คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 412 การลงทัณฑ์สายฟ้า

เมื่อได้ยินว่ากำลังจะเกิดการลงทัณฑ์สายฟ้าขึ้น สีหน้าของซูน่าและคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขาล้วนเคยได้ยินว่าอสูรมายาระดับสูงบางตัวจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าเมื่อวิวัฒนาการไปสู่ระดับเซียน แม้ว่าไม่เคยเห็นมันมาด้วยตาตัวเองมาก่อน ทุกคนก็ทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าเป็นอย่างดี บัดนี้เมื่อได้ยินว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยากำลังจะมาถึง เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้องรู้สึกกังวลใจ

“เราควรทำอย่างไร?”

ฉินอวี้โม่กระสับกระส่ายเล็กน้อย ทว่าเมื่อสงบจิตสงบใจลงได้ นางก็เอ่ยถามมารยาด้วยแววตาและน้ำเสียงที่เจือความกังวลทันที

“นายหญิง เป็นเพราะสภาวะร่างกายที่พิเศษของข้า การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ข้าต้องเผชิญจึงจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าอสูรมายาทั่วไป ทว่าหากหาสถานที่ที่มีพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่นได้ มันก็จะช่วยข้าได้มากเมื่อเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์สายฟ้า”

มารยากล่าวตอบทันที แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะเตรียมความพร้อมได้ ทว่าหากพบสถานที่ที่มีพลังมายาและพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่น มันก็จะมีส่วนช่วยให้อสูรสาวรับมือได้ง่ายขึ้นมาก

“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่เช่นนั้นมาก่อน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองวารีมายามีหอคอยน้ำแข็งอยู่ ที่นั่นมีอากาศเยือกเย็นและคุณสมบัติธาตุน้ำแข็งที่มหาศาล มันน่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเจ้ามาก”

ซูวั่งชวนเอ่ยขึ้นทันที เขาเคยผ่านไปที่นั่นมาก่อนและเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสมบัติน้ำแข็ง

“แต่มันจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนจากตำแหน่งปัจจุบันของเราไปถึงเมืองวารีมายา มารยาจะรอจนถึงตอนนั้นได้รึไม่?”

จูเฟยชวี่หันมองมารยาและเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว

เมืองเพลิงมายาตั้งอยู่ห่างจากเมืองวารีมายาพอสมควร ต่อให้มีสิ่งประหลาดผิดธรรมชาติอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว มันก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางถึงครึ่งเดือน

“ไม่มีปัญหา เราน่าจะยังมีเวลา”

มารยาพยักหน้าเบาๆ เมื่อทำการคำนวณแล้ว มันก็พบว่ายังมีเวลาอยู่พอสมควร

“ถ้างั้นเราก็รีบไปกันเถอะ เรื่องที่นี่ปล่อยให้ท่านลุงทั้งสองจัดการ”

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและเอ่ยออกไปทันที

นางและมารยาไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้น ทั้งสองจึงเป็นกังวลถึงเรื่องการหลงทางและการเสียเวลา ดังนั้นแน่นอนว่าพวกนางก็ต้องการให้ซูวั่งชวนไปด้วยกัน สำหรับเรื่องในเมืองเพลิงมายา จูเฟยชวี่และซูชิงยังต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการดูแลสถานการณ์โดยรวม เพราะเหตุนั้นนางจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นทุกคนก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

จูเฟยชวี่และซูชิงเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งสองจึงไม่รอช้าและพยักศีรษะตอบตกลง จากนั้นทั้งสองก็นำคนอื่นๆออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและแยกย้ายกันไปทำธุระต่างๆ

อาอู่และซูน่าก็เลือกที่จะติดตามฉินอวี้โม่ไป ทั้งสองก็อยากเห็นกับตาตนเองว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะเป็นอย่างไร

ฉินอวี้โม่และสหายใช้เวลาครึ่งเดือนในการขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวและในที่สุดทุกคนก็ปรากฏตัวในระยะขอบเขตของเมืองวารีมายา

ซูวั่งชวนสังเกตการณ์โดยรอบและระบุทิศทางหนึ่งก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว

“จริงด้วย ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยซึ่งทำให้รู้สึกสบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก”

แม้ยังไปไม่ถึง มารยาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่เข้ามาที่ร่างของมันซึ่งทำให้มันรู้สึกสบายอย่างที่สุด

