“ฮ่า ๆ ๆ หลอมเสร็จแล้วแต่กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้นมา สุดท้ายก็มีดีแค่คุยจริง ๆ !”
ผู้อาวุโสลั่วแห่งฝ่ายมารหัวเราะลั่นจนแทบเสียสติและความยโสโอหังในน้ำเสียงของเขาชัดเจนอย่างมิอาจปิดบังได้เลย ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าฉินอวี้โม่อาจมีฝีมือซ่อนไว้จริงและแอบกังวลใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่ผู้นี้กลับเพียงเสแสร้งและอวดอ้างทำเพื่อหลอกให้ทุกคนตายใจเท่านั้น
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
เพ่ยหลงลุกพรวดทันทีและโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ นางจับตาดูกระบวนการหลอมของฉินอวี้โม่มาตลอดและไม่เห็นสิ่งใดที่ผิดปกติ ต้องกล่าวเลยว่าสถานการณ์ที่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเช่นนี้หมายความได้เพียงสองอย่างเท่านั้น นั่นก็คือการหลอมได้เพียงอุปกรณ์ระดับต่ำหรือการหลอมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ทว่าจากที่นางรู้จักกับฉินอวี้โม่มา นางเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ทั้งสองทาง
“เสี่ยวเพ่ยหลง ไม่ต้องห่วง นั่งลงและรอรับชมเรื่องสนุก ๆ ต่อไปเถอะ”
ฉินเทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้เพ่ยหลงวางใจ รวมถึงบอกกับคนอื่น ๆ ที่ยังฉงนสนเท่ห์ไปในเวลาเดียวกัน
“ถูกต้อง รอชมเรื่องสนุก ๆ เถอะ ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง”
อวิ๋นเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นกัน ใบหน้าของเขาในตอนนี้ยังคงเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด มันมิใช่ว่าการหลอมอุปกรณ์ที่ดีขึ้นมาจะต้องเกิดปรากฏการณ์หรือแสงสีสันในทุกครั้ง ในฐานะช่างหลอมมากฝีมือ เขาทราบดีว่ายังมีอุปกรณ์ที่วิเศษบางอย่างที่เสร็จสมบูรณ์ได้โดยไม่มีความผิดปกติหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ณ แท่นสูงตรงกลางลานจัตุรัสซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งของสมาชิกจากสมาคมช่างหลอม เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมต่างก็นิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนสายตาจับจ้องไปที่ร่างของฉินอวี้โม่ด้วยความตื่นตะลึง
“ท่านประธาน หรือว่านางจะหลอมสิ่งนั้น ขึ้นมา ?!”
โม่ไป๋มองไปที่ฉินอี้โม่และกล่าวกับเฉินโหยวที่ใบหน้าเรียบเฉยอยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“เป็นไปได้มากทีเดียว !”
เฉินโหยวพยักศีรษะเบา ๆ เขาพอจะมีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจแล้ว ทว่าเมื่อมองดูใบหน้าของฉินอวี้โม่ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น คนรุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างทรงพลังจริงดังที่คิดไว้ การหลอมอุปกรณ์เช่นนั้นได้สำเร็จอย่างสบาย ๆ แสดงให้เห็นว่าสักวันฉินอวี้โม่ผู้นี้จะกลายเป็นช่างหลอมแถวหน้าของดินแดนได้อย่างแน่นอน !
