ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆ อันที่จริงนี่คือสิ่งที่นางต้องการทำมานานแล้ว ทว่าเนื่องจากมีสิ่งต่างๆที่ทำให้เกิดการล่าช้าและวัตถุดิบบางอย่างก็หาได้ยากอย่างยิ่ง สิ่งที่นางตั้งใจไว้จึงถูกเลื่อนออกไป
“ท่านลุงจู ท่านลุงซู ท่านช่วยข้าหาของสามสิ่งได้รึไม่? ข้าคิดว่าถึงเวลาต้องปรับปรุงพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวของข้าแล้ว”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ จูเฟยชวี่และซูชิงก็ตะลึงไปเล็กน้อยก่อนกลายเป็นสีหน้าแห่งความสงสัยใคร่รู้
พวกเขารู้ว่าถึงแม้คฤหาสน์เฟิงหัวในปัจจุบันจะทรงพลังมาก คุณสมบัติและการใช้งานของมันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากกับเหมือนก่อนอีกแล้ว เพราะเหตุนั้นการที่ฉินอวี้โม่เตรียมการเพื่อเสริมพลังอำนาจให้กับมันจึงมิใช่เรื่องแปลก
สิ่งที่พวกเขาใคร่รู้คือการเปลี่ยนแปลงใดจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก
คฤหาสน์เฟิงหัวในเวลานี้น่าทึ่งมากอยู่แล้ว หากมันได้รับการพัฒนาเสริมขึ้นอีก พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าคฤหาสน์มิตินี้จะออกมาเป็นอย่างไร
“สามสิ่งที่เจ้าต้องการให้เราตามหาคือสิ่งใดรึ?”
ซูชิงเอ่ยขึ้นก่อนเพื่อถามว่าของสามสิ่งที่ฉินอวี้โม่ต้องการให้พวกเขาช่วยตามหานั้นคือสิ่งใด
“หยกขาวพันปี แก่นมายาโลหะของอสูรเซียนขั้นเก้า และผลึกหัวใจมายา”
ฉินอวี้โม่กล่าวถึงของสามสิ่งที่นางยังหาไม่ได้ด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
นางเริ่มตามหาวัตถุดิบเหล่านี้มานานแล้ว ทว่ากลับไม่พบเบาะแสใดๆเลย
แก่นมายาของอสูรเซียนขั้นเก้าทั่วไปหาได้ง่าย ทว่าแก่นมายาที่มีคุณสมบัติโลหะนั้นพบได้ยากอย่างยิ่ง ในขณะที่หยกขาวพันปีและผลึกหัวใจมายาก็พบได้ยากยิ่งกว่า
แม้ว่าฉินอวี้โม่ขอความช่วยเหลือจากซูชิงและจูเฟยชวี่ นางก็เข้าใจว่าการตามหาสิ่งเหล่านี้ต้องใช้โอกาสและโชคพอสมควร เพราะเหตุนั้นนางเพียงต้องการถามหาเบาะแสจากคนทั้งสอง
“บังเอิญจริงเชียว ข้ามีแก่นมายาโลหะของอสูรเซียนขั้นเก้าอยู่ชิ้นหนึ่งพอดี เมื่อกลับไปที่ชนเผ่า ข้าจะนำมันมาให้เจ้าด้วยตัวเอง”
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินอวี้โม่ จูเฟยชวี่ก็กล่าวในสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย
ภายในชนเผ่าวิหคโบยบินมีแก่นมายาโลหะของอสูรเซียนขั้นเก้าเก็บไว้ซึ่งบรรพบุรุษของชนเผ่าได้มันมาโดยบังเอิญ จากนั้นมันก็ถูกเก็บซ่อนไว้ในคลังสมบัติของชนเผ่าวิหคโบยบิน มันถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่าก็มิได้มีประโยชน์ใช้งานกับพวกเขาแต่อย่างใด
บัดนี้เมื่อฉินอวี้โม่สามารถใช้ประโยชน์จากมัน แน่นอนว่าจูเฟยชวี่ไม่ลังเลและตัดสินใจจะมอบมันให้กับนางทันที
“ดีเลย ขอบคุณท่านลุงจูมาก”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะหงึกหงักอย่างมีความสุข ไม่คิดเลยว่าของสิ่งแรกที่ตามหามานานจะได้มาอย่างง่ายดายเพียงนี้