“มารยา เจ้าจดจ่อกับการรับมือกับการลงทัณฑ์สายฟ้าไปเถอะ พวกเราจะคอยปกป้องและคุ้มกันให้เจ้าเอง”

หานอวี้และอสูรมายาตัวอื่นๆก็ปรากฏกายข้างมารยาด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อย พวกมันทั้งหมดรู้เรื่องความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าดี โดยเฉพาะกับมารยา การลงทัณฑ์สายฟ้านี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งสำหรับมัน ถึงอย่างไรมารยาก็เป็นอสูรธาตุน้ำแข็งและพลังธาตุสายฟ้าก็ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของมัน

ภายในพริบตา หมอกไอน้ำแข็งก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้าทุกคน จากนั้นร่างของมารยาก็พุ่งตรงไปปรากฏเหนือหมอกน้ำแข็งเหล่านั้นทันที

“เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีอสูรมายาอื่นใดโดยรอบ เจ้าสามารถข้ามผ่านหายนะนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องคอยพะวง”

หานอวี้แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบก่อนยืนยันได้ว่าไม่มีอสูรมายาตัวอื่นๆอยู่ในบริเวณนี้

“แต่ข้าเกรงว่าพลังของการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยาจะรุนแรงเกินไปและมันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ”

จินเย่าขมวดคิ้วและกล่าวออกมา ตอนที่มันเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า สายฟ้าของมันไม่ได้ทรงพลังมากนักและมันก็เรียกอสูรมายาจำนวนมากมาช่วยคุ้มกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ

“ไม่เป็นไร การที่มีพวกเราอยู่ที่นี่ ต่อให้ฉินเหยียนจะมาด้วยตนเอง พวกเราก็ยังคุ้มกันความปลอดภัยให้กับมารยาได้”

หลิวหยาและอสูรตัวอื่นๆพูดพร้อมกันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหนักแน่น  พวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นสหายร่วมทางและเป็นสหายที่ดีที่สุดต่อกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็จะช่วยคุ้มกันให้มารยาปลอดภัยอย่างแน่นอน

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว”

มารยายิ้มให้อสูรมายาทุกตัวก่อนนั่งลงพร้อมหลับตาและลอยตัวกลางอากาศ

ทันทีที่หลับตาลง มารยาก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป ทันใดนั้นกลุ่มเมฆมืดครึ้มก็ก่อตัวขึ้นมาซึ่งส่งผลให้บริเวณโดยรอบมืดลงทันที

ครืนนน!

เกิดเสียงดังลั่นและทุกชีวิตขมวดคิ้วทันที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวและน่าขนลุกเช่นนี้ การลงทัณฑ์สายฟ้านี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

เปรี้ยง!

แสงสว่างวาบขึ้นมาและทันใดนั้นสายฟ้าขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือเส้นหนาก็ผ่าลงมาที่ร่างของมารยาอย่างจังซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาอย่างที่สุด

มารยาไม่พยายามหลบหลีกแม้แต่น้อยทว่าม่านป้องกันโปร่งแสงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมันและช่วยขจัดพลังบางส่วนของสายฟ้าไป

แม้สายฟ้ากระทบลงบนม่านป้องกันและชะลอลงเล็กน้อย มันก็ยังทะลุผ่านไปถึงร่างของมารยาได้

สีหน้าของอสูรสาวไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย สายฟ้าเส้นแรกยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บใดๆ

“ไม่รู้เลยว่ามารยาจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้ากี่ขั้น”

หานอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะสายตาจับจ้องไปที่มารยา

“การลงทัณฑ์สายฟ้าถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่างๆงั้นรึ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็มองมาที่มันด้วยความสงสัยใคร่รู้

“นี่เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งอสูรมายาวิวัฒนาการไปมากเพียงใด การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ต้องเผชิญก็จะมากขึ้นเท่านั้น สำหรับข้า อย่างน้อยข้าก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าแปดขั้น และสำหรับพี่ซิวก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะมีเพียงสิบขั้นเท่านั้น สำหรับมารยา ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็จะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าหกขั้น”

สายตาของหานอวี้ยังคงจดจ่ออยู่ที่มารยาในขณะอธิบายให้กับฉินอวี้โม่และคนอื่นๆด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล

