สงครามดำเนินไปอย่างดุเดือดเหนือเกาะไร้จุดจบ
ทุกคนต่างก็หาคู่ต่อสู้ของตนเองและสู้รบกันอย่างเต็มกำลัง
และก็แน่นอนว่าขุมกำลังมารร้ายไม่ได้มีจำนวนคนมากนักและมีอยู่ประมาณสองถึงสามร้อยคนเท่านั้น เพราะเหตุนั้น ด้วยจำนวนคนของฝ่ายฉินอวี้โม่ พวกเขาจึงไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ฉินเทียน ซูเทียนหยา ฉีเจิ้น ฉู่เหิงและเฟิงหรูเซียวล้วนเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของดินแดนอ้างว้าง แม้ว่าพวกเขามีพลังเพียงขอบเขตจ้าวสุริยะขั้นสูงสุด พวกเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลย
พวกเขาแต่ละคนต่างก็ต่อสู้กับศัตรูซึ่งอยู่ในขอบเขตจ้าวสุริยะสองหรือสามคนโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนกหรือเป็นกังวลแม้แต่น้อย อีกทั้งพวกเขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกว่าอีกด้วย
และคนอื่นๆก็เลือกคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับไล่เลี่ยกับตนเองเช่นกัน
ฉีอวิ๋นเหล่ย เฟิงอู๋ชาง เหวินซื่อชู่ ฉินจ้านและคนอื่นๆล้วนเลือกคู่ต่อสู้ที่มีพลังในขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุดเพื่อแบ่งเบาแรงกดดันของคนอื่นๆ
พลังการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสี่ถือว่าแกร่งกล้าอย่างมากและสามารถประจันหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุดจากขุมกำลังมารร้ายได้อย่างไม่เสียเปรียบ ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายมารที่คิดว่าคนเหล่านี้เพิ่งบรรลุขอบเขตจ้าวพิภพได้เพียงไม่นานจึงได้ดูแคลนพวกเขาและต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในท้ายที่สุด
เพราะเหตุนั้น หลังจากการต่อสู้ดำเนินไประยะหนึ่ง สถานการณ์จึงตกอยู่ในสภาวะจนมุม
แม้ว่าพลังของหานโม่ฉือไม่แกร่งกล้าเท่าคู่ต่อสู้ ทว่าเขาก็ไม่เสียเปรียบหรือด้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการตั้งสมาธิเก็บตัว กลิ่นอายเยือกเย็นดุจน้ำแข็งของเขาจึงแทบไม่ถูกใช้งาน
ระหว่างการประจันหน้าในครานี้ มันจึงถูกปลดปล่อยออกไปอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าพลังกัดกร่อนของอีกฝ่ายทรงพลังพอสมควร เห็นได้ชัดว่าก็ถูกขัดขวางโดยไอเยือกเย็นนี้
เมื่อใดก็ตามที่พลังกัดกร่อนของเขาแผ่ออกมา พลังน้ำแข็งของหานโม่ฉือก็ครอบงำและจับตัวพลังกัดกร่อนนั้นจนกลายเป็นน้ำแข็ง
ทั้งสองต่อสู้กันพักใหญ่และไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม การประจันหน้าระหว่างหยินหึนและผู้นำกลุ่มของฝ่ายมารเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด
พลังของทั้งสองไม่แตกต่างกันมากนักและต่างก็มีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนกว่าคนอื่นๆ ทั้งการโจมตีและการป้องกันของพวกเขาทรงพลังอย่างไร้ที่ติ เกรงว่าหากไม่มีสิ่งใดที่เหนือความคาดหมาย การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองจะตกอยู่ในสภาวะชะงักงันเป็นเวลานาน
เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ทั้งสองคู่ สถานการณ์ของฉินอวี้โม่ถือว่าอันตรายกว่ามาก
พลังของฉินอวี้โม่อยู่เพียงขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุด เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเซียน ความแข็งแกร่งของนางจึงด้อยกว่ามาก
แม้ว่านางมีไพ่ตายอยู่มาก ทักษะล่องหนของผู้อาวุโสหลานก็กวนจิตกวนใจมากเกินไปและฉินอวี้โม่ถึงกับต้องสับสนไปชั่วขณะ
บางครั้งบางครา การโจมตีของผู้อาวุโสหลานเกือบเข้ามาถึงตัวของฉินอวี้โม่ อย่างไรก็ตาม นางอาศัยประสบการณ์การต่อสู้และข้อได้เปรียบด้านความเร็วจนสามารถหลบหลีกได้ทันเวลา
“มารยา ข่ายอาคมของเจ้าพร้อมรึยัง?”
