เมื่อได้ยินว่ากำลังจะเกิดการลงทัณฑ์สายฟ้าขึ้น สีหน้าของซูน่าและคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขาล้วนเคยได้ยินว่าอสูรมายาระดับสูงบางตัวจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าเมื่อวิวัฒนาการไปสู่ระดับเซียน แม้ว่าไม่เคยเห็นมันมาด้วยตาตัวเองมาก่อน ทุกคนก็ทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าเป็นอย่างดี บัดนี้เมื่อได้ยินว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยากำลังจะมาถึง เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะต้องรู้สึกกังวลใจ
“เราควรทำอย่างไร?”
ฉินอวี้โม่กระสับกระส่ายเล็กน้อย ทว่าเมื่อสงบจิตสงบใจลงได้ นางก็เอ่ยถามมารยาด้วยแววตาและน้ำเสียงที่เจือความกังวลทันที
“นายหญิง เป็นเพราะสภาวะร่างกายที่พิเศษของข้า การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ข้าต้องเผชิญจึงจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าอสูรมายาทั่วไป ทว่าหากหาสถานที่ที่มีพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่นได้ มันก็จะช่วยข้าได้มากเมื่อเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์สายฟ้า”
มารยากล่าวตอบทันที แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะเตรียมความพร้อมได้ ทว่าหากพบสถานที่ที่มีพลังมายาและพลังธาตุน้ำแข็งที่หนาแน่น มันก็จะมีส่วนช่วยให้อสูรสาวรับมือได้ง่ายขึ้นมาก
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่เช่นนั้นมาก่อน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองวารีมายามีหอคอยน้ำแข็งอยู่ ที่นั่นมีอากาศเยือกเย็นและคุณสมบัติธาตุน้ำแข็งที่มหาศาล มันน่าจะเป็นที่ที่เหมาะสมกับเจ้ามาก”
ซูวั่งชวนเอ่ยขึ้นทันที เขาเคยผ่านไปที่นั่นมาก่อนและเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสมบัติน้ำแข็ง
“แต่มันจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนจากตำแหน่งปัจจุบันของเราไปถึงเมืองวารีมายา มารยาจะรอจนถึงตอนนั้นได้รึไม่?”
จูเฟยชวี่หันมองมารยาและเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว
เมืองเพลิงมายาตั้งอยู่ห่างจากเมืองวารีมายาพอสมควร ต่อให้มีสิ่งประหลาดผิดธรรมชาติอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว มันก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางถึงครึ่งเดือน
“ไม่มีปัญหา เราน่าจะยังมีเวลา”
มารยาพยักหน้าเบาๆ เมื่อทำการคำนวณแล้ว มันก็พบว่ายังมีเวลาอยู่พอสมควร
“ถ้างั้นเราก็รีบไปกันเถอะ เรื่องที่นี่ปล่อยให้ท่านลุงทั้งสองจัดการ”
ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและเอ่ยออกไปทันที
นางและมารยาไม่รู้จักสถานที่แห่งนั้น ทั้งสองจึงเป็นกังวลถึงเรื่องการหลงทางและการเสียเวลา ดังนั้นแน่นอนว่าพวกนางก็ต้องการให้ซูวั่งชวนไปด้วยกัน สำหรับเรื่องในเมืองเพลิงมายา จูเฟยชวี่และซูชิงยังต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการดูแลสถานการณ์โดยรวม เพราะเหตุนั้นนางจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นทุกคนก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
จูเฟยชวี่และซูชิงเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทั้งสองจึงไม่รอช้าและพยักศีรษะตอบตกลง จากนั้นทั้งสองก็นำคนอื่นๆออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและแยกย้ายกันไปทำธุระต่างๆ