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก สำหรับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อชนเผ่าวิหคโบยบินตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ต่อให้ต้องมอบทั้งชนเผ่าให้กับเจ้า ข้าก็เต็มใจ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคือเทพมายาคนใหม่ซึ่งมีสถานะเป็นนายหญิงของพวกเรา ยิ่งได้เห็นเจ้าแข็งแกร่งและเติบโตขึ้นเท่าไหร่ เราทุกคนก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น”
จูเฟยชวี่ยิ้มกว้างทว่าไม่ยอมรับคำขอบคุณจากฉินอวี้โม่ ตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ เกียรติยศของฉินอวี้โม่ในชนเผ่าวิหคโบยบินเหนือกว่าเขาที่เป็นผู้นำเสียอีก หากเขาไม่ได้ทราบมาก่อนว่าฉินอวี้โม่ไม่มีความสนใจในการขึ้นครองตำแหน่งเป็นผู้นำ เขาก็คงมอบตำแหน่งนั้นให้นางไปนานแล้ว
“ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหยกขาวพันปีมาก่อนและสำหรับผลึกหัวใจมายานั้น ข้าก็ไม่มีเบาะแสเลย”
จูเฟยชวี่ส่ายศีรษะอีกครั้ง เขาไม่มีเบาะแสใดเกี่ยวกับหยกขาวพันปีและผลึกหัวใจมายาแม้แต่น้อย
“ข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องของหยกขาวพันปี ทว่าข้าพอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับผลึกหัวใจมายาอยู่บ้าง”
ซูชิงยังมิได้เอ่ยสิ่งใด ทว่านั่นเป็นคำตอบจากซูวั่งชวนผู้ซึ่งฟังบทสนทนาทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นและอดเอ่ยออกมาไม่ได้
เมื่อได้ยินวาจาของซูวั่งชวน ทุกคนก็หันขวับไปหาเขาทันทีและรอให้เขาอธิบายเพิ่มเติม
“อวี้โม่ หากข้าจำไม่ผิด ผลึกหัวใจมายาจะถือกำเนิดในพื้นที่ที่มีพลังมายาหนาแน่นอย่างที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันว่าการที่ผลึกหัวใจมายาจะก่อตัวสมบูรณ์ต้องใช้เวลานับพันปี มันเป็นสิ่งของล้ำค่าอย่างยิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์มากมายต่างก็หมายปอง”
ซูวั่งชวนกล่าวถึงข้อมูลที่เขารู้เกี่ยวกับผลึกหัวใจมายาทันที
“ถูกต้อง นอกจากจะเป็นวัสดุสิ่งหลอมระดับสูง ผลึกหัวใจมายาก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกยุทธ์และความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ได้เป็นอย่างมาก เพราะเหตุนั้นมันจึงเป็นสมบัติที่ดึงดูดใจทั้งจอมยุทธ์และช่างหลอมมากมาย”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะ นางเองก็ทราบข้อมูลนี้เช่นกัน
กล่าวกันว่าผลึกหัวใจมายามีพลังมายาหนาแน่นอย่างเหนือธรรมชาติ หากว่าดูดซับมันได้ทั้งหมด มันจะส่งผลดีต่อผู้ฝึกยุทธ์เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าก็จะสามารถทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนซึ่งทรงพลังกว่าขอบเขตเซียนขั้นเก้าถึงนับพันเท่า
“เมื่อหลายทศวรรษก่อน ในช่วงเวลาที่ข้าเดินทางออกไปฝึกยุทธ์และหาประสบการณ์ ข้าบังเอิญผ่านเมืองวารีมายาและพบแหล่งของพลังมายาที่หนาแน่นในป่าอีกฟากหนึ่งของเมือง เดิมทีข้าตั้งใจจะฝึกยุทธ์อยู่ที่นั่นสักระยะ ทว่าเป็นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ข้าจึงต้องรีบกลับมา..
ในภายหลัง ข้าอยากกลับไปและตามหาที่นั่นอีกครั้งแต่ก็พบว่ามันหายสาบสูญไปอย่างลึกลับและไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ..