“ไม่ต้องห่วง ทุกท่านรอดูสิ่งหลอมของฉินอวี้โม่ก่อนเถอะ แม้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดปรากฏให้เห็นก็มิได้หมายความว่ามันจะล้มเหลว ฉินอวี้โม่ผู้นี้อาจทำให้ทุกคนต้องตื่นตาก็เป็นได้”
ชิงตาน—ผู้อาวุโสรองของเกาะวายุนิ่งแสดงความชื่นชมที่มีต่อฉินอวี้โม่ออกมาและครานี้เมื่อคาดเดาว่านางอาจหลอมบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ความชื่นชมดังกล่าวก็ทวีคูณมากยิ่งขึ้น
เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะผูกมิตรสร้างไมตรีกับฉินอวี้โม่และเชิญนางไปเยี่ยมเยือนที่เกาะวายุนิ่งสักครา
“จิ๊จิ๊จิ๊ หากหลอมไม่สำเร็จก็ยอมรับมาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องเสแสร้งเล่นละครอีกต่อไป”
ผู้อาวุโสลั่วจากฝ่ายมารมิใช่ช่างหลอม เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเพียงมองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามอย่างชัดเจน เขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่าทักษะการหลอมของฉินอวี้โม่ผู้นี้จะเหนือชั้นกว่านายน้อยของตน
“บางคนก็ไม่ควรเอ่ยวาจาอย่างมั่นอกมั่นใจจนเกินไป มิฉะนั้น เมื่อความจริงปรากฏก็อาจไม่มีหน้าไปสู้ผู้ใดได้”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็นและพุ่งลงจากแท่นสูงของตนมาหยุดลงตรงหน้าเฉินโหยวและคนอื่น ๆ
หลังจากขยับมืออย่างรวดเร็ว วัตถุสองชิ้นที่ดูเหมือนกำไลสีเงินก็ปรากฏในมือของนาง
กำไลทั้งสองวงดูวิจิตรงดงามยิ่งดุจดั่งเครื่องประดับมีราคา อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของฉินอวี้โม่แสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมราวกับว่ากำไลดังกล่าวเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้คนทั้งดินแดนต่างก็ต้องโหยหา
“ท่านประธานเฉินโหยว เหล่าผู้อาวุโสและทุกท่านที่อยู่ที่นี่ จริงอยู่ที่ว่าผลงานของข้ามิใช่อุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะ ทว่าคุณค่าของมันก็ไม่ด้อยไปกว่าอุปกรณ์ระดับดังกล่าวอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวโดยไม่กังวลแม้แต่น้อยก่อนยื่นกำไลให้กับเฉินโหยวเพื่อตรวจดูอย่างใกล้ชิด
ประธานสมาคมช่างหลอมสำรวจตรวจดูกำไลดังกล่าวอย่างพินิจพิจารณาและเผยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้เขาดูสดใสและมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก
เมื่อเห็นอากัปกิริยาประหลาดของเฉินโหยว ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของสมาคมต่างก็มองวัตถุเหมือนกำไลนั้นด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้
“ของดี…ของดีจริง ๆ ! เมื่อใดที่เปิดเผยคุณสมบัติของสิ่งนี้ออกไป เกรงว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันในหมู่ขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายแห่งในดินแดนเป็นแน่ หากเป็นไปได้ ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จะหลอมสิ่งนี้ให้สมาคมช่างหลอมของเราสักคู่หนึ่งได้หรือไม่ สมาคมเราจะจัดหาวัสดุให้กับท่านจอมยุทธ์ในปริมาณสามเท่าและจะถือว่าติดค้างท่านครั้งหนึ่ง”
เฉินโหยวไม่ปิดบังความปรารถนาที่จะผูกมิตรกับฉินอวี้โม่และกล่าวออกไปโดยตรงซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้อื่นอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ข้าจะมอบกำไลสื่อสารคู่นี้ให้กับทางสมาคมช่างหลอมก็แล้วกัน แม้ข้าจะอยากปฏิเสธข้อเสนอสำหรับสิ่งที่ท่านประธานสมาคมต้องการมอบให้ ทว่าการหลอมกำไลสื่อสารนี้ก็มิใช่ง่ายและมีต้นทุนที่สูง ข้าจึงจะไม่ปฏิเสธวัสดุสามชุดที่ว่านั้น”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา การที่ดินแดนทางเหนือผูกมิตรกับสมาคมช่างหลอมถือเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพลังอำนาจและอิทธิพลที่แพร่หลายของสมาคมช่างหลอม ชื่อเสียงของดินแดนทางเหนือและตัวนางในฐานะผู้นำก็จะดีขึ้นกว่าเก่าอย่างแน่นอนซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริง ๆ ชายแก่ผู้นี้ยินดีที่จะได้ผูกมิตรไมตรีกับท่าน”