อาอู่และซูน่าก็เลือกที่จะติดตามฉินอวี้โม่ไป ทั้งสองก็อยากเห็นกับตาตนเองว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะเป็นอย่างไร
ฉินอวี้โม่และสหายใช้เวลาครึ่งเดือนในการขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวและในที่สุดทุกคนก็ปรากฏตัวในระยะขอบเขตของเมืองวารีมายา
ซูวั่งชวนสังเกตการณ์โดยรอบและระบุทิศทางหนึ่งก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว
“จริงด้วย ข้าสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยซึ่งทำให้รู้สึกสบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก”
แม้ยังไปไม่ถึง มารยาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่เข้ามาที่ร่างของมันซึ่งทำให้มันรู้สึกสบายอย่างที่สุด
“มารยา เจ้าจดจ่อกับการรับมือกับการลงทัณฑ์สายฟ้าไปเถอะ พวกเราจะคอยปกป้องและคุ้มกันให้เจ้าเอง”
หานอวี้และอสูรมายาตัวอื่นๆก็ปรากฏกายข้างมารยาด้วยสีหน้ากังวลไม่น้อย พวกมันทั้งหมดรู้เรื่องความน่าสะพรึงกลัวของการลงทัณฑ์สายฟ้าดี โดยเฉพาะกับมารยา การลงทัณฑ์สายฟ้านี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งสำหรับมัน ถึงอย่างไรมารยาก็เป็นอสูรธาตุน้ำแข็งและพลังธาตุสายฟ้าก็ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของมัน
ภายในพริบตา หมอกไอน้ำแข็งก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้าทุกคน จากนั้นร่างของมารยาก็พุ่งตรงไปปรากฏเหนือหมอกน้ำแข็งเหล่านั้นทันที
“เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีอสูรมายาอื่นใดโดยรอบ เจ้าสามารถข้ามผ่านหายนะนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องคอยพะวง”
หานอวี้แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบก่อนยืนยันได้ว่าไม่มีอสูรมายาตัวอื่นๆอยู่ในบริเวณนี้
“แต่ข้าเกรงว่าพลังของการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยาจะรุนแรงเกินไปและมันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ”
จินเย่าขมวดคิ้วและกล่าวออกมา ตอนที่มันเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า สายฟ้าของมันไม่ได้ทรงพลังมากนักและมันก็เรียกอสูรมายาจำนวนมากมาช่วยคุ้มกัน เพราะเหตุนั้นจึงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
“ไม่เป็นไร การที่มีพวกเราอยู่ที่นี่ ต่อให้ฉินเหยียนจะมาด้วยตนเอง พวกเราก็ยังคุ้มกันความปลอดภัยให้กับมารยาได้”
หลิวหยาและอสูรตัวอื่นๆพูดพร้อมกันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหนักแน่น พวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นสหายร่วมทางและเป็นสหายที่ดีที่สุดต่อกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็จะช่วยคุ้มกันให้มารยาปลอดภัยอย่างแน่นอน
“ขอบคุณพวกเจ้ามาก เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว”
มารยายิ้มให้อสูรมายาทุกตัวก่อนนั่งลงพร้อมหลับตาและลอยตัวกลางอากาศ
ทันทีที่หลับตาลง มารยาก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป ทันใดนั้นกลุ่มเมฆมืดครึ้มก็ก่อตัวขึ้นมาซึ่งส่งผลให้บริเวณโดยรอบมืดลงทันที
ครืนนน!
เกิดเสียงดังลั่นและทุกชีวิตขมวดคิ้วทันที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวและน่าขนลุกเช่นนี้ การลงทัณฑ์สายฟ้านี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
เปรี้ยง!