เพราะเหตุนั้นข้าจึงมุ่งหน้าไปที่เมืองวารีมายาและสืบหาความจริงก่อนพบเบาะแสว่าเคยมีผลึกก้อนใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในสถานที่ที่หนาแน่นไปด้วยพลังมายาแห่งนั่น ทว่าหลังจากที่ใครบางคนยึดเอาผลึกนั้นไป พลังมายาในบริเวณนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย..
แน่นอนว่าข้าก็อยากรู้ยิ่งนักว่าสิ่งนั้นคืออะไร และหลังจากสืบสวนต่อไป ข้าก็ได้เบาะแสมาเล็กน้อยและพบว่าผลึกก้อนนั้นก็คือผลึกหัวใจมายาในตำนานนั่นเอง ส่วนผู้ที่ได้ครอบครองผลึกนั้นไปก็คือฉินเฟิง—เจ้าเมืองวารีมายา”
ซูวั่งชวนไม่รอช้าและอธิบายทุกอย่างให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบทันที
ในตอนแรกเขาได้เบาะแสโดยบังเอิญ และหากเขาเข้าใจไม่ผิด มีคนทราบเรื่องนี้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ดูเหมือนว่าฉินเฟิงพยายามปกปิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นและควบคุมไม่ให้ข้อมูลแพร่งพรายออกไป
ซูวั่งชวนมิใช่คนประเภทที่จะสร้างความวุ่นวาย แม้ทราบว่าผลึกหัวใจมายาอยู่ในการครอบครองของฉินเฟิง เขาก็เพียงแต่ถอนหายใจกับความจริงที่ว่าตนเองไม่ได้มีโชคชะตาร่วมกับผลึกหัวใจมายาดังกล่าวและลืมเลือนเรื่องนั้นไป
บัดนี้หากไม่ใช่เพราะฉินอวี้โม่กล่าวถึงมันอย่างกะทันหัน เขาก็คงไม่นึกถึงมันด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินว่าผลึกหัวใจมายาอยู่ในการครอบครองของฉินเฟิงผู้เป็นเจ้าเมืองวารีมายา ทุกคนก็ตกตะลึงเล็กน้อย
“ท่านพ่อ แต่นั่นก็ผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว เป็นไปได้รึไม่ว่าฉินเฟิงได้ดูดซับพลังในผลึกนั่นไปจนหมดและส่งผลให้ผลึกหัวใจมายานั่นสลายหายไปแล้ว?”
ซูชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก
“ไม่หรอก แม้ว่าจะมีพลังมหาศาลอยู่ในผลึกหัวใจมายา การดูดซับมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าฉินเฟิงจะมิใช่คนอ่อนแอ ทว่าเขาก็ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะดูดซับพลังงานทั้งหมดไปได้”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะและเอ่ยตอบทันที
นางทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลึกหัวใจมายานี้พอสมควร แน่นอนว่านางเข้าใจดีว่าพลังงานในผลึกหัวใจมายานี้ทรงพลังเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้น จากข้อมูลที่มี หากผลึกหัวใจมายานี้ถูกใช้อย่างเหมาะสม มันจะไม่มีวันสลายหายไป เพราะเหตุนั้นหากว่าฉินเฟิงมีมันอยู่ในครอบครองจริง มันก็ต้องยังอยู่กับเขา
“ทว่าหากฉินเฟิงมอบมันให้ฉินเหยียนแล้วล่ะ?”
ซูน่าอดพึมพำข้อสงสัยออกมาไม่ได้ นางเองก็สงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าผลึกหัวใจมายาที่กล่าวถึงนี้เป็นอย่างไร
“ไม่มีทางหรอก พวกเราต่างก็ทราบความสัมพันธ์ระหว่างฉินเฟิงและฉินเหยียนดี เขาไม่เห็นฉินเหยียนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำและไม่ยอมมอบของล้ำค่าเช่นนั้นให้นางแน่”
จูเฟยชวี่กล่าวค้านความคิดของซูน่าโดยตรง
“นั่นก็หมายความว่าผลึกหัวใจมายายังอยู่ที่ฉินเฟิง ตราบใดที่เราเอามันมาจากเขาได้ และหลังจากที่ได้พบหยกขาวพันปี คฤหาสน์เฟิงหัวของพี่อวี้โม่ก็จะได้รับการวิวัฒนาการ”
อาอู่อดกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและสงสัยใคร่รู้ไม่ได้
ทุกคนก็พยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความเห็นที่ตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ย
“ทว่าฉินเฟิงนั่นก็รับมือได้ไม่ง่ายเลย ข้าเคยพบเขาและคิดว่าเขาเป็นคนที่รับมือได้ยากยิ่งกว่าฉินเหยียนเสียอีก เพราะฉะนั้น หากเราอยากได้ผลึกหัวใจมายามาจากเขา เกรงว่ามันคงไม่ง่ายนัก”
ซูวั่งชวนกล่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนที่เคยพบกับฉินเฟิงในอดีต
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆพร้อมความรู้สึกประหลาดที่ผุดขึ้นในหัวใจของนางอย่างกะทันหัน
ฉินเฟิงผู้นี้ทำให้นางรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ยิ่งไปกว่านั้นนางมักรู้สึกว่าฉินเฟิงเป็นมิตรมิใช่ศัตรู อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับบรรดาผู้ทรยศ แล้วเหตุใดนางจึงรู้สึกเช่นนั้นได้?
