ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ฉินอวี้โม่และซูน่านั่งลงตรงข้ามกัน
ซูน่ามองสตรีตรงหน้าด้วยความฉงนสนเท่ห์ นางต้องการรู้เรื่องราวความเป็นมาของฉินอวี้โม่อย่างยิ่ง
เมื่อมองเห็นสีหน้าท่าทางของซูน่า จู่ๆฉินอวี้โม่ก็รู้สึกประหม่าและกังวลใจเล็กน้อย
คุณหนูแห่งชนเผ่าเมฆาครามผู้นี้คือสหายคนแรกของนางในโลกมายาและก็เป็นคนที่นางชื่นชมอย่างมาก เมื่อได้สังเกตดูทัศนคติที่ผู้คนในโลกมายามีต่อเทพมายาคนก่อน นางก็ไม่มั่นใจว่าซูน่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากได้ทราบความจริง
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการปิดบังสิ่งใดจากสตรีตรงหน้า ทั้งสองผูกมิตรเป็นสหายที่ดีต่อกันและสักวันซูน่าก็ต้องทราบความจริง แทนที่จะรอให้เกิดความผิดใจหรือขัดคอกันในตอนนั้น นางควรเลือกที่จะบอกความจริงกับซูน่าเสียตั้งแต่ตอนนี้
หากซูน่ารับไม่ได้ นางก็จะไปจากที่นี่แต่โดยดี หากว่าซูน่าไม่สนใจ มันก็จะเป็นการดีที่สุด
“ซูน่า ข้ามีบางอย่างต้องบอกเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ข้าก็ไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับเจ้าอีกต่อไป”
ฉินอวี้โม่สบตาอีกฝ่ายและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเห็นสีหน้าความจริงจังของฉินอวี้โม่ ซูน่าก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกเรื่องสำคัญบางอย่าง นางจึงปรับอารมณ์ให้จริงจังมากขึ้นเช่นกันและอดรู้สึกกังวลเล็กน้อยไม่ได้
“ซูน่า ความจริงแล้วข้าไม่ใช่จอมยุทธ์ลึกลับที่เก็บตัวฝึกฝนอยู่ในที่ห่างไกล ทว่าข้ามาจากดินแดนอ้างว้าง”
ฉินอวี้โม่เริ่มต้นด้วยประโยคที่ทำให้ซูน่ากระโดดโหยงทันที
“ดินแดนอ้างว้างงั้นรึ? แล้วเจ้ามาทำอะไรในโลกมายาของเรารึ?”
สีหน้าแววตาของซูน่าบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ นางคาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะมาจากดินแดนอื่น
เมื่อฉินอวี้โม่มองเห็นปฏิกิริยาของซูน่า หัวใจของนางก็หล่นวูบทันที ท่าทางของอีกฝ่ายต่างจากที่นางคาดคิดไว้มาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากกล่าวจบ ซูน่าก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ นางมองไปรอบๆและเมื่อพบว่าตอนนี้ไม่มีคนอยู่รอบตัว นางก็รีบดึงมือฉินอวี้โม่เข้าไปในกระโจมที่พักของตนเอง
เรื่องนี้ทำให้นางตกใจอย่างที่สุด ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นล่วงรู้ได้ นางจึงพาฉินอวี้โม่ไปในที่ที่จะไม่มีผู้อื่นเข้ามาได้ยิน
ท่าทางของซูน่าทำให้ฉินอวี้โม่สับสนเล็กน้อย นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้ซูน่าคิดอย่างไร ทว่านางก็ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงมือตนเองเข้าไปในกระโจมแต่โดยดี
“หากมีคนข้างนอกนั่นมาได้ยินบทสนทนาของเราเข้า มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้”
ซูน่ากล่าวพร้อมผายมือส่งสัญญาณให้ฉินอวี้โม่นั่งลงและปรับอารมณ์ของตนเองเล็กน้อย
“ขอโทษด้วย ข้าแค่ตื่นเต้นเกินไปหน่อย อย่างที่เจ้าก็รู้ มีคนนอกเข้ามาในโลกมายาของเราเพียงน้อยนิดเท่านั้น นั่นคือสาเหตุที่ข้ามีปฏิกิริยาเช่นนี้เมื่อได้ยินว่าเจ้ามาจากดินแดนอ้างว้าง”
ซูน่าเอ่ยขึ้นก่อนขอโทษขอโพยต่อฉินอวี้โม่ นางเพียงแสดงปฏิกิริยาออกไปโดยสัญชาตญาณเท่านั้น มิใช่เพราะไม่พอใจหรือรู้สึกอื่นใดกับเรื่องนี้