แสงสว่างวาบขึ้นมาและทันใดนั้นสายฟ้าขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือเส้นหนาก็ผ่าลงมาที่ร่างของมารยาอย่างจังซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาอย่างที่สุด
มารยาไม่พยายามหลบหลีกแม้แต่น้อยทว่าม่านป้องกันโปร่งแสงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของมันและช่วยขจัดพลังบางส่วนของสายฟ้าไป
แม้สายฟ้ากระทบลงบนม่านป้องกันและชะลอลงเล็กน้อย มันก็ยังทะลุผ่านไปถึงร่างของมารยาได้
สีหน้าของอสูรสาวไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย สายฟ้าเส้นแรกยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บใดๆ
“ไม่รู้เลยว่ามารยาจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้ากี่ขั้น”
หานอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะสายตาจับจ้องไปที่มารยา
“การลงทัณฑ์สายฟ้าถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่างๆงั้นรึ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหานอวี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็มองมาที่มันด้วยความสงสัยใคร่รู้
“นี่เป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งอสูรมายาวิวัฒนาการไปมากเพียงใด การลงทัณฑ์สายฟ้าที่ต้องเผชิญก็จะมากขึ้นเท่านั้น สำหรับข้า อย่างน้อยข้าก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าแปดขั้น และสำหรับพี่ซิวก็น่าจะเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้น อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะมีเพียงสิบขั้นเท่านั้น สำหรับมารยา ข้าเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็จะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าหกขั้น”
สายตาของหานอวี้ยังคงจดจ่ออยู่ที่มารยาในขณะอธิบายให้กับฉินอวี้โม่และคนอื่นๆด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล
พวกเขารู้ดีว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าจะน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละขั้น บางทีสามขั้นแรกอาจจะไม่มีแรงกดดันอะไรมาก ทว่าหากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เรียกได้ว่าการที่ต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้านับตั้งแต่ขั้นที่หกขึ้นไปนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆพยักศีรษะขณะมองไปที่มารยาด้วยแววตาเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร นางก็จะต้องช่วยให้มารยาผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าครานี้ไปให้จงได้
ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองวารีมายา บุรุษรูปงามคนหนึ่งผู้มีอายุอยู่ในช่วงสามสิบปีซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและกำลังนั่งอยู่ในลานกว้างนั้น จู่ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และสหาย
“เมฆสายฟ้ากำลังรวมตัวกัน ดูเหมือนว่าจะมีอสูรมายาที่กำลังเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้า”
บุรุษผู้นั้นมองไปในทิศทางดังกล่าวและพึมพำกับตัวเอง หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็พุ่งตรงออกไปทันทีและมุ่งไปในทิศทางของฉินอวี้โม่
นอกจากนี้ หลายคนที่มีพลังพอสมควรก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้และรีบมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆเช่นกัน
เวลากว่าสองก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว มารยาข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าสี่ขั้นแรกได้แล้ว แม้ว่าจะดูยากลำบากไม่น้อย มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ครืนนน!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นอีกครั้งและกลุ่มเมฆทะมึนกลางอากาศมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ขณะที่พลังจางๆจากสายฟ้าแผ่ออกมา
“มีคนกำลังมา!”
ซูวั่งชวนและฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกันเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนมากกว่าหนึ่งคนที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่มารยาซึ่งยังอยู่ตรงกลางเช่นเดิม ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆก็ร่วมมือกันและเข้าไปในขวางในทิศทางนั้นเพื่อช่วยปกป้องมารยาอย่างเต็มที่
“ว้าว ช่างเป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคนซึ่งบ่งบอกว่าเขามองเห็นมารยาที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว
“ข้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของมันเลย นี่มันอสูรมายาประเภทใดกัน?”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับมารยาอย่างชัดเจน
“ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาประเภทใด มันก็จะต้องเป็นอสูรมายาระดับสูงแน่ เอาเป็นว่า..เรามาสังหารมันเพื่อเอาแกนชีวิตและแก่นมายาในขณะที่มันกำลังเผชิญการลงทัณฑ์สายฟ้านี่กันเถอะ”
เสียงของคนแรกดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
สีหน้าของฉินอวี้โม่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของคนผู้นั้น ขณะที่กลิ่นอายความมุ่งร้ายของนางก็แผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน
เมื่อระบุทิศทางของคนทั้งสองได้ ลูกไฟลูกหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างจัง
ตู้ม!
ลูกไฟดังกล่าวน่าจะถูกพวกเขาขัดขวางไว้จนเกิดเสียงดังเช่นนั้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ใครหน้าไหนกันที่กล้าโจมตีพวกเรา?!”