พวกเขารู้ดีว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละขั้น บางทีสามขั้นแรกอาจจะไม่มีแรงกดดันอะไรมาก ทว่าหากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่าการที่ต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้านับตั้งแต่ขั้นที่หกขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆพยักศีรษะขณะมองไปที่มารยาด้วยแววตาเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร นางก็จะต้องช่วยให้มารยาผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าครานี้ไปให้จงได้

ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองวารีมายา บุรุษรูปงามคนหนึ่งผู้มีอายุอยู่ในช่วงสามสิบปีซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและกำลังนั่งอยู่ในลานกว้างนั้น จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และสหาย

“เมฆสายฟ้ากำลังรวมตัวกัน ดูเหมือนว่าจะมีอสูรมายาที่กำลังเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า”

บุรุษผู้นั้นมองไปในทิศทางดังกล่าวและพึมพำกับตัวเอง หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็พุ่งตรงออกไปทันทีและมุ่งไปในทิศทางของฉินอวี้โม่

นอกจากนี้ หลายคนที่มีพลังพอสมควรก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้และรีบมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆเช่นกัน

เวลากว่าสองก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว มารยาข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าสี่ขั้นแรกได้แล้ว แม้ว่าจะดูยากลำบากไม่น้อย มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ครืนนน!

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกครั้งและกลุ่มเมฆทะมึนกลางอากาศมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ขณะที่พลังจางๆจากสายฟ้าแผ่ออกมา

“มีคนกำลังมา!”

ซูวั่งชวนและฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกันเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนมากกว่าหนึ่งคนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองไปที่มารยาซึ่งยังอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็ร่วมมือกันและเข้าไปในขวางในทิศทางนั้นเพื่อช่วยปกป้องมารยาอย่างเต็มที่

“ว้าว ช่างเป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคนซึ่งบ่งบอกว่าเขามองเห็นมารยาที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว

“ข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมันเลย นี่มันอสูรมายาประเภทใดกัน?”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับมารยาอย่างชัดเจน

“ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาประเภทใด มันก็จะต้องเป็นอสูรมายาระดับสูงแน่ เอาเป็นว่า..เรามาสังหารมันเพื่อเอาแกนชีวิตและแก่นมายาในขณะที่มันกำลังเผชิญการลงทัณฑ์สายฟ้านี่กันเถอะ”

เสียงของคนแรกดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา

สีหน้าของฉินอวี้โม่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของคนผู้นั้น ขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายของนางก็แผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน

เมื่อระบุทิศทางของคนทั้งสองได้ ลูกไฟลูกหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างจัง

ตู้ม!

ลูกไฟดังกล่าวน่าจะถูกพวกเขาขัดขวางไว้จนเกิดเสียงดังเช่นนั้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ใครหน้าไหนกันที่กล้าโจมตีพวกเรา?!”

เมื่อถูกโจมตีอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของทั้งสองก็เหยเกทันที จากนั้นพวกเขาก็พุ่งตรงไปปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่ก่อนต้องผงะไปเล็กน้อย

“เจ้าเป็นผู้ที่โจมตีพวกข้าเมื่อครู่นี้รึ?”

ผู้ที่เป็นหัวหน้าเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วขณะมองฉินอวี้โม่และเอ่ยถาม

สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทันทีที่เห็นใบหน้าของนาง เขาก็แทบคิดว่านางเป็นเทพธิดาที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะจิตสังหารแรงกล้าของฉินอวี้โม่ที่เรียกสติของเขากลับคืนมา เกรงว่าเขาคงจะเรียกสติกลับมาไม่ได้อีกนาน

“พวกเจ้าคิดจะฆ่าอสูรมายาของข้า นี่ยังถือว่าข้าไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว!”

ฉินอวี้โม่เอ่ยอย่างเย็นชาและไม่ปิดบังจิตสังหารอันรุนแรง กลิ่นอายความทะนงตนและสภาวะพลังกดข่มทำให้สีหน้าของทั้งสองเหยเกอย่างยิ่ง

“อสูรมายาของเจ้างั้นรึ?”