ฉินอวี้โม่หลบหลีกการโจมตีของผู้อาวุโสหลานในขณะที่สื่อสารกับมารยา
“นายหญิง ไม่ต้องห่วง อีกสักหนึ่งก้านธูปข่ายอาคมของข้าก็จะพร้อมสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้น ชายแก่นี่จะต้องเผชิญกับความเสียหายเป็นแน่”
มารยายิ้มพร้อมกล่าวยืนยันทว่ามือทั้งสองของมันยังคงขยับอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนเพื่อเตรียมข่ายอาคมขนาดใหญ่
บัดนี้มารยาอยู่ในสภาวะล่องหนและฉินอวี้โม่ก็สามารถล่องหนเพื่อตอบโต้ผู้อาวุโสหลานได้ เพียงแต่นางไม่ทำเช่นนั้นเพราะต้องการดึงดูดความสนใจของเขามาที่นาง
“มังกรอัสนี เต่ามังกร ออกมาช่วยข้าเร็วเข้า”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนเรียกเต่ามังกรและมังกรอัสนีซึ่งมีพลังป้องกันที่ดีที่สุดออกมา
มังกรอัสนีและเต่ามังกรปรากฏข้างกายฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว ทว่าทันทีที่พวกมันปรากฏตัว ทั้งสองก็เริ่มใช้ทักษะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเอง
มังกรอัสนีและเต่ามังกรต่างก็มีกระบวนท่าที่โจมตีออกเป็นวงกว้าง พวกมันจึงไม่เกรงกลัวว่าการโจมตีของตนเองจะไม่โดนตัวผู้อาวุโสหลานซึ่งกำลังใช้ทักษะล่องหนอยู่
พวกมันต่างก็โจมตีกวาดออกไปรอบทิศ
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมาพร้อมกับร่างหนึ่งที่กระเด็นออกไปเพราะลมหายใจน้ำแข็งของเต่ามังกร
“ฮ่าๆๆ ฉินอวี้โม่ อสูรสองตัวนี้ยังไม่พอหรอก ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีกองทัพอสูรและมีอสูรคู่กายที่มีเพลิงจักรพรรดิ ทำไมไม่เรียกพวกมันออกมาให้ข้าชมสักหน่อยล่ะ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสหลานไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เต่ามังกรและมังกรอัสนีไม่ได้สร้างความกดดันใดๆต่อเขา ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่ต้น เขายังไม่ได้เรียกอสูรมายาของตนเองออกมาเลย
มันเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสหลานจะไม่มีอสูรมายาที่ทรงพลัง
“ฮ่าๆๆ เพื่อที่จะจัดการกับเจ้า ไม่จำเป็นต้องถึงมือพี่ซิวหรอก”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะเอ่ยตอบ เสียงของมารยาก็ดังขึ้นตอบโต้ทันควัน จากนั้นผู้อาวุโสหลานก็สัมผัสถึงพลังผันผวนอันแรงกล้า
“ข่ายอาคมสี่มังกรชิงแก้ว!”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากมารยา จากนั้นทั้งสี่ทิศทางของผู้อาวุโสหลาน ไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกก็มีมังกรขนาดมหึมาก่อตัวเป็นพลังมายาปรากฏขึ้นในแต่ละทิศและโจมตีตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของผู้อาวุโสหลานเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยและเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังจากข่ายอาคมสี่มังกรชิงแก้ว
“เหอะ มีพลังเพียงขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุด แต่บีบบังคับให้ข้าต้องใช้ไพ่สำคัญได้ เป็นอย่างที่คาดไว้ สมกับที่เป็นเทพมายาคนใหม่จริงๆ!”
ผู้อาวุโสหลานแค่นเสียงเย็นชาและไม่กล้าประมาทอีกต่อไป จากนั้นเขาจึงเรียกอสูรมายาของตนเองออกมาโดยตรง
โร่วววว!
เสียงคำรามอย่างดุดันดังขึ้น จากนั้นสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรและกิ้งก่าตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นถัดจากผู้อาวุโสหลานโดยที่มันมีขนาดไม่ใหญ่นักทว่าดูโหดเหี้ยมและดุร้ายอย่างมาก
“นั่นมัน กิ้งก่าทรราช!”