ทุกคนในสมาคมช่างหลอมล้วนชื่นชมในความตรงไปตรงมาและไม่อ้อมค้อมของฉินอวี้โม่
แรกเริ่มเดิมที เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมยังคงงุนงงกับวาจาของประธานสมาคม ทว่าเมื่อมองดูกำไลสื่อสาร ใบหน้าของพวกเขาก็คลี่ยิ้มกว้างด้วยความยินดีเช่นกันและคิดตรงกันว่าประธานสมาคมตัดสินใจถูกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การที่วันนี้ฉินอวี้โม่เอาชนะเฉินซินได้ ทางสมาคมช่างหลอมของพวกเขาก็ถือว่าติดค้างบุญคุณกับฉินอวี้โม่ ด้วยทักษะการหลอมที่เหนือชั้นเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องการผูกมิตรไมตรีกับนาง
เมื่อเห็นผู้อาวุโสทุกคนของสมาคมช่างหลอมมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาชื่นชมอย่างแรงกล้า ทุกคนที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้มากกว่าเดิม พวกเขาไม่ทราบเลยว่าสิ่งหลอมประเภทใดกันที่จะทำให้ทั้งประธานสมาคมและเหล่าผู้อาวุโสที่รอบรู้และมากประสบการณ์แสดงท่าทางเช่นนี้ได้
เฉินซินเองก็อยากรู้เช่นกัน นับตั้งแต่เห็นกำไลสีเงินดังกล่าว เขาก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บัดนี้เมื่อเห็นสีหน้าแววตาของสมาชิกทุกคนในสมาคมช่างหลอม เขาก็มั่นใจในความรู้สึกดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
“เหอะ จะมัวแต่ปิดบังอยู่ทำไมกัน ? หากคุณสมบัติของมันดีจริงก็ประกาศต่อหน้าทุกคนเถอะ มิฉะนั้นก็จะถือว่านายน้อยของเราเป็นผู้ชนะไปโดยปริยาย”
ผู้อาวุโสลั่วขมวดคิ้วและกล่าวด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าแผนการแรกของฝ่ายมารดูจะล้มเหลวไปเสียแล้ว
“ท่านลุงฉิน ข้าไม่รู้เลยว่าโม่เอ๋อร์หลอมของสิ่งใดที่ทำให้คนในสมาคมช่างหลอมมีปฏิกิริยาเช่นนั้นได้”
เพ่ยหลงและคนอื่น ๆ ก็สงสัยใคร่รู้เช่นกันและต้องการปรี่เข้าไปที่แท่นสูงเพื่อสำรวจอย่างใกล้ชิด เพียงแต่ตอนนี้มีคนอื่นอยู่มากมายเกินไปและพวกเขาจะไม่กระทำการสิ่งใดบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด
“ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด ทว่ามันต้องเป็นอุปกรณ์พิเศษที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน”
มุมปากของฉินเทียนกระตุกเป็นรอยยิ้มกว้าง ยอดฝีมือผู้นี้คือบุตรสาวที่รักยิ่งและเขาภูมิใจในตัวนางเป็นที่สุด
“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่หลอมอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า ‘กำไลสื่อสาร’ ”
เฉินโหยวกระแอมเล็กน้อยก่อนเริ่มประกาศคุณสมบัติของกำไลสื่อสารที่ถืออยู่ในมือ
เมื่อได้ยินว่าผลงานของฉินอวี้โม่คืออุปกรณ์พิเศษ อารมณ์ความตื่นเต้นของทุกคนก็พลุ่งพล่านทันที และหลังจากทราบคุณสมบัติของกำไลสื่อสาร พวกเขาก็ตื่นเต้นอย่างที่สุดและยิ้มกว้างไม่ต่างกัน
‘กำไลสื่อสาร’ มีคุณสมบัติดังชื่อซึ่งก็คืออุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้คนสื่อสารกันได้แม้อยู่ห่างไกลกันนับหมื่นลี้
กำไลสื่อสารมีคุณสมบัติการใช้งานส่วนหนึ่งเหมือนแหวนมิติที่สามารถบรรจุสิ่งของได้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตบางอย่างเช่นกัน อีกทั้งยังมีข่ายอาคมสามชั้นที่ฉินอวี้โม่วางไว้ด้วยตัวเองเพื่อต้านทานการโจมตีจากจอมยุทธ์ที่มีพลังในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดได้ถึงสามครั้ง นอกจากการสื่อสารและบรรจุสิ่งของ มันก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตชั้นดี