เมื่อบุรุษคนหนึ่งมองฉินอวี้โม่และมารยากลางอากาศ เขาก็เริ่มคล้อยตามแล้วเล็กน้อย

เมื่อรู้สึกได้ถึงสภาวะพลังที่ทรงพลังของสตรีตรงหน้า คนผู้นั้นก็ถอยร่นไปทันที ทั้งสองไม่อาจเทียบชั้นกับฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย

“ขออภัยด้วย พวกเราไม่รู้ว่ามันคืออสูรมายาของท่าน พวกเราจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ทันคิด ในเมื่อมันเป็นอสูรมายาของท่าน เราก็จะขอเพียงแค่ชมความน่าตื่นเต้นนี้และจะจากไปในภายหลัง”

อีกฝ่ายกล่าวและขอโทษขอโพยต่อฉินอวี้โม่อย่างตรงไปตรงมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอวี้โม่ก็อ่อนลงเล็กน้อย ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เมื่อคนทั้งสองทราบว่ามารยาเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็รีบขอโทษขอโพยทันที ทัศนคติเช่นนี้ทำให้ฉินอวี้โม่ไม่แค้นเคืองอีกต่อไป

“ขอบคุณที่เข้าใจ”

ฉินอวี้โม่เอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่ายังคงจับตาดูบุรุษทั้งสองอยู่ห่างๆ ด้วยเกรงว่าพวกเขาอาจจะกระทำการสิ่งใดในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว

ทั้งสองส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาทว่าไม่คิดจะทำสิ่งใดอีกต่อไป ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะลงมือจริงๆ มันเป็นเพียงการพูดเย้าหยอกเท่านั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจทำใจสังหารอสูรสาวที่งดงามอย่างมารยาได้

“ฮ่าๆๆ ตลกจริง เจ้าบอกว่ามันเป็นอสูรมายาของเจ้างั้นรึ? หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่คนของเมืองวารีมายา และดูจากความเยาว์วัยของเจ้า เจ้าจะสยบอสูรมายาระดับสูงเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

บุรุษทั้งสองขจัดความคิดเดิมไปทั้งหมดแล้ว ทว่านั่นมิได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่คิดร้ายอีก เสียงของบุรุษอีกคนหนึ่งดังขึ้นในหูฉินอวี้โม่ก่อนที่บุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีดำเจ้าของใบหน้าโหดเหี้ยมปรากฏตัวจากอีกทิศทางหนึ่งพร้อมด้วยคณะของเขา

“เฮยรอง เจ้านั่นเอง!”

เมื่อเจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัว ซูวั่งชวนก็เอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

.

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 412 การลงทัณฑ์สายฟ้า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 412 การลงทัณฑ์สายฟ้า

เมื่อได้ยินว่ากำลังจะเกิดการลงทัณฑ์สายฟ้าขึ้น สีหน้าของซูน่าและคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขาล้วนเคยได้ยินว่าอสูรมายาระดับสูงบางตัวจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าเมื่อวิวัฒนาการไปสู่ระดับเซียน แม้ว่าไม่เคยเห็นมันมาด้วยตาตัวเองมาก่อน ทุกคนก็ทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าเป็นอย่างดี บัดนี้เมื่อได้ยินว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยากำลังจะมาถึง เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้องรู้สึกกังวลใจ

“เราควรทำอย่างไร?”

ฉินอวี้โม่กระสับกระส่ายเล็กน้อย ทว่าเมื่อสงบจิตสงบใจลงได้ นางก็เอ่ยถามมารยาด้วยแววตาและน้ำเสียงที่เจือความกังวลทันที

“นายหญิง เป็นเพราะสภาวะร่างกายที่พิเศษของข้า การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ข้าต้องเผชิญจึงจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าอสูรมายาทั่วไป ทว่าหากหาสถานที่ที่มีพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่นได้ มันก็จะช่วยข้าได้มากเมื่อเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์สายฟ้า”

มารยากล่าวตอบทันที แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะเตรียมความพร้อมได้ ทว่าหากพบสถานที่ที่มีพลังมายาและพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่น มันก็จะมีส่วนช่วยให้อสูรสาวรับมือได้ง่ายขึ้นมาก

“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่เช่นนั้นมาก่อน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองวารีมายามีหอคอยน้ำแข็งอยู่ ที่นั่นมีอากาศเยือกเย็นและคุณสมบัติธาตุน้ำแข็งที่มหาศาล มันน่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเจ้ามาก”

ซูวั่งชวนเอ่ยขึ้นทันที เขาเคยผ่านไปที่นั่นมาก่อนและเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสมบัติน้ำแข็ง

“แต่มันจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนจากตำแหน่งปัจจุบันของเราไปถึงเมืองวารีมายา มารยาจะรอจนถึงตอนนั้นได้รึไม่?”