ทันทีที่อสูรมายาของผู้อาวุโสหลานปรากฏตัว มังกรอัสนีก็รู้สึกถึงแรงกดดันของสิ่งมีชีวิตที่เหนือชั้นยิ่งกว่า เมื่อได้เห็นอย่างชัดเจน มันก็จดจำได้ในทันที
นี่คือกิ้งก่าทรราช—เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งของเผ่ามังกร ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันทรงพลังอย่างที่สุด สิ่งสำคัญก็คือกิ้งก่าทรราชเป็นสายพันธุ์ที่ดุร้ายอย่างยิ่งและพลังการต่อสู้ของมันแกร่งกล้ากว่าอสูรมายาประเภทมังกรทั่วไป ต่อให้เป็นมังกรทองสามเล็บก็ยังต้องหวาดหวั่นต่อกิ้งก่าทรราชนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่ากิ้งก่าทรราชของผู้อาวุโสหลานมีพลังในระดับเซียน
แม้ว่าข่ายอาคมสี่มังกรชิงแก้วที่ถูกเรียกมาจะเป็นมังกรมายาทั้งหมด ทว่าต่อหน้าแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ของกิ้งก่าทรราช พวกมันก็ได้รับผลกระทบไปพอสมควร
ตู้ม!
ด้วยเสียงดังสนั่น มังกรมายาทั้งสี่ก็พุ่งตรงเข้าโจมตีกิ้งก่าทรราชโดยตรง
โร่วววว!
อย่างไรก็ตาม กิ้งก่าทรราชไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มันเพียงส่งเสียงคำรามดังสนั่นออกมา จากนั้นมังกรมายาทั้งสี่ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เหอะ ก็แค่มังกรปลอมสี่ตัว เมื่อเผชิญกับกิ้งก่าทรราชของข้า พวกมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมดปลวก”
ผู้อาวุโสหลานแค่นเสียงอีกครั้งก่อนกล่าว “กิ้งก่าทรราช แสดงอิทธิฤทธิ์ให้พวกอสูรต่ำต้อยเหล่านี้ได้เห็นว่าเจ้าแกร่งกล้าเพียงใด!”
กิ้งก่าทรราชพยักหน้ารับคำก่อนส่งเสียงคำรามยาวและพุ่งตรงไปโจมตีมังกรอัสนีและเต่ามังกร
สำหรับผู้อาวุโสหลาน ร่างของเขาก็กลายเป็นภาพพร่ามัวก่อนหายวับและปรากฏกายขึ้นมาตรงหน้าฉินอวี้โม่
อดีตนักฆ่าสาวขมวดคิ้วมุ่นและร่างของนางก็พร่ามัวขณะเข้าสู่สภาวะล่องหน
ยอดฝีมือในขอบเขตเซียนผู้นี้รับมือได้ยากจริงๆ ข่ายอาคมสี่มังกรชิงแก้วเมื่อครู่ หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในขอบเขตจ้าวสุริยะขั้นสูงสุด มันจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆต่อผู้อาวุโสหลานและกิ้งก่าทรราชของเขา ช่องว่างความแตกต่างด้านพลังช่างมากมายจริงๆ
“ฉินอวี้โม่ คิดรึว่าการที่เจ้าล่องหนเช่นนี้แล้วข้าจะมองไม่เห็นเจ้า?”
ผู้อาวุโสหลานกล่าวขึ้นเบาๆ จากนั้นฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่เหวี่ยงเข้ามาอย่างจัง
ผลัวะ!
ฉินอวี้โม่ถูกฝ่ามือของผู้อาวุโสหลานฟาดอย่างแรงจนกระเด็นออกไปและกระอักเลือดคำโต
อย่างไรก็ตาม ด้วยการป้องกันจากเกราะเพลิงจักรพรรดิของซิว นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
“นายหญิง พลังของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป ข่ายอาคมล่องหนที่ข้าใช้กับท่านเมื่อครู่ไม่ส่งผลใดต่อเขาเลย”
เสียงของมารยาดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงที่กังวลอย่างเห็นได้ชัด
“นายหญิง จิตวิญญาณของกิ้งก่าทรราชแกร่งกล้าเกินไป ข้าควบคุมมันไม่ได้”
เสียงของพลับพลึงแดงก็ดังขึ้นในโสตประสาทของนางเช่นกัน เมื่อครู่นี้มันพยายามควบคุมกิ้งก่าทรราช ทว่าก็พบว่ามันเปล่าประโยชน์
“เสี่ยวหง อาไป๋ เพลิง อสูรเสริมร่าง!”
ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นและกลืนโอสถเม็ดหนึ่งก่อนออกคำสั่งให้อสูรทั้งสามที่ต้องการออกมาช่วยอยู่แล้ว
หงส์แดงและอสูรทั้งสองเริ่มแปลงร่างอย่างรวดเร็วโดยหงส์แดงกลายร่างเป็นหอกและเพลิงกลายเป็นรองเท้าในขณะที่อาไป๋กลายเป็นกริชเล่มงามที่เหน็บอยู่ข้างเอว
“ราชาเขาเงิน เสี่ยวจิ่ว ม่อเสีย เข้าไปช่วยมังกรอัสนีกับเต่ามังกร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ราชาเขาเงิน เสี่ยวจิ่วและม่อเสียก็ไม่รอช้าขณะตรงเข้าไปช่วยอสูรทั้งสองทันที
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าขอบเขตเซียนจะแข็งแกร่งกว่าขอบเขตจ้าวพิภพขั้นสูงสุดมากเพียงนั้น!”
