ภายในจวนจ้าวนคร ฉินอวี้โม่กำลังง่วนอยู่กับการหลอมอุปกรณ์สื่อสาร
อุปกรณ์สื่อสารถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างมาก ทว่าแน่นอนว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ก็มาพร้อมกับกระบวนการหลอมที่ยากเย็นและซับซ้อน รวมถึงวัสดุสิ่งหลอมของมันก็มีข้อกำหนดที่ชัดเจนและเข้มงวด หากมิใช่เพราะต้องการมอบให้มิตรสหายที่ดีของตน ฉินอวี้โม่คงไม่เสียเวลาหลอมมันอย่างแน่นอน
ตลอดเวลานี้ หานโม่ฉือก็นั่งอยู่ภายในห้องเดียวกับนางอย่างเงียบ ๆ เขากำลังมองดูสีหน้าความมุ่งมั่นจดจ่อกับการหลอมอุปกรณ์ของฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความรัก
เมื่อเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของฉินอวี้โม่ เขาก็เดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้นางด้วยท่าทีอ่อนโยน
นอกจวนจ้าวนครในเวลานี้ ไป่หลี่ชิงโร่วก็ยืนนิ่งด้วยความลังเลที่ยังไม่หายไป
“แม่นาง ไม่ทราบว่ากำลังมองหาใครอย่างนั้นหรือ ?”
เวลานี้ หลี่จิ่งกำลังเตรียมตัวออกไปสำรวจสถานการณ์รอบ ๆ นครล่าฝัน ทว่าทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตู เขาก็มองเห็นไป่หลี่ชิงโร่วที่ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น จึงเดินเข้ามาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ไป่หลี่ชิงโร่วยังคงสวมผ้าคลุมบดบังใบหน้าทว่านั่นก็มิอาจซ่อนความงามที่ต้องตาบุรุษมากมายได้เลย เรือนร่างสมบูรณ์แบบและใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมดูลึกลับเสริมความงดงามของนางให้ทวีคูณมากยิ่งขึ้น
หลายคนข้างนอกต่างชี้นิ้วมาที่สตรีผู้นี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนของนาง
“ข้ามาหาหานโม่ฉือ”
คำถามของหลี่จิ่งทำให้ไป่หลี่ชิงโร่วไม่ลังเลอีกต่อไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
คุณหนูแห่งตระกูลไป่หลี่ผู้นี้ไม่เหมือนเหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลสูงส่งแม้แต่น้อย นางไม่วางตัวเหนือกว่าผู้ใดและไม่ดูถูกดูแคลนคนอื่น ๆ รอบตัว
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางคือใคร?”
หลี่จิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินว่าสตรีตรงหน้ามาที่นี่เพื่อตามหาหานโม่ฉือ มีคนเพียงไม่มากที่ทราบว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่อยู่ในนครล่าฝัน นับประสาอะไรกับคนที่ทราบชื่อแซ่ของหานโม่ฉือซึ่งมีน้อยยิ่งกว่า ทว่าสตรีผู้นี้กลับรู้จักหานโม่ฉือและยังทราบอีกว่าเขาอยู่ในจวนจ้าวนครแห่งนครล่าฝัน สตรีผู้นี้คือ…
ในความคิดของหลี่จิ่งก็เกิดข้อสันนิษฐานบางอย่างแล้ว
“ข้าคือไป่หลี่ชิงโร่ว คู่หมั้นของหานโม่ฉือ”
ไป่หลี่ชิงโร่วมิได้ปิดบังสิ่งใดและเปิดเผยตัวตนออกไปอย่างชัดเจน นางตั้งมั่นแล้วว่าในเมื่อนางและหานโม่ฉือมีสัญญาผูกพันในการแต่งงานกันก่อน ในขณะที่เขาแต่งงานกับฉินอวี้โม่ทีหลัง มันก็ไม่มีเหตุผลที่นางจะต้องยอมถอยให้กับความรักในครั้งนี้ นางจะต้องสู้ไปจนถึงที่สุด
“คู่หมั้นของหานโม่ฉืองั้นรึ ?!”