จูเฟยชวี่หันมองมารยาและเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว

เมืองเพลิงมายาตั้งอยู่ห่างจากเมืองวารีมายาพอสมควร ต่อให้มีสิ่งประหลาดผิดธรรมชาติอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว มันก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางถึงครึ่งเดือน

“ไม่มีปัญหา เราน่าจะยังมีเวลา”

มารยาพยักหน้าเบาๆ เมื่อทำการคำนวณแล้ว มันก็พบว่ายังมีเวลาอยู่พอสมควร

“ถ้างั้นเราก็รีบไปกันเถอะ เรื่องที่นี่ปล่อยให้ท่านลุงทั้งสองจัดการ”

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและเอ่ยออกไปทันที

นางและมารยาไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้น ทั้งสองจึงเป็นกังวลถึงเรื่องการหลงทางและการเสียเวลา ดังนั้นแน่นอนว่าพวกนางก็ต้องการให้ซูวั่งชวนไปด้วยกัน สำหรับเรื่องในเมืองเพลิงมายา จูเฟยชวี่และซูชิงยังต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการดูแลสถานการณ์โดยรวม เพราะเหตุนั้นนางจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นทุกคนก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

จูเฟยชวี่และซูชิงเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งสองจึงไม่รอช้าและพยักศีรษะตอบตกลง จากนั้นทั้งสองก็นำคนอื่นๆออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและแยกย้ายกันไปทำธุระต่างๆ

อาอู่และซูน่าก็เลือกที่จะติดตามฉินอวี้โม่ไป ทั้งสองก็อยากเห็นกับตาตนเองว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะเป็นอย่างไร

ฉินอวี้โม่และสหายใช้เวลาครึ่งเดือนในการขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวและในที่สุดทุกคนก็ปรากฏตัวในระยะขอบเขตของเมืองวารีมายา

ซูวั่งชวนสังเกตการณ์โดยรอบและระบุทิศทางหนึ่งก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว

“จริงด้วย ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยซึ่งทำให้รู้สึกสบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก”

แม้ยังไปไม่ถึง มารยาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่เข้ามาที่ร่างของมันซึ่งทำให้มันรู้สึกสบายอย่างที่สุด

“มารยา เจ้าจดจ่อกับการรับมือกับการลงทัณฑ์สายฟ้าไปเถอะ พวกเราจะคอยปกป้องและคุ้มกันให้เจ้าเอง”

หานอวี้และอสูรมายาตัวอื่นๆก็ปรากฏกายข้างมารยาด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อย พวกมันทั้งหมดรู้เรื่องความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าดี โดยเฉพาะกับมารยา การลงทัณฑ์สายฟ้านี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งสำหรับมัน ถึงอย่างไรมารยาก็เป็นอสูรธาตุน้ำแข็งและพลังธาตุสายฟ้าก็ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของมัน

ภายในพริบตา หมอกไอน้ำแข็งก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้าทุกคน จากนั้นร่างของมารยาก็พุ่งตรงไปปรากฏเหนือหมอกน้ำแข็งเหล่านั้นทันที

“เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีอสูรมายาอื่นใดโดยรอบ เจ้าสามารถข้ามผ่านหายนะนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องคอยพะวง”

หานอวี้แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบก่อนยืนยันได้ว่าไม่มีอสูรมายาตัวอื่นๆอยู่ในบริเวณนี้

“แต่ข้าเกรงว่าพลังของการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยาจะรุนแรงเกินไปและมันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ”

จินเย่าขมวดคิ้วและกล่าวออกมา ตอนที่มันเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า สายฟ้าของมันไม่ได้ทรงพลังมากนักและมันก็เรียกอสูรมายาจำนวนมากมาช่วยคุ้มกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ

“ไม่เป็นไร การที่มีพวกเราอยู่ที่นี่ ต่อให้ฉินเหยียนจะมาด้วยตนเอง พวกเราก็ยังคุ้มกันความปลอดภัยให้กับมารยาได้”

หลิวหยาและอสูรตัวอื่นๆพูดพร้อมกันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหนักแน่น  พวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นสหายร่วมทางและเป็นสหายที่ดีที่สุดต่อกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็จะช่วยคุ้มกันให้มารยาปลอดภัยอย่างแน่นอน

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว”

มารยายิ้มให้อสูรมายาทุกตัวก่อนนั่งลงพร้อมหลับตาและลอยตัวกลางอากาศ

ทันทีที่หลับตาลง มารยาก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป ทันใดนั้นกลุ่มเมฆมืดครึ้มก็ก่อตัวขึ้นมาซึ่งส่งผลให้บริเวณโดยรอบมืดลงทันที

ครืนนน!