ฉินอวี้โม่ชำเลืองมองผู้อาวุโสหลานด้วยแววที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ร่างของนางพุ่งตรงออกไปปรากฏถัดจากคู่ต่อสู้ที่ยังไม่ทันจะได้เข้าสู่สภาวะล่องหนและจ้วงแทงหอกตรงไปที่เขาทันที
“อย่ามั่นใจเกินไปนัก!”
ผู้อาวุโสหลานไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ถอยหลังออกไปและไม่ได้หยิบอาวุธออกมาด้วยซ้ำ
เมื่ออาวุธของฉินอวี้โม่กำลังจะถึงร่างของเขา โล่ป้องกันสีดำทะมึนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าและครอบงำเขาไว้ภายใน
ไม่ว่าฉินอวี้โม่โจมตีอย่างไร โล่ป้องกันดังกล่าวก็ไม่มีทีท่าว่าจะเสียหายหรือพังทลาย
“เหอะ ลิ้มรสกระบี่นภาเพลิงของข้าดูเถอะ!”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชาและเพลิงพุ่งสูงกลายเป็นกระบี่สั้นเล่มหนึ่ง มันหลอมรวมเข้ากับกริชที่ก่อตัวขึ้นโดยอาไป๋และจ้วงแทงตรงไปยังแนวป้องกันของผู้อาวุโสหลาน
ผู้อาวุโสหลานก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน เขาไม่คิดว่าฉินอวี้โม่จะทำลายการป้องกันของเขาได้
เพียงแต่อาวุธที่มาจากเพลิงของซิวนั้นไร้เทียมทาน กอปรกับกริชจากอาไป๋ แน่นอนว่ามันจะต้องฝ่าผ่านแนวป้องกันของผู้อาวุโสหลานและจ้วงเข้าไปถึงร่างของเขาได้โดยตรง
“เหอะ ช่างรับมือยากจริงๆ!”
ผู้อาวุโสหลานแค่นเสียงเย็นชาพร้อมกับคทาสีดำที่ปรากฏขึ้นในมือของเขาและขวางกั้นกระบี่ที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พรวด!”
อาไป๋กลับคืนร่างเดิมทันทีและกระอักเลือดคำโตออกมา
“นายหญิง อาวุธของเขาประหลาดยิ่งนัก!”
อาไป๋ดูอ่อนแอลงอย่างมาก ทว่ามันก็รีบรายงานความผิดปกติที่มันค้นพบทันที
“เจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะรับทราบ นางเองก็สัมผัสได้ว่าเมื่อครู่เหมือนจะมีพลังประหลาดบางอย่างจากคทาในมือของผู้อาวุโสหลาน
ตู้ม! ตู้ม!
อีกฟากหนึ่ง กิ้งก่าทรราชแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย มีเพียงเสียงสนั่นดังขึ้นอย่างชัดเจนก่อนที่มังกรอัสนีและอสูรอื่นๆจะถูกกระแทกกระเด็นออกมาอย่างแรง
มีเพียงเต่ามังกรเท่านั้นที่หลบซ่อนเข้าได้ในกระดองได้ทันเวลาและสามารถต้านทานการสะบัดหางของกิ้งก่าทรราชได้หลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่กิ้งก่าทรราชหันหัวกลับมา กลุ่มก้อนเพลิงก็พุ่งตรงไปทางเต่ามังกรอย่างรวดเร็วจนมันเริ่มหวาดหวั่น
“กิ้งก่าทรราชนี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
มังกรอัสนีและอสูรมายาตัวอื่นๆของฉินอวี้โม่อดถอนหายใจไม่ได้ ทว่าพวกมันทั้งหมดก็ไม่ได้หวั่นกลัวหรือยอมจำนน
“เจ้าพวกไม่เอาไหนทั้งหลาย มันก็แค่กิ้งก่าทรราช ปล่อยให้ถูกรังแกเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ทันใดนั้น น้ำเสียงชัดใสก็ดังขึ้นในโสตประสาทของอสูรมายาทุกตัวและรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกมันอย่างชัดเจน
“เหอะ ก็แค่กิ้งก่าทรราชตัวน้อย เศษสวะของเผ่ามังกร ริอาจทำตัวอวดดีที่นี่!”
เสียงที่หยิ่งทะนงดังขึ้นก่อนที่ร่างเล็กๆร่างหนึ่งจะปรากฏกายถัดจากฉินอวี้โม่
“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านจริงๆเลย”
มันยังคงมีสีหน้าท่าทางที่น่ารักน่าชัง ทว่าทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกโล่งใจทันทีที่ได้เห็น
.