หลี่จิ่งแสร้งแสดงท่าทีตกตะลึงและกล่าวต่อ “เท่าที่ข้าทราบมา หานโม่ฉือผู้นั้นมีภรรยาเพียงคนเดียวและไม่มีคู่หมั้นคู่หมายที่ใด แม่นาง…เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านจำผิดคน ?”
สำหรับเรื่องของไป่หลี่ชิงโร่ว เขาและคนอื่น ๆ ก็ทราบเรื่องจากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อนหน้านี้แล้ว แม้พวกเขาจะทราบถึงความสำคัญของข้อตกลงการแต่งงานที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งยังเป็นทารก ทว่าทุกคนก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ เพราะเหตุนั้น ไป่หลี่ชิงโร่วจึงเป็นได้เพียงคนแปลกหน้าสำหรับหลี่จิ่งเท่านั้น
“หากท่านถามหานโม่ฉือ ท่านก็จะได้ทราบเอง”
ไป่หลี่ชิงโร่วเริ่มฉุนเฉียวขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของหลี่จิ่ง ทว่านางก็พยายามใจเย็นและกล่าววาจาอย่างสงบนิ่ง “นครล่าฝันมีชื่อเสียงมากทีเดียว ข้าเชื่อว่าที่นี่คงจะไม่กีดกั้นสตรีตัวน้อยเพียงคนเดียวอย่างข้า สำหรับเรื่องของข้าและหานโม่ฉือ เมื่อได้พบกัน ท่านก็จะได้ทราบความจริงเอง”
วาจาของไป่หลี่ชิงโร่วทำให้หลี่จิ่งตระหนักถึงบางอย่างได้ทันที เขาเพียงยิ้มบาง ๆ และไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความ ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เห็นทีครานี้โม่ฉือและอวี้โม่จะต้องเผชิญปัญหาใหญ่เสียแล้ว…
“พวกเจ้า พาแม่นางไป่หลี่เข้าไปนั่งข้างในก่อนเถอะ และส่งคนไปแจ้งหานโม่ฉือด้วยว่ามีคนมาขอพบ”
หลี่จิ่งเรียกคนของนครล่าฝันสองคนเข้ามาก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องทำ เขาจะพาแม่นางเข้าไปข้างในเอง ข้าขอตัวก่อน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ไม่สนใจไป่หลี่ชิงโร่วอีกต่อไปและไปจัดการธุระของตน
ไป่หลี่ชิงโร่วไม่พอใจเล็กน้อยที่หลี่จิ่งเมินเฉยและไม่สนใจตนเช่นนี้ นางเป็นดั่งธิดาฟ้าประทานและเป็นที่สนใจของทุกคนตั้งแต่เยาว์วัย ในบรรดาตระกูลลับทั้งสี่ก็มีคนชื่นชอบนางมากทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าผู้ใดได้พบนางก็ต้องสนใจอย่างมิอาจละสายตาได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับแสดงท่าทีไม่สนใจนางเลยสักนิด
คุณหนูตระกูลไป่หลี่รู้สึกว่าถูกหยามเกียรติอย่างซึ่ง ๆ หน้า นางจึงตัดสินใจที่จะไม่ปิดบังความงามของตนอีกต่อไปและถอดผ้าคลุมบดบังใบหน้าทันทีเพื่อเผยให้เห็นใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ที่ต้องตาบุรุษทั้งดินแดน
“แม่นาง เชิญเลยขอรับ”
เด็กรับใช้เดินนำนางมาถึงห้องรับรอง และเมื่อหันกลับมาอีกครั้ง เขาก็ได้เห็นใบหน้างดงามของนาง
เด็กหนุ่มชะงักงันไปครู่หนึ่งทันทีก่อนเรียกสติและใบหน้ากลับคืนความเรียบเฉยอย่างรวดเร็ว
แม้ไป่หลี่ชิงโร่วจะงดงามชวนมองจริง ๆ ทว่าเด็กหนุ่มรับใช้ผู้นี้ก็เคยได้เห็นสตรีงามมาแล้วมากมาย