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางกังวลใจ
“ซูน่า เข้าไปในคฤหาสน์มิติของข้าก่อนเถอะ เราจะได้พูดคุยกันสะดวกๆ”
ฉินอวี้โม่หยิบคฤหาสน์เฟิงหัวออกมาและบอกให้ซูน่าเข้าไปพร้อมกับนาง
ซูน่าไม่รอช้าและจับมือฉินอวี้โม่ก่อนมุ่งหน้าตรงเข้าไปในคฤหาสน์ที่ดูมีขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว
ในฐานะคุณหนูใหญ่ของชนเผ่า แน่นอนว่านางเคยได้ยินเกี่ยวกับคฤหาสน์มาก่อน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นมัน
เมื่อเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัว ความรู้สึกหลากหลายอย่างก็ถาโถมเข้ามาในใจซูน่าทันที คฤหาสน์เฟิงหัวแห่งนี้งดงามอย่างแท้จริงและมันไม่เหมือนอาคารสิ่งปลูกสร้างใดๆที่นางเคยพบเห็นมา หากฉินอวี้โม่ไม่พานางเข้ามา นางก็คงไม่รู้ว่ามีคฤหาสน์ที่งดงามและประณีตถึงเพียงนี้อยู่
ฉินอวี้โม่รินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้ซูน่าและนั่งลงในห้องโถง
“ขอโทษด้วยที่ข้าปิดบังความจริงจากเจ้าก่อนหน้านี้ ข้ากังวลว่าหากบอกเรื่องนี้ไป เจ้าจะรับความจริงไม่ได้ ตอนนี้เมื่อเราต้องการจะกลายเป็นสหายที่จริงใจต่อกัน ข้าจึงไม่อาจปิดบังเรื่องนี้จากเจ้าได้อีก”
ฉินอวี้โม่กล่าวเชิงขอโทษก่อนเล่าเรื่องราวต่อ “ข้ามาจากดินแดนอ้างว้างและจุดประสงค์ของการมาโลกมายาครานี้คือหอคอยสูงในเมืองมายา ที่นั่นมีบางอย่างที่จะปลดผนึกที่สองในร่างกายของข้าได้และ…ข้าก็คือเทพมายาคนใหม่”
ซูน่าเพิ่งใจเย็นลงได้หลังจากความตกใจเมื่อครู่ ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องนี้อีก นางก็ต้องตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
‘เทพมายาคนใหม่’ นี่เป็นคำที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง
เทพมายาคือตัวตนในระดับสูงสุดในโลกมายาของพวกนาง หากปราศจากเทพมายา ก็อาจจะไม่มีโลกมายาอย่างในทุกวันนี้ได้ บัดนี้เมื่อได้รู้ว่าสหายจากต่างแดนคือเทพมายาคนใหม่ ซูน่าถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออกทันที
ฉินอวี้โม่ไม่ได้กังวลกับปฏิกิริยาของซูน่าอีกต่อไปและค่อยๆเล่าเรื่องราวที่ผ่านๆมา
เมื่อซูน่าได้ยินว่าฉินอวี้โม่เคยเป็น ‘ขยะไร้ค่า’ และถูกเหยียดหยามรังแกอยู่เป็นประจำ นางก็อดรู้สึกโกรธแค้นแทนไม่ได้ และเมื่อได้ยินเรื่องความรักลึกซึ้งจับใจระหว่างฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ นางก็รู้สึกประทับใจอย่างที่สุด ทว่าเมื่อได้รู้อีกว่าฉินอวี้โม่และบิดามารดาไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตามาเนิ่นนานนั้น นางก็ต้องรู้สึกเห็นใจ และเมื่อได้ฟังประโยคทิ้งท้ายของหานโม่ฉือเพื่อช่วยให้ฉินอวี้โม่ปลอดภัย ซูน่าก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉินอวี้โม่ก็ได้เล่าเรื่องราวโดยรวมให้ซูน่าได้เข้าใจ
และภายในเวลาหนึ่งก้านธูป อารมณ์ความรู้สึกของซูน่าก็ปรับตัวเข้าที่และความฉงนสนเท่ห์ในตอนแรกก็หายไปทั้งหมดแล้ว
นางรินน้ำลงแก้วและยื่นให้ฉินอวี้โม่จิบน้ำก่อน
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธและเข้าใจว่าซูน่าต้องทำใจเพื่อเข้าใจและยอมรับเรื่องราวมากมายเช่นนี้
“อวี้โม่ บอกตามตรง หากเจ้าไม่บอกข้า ข้าก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าตัวตนแท้จริงของเจ้าจะซับซ้อนถึงเพียงนี้”
ขณะถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ซูน่าก็จับมือฉินอวี้โม่ไว้และยิ้มให้ “ทว่าเราก็เป็นสหายกันและข้าก็เป็นสหายคนแรกของเจ้าในโลกมายาแห่งนี้ ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเป็นอย่างไรและมีจุดประสงค์ใด ตราบใดที่เจ้าจริงใจต่อชนเผ่าเมฆาครามของเรา จริงใจต่อครอบครัวและสหายของข้า และมองข้าเป็นสหายที่ดีของเจ้า ข้าก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใด”
ปฏิกิริยาตอบสนองในตอนแรกเป็นเพียงความตกใจที่มากเกินไป ความเป็นจริงแล้วซูน่าไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่เป็นอย่างไร
นางเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาและตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นางก็ผูกมิตรสนิทสนมกับฉินอวี้โม่มากขึ้นและรู้สึกว่าฉินอวี้โม่ก็เป็นหนึ่งในสหายที่ดีที่สุดของนาง
ตราบใดที่ฉินอวี้โม่ผู้นี้ไม่ทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายหรือคิดร้ายต่อชนเผ่าเมฆาคราม นางก็ไม่สนใจว่าแท้จริงแล้วจอมยุทธ์จากต่างถิ่นผู้นี้เป็นใคร
ฉินอวี้โม่ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้รู้ว่าซูน่าคิดอย่างไร โชคดีเหลือเกินที่นางไม่เสียสหายผู้นี้ไปเพราะความจริงที่ปิดบังไว้
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เจ้าอาจจะไม่รู้ ผู้คนในโลกมายาของเราแตกต่างไปจากเดิมมากและเจ้าเป็นเทพมายาคนใหม่ ตอนนี้เรื่องของเทพมายาเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในโลกมายาของเรา หากมีผู้ใดรู้ตัวตนนี้ของเจ้า อาจจะมียอดฝีมือหลายคนที่ต้องการไล่ล่าจับตัวเจ้าด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีใครที่ปกป้องเจ้าได้”
เมื่อพิจารณาตัวตนของฉินอวี้โม่ ซูน่าก็เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
ตัวตนของฉินอวี้โม่ละเอียดอ่อนมากเกินกว่าจะเปิดเผยออกไป
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆ นางเข้าใจในความจริงข้อนี้ ทว่ายังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าโลกมายาแห่งนี้สร้างขึ้นโดยเทพมายาคนก่อนหรือ แล้วเหตุใดทุกวันนี้มันจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามสิ่งที่สงสัยที่สุดด้วยความหวังว่าซูน่าจะสามารถอธิบายให้ตนเองเข้าใจได้
“อวี้โม่ เจ้าอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้… หากเจ้ามาที่นี่เมื่อร้อยปีก่อน เจ้าจะได้รับความเคารพจากทุกคนอย่างแน่นอน การปลดผนึกที่สองที่เจ้าตามหาก็จะเป็นไปได้ง่ายกว่านี้มาก โชคร้ายที่เจ้ามาถึงในตอนนี้ซึ่งสถานการณ์มันยากลำบากกว่าเดิมมาก และหากตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยออกไป เจ้าก็อาจจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีก”
ซูน่าทอดถอนหายใจและอธิบายกับฉินอวี้โม่
ผู้คนของโลกมายาในอดีตยึดมั่นว่าเทพมายาเป็นผู้ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ที่ทุกคนเคารพเทิดทูนสูงสุด อย่างไรก็ตาม เมื่อร้อยปีก่อนมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งบุกรุกเข้ามาในโลกมายา
