หลังจากพักอยู่ที่จวนเจ้าเมืองหลายวัน ฉินอวี้โม่ก็ได้เรียนรู้สถานการณ์ปัจจุบันของเมืองมายา ในขณะเดียวกันนางก็ได้ทำการสยบอสูรมายามากกว่าสิบตัวให้กับจวนเจ้าเมือง จากนั้นนางจึงกล่าวอำลากับเลี่ยหยางก่อนออกเดินทางไปจากจวนเจ้าเมือง
เมื่อกลับถึงชนเผ่าเมฆาคราม นางก็ไปพบซูวั่งชวนและซูชิงเพื่อหารือการเตรียมการสำหรับหน่วยองครักษ์ หลังจากหารือทุกอย่างที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษและมอบอำนาจการจัดการดูแลให้กับซูวั่งชวน ฉินอวี้โม่ก็วางใจและเฝ้ารอเวลาที่จะให้กำเนิดบุตรในครรภ์อย่างใจเย็นภายในชนเผ่าเมฆาคราม
ราวกับชั่วพริบตา เวลาหนึ่งร้อยวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ ครรภ์ของฉินอวี้โม่โตขึ้นมากจนนางเริ่มเดินและทำทุกอย่างไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้น น้ำหนักของนางก็เพิ่มขึ้นมากพอสมควร ไม่ต้องกล่าวถึงการต่อสู้เลย เพราะแม้แต่การก้าวเดินธรรมดาก็ทำให้นางเหนื่อยล้าและอ่อนแรงอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน ซูวั่งชวนก็เป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างแท้จริงและเขาจัดการดูแลความเรียบร้อยได้อย่างเป็นระบบระเบียบ
ภายในหนึ่งร้อยวันนี้ กองกำลังหน่วยองครักษ์ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์โดยมีสมาชิกเป็นจอมยุทธ์ฝีมือดีมากกว่าห้าร้อยคน ซูวั่งชวนพาคนเหล่านั้นออกไปสั่งสมประสบการณ์และฝึกยุทธ์เพื่อสร้างความสามัคคีและความเข้าใจที่ตรงกันในกองกำลัง บัดนี้หน่วยองครักษ์มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากพอสมควรและการประสานงานร่วมกันระหว่างพวกเขาก็ดูจะไหลลื่นอย่างมาก
และเป็นเพราะซูน่าต้องการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์เช่นกัน นางจึงติดตามไปกับซูวั่งชวนตลอดช่วงที่ผ่านมาและไม่มีเวลามาเยี่ยมเยือนฉินอวี้โม่มากนัก
ป้าหลานและสวี่ซิ่วผลัดกันอยู่เป็นเพื่อนฉินอวี้โม่และคอยดูแลช่วยเหลือนางอยู่ไม่ห่าง
ฉินอวี้โม่ใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อสยบอสูรมายาระดับสูงและหลอมอุปกรณ์อาวุธระดับสูงจำนวนหนึ่งซึ่งถูกส่งไปยังขุมกำลังต่างๆในเมืองเพลิงมายาเพื่อให้พวกเขาใช้เป็นรางวัลและกระตุ้นความกระตือรือร้นในการฝึกยุทธ์ของสมาชิก
ในช่วงที่ผ่านมา นางก็ดูแลฟูมฟักทารกน้อยในครรภ์ด้วยความสงบสุขและไม่กังวลเรื่องอื่นอีกต่อไป เมื่อครรภ์โตขึ้นในแต่ละวัน นางก็ตั้งตารอการลืมตาดูโลกของลูกน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ในทั้งสองชีวิตของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีความรักที่แท้จริงและมีผลผลิตของความรักเป็นตัวเป็นตน
แม้ว่าหานโม่ฉือไม่อยู่ที่นี่และจะไม่ได้เห็นการลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกของบุตร อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่รู้สึกว่าบุรุษคนรักอยู่ไม่ไกลและเขาอยู่ข้างกายนางโดยที่คอยให้กำลังใจอย่างเงียบๆมาเสมอ
“อวี้โม่ ข้าคิดว่าเจ้าคงจะคลอดลูกในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เจ้าต้องเตรียมตัวและพยายามเดินให้มากขึ้น หากทำเช่นนั้น เจ้าจะคลอดลูกได้ง่ายมากขึ้น”