จู่ๆฉินอวี้โม่ก็นึกอยากพบฉินเฟิงผู้นี้โดยเร็วที่สุดและไขข้อข้องใจที่ตนเองมี
“อวี้โม่ ผลึกหัวใจมายาอยู่ที่ฉินเฟิง เราต้องวางแผนการระยะยาวสำหรับเรื่องนี้ แต่ดูแล้วเราก็มีความหวังมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม เราไม่เคยได้ยินเรื่องหยกขาวพันปีมาก่อน มันคือสิ่งใดรึ?”
ซูชิงมองฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แก่นมายาโลหะของอสูรเซียนขั้นเก้าไม่ใช่ปัญหา และตราบใดที่คิดหาทางได้ ผลึกหัวใจมายาก็ไม่ไกลเกินเอื้อม อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหยกขาวพันปีมาก่อน
แน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับหยกขาวทั่วๆไป….หรือว่าหยกขาวพันปีนี้คือหยกขาวที่ดำรงอยู่มานานนับพันปี?
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆ ราวกับคาดเดาข้อสงสัยของทุกคนได้
“หยกขาวพันปีคือหยกขาวที่ก่อตัวขึ้นมานานนับพันปี”
หยกขาวพันปีคือสิ่งที่พบได้ยากอย่างยิ่ง ปกติแล้วหยกขาวจะมีคุณสมบัติในการดูดซับพลังฟ้าดิน ทว่าหากเป็นหยกขาวพันปีก็มีโอกาสสูงมากที่มันจะจำแลงร่างมนุษย์ได้ด้วยการดูดซับพลังอย่างต่อเนื่องนานนับพันปี
นั่นเหมือนกับมารยาซึ่งเป็นน้ำแข็งมานานนับพันปีและไป๋ฉี่จากหอคอยวิญญาณภายในดินแดนหวนหลิง
หยกขาวพันปีก็เป็นตัวตนที่คล้ายกับมารยาและไป๋ฉี่ นั่นหมายความว่ามันอาจจะจำแลงร่างมนุษย์ได้แล้วและไม่อาจทราบได้ว่ามันอยู่ที่ใด
ซูวั่งชวนและคนอื่นๆก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าว แม้ว่าพวกเขามีความรู้มากมาย พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เหลือเชื่อเช่นนี้มาก่อน
“แท้จริงแล้วมารยาก็เคยเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีอายุนานนับพันปีรึนี่..”
ซูน่าอ้าปากค้างด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน
มารยาที่ดูสมบูรณ์แบบผู้นี้ แท้จริงแล้วคือก้อนน้ำแข็งเยือกเย็นที่คงอยู่มานานนับพันปี สำหรับนางแล้วเรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างที่สุด
“นายหญิงพูดถูก หยกขาวพันปีน่าจะจำแลงร่างมนุษย์ได้แล้ว เพราะเหตุนั้นการตามหามันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”
ทันใดนั้น มารยาก็ปรากฏกายตรงหน้าทุกคนและกล่าวเสริมผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ไม่สงสัยสิ่งใดอีกต่อไป พวกเขาเชื่อว่าการตามหาหยกขาวพันปีที่ว่านี้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลยสักนิด
“นายหญิง ดูเหมือนว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของข้ากำลังจะมาถึงแล้ว”
เสียงของมารยาดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ซึ่งทำให้สีหน้าของฉินอวี้โม่ดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
.