เกิดเสียงดังลั่นและทุกชีวิตขมวดคิ้วทันที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวและน่าขนลุกเช่นนี้ การลงทัณฑ์สายฟ้านี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

เปรี้ยง!

แสงสว่างวาบขึ้นมาและทันใดนั้นสายฟ้าขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือเส้นหนาก็ผ่าลงมาที่ร่างของมารยาอย่างจังซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาอย่างที่สุด

มารยาไม่พยายามหลบหลีกแม้แต่น้อยทว่าม่านป้องกันโปร่งแสงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมันและช่วยขจัดพลังบางส่วนของสายฟ้าไป

แม้สายฟ้ากระทบลงบนม่านป้องกันและชะลอลงเล็กน้อย มันก็ยังทะลุผ่านไปถึงร่างของมารยาได้

สีหน้าของอสูรสาวไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย สายฟ้าเส้นแรกยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บใดๆ

“ไม่รู้เลยว่ามารยาจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้ากี่ขั้น”

หานอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะสายตาจับจ้องไปที่มารยา

“การลงทัณฑ์สายฟ้าถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่างๆงั้นรึ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็มองมาที่มันด้วยความสงสัยใคร่รู้

“นี่เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งอสูรมายาวิวัฒนาการไปมากเพียงใด การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ต้องเผชิญก็จะมากขึ้นเท่านั้น สำหรับข้า อย่างน้อยข้าก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าแปดขั้น และสำหรับพี่ซิวก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะมีเพียงสิบขั้นเท่านั้น สำหรับมารยา ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็จะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าหกขั้น”

สายตาของหานอวี้ยังคงจดจ่ออยู่ที่มารยาในขณะอธิบายให้กับฉินอวี้โม่และคนอื่นๆด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล

พวกเขารู้ดีว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละขั้น บางทีสามขั้นแรกอาจจะไม่มีแรงกดดันอะไรมาก ทว่าหากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่าการที่ต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้านับตั้งแต่ขั้นที่หกขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆพยักศีรษะขณะมองไปที่มารยาด้วยแววตาเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร นางก็จะต้องช่วยให้มารยาผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าครานี้ไปให้จงได้

ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองวารีมายา บุรุษรูปงามคนหนึ่งผู้มีอายุอยู่ในช่วงสามสิบปีซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและกำลังนั่งอยู่ในลานกว้างนั้น จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และสหาย

“เมฆสายฟ้ากำลังรวมตัวกัน ดูเหมือนว่าจะมีอสูรมายาที่กำลังเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า”

บุรุษผู้นั้นมองไปในทิศทางดังกล่าวและพึมพำกับตัวเอง หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็พุ่งตรงออกไปทันทีและมุ่งไปในทิศทางของฉินอวี้โม่

นอกจากนี้ หลายคนที่มีพลังพอสมควรก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้และรีบมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆเช่นกัน

เวลากว่าสองก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว มารยาข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าสี่ขั้นแรกได้แล้ว แม้ว่าจะดูยากลำบากไม่น้อย มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ครืนนน!

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกครั้งและกลุ่มเมฆทะมึนกลางอากาศมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ขณะที่พลังจางๆจากสายฟ้าแผ่ออกมา

“มีคนกำลังมา!”

ซูวั่งชวนและฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกันเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนมากกว่าหนึ่งคนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองไปที่มารยาซึ่งยังอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็ร่วมมือกันและเข้าไปในขวางในทิศทางนั้นเพื่อช่วยปกป้องมารยาอย่างเต็มที่

“ว้าว ช่างเป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคนซึ่งบ่งบอกว่าเขามองเห็นมารยาที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว

“ข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมันเลย นี่มันอสูรมายาประเภทใดกัน?”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับมารยาอย่างชัดเจน

“ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาประเภทใด มันก็จะต้องเป็นอสูรมายาระดับสูงแน่ เอาเป็นว่า..เรามาสังหารมันเพื่อเอาแกนชีวิตและแก่นมายาในขณะที่มันกำลังเผชิญการลงทัณฑ์สายฟ้านี่กันเถอะ”

เสียงของคนแรกดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา

สีหน้าของฉินอวี้โม่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของคนผู้นั้น ขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายของนางก็แผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน

เมื่อระบุทิศทางของคนทั้งสองได้ ลูกไฟลูกหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างจัง

ตู้ม!