เมื่อถูกโจมตีอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของทั้งสองก็เหยเกทันที จากนั้นพวกเขาก็พุ่งตรงไปปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่ก่อนต้องผงะไปเล็กน้อย
“เจ้าเป็นผู้ที่โจมตีพวกข้าเมื่อครู่นี้รึ?”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วขณะมองฉินอวี้โม่และเอ่ยถาม
สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทันทีที่เห็นใบหน้าของนาง เขาก็แทบคิดว่านางเป็นเทพธิดาที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์ หากไม่ใช่เพราะจิตสังหารแรงกล้าของฉินอวี้โม่ที่เรียกสติของเขากลับคืนมา เกรงว่าเขาคงจะเรียกสติกลับมาไม่ได้อีกนาน
“พวกเจ้าคิดจะฆ่าอสูรมายาของข้า นี่ยังถือว่าข้าไว้หน้าพวกเจ้าแล้ว!”
ฉินอวี้โม่เอ่ยอย่างเย็นชาและไม่ปิดบังจิตสังหารอันรุนแรง กลิ่นอายความทะนงตนและสภาวะพลังกดข่มทำให้สีหน้าของทั้งสองเหยเกอย่างยิ่ง
“อสูรมายาของเจ้างั้นรึ?”
เมื่อบุรุษคนหนึ่งมองฉินอวี้โม่และมารยากลางอากาศ เขาก็เริ่มคล้อยตามแล้วเล็กน้อย
เมื่อรู้สึกได้ถึงสภาวะพลังที่ทรงพลังของสตรีตรงหน้า คนผู้นั้นก็ถอยร่นไปทันที ทั้งสองไม่อาจเทียบชั้นกับฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย
“ขออภัยด้วย พวกเราไม่รู้ว่ามันคืออสูรมายาของท่าน พวกเราจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ทันคิด ในเมื่อมันเป็นอสูรมายาของท่าน เราก็จะขอเพียงแค่ชมความน่าตื่นเต้นนี้และจะจากไปในภายหลัง”
อีกฝ่ายกล่าวและขอโทษขอโพยต่อฉินอวี้โม่อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอวี้โม่ก็อ่อนลงเล็กน้อย ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เมื่อคนทั้งสองทราบว่ามารยาเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็รีบขอโทษขอโพยทันที ทัศนคติเช่นนี้ทำให้ฉินอวี้โม่ไม่แค้นเคืองอีกต่อไป
“ขอบคุณที่เข้าใจ”
ฉินอวี้โม่เอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่ายังคงจับตาดูบุรุษทั้งสองอยู่ห่างๆ ด้วยเกรงว่าพวกเขาอาจจะกระทำการสิ่งใดในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว
ทั้งสองส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาทว่าไม่คิดจะทำสิ่งใดอีกต่อไป ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะลงมือจริงๆ มันเป็นเพียงการพูดเย้าหยอกเท่านั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจทำใจสังหารอสูรสาวที่งดงามอย่างมารยาได้
“ฮ่าๆๆ ตลกจริง เจ้าบอกว่ามันเป็นอสูรมายาของเจ้างั้นรึ? หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะไม่ใช่คนของเมืองวารีมายา และดูจากความเยาว์วัยของเจ้า เจ้าจะสยบอสูรมายาระดับสูงเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
บุรุษทั้งสองขจัดความคิดเดิมไปทั้งหมดแล้ว ทว่านั่นมิได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่คิดร้ายอีก เสียงของบุรุษอีกคนหนึ่งดังขึ้นในหูฉินอวี้โม่ก่อนที่บุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีดำเจ้าของใบหน้าโหดเหี้ยมปรากฏตัวจากอีกทิศทางหนึ่งพร้อมด้วยคณะของเขา
“เฮยรอง เจ้านั่นเอง!”
เมื่อเจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัว ซูวั่งชวนก็เอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
.