ยิ่งไปกว่านั้น กำไลสื่อสารก็ต้องใช้หยดเลือดเพื่อยอมรับผู้เป็นนาย เมื่อการทำพันธสัญญาเกิดขึ้นแล้ว เว้นแต่ว่าเจ้านายจะถูกสังหาร ก็จะไม่มีผู้ใดที่ใช้มันได้ ถือได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยกว่าแหวนมิติมาก
แน่นอนว่าสิ่งที่น่าทึ่งมากที่สุดคือคุณสมบัติในการสื่อสารระยะไกลนับหมื่นลี้ ตราบใดที่พลังวิญญาณของทั้งสองฝ่ายถูกเติมลงในกำไล คนทั้งสองก็จะสื่อสารกันได้อย่างง่ายดายในทุกเวลาอย่างทันท่วงที
ด้วยวิธีนี้ หากเกิดเรื่องบางอย่างกับขุมกำลังใหญ่หรือมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ พวกเขาจะสามารถส่งข่าวและเตรียมความพร้อมได้อย่างทันท่วงที อุปกรณ์วิเศษเช่นนี้เป็นการวิวัฒนาการก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่จะสะเทือนทั้งดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอน
“สวรรค์ ! ช่างเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ทรงพลังนัก หากได้มาครองสักชิ้น ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็ไม่กลัว”
ใครคนหนึ่งถอนหายใจให้กับความน่าทึ่งและกล่าวออกไปพร้อมมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาชื่นชม กำไลที่หลอมสำเร็จครานี้ถูกมอบให้กับทางสมาคมช่างหลอมแล้ว และหากต้องการเพิ่มเติมก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยขอจากฉินอวี้โม่โดยตรง
ทุกคนทราบดีว่าการหลอมกำไลสื่อสารมิใช่เรื่องง่าย จู่ ๆ หัวใจของหลายคนก็เกิดความคิดแน่วแน่ขึ้นทันทีว่าพวกเขาจะต้องหาทางผูกมิตรกับฉินอวี้โม่หรือดินแดนทางเหนือให้ได้ และแน่นอนว่าต้องเป็นความสัมพันธ์ที่จริงใจ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาอาจสามารถขอให้ฉินอวี้โม่ช่วยหลอมสิ่งที่ต้องการได้ซึ่งนั่นจะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในขุมกำลังของพวกเขาอย่างแน่นอน
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม ! จอมยุทธ์หานโม่ฉือ สักวันข้าคงต้องขอให้อวี้โม่ช่วยหลอมกำไลสื่อสารให้กับนครเวหาเช่นกัน เมื่อมีของดีเช่นนี้ การติดต่อสื่อสารกับขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายจะสะดวกสบายขึ้นมาก”
อวิ๋นเฟิงกระแอมเบา ๆ และกล่าวอย่างไม่ปิดบัง เขามีความตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอให้ฉินอวี้โม่ช่วยหลอมกำไลนี้ให้กับขุมกำลังของตน
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่มีปัญหา”
หานโม่ฉือยิ้มบาง ๆ ต่อให้อวิ๋นเฟิงไม่กล่าวออกมา สิ่งนี้ก็ย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพียงแต่มันอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะเขาไม่ต้องการให้คนรักต้องเหนื่อยจนเกินไป
“ว่าอย่างไร นายน้อยแห่งขุมกำลังมารร้าย ? ยอมรับความพ่ายแพ้ในการดวลครานี้หรือไม่ ?”
โม่ไป๋กล่าวขณะมองเฉินซินด้วยแววตาเย็นชา เขาไม่มีทางลืมความเจ็บที่เกิดจากการทรยศของเฉินซินได้เลย ทว่าวันนี้ฉินอวี้โม่ก็เอาชนะเฉินซินและกู้หน้าให้กับสมาคมช่างหลอมได้อย่างสมศักดิ์ศรี สิ่งนี้ทำให้เขาซาบซึ้งในน้ำใจของฉินอวี้โม่อย่างแท้จริง
“ข้าแพ้แล้ว…”
แม้ไม่ต้องการยอมรับมัน ทว่าอุปกรณ์สื่อสารนี้ก็เหนือธรรมชาติเกินไปและเฉินซินไม่สามารถโต้แย้งความจริงข้อนี้ได้เลย
เวลานี้ผู้อาวุโสลั่วก็มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเกจนแทบดูไม่ได้ อุปกรณ์สื่อสารที่เป็นผลงานของฉินอวี้โม่ทรงพลังอย่างแท้จริง หากขุมกำลังใหญ่ของดินแดนมีอุปกรณ์เช่นนี้ มันก็มิใช่เรื่องดีสำหรับฝ่ายมารแน่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาที่เขามองฉินอวี้โม่จึงเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
“หึหึหึ ในเมื่อพวกข้าแพ้ แน่นอนว่าก็ต้องมอบของขวัญตามที่ตกลงกันไว้ เพียงแต่…ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะชอบของขวัญนี้รึไม่ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวรอบตัว…
.