ลูกไฟดังกล่าวน่าจะถูกพวกเขาขัดขวางไว้จนเกิดเสียงดังเช่นนั้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ใครหน้าไหนกันที่กล้าโจมตีพวกเรา?!”

เมื่อถูกโจมตีอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของทั้งสองก็เหยเกทันที จากนั้นพวกเขาก็พุ่งตรงไปปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่ก่อนต้องผงะไปเล็กน้อย

“เจ้าเป็นผู้ที่โจมตีพวกข้าเมื่อครู่นี้รึ?”

ผู้ที่เป็นหัวหน้าเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วขณะมองฉินอวี้โม่และเอ่ยถาม

สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทันทีที่เห็นใบหน้าของนาง เขาก็แทบคิดว่านางเป็นเทพธิดาที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะจิตสังหารแรงกล้าของฉินอวี้โม่ที่เรียกสติของเขากลับคืนมา เกรงว่าเขาคงจะเรียกสติกลับมาไม่ได้อีกนาน

“พวกเจ้าคิดจะฆ่าอสูรมายาของข้า นี่ยังถือว่าข้าไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว!”

ฉินอวี้โม่เอ่ยอย่างเย็นชาและไม่ปิดบังจิตสังหารอันรุนแรง กลิ่นอายความทะนงตนและสภาวะพลังกดข่มทำให้สีหน้าของทั้งสองเหยเกอย่างยิ่ง

“อสูรมายาของเจ้างั้นรึ?”

เมื่อบุรุษคนหนึ่งมองฉินอวี้โม่และมารยากลางอากาศ เขาก็เริ่มคล้อยตามแล้วเล็กน้อย

เมื่อรู้สึกได้ถึงสภาวะพลังที่ทรงพลังของสตรีตรงหน้า คนผู้นั้นก็ถอยร่นไปทันที ทั้งสองไม่อาจเทียบชั้นกับฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย

“ขออภัยด้วย พวกเราไม่รู้ว่ามันคืออสูรมายาของท่าน พวกเราจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ทันคิด ในเมื่อมันเป็นอสูรมายาของท่าน เราก็จะขอเพียงแค่ชมความน่าตื่นเต้นนี้และจะจากไปในภายหลัง”

อีกฝ่ายกล่าวและขอโทษขอโพยต่อฉินอวี้โม่อย่างตรงไปตรงมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอวี้โม่ก็อ่อนลงเล็กน้อย ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เมื่อคนทั้งสองทราบว่ามารยาเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็รีบขอโทษขอโพยทันที ทัศนคติเช่นนี้ทำให้ฉินอวี้โม่ไม่แค้นเคืองอีกต่อไป

“ขอบคุณที่เข้าใจ”

ฉินอวี้โม่เอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่ายังคงจับตาดูบุรุษทั้งสองอยู่ห่างๆ ด้วยเกรงว่าพวกเขาอาจจะกระทำการสิ่งใดในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว

ทั้งสองส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาทว่าไม่คิดจะทำสิ่งใดอีกต่อไป ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะลงมือจริงๆ มันเป็นเพียงการพูดเย้าหยอกเท่านั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจทำใจสังหารอสูรสาวที่งดงามอย่างมารยาได้

“ฮ่าๆๆ ตลกจริง เจ้าบอกว่ามันเป็นอสูรมายาของเจ้างั้นรึ? หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่คนของเมืองวารีมายา และดูจากความเยาว์วัยของเจ้า เจ้าจะสยบอสูรมายาระดับสูงเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

บุรุษทั้งสองขจัดความคิดเดิมไปทั้งหมดแล้ว ทว่านั่นมิได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่คิดร้ายอีก เสียงของบุรุษอีกคนหนึ่งดังขึ้นในหูฉินอวี้โม่ก่อนที่บุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีดำเจ้าของใบหน้าโหดเหี้ยมปรากฏตัวจากอีกทิศทางหนึ่งพร้อมด้วยคณะของเขา

“เฮยรอง เจ้านั่นเอง!”

เมื่อเจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัว ซูวั่งชวนก็เอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

.

Options

not work with dark mode
Reset