ในนครล่าฝันแห่งนี้ ไม่ว่าเยว่ชิงเฉิง เจียงหลิวเยว่ เพ่ยหลง ฉินอี้เพ่ย ฉีฉีหรือคนอื่น ๆ ล้วนแต่งดงามทรงเสน่ห์ไม่ด้อยกว่าไป่หลี่ชิงโร่วและแต่ละคนต่างก็มีความโดดเด่นในแบบของตนเอง เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินอวี้โม่เจ้าของใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาจุติก็มาเยือนที่นี่ เรียกได้ว่าเด็กหนุ่มมีภูมิต้านทานต่อความงดงามของสตรีแล้วจึงมิได้ตกตะลึงมากนัก
ไป่หลี่ชิงโร่วรู้สึกอึดอัดใจอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กหนุ่มรับใช้ ไม่คิดเลยว่าเมื่อนางเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกไป เขาจะชะงักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนกลับคืนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่านครล่าฝันแห่งนี้จะแตกต่างไปจากที่อื่นมาก
หลังจากนำทางไป่หลี่ชิงโร่วมาถึงห้องโถง เด็กหนุ่มก็รินน้ำชาให้กับนางพร้อมกล่าวบอกให้รอสักครู่ก่อนเดินจากไป
มู่อวิ๋นและคนอื่น ๆ ล้วนได้รับข่าวเกี่ยวกับไป่หลี่ชิงโร่วแล้วเช่นกัน ทว่าไม่มีผู้ใดปรากฏตัว นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหานโม่ฉือและพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเชื่อว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่จะสามารถรับมือกับเรื่องนี้และจัดการได้อย่างเหมาะสม
ไป่หลี่ชิงโร่วนั่งรอด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนในหัวใจ นางทั้งประหม่าและกังวลเมื่อคิดว่าจะได้พบคนที่เฝ้าฝันถึงในอีกไม่ช้า ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าคนผู้นั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้พบนาง เขาจะมีความรู้สึกประหม่าและหวั่นไหวเช่นเดียวกันหรือไม่ ? แล้วภรรยาของเขาจะริษยาและสับสนดั่งที่สตรีทั่วไปควรจะเป็นหรือไม่ ?
ในขณะที่ไป่หลี่ชิงโร่วกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยนั้น หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็ได้รับข่าวนี้
เวลานี้ฉินอวี้โม่หลอมอุปกรณ์สื่อสารคู่หนึ่งสำเร็จแล้วและกำลังจะไปหาบุตรน้อยทั้งสอง—เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่
“โม่ฉือ คู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่อยู่ในท้องของเจ้ามาหาถึงที่ เจ้าจะไม่ออกไปพบนางสักหน่อยรึ ?”
แม้เชื่อมั่นในตัวหานโม่ฉือ ฉินอวี้โม่ก็ยังรู้สึกโกรธเคืองในใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับแม่นางผู้นั้น
“เราจะไปด้วยกัน”
หานโม่ฉือจับมือบางของสตรีคนรักไว้อย่างกระชับแน่นและรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางเลือกใด เพราะเขาก็เพิ่งทราบเรื่องนี้เพียงไม่นานมานี้เช่นกัน
“เอ่อ…แม่นางผู้นั้นมาเพื่อพบเจ้า แล้วเจ้าจะให้ข้าไปด้วยทำไมเล่า ?”
