุนรุนแรงใต้ฝ่าเท้าของอวิ๋นขวงและแรงดึงดูดอย่างบ้าคลั่งก็ดึงเขาเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
วังวนน้ำแข็งนี้เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของเต่ามังกร ซึ่งทักษะนี้สามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อเต่ามังกรยอมแก่นแท้ชีวิตของมันเท่านั้น
ทุกครั้งที่ใช้มัน รากฐานพลังของเต่ามังกรก็จะได้รับความเสียหาย เพราะเหตุนั้นเต่ามังกรจึงไม่เต็มใจใช้ทักษะนี้จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่วิกฤติจริงๆเท่านั้น
วันนี้ เพื่อที่จะขัดขวางอวิ๋นขวงและช่วยเหลือฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย เต่ามังกรก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป มันตัดสินใจใช้ทักษะนี้ด้วยหวังว่าจะสร้างความเสียหายต่อศัตรูและถ่วงเวลาได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของวังวนน้ำแข็งก็ถือว่ยอดเยี่ยมมาก ร่างของอวิ๋นขวงถูกดึงเข้าไปหมุนวนอยู่ข้างในและสถานการณ์ของเขาก็ไม่สู้ดีนัก
“ข้าจะพาพวกเจ้าไปซ่อนในถ้ำของข้าก่อน!”
เมื่อสบโอกาส เต่ามังกรก็เตรียมที่จะพาฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยไปซ่อนตัวสักระยะ
รังของมันอยู่ใต้ทะเลสาบ หากซ่อนตัวที่นั่น อวิ๋นขวงจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จะเข้าถึงตัวทั้งสองได้
ก่อนหน้านี้เต่ามังกรไม่พาทั้งสองเข้าไปซ่อนตัวเพราะรู้ดีว่าหากคิดจะทำเช่นนั้น อวิ๋นขวงจะต้องเข้ามาขัดขวางเป็นแน่
ทว่าบัดนี้ เมื่ออวิ๋นขวงติดพันอยู่ในวังวนของมันแล้ว ทั้งสามก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปซ่อนตัวได้
ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยพยักศีรษะก่อนวิ่งตรงไปที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
เต่ามังกรก็ปรากฏกายข้างทะเลสาบเช่นกันและกำลังจะพาจอมยุทธ์ทั้งสองลงไปในถ้ำ
“คิดรึว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้!”
ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและเต่ามังกร
จากนั้นทั้งสามก็เห็นว่าทะเลสาบตรงหน้าเต็มไปด้วยบรรยากาศสีดำทะมึนน่าสะพรึงกลัว
พรวด!
ทันใดนั้น เต่ามังกรก็กระอักเลือดออกมาก่อนที่วังวนน้ำแข็งของมันจะพังทลายหายไป
เมื่อหันกลับไป มันก็พบว่าในจุดที่อวิ๋นขวงยืนอยู่ก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
บัดนี้ร่างของบุรุษลึกลับล้อมรอบไปด้วยพลังงานสีดำที่ไม่น่าอภิรมย์ซึ่งดูประหลาดยิ่งนัก ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีเขียวเข้มและใบหน้าของเขาซีดลง
“เหอะ การที่บีบบังคับให้ข้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ถือว่าเจ้าใช้ได้ทีเดียว ทว่าตอนนี้คือคราวตายของเจ้าแล้ว!”
อวิ๋นขวงแค่นเสียงเย็นชาและก้อนทรงกลมสีดำขนาดใหญ่ในมือของเขาก็โจมตีตรงไปที่ฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและเต่ามังกรทันที
“พันอัคคีร่วงหล่น!”
แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉินอวี้โม่ก็ยังปลดปล่อยการโจมตีออกไปเพื่อพยายามต้านทานไว้
เพลิงนับไม่ถ้วนเข้าล้อมรอบก้อนสีดำไว้จนเกิดเสียงดังสนั่น
อย่างไรก็ตาม ครานี้ก้อนสีดำมิได้หลอมละลาย ในทางกลับกัน เพลิงของฉินอวี้โม่สลายหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดผลกระทบใดๆ
ฉีอวิ๋นเหล่ยเองก็ใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของเขาเช่นกัน ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้ก้อนสีดำนี้ การโจมตีของเขาก็หายวับไปกับตาเช่นกัน
เต่ามังกรก็พ่นลมหายใจน้ำแข็งหลายครั้งทว่าไม่เกิดผลใดๆ ก้อนแสงสีดำยังคงแข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวที่เหนือธรรมชาติ
ฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและเต่ามังกรก็พยายามหลบหลีกออกไปจากมัน ทว่าก้อนสีดำนั้นราวกับมีตามองเห็นและไล่ตามทั้งสามไปทุกหนแห่ง
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลบหลีกก้อนสีดำดังกล่าวได้และมันใกล้เข้ามาตรงหน้าของฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ย จู่ๆเต่ามังกรก็ทำในสิ่งที่ทั้งสองคาดไม่ถึง
มันดึงทั้งสองไปอยู่ข้างใต้ลำตัวของมันและใช้ลำตัวของตนเองเพื่อปกป้องฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยไว้ ในขณะเดียวกันมันก็ใช้กระดองแข็งแกร่งของมันขัดขวางก้อนสีดำที่ทรงพลังตรงหน้า
อั่ก!
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ว่าเมื่อก้อนสีดำกระแทกเข้าใส่ร่างของเต่ามังกร สภาวะพลังของมันก็สลายไปมากและมันก็กระอักเลือดออกมาอย่างแรง
“ฮ่าๆๆ มันแอบแฝงไปด้วยพลังการกัดกร่อน ไม่ว่ากระดองของเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็จะค่อยๆกัดกร่อนจนเสื่อมสลายไป เจ้าจะกลายเป็นเพียงกองของเหลวสกปรกและหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
ทันใดนั้น อวิ๋นขวงก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกล่าวด้วยวาจาชั่วร้ายในขณะที่ใบหน้าของฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยเหยเกอย่างที่สุด
.