ครานี้สวี่ซิ่วทำหน้าที่ดูแลฉินอวี้โม่และช่วยประคองนางเดินไปรอบๆข้างนอกกระโจมพร้อมกับกล่าวออกมาเช่นนี้
“ท่านป้า ช่วงที่ผ่านมานี้ท่านคงจะเหนื่อยมาก”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจต่อการดูแลเป็นอย่างดีจากสวี่ซิ่วและป้าหลาน หากไม่ได้พบทุกคนที่ชนเผ่าเมฆาคราม ตอนนี้นางคงเป็นสตรีท้องแก่อยู่ตัวคนเดียวโดยไร้ที่พึ่งและไร้ประสบการณ์ การใช้ชีวิตของนางคงจะลำบากอย่างยิ่ง
“เด็กโง่เอ๋ย ไม่ต้องคิดมากหรอก เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันและไม่มีสิ่งใดที่เหนื่อยจนเกินไปหรอก”
สวี่ซิ่วยิ้มบางๆ ภายในเวลารวดเร็วราวกับชั่วพริบตา ฉินอวี้โม่ผู้นี้ก็อาศัยอยู่ในชนเผ่าเมฆาครามมานานเกือบหนึ่งปีแล้วและพวกนางก็มีความอบอุ่นเป็นมิตรต่อกันอย่างยิ่ง แม้ว่าไม่มีความเกี่ยวโยงทางสายเลือด พวกนางก็ใกล้ชิดกันเหมือนญาติแท้ๆ
“ซูน่าและอาอู่น่าจะกลับมาถึงในเร็วๆนี้ ทั้งสองกล่าวว่าจะกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า ทว่าตอนนี้ท่านพ่อและหน่วยองครักษ์กำลังฝึกฝนอยู่ในภูเขาที่ห่างไกล ข้าเกรงว่าพวกเขาจะกลับมาไม่ทัน”
สวี่ซิ่วประคองฉินอวี้โม่เดินไปรอบๆพักใหญ่ก่อนพานางกลับไปพักในกระโจม
“อวี้โม่ มาดื่มน้ำซุปนี่ก่อนเถอะ”
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น ป้าหลานก็เดินเข้ามาพร้อมซุปถ้วยหนึ่งและบอกให้ฉินอวี้โม่รับประทานมัน
ทุกวันนี้ฉินอวี้โม่ต้องทานอาหารสามมื้อต่อวันภายใต้การดูแลของป้าหลานและซดน้ำซุปที่ป้าหลานปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง ตอนนี้น้ำหนักของนางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและนั่นเป็นผลมาจากการดูแลอย่างดีของป้าหลานผู้นี้
อย่างไรก็ตาม นางไม่สนใจว่าตนเองจะอวบอ้วนหรือมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น นางเพียงหวังว่าหลังจากให้กำเนิดบุตรในครรภ์ นางจะกลับไปมีรูปร่างดีเหมือนกับก่อนหน้านี้ได้
หลังจากซดน้ำซุปแต่โดยดี ฉินอวี้โม่ก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเพื่อเตรียมพักผ่อน
แต่ทว่า… ทันทีที่หลับตาลง นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างแรงที่ครรภ์ของตน
เมื่อสวี่ซิ่วลุกขึ้นยืนและกำลังจะออกไปข้างนอก นางก็สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดของสตรีผู้ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
“ท่านป้า.. ข้าคิดว่าข้ากำลังจะคลอดแล้ว”
แม้ว่าไม่มีประสบการณ์มาก่อน ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่าทารกในครรภ์กำลังจะออกมาดูโลกในไม่ช้า
แน่นอนว่าสวี่ซิ่วและป้าหลานก็มองเห็นได้เช่นกัน พวกนางตกตะลึงทันทีและเกิดความประหม่าเล็กน้อย
“ข้าจะส่งคนไปเตรียมน้ำร้อนมา”
ป้าหลานไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการคลอดบุตรมาก่อน เพียงแต่นางเคยอ่านกระบวนการขั้นตอนจากในตำรา
“ข้าจะทำคลอดให้อวี้โม่เอง”
สวี่ซิ่วเคยมีประสบการณ์ตรงในการคลอดบุตรและนางวางแผนไว้แล้วว่าจะเป็นคนช่วยทำคลอดให้ฉินอวี้โม่เอง
“อะไรนะ!? อวี้โม่กำลังจะคลอดลูกงั้นรึ?!”