ฉินอวี้โม่ลังเลเล็กน้อย นางไม่มีทางยอมรับออกไปตรง ๆ ว่าแท้จริงแล้วนางก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับไป่หลี่ชิงโร่วไม่น้อยเช่นกัน
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคือภรรยาสุดที่รักของข้า แน่นอนว่าเจ้ามีหน้าที่ออกไปพบแขกพร้อมกับข้า ยิ่งไปกว่านั้น การที่บุรุษและสตรีอยู่ด้วยกันสองต่อสองอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้”
หานโม่ฉือยิ้มและกล่าวโน้มน้าวใจ เขาไม่ยอมให้ฉินอวี้โม่ปฏิเสธและจับมือนางเดินตรงไปยังห้องโถงในทันที
ภายในห้องโถงรับรอง ไป่หลี่ชิงโร่วนั่งรอด้วยความประหม่าและกังวล เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนดังขึ้น นางก็ยืนขึ้นทันทีและหันมองไปทางประตูด้วยสีหน้าแววตาคาดหวัง การได้พบภาพของเขาเพียงแวบเดียวในครานั้นตราตรึงอยู่ในหัวใจนางเสมอมา แม้เขาจะไม่เคยพบนาง ไป่หลี่ชิงโร่วก็ตั้งมั่นสัญญากับตัวเองไว้แล้ว
เมื่อได้เห็นหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ที่จับมือเดินเข้ามาเคียงคู่กันอย่างมีความสุข ไป่หลี่ชิงโร่วก็ตะลึงงันและรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากชะงักไปทันที
แม้ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับฉินอวี้โม่มามากมาย นางก็ไม่เคยนำมาคิดจริงจัง ทว่าในตอนนี้เมื่อได้เห็นกับตา ความดูหมิ่นที่นางมีต่อฉินอวี้โม่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยและความมั่นใจที่มีก็เริ่มที่จะจางหายไป
สตรีผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวนวลและเส้นผมสลวยถูกมัดไว้หลังศีรษะอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าขาวเปล่งปลั่ง เครื่องหน้างดงามสมบูรณ์แบบและเรือนร่างที่เย้ายวนชวนมองยิ่งกว่าตนเสียอีก รวมถึงกลิ่นอายความเฉยเมยทว่าเจือด้วยความขี้เล่นสนุกสนานเล็ก ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้บุรุษทุกคนคล้อยตามได้ ฉินอวี้โม่ที่ปรากฏตรงหน้าในเวลานี้ราวกับเป็นเทพธิดานางฟ้าผู้มาจุติบนโลกมนุษย์และไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะละสายตาได้
สิ่งที่ทำให้ไป่หลี่ชิงโร่วหัวใจสลายมากยิ่งกว่าคือหานโม่ฉือที่จับมือของฉินอวี้โม่ไว้แน่นมองเห็นเพียงความงามของคนข้างกายเท่านั้น แม้ในตอนนี้เขาก็ไม่ชายตามองนางแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่มีความรักที่มั่นคงอย่างแท้จริงและไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดแทรกกลางระหว่างทั้งสองได้เลย และความรู้สึกนั้นชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้
ความมั่นใจในตัวเองของไป่หลี่ชิงโร่วก่อนหน้านี้แหลกสลายไม่มีชิ้นดี นางกำหมัดแน่นและหัวใจสั่นไหวปั่นป่วนเกินควบคุม
“ท่านคือคุณหนูจากตระกูลไป่หลี่หรือ ?”