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคนที่แข็งแกร่งเหล่านั้นคือสตรีงดงามที่มีพลังแกร่งกล้าและมีความโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นนางสังหารผู้ที่รับผิดชอบดูแลโลกมายาด้วยตัวเองและให้คนของนางรับหน้าที่แทน จากนั้นนางก็ประกาศกับทุกคนว่าเทพมายาไม่ใช่เทพเจ้าของโลกมายาอีกต่อไป ทว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของโลกมายา ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้จงรักภักดีต่อเทพมายาหรือมองนางเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป มิฉะนั้นคนผู้นั้นจะกลายเป็นศัตรูของโลกมายาและทุกอย่างจะลงเอยด้วยความสิ้นหวัง
สตรีผู้นั้นทรงพลังอย่างยิ่งและอย่างน้อยก็มีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุด บรรดาคนที่มากับนางก็ทรงพลังมากเช่นกันและผู้ที่อ่อนแอที่สุดน่าจะเป็นฉินส่าวชิง—เจ้าเมืองเพลิงมายาคนปัจจุบัน
แม้ว่าขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายจะไม่พอใจ พวกเขาก็จำต้องยอมจำนนภายใต้อำนาจที่แข็งแกร่งของคนเหล่านั้น
เพราะเหตุนั้นในตอนนี้เทพมายาจึงกลายเป็นคำพูดต้องห้ามในโลกมายาไปเสียแล้ว และไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงชื่อนี้อีกเลย
ฉินเหยียน—เจ้าเมืองมายาผู้รับผิดชอบดูแลโลกมายาในปัจจุบันก็เป็นลูกน้องของสตรีผู้นั้นเมื่อร้อยปีก่อนซึ่งเป็นยอดฝีมือในขอบเขตเซียนขั้นเก้าและตอนนี้ก็อาจจะทะลวงพลังไปถึงขอบเขตพสุธาเซียนแล้ว
เมื่อได้ยินเรื่องราวจากซูน่า ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาตัวตนของสตรีผู้นั้นได้ทันที หากคิดไม่ผิด คนเหล่านั้นที่บุกมาที่โลกมายาเมื่อร้อยปีก่อนน่าจะเป็นบุคคลทรยศจากเมื่อพันปีก่อน
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในโลกมายาทุกวันนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว ฉินอวี้โม่จะต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นไม่ว่าทำสิ่งใดในภายภาคหน้า
“ซูน่า จากสิ่งที่เจ้าเล่ามา ในอดีตทุกคนต่างก็เชื่อมั่นในตัวเทพมายา แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะเข้าครอบงำโลกมายาเมื่อร้อยปีก่อนก็น่าจะยังมีผู้คนที่เคารพเทพมายาหลงเหลืออยู่ไม่ใช่รึ ข้าคิดถูกหรือไม่?”
หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสั้นๆ ฉินอวี้โม่ก็ได้ผลสรุปเช่นนี้ออกมา
ในโลกมายาแห่งนี้จะต้องมีคนที่ยังเคารพต่อเทพมายา พวกเขาเพียงซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในจิตใจ
ซูน่าพยักศีรษะเมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่
“เจ้าคิดถูกแล้ว คนส่วนใหญ่ในโลกมายาเคารพนับถือเทพมายาอย่างแท้จริงทว่าไม่กล้าแสดงมันออกมา อย่างชนเผ่าเมฆาครามของเราก็เป็นขุมกำลังที่เคารพเทพมายาเป็นที่สุด เพียงแต่เราจะแสดงออกไปไม่ได้และต้องซ่อนไว้เพื่อปกป้องตัวเอง”
นางไม่ปิดบังหรือโกหกฉินอวี้โม่ ชนเผ่าเมฆาครามเชื่อมั่นและเคารพเทพมายาอยู่อย่างลับๆ ทว่าด้วยความเกรงกลัวต่อพลังอำนาจของเจ้าเมืองมายา พวกเขาจึงเปิดเผยมันออกไปไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยอมจำนนต่อสตรีผู้นั้นโดยสมบูรณ์และเชื่อฟังฉินเหยียนผู้เป็นเจ้าเมืองมายาอย่างแท้จริง”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆ ไม่ว่าเมื่อใดหรือที่ใดก็ย่อมมีผู้ทรยศปะปนอยู่เสมอ นางเข้าใจสัจธรรมข้อนี้เป็นอย่างดี
หลังจากสนทนาเรื่องนี้ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรต่อไปและทั้งห้องโถงก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด
.