ซูน่าและอาอู่วิ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเพิ่งมาถึงหน้าประตูเมื่อได้ยินข่าวและแน่นอนว่าต้องตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
“เจ้าทั้งสองกลับมาทันเวลาพอดี ไปเตรียมผ้าขนหนูและน้ำร้อนมาเร็วเข้า”
เมื่อเห็นซูน่าและอาอู่เข้ามา ป้าหลานก็สั่งให้ทั้งสองไปเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว
“นายหญิง เข้าไปคลอดในคฤหาสน์เฟิงหัวเถอะ ข้ากังวลว่าทันทีที่ท่านคลอดลูก กลิ่นอายของกายเทพมายาอาจจะแผ่ออกไปได้และส่งผลให้ฉินเหยียนและคนอื่นๆสัมผัสถึงมัน”
ทันใดนั้น มารยาก็ปรากฏกายตรงหน้าฉินอวี้โม่เพื่อพาผู้เป็นนายและป้าหลานเข้าในไปคฤหาสน์เฟิงหัวโดยไม่ลังเล
ฉินอวี้โม่รู้สึกเจ็บปวดบริเวณท้องล่างและเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นทั่วทั้งหน้าผาก
“อวี้โม่ ไม่ต้องกังวล ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
สวี่ซิ่วจับมือฉินอวี้โม่เพื่อไม่ให้นางเป็นกังวล
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ซูน่าและอาอู่ก็เข้ามาพร้อมกับน้ำร้อนและผ้าขนหนู
“เจ้าทั้งสองออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”
ป้าหลานสั่งให้หนุ่มสาวออกไปรอข้างนอก เวลานี้ซูชิงผู้ซึ่งรีบปรี่เข้ามาเพื่อจัดการเรื่องนี้ก็เข้ามาปรากฏตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวเช่นกัน ใบหน้าของเขาเป็นกังวลไม่น้อย
อสูรมายาทั้งหมดของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวข้างซูน่าและอาอู่ในขณะที่สายตาจับจ้องตรงไปยังประตูที่ปิดไว้อย่างเป็นกังวล
“โอ๊ยยยย….”
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป ความเจ็บปวดก็รุนแรงมากขึ้นจนฉินอวี้โม่ต้องส่งเสียงร้องออกมา
“อวี้โม่ หากเจ็บปวดก็ร้องออกมาเถอะ มันจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น”
สวี่ซิ่วมองดูฉินอวี้โม่ที่พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดด้วยความรู้สึกตึงเครียดไม่น้อย
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบาๆพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้ ในชีวิตก่อน ‘เธอ’ ไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งใดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดเลยสักนิด เพียงแต่ในชีวิตก่อนนั้น เมื่อดูจากโทรทัศน์ นางเคยคิดว่าการตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ทว่าเวลานี้ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่เอ่อล้น
หลังจากเวลาผ่านไปอีกสองก้านธูป เสียงร้องของเด็กก็ดังมาจากภายในห้องที่ฉินอวี้โม่อยู่
ซูชิงและคนอื่นๆ รวมถึงอสูรมายาทั้งหลายของฉินอวี้โม่ซึ่งรออย่างเป็นกังวลก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันทรงพลังที่ถาโถมเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น หากไม่ใช่เพราะพลังที่แข็งแกร่งที่มี พวกเขาก็คงจะทรุดล้มกองบนพื้นเพราะแรงกดดันมหาศาลนั้นแล้ว
พวกเขาสบตากันก่อนที่ซูชิงจะกล่าวออกมา “ดูเหมือนว่าลูกน้อยของอวี้โม่จะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเลย!”
มารยาและอสูรตัวอื่นๆก็พยักหน้าพร้อมกัน นายตัวน้อยของพวกมันจะอ่อนแอได้อย่างไรเล่า?
“เราเข้าไปกันเถอะ”
ซูน่ายิ้มกว้างและต้องการผลักประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้
“ช้าก่อน มันยังไม่จบ”
จู่ๆหานอวี้ก็ปรากฏกายและขวางหน้าประตูไว้เพื่อหยุดการกระทำของซูน่า
ฉินอวี้โม่ซึ่งอยู่ภายในห้องก็กำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาอีกครา
“ยังมีอีกคน!”
สวี่ซิ่วสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของฉินอวี้โม่และเมื่อตรวจดูก็พบว่ายังมีทารกน้อยอีกหนึ่งคน
“อุแว้…”
ภายในไม่กี่นาที เสียงร้องของทารกก็ดังขึ้นจากในห้องอีกครั้งและทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ทั้งคนและอสูรทั้งหลายต่างก็โล่งใจอย่างแท้จริงพร้อมกับรอยยิ้มด้วยความสุขที่ปรากฏบนใบหน้า
เวลานี้ใบหน้าของฉินอวี้โม่ซีดเผือดและเหนื่อยล้าอย่างที่สุด การให้กำเนิดบุตรเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างยิ่ง นางไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงมากเช่นนี้มาก่อนเลย แม้จะเป็นช่วงที่ช่วยมารยาเผชิญกับการทัณฑ์สายฟ้าเจ็ดขั้นก็ตาม