ฉินอวี้โม่ปล่อยให้หานโม่ฉือจับมือพาตนมาถึงที่นี่ และเมื่อเห็นไป่หลี่ชิงโร่วที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและเอ่ยถามเบา ๆ
แม้ทราบดีว่าสตรีตรงหน้านี้คือคู่หมั้นคู่หมายของหานโม่ฉือ ฉินอวี้โม่ก็ไม่เคยมองนางเป็นศัตรูหัวใจ นางทราบดีว่าหานโม่ฉือมีเพียงตนในหัวใจและไม่มีพื้นที่เหลือให้ใครอื่นแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว ไม่ว่าจะเป็นไป่หลี่ชิงโร่วหรือสตรีคนใด หากพยายามคิดที่จะแย่งเขาไปจากนางก็เป็นได้เพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆเท่านั้น
น้ำเสียงไพเราะน่าฟังของฉินอวี้โม่ดังขึ้นเรียกสติของไป่หลี่ชิงโร่วให้กลับคืนมา นางขมวดคิ้วมุ่นและสายตามองไปยังมือที่จับกันแน่นของชายหญิงตรงหน้าก่อนพยักศีรษะเบา ๆ
“สวัสดี ข้าคือฉินอวี้โม่ นี่คือหานโม่ฉือสามีของข้า เดิมทีเมื่อรู้ว่าท่านมาพบ ข้าก็ไม่ได้อยากออกมา ทว่าสามีของข้าก็รบเร้าไม่หยุดหย่อนและต้องการให้ข้ามาด้วย ข้าจึงปฏิเสธเขาไม่ได้ หากเป็นการรบกวนอย่างไร ข้าก็ต้องขออภัยแม่นางไป่หลี่ด้วย”
มุมปากของฉินอวี้โม่ยกเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ทว่าน้ำเสียงแสดงถึงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน นางสังเกตเห็นสายตาที่ไป่หลี่ชิงโร่วมองหานโม่ฉือเมื่อครู่และเข้าใจได้ทันทีว่าแม่นางผู้นี้หลงรักบุรุษข้างกายของตน แม้ฉินอวี้โม่มีความสุขที่บุรุษคนรักของตนมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางก็จะไม่ยอมอยู่เฉยหากผู้ใดปรารถนาจะครอบครองเขา
วาจาของฉินอวี้โม่ทำให้ร่างบางของคุณหนูตระกูลไป่หลี่สั่นเทาเล็กน้อย เพียงจากน้ำเสียงของสตรีตรงหน้า ไป่หลี่ชิงโร่วก็รับรู้ได้ถึงความรักของหานโม่ฉือและความหลงใหลที่ทั้งสองมีต่อกัน ในเวลานี้หัวใจของนางก็เกิดรอยร้าวขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่านางแทบจะไม่มีโอกาสเลย
อย่างไรก็ตาม ไป่หลี่ชิงโร่วยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ฉินอวี้โม่จะงดงามเพียงใด ตัวนางก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่หรือไร้ความสามารถเช่นกัน ฉินอวี้โม่เพียงโชคดีที่ได้พบกับหานโม่ฉือและครองใจเขาได้ก่อนนางก็เท่านั้น หากนางเป็นคนที่ได้พบเขาก่อน ไป่หลี่ชิงโร่วเชื่อว่าหานโม่ฉือคงไม่ตกหลุมรักศัตรูหัวใจผู้นี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ไป่หลี่ชิงโร่วยังมีสัญญาการแต่งงานกับหานโม่ฉือ และนั่นหมายความว่านางยังพอมีโอกาส
ไป่หลี่ชิงโร่วสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวขึ้นเบา ๆ “ฉินอวี้โม่ ข้ามีสัญญาการแต่งงานกับโม่ฉืออยู่ คิดว่าเจ้าคงทราบดีอยู่แล้ว ขอบคุณที่ช่วยดูแลเขาแทนข้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ในเมื่อเขากลับมาแล้ว ข้าจะทำหน้าที่ดูแลเขาให้ดีเอง เจ้าก็เป็นคนชาญฉลาด ข้าเชื่อว่าเจ้าคงทราบว่าสิ่งใดดีที่สุด โม่ฉือและข้าจะขอบคุณเจ้าในอนาคต”
วาจาของนางเต็มไปด้วยการยั่วยุอย่างชัดเจน ไป่หลี่ชิงโร่วจงใจใช้สัญญาการแต่งงานที่คงอยู่มาเนิ่นนานเพื่อกดข่มฉินอวี้โม่
.