“อวี้โม่ เป็นทารกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เจ้าช่างโชคดีจริงๆ”
สวี่ซิ่วและป้าหลานเช็ดเนื้อตัวและทำความสะอาดร่างทารกอย่างรวดเร็วก่อนใช้ผ้าห่อตัวทั้งสองไว้และอุ้มมาตรงหน้าฉินอวี้โม่
เมื่อเห็นทารกน้อยทั้งสอง ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มด้วยความตื้นตันและความสุขล้น ถึงอย่างไรแล้วนางก็เป็นจอมยุทธ์มีฝีมือ กอปรกับการที่มีกายเทพมายา แน่นอนว่าร่างกายของนางแตกต่างไปจากคนทั่วไป
นางพยายามลุกขึ้นนั่งและรับทารกทั้งสองมาโอบอุ้มไว้อย่างแนบแน่น
“โม่ฉือ ลูกของเราเป็นแฝดชายหญิง หากเจ้ารู้ เจ้าจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ”
ขณะมองทารกน้อยทั้งสองในอ้อมอก ฉินอวี้โม่ก็พึมพำเบาๆอย่างมีความสุข
ซูน่าและคนอื่นๆอดใจรอไม่ไหวอีกต่อไปและวิ่งปรี่เข้ามาทันที เมื่อเห็นมนุษย์ตัวน้อยทั้งสองในอ้อมแขนของฉินอวี้โม่ รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าของทุกคน
“หนูน้อย มาให้น้าอุ้มหน่อยเถอะ”
ซูน่าพรวดเข้าไปข้างเตียงฉินอวี้โม่และยื่นมือไปรับทารกคนหนึ่งจากแขนของฉินอวี้โม่อย่างอ่อนโยน
“ข้าก็อยากอุ้มเหมือนกัน”
ร่างของหานอวี้พุ่งตรงเข้ามาเช่นกันและหยุดอยู่ข้างเตียงฉินอวี้โม่เพื่ออุ้มทารกอีกคน
“เจ้าหนูน้อย ข้าคือพี่ชายของเจ้า—หานอวี้ ข้าจะคอยปกป้องเจ้าเองในอนาคต”
หานอวี้อดจิ้มแก้มทารกน้อยไม่ได้และยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“เอาล่ะทุกคน ตอนนี้อวี้โม่คงจะเหนื่อยมากแล้ว พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ นางจะได้พักผ่อน”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ซูชิงก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับทุกคน
“อวี้โม่ เจ้าพักก่อนเถอะ เราจะพาเจ้าตัวน้อยทั้งสองไปที่ห้องข้างๆและดูแลให้เจ้าก่อน เราจะพาทั้งสองกลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้าตื่น”
ป้าหลานกล่าวกับฉินอวี้โม่ นางยังไม่เหนื่อยมากนักและอยากดูแลทารกน้อยทั้งสอง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มกว้างและแววตาอ่อนโยนราวกับกำลังมองหลานชายและหลานสาวแท้ๆของตนเอง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆและล้มตัวนอนก่อนหลับตาลง
สวี่ซิ่วและคนอื่นๆก็ช่วยเก็บกวาดดูแลความเรียบร้อยก่อนปิดประตูลงและออกไป มารยาทำหน้าที่คุ้มกันหน้าประตู หากฉินอวี้โม่เรียกใช้สิ่งใด อสูรสาวจะได้ยินและจัดหาให้ได้โดยเร็ว
……
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในมิติโกลาหลที่หานโม่ฉืออยู่ในตอนนี้ จู่ๆหานโม่ฉือผู้ซึ่งเดิมทีหลับตาปิดสนิทก็ลืมตาโพลง
“โม่เอ๋อร์…”
ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง หานโม่ฉือพึมพำเบาๆและใบหน้าแสดงถึงความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“นายท่าน เกิดเรื่องอะไรรึ?”
กิเลนอัคคีสังเกตเห็นหานโม่ฉือลืมตาอย่างกะทันหันและได้ยินเสียงพึมพำเบาๆ มันจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงคิดว่าข้าควรจะเร่งความเร็วมากขึ้น”
หานโม่ฉือส่ายศีรษะก่อนหลับตาลงอีกครั้ง โม่เอ๋อร์ของเขากำลังรอเขาอยู่ อีกไม่นาน เขาจะไปจากที่นี่เพื่อตามหานางให้จงได้ เมื่อได้พบหน้ากันอีกครา จะไม่มีสิ่งใดที่พรากเขาและสตรีคนรักไปจากกันได้อีก…
……….
ภายในห้องหรูหราโอ่อ่าแห่งหนึ่ง จู่ๆสตรีโฉมงามคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วย่น
“กายเทพมายา!”
เมื่อครู่นี้นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของกายเทพมายาในชั่วขณะหนึ่ง
“เทพมายาคนใหม่ปรากฏขึ้นมาแล้วจริงๆ!”
สตรีนางนั้นกล่าวก่อนถอนหายใจออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดุร้าย
“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังและพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองเข้าไว้ เพราะเมื่อใดที่ข้าพบเจ้า นั่นคือเวลาที่กายเทพมายาจะต้องหายสาบสูญไปตลอดกาล!”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว สตรีผู้นั้นก็แผ่คลื่นพลังที่แรงกล้าออกไปจนทำให้พื้นที่รอบๆสั่นไหว ทว่าอึดใจต่อมา นางก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
.