ณ แท่นที่สูงที่สุด ฉินอวี้โม่เตรียมวัสดุของตนอย่างไม่รีบร้อนขณะควบคุมเปลวเพลิงและค่อย ๆ ดำเนินการหลอมอุปกรณ์ไปอย่างช้า ๆ
เฉินซินเองก็หลอมอุปกรณ์ของเขาด้วยท่าทางสงบใจเย็นและไม่รีบร้อนเช่นกัน การขยับเคลื่อนไหวมือทุกท่วงท่าของเขาดำเนินไปอย่างคล่องแคล่วและเชี่ยวชาญ การควบคุมความร้อนจากเพลิงของเขาก็สมบูรณ์แบบ รวมถึงจังหวะท่าทางการหลอมของเขาก็ดูสง่างามยิ่งนัก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
วัสดุสิ่งหลอมที่เขานำออกมาล้วนเป็นวัสดุชั้นดีที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่าในสายตาของเขา พวกมันทั้งหมดดูราวกับไม่มีค่าแม้แต่น้อย
ในฐานะนายน้อยของฝ่ายมารและยอดฝีมือหัวกะทิที่ได้รับการฝึกฝนจากสมาคมช่างหลอมโดยตรง แน่นอนว่าเขาเห็นวัสดุล้ำค่าเหล่านี้อยู่เป็นประจำและไม่ก่อให้เกิดความเสียดายแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่วงท่าที่ดูสง่างามและสีหน้าราบเรียบใจเย็นของเฉินซิน แม้ตระหนักดีว่าคนผู้นี้คือศัตรูตัวร้ายของคนทั้งดินแดนเทพมายา ทุกคนก็ยังชื่นชมเขาจากใจจริง คนรุ่นเยาว์สง่างามและมากพรสวรรค์เช่นนี้ไม่เสียชื่อจริง ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนและอบรมมาจากสมาคมช่างหลอม
เมื่อเทียบกับความสง่างามน่ามองของเฉินซิน คู่แข่งอย่างฉินอวี้โม่ช่างดูเฉื่อยชาและเหนื่อยหน่ายกว่ามาก ตอนนี้นางดูเหมือนไม่ได้หลอมอุปกรณ์ใดด้วยซ้ำทว่ากำลังเล่นกับบางสิ่งบางอย่างอย่างสบาย ๆ
วัสดุสำหรับสิ่งหลอมที่นางหยิบออกมามีจำนวนเพียงน้อยนิดทว่าพวกมันทั้งหมดดูล้ำค่ากว่าวัสดุของเฉินซินมาก ไม่ว่าจะเป็นเหล็กหล่อพันปี แก่นมายาของอสูรมายาระดับสูงและผลึกหัวใจมายาที่หายาก วัสดุทุกอย่างของฉินอวี้โม่ล้วนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คน
เตาหลอมที่ก่อตัวจากน้ำแข็งเยือกเย็นก็ลอยตัวกลางอากาศโดยที่ล้อมรอบไปด้วยเพลิงจักรพรรดิลุกโชนซึ่งเกิดเป็นภาพที่สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง
แม้ไม่อาจมองเห็นปฏิกิริยาหรือกระบวนการที่เกิดขึ้นภายใน เพียงมองดูภาพที่น่าตื่นตาตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“การที่สามารถสร้างความสง่างามในกระบวนการหลอมเช่นนี้ ช่างเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ยิ่งนัก”
เฉินโหยวและสมาชิกสมาคมช่างหลอมล้วนมองดูด้วยความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อฉินอวี้โม่และมั่นใจในทักษะการหลอมของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ การที่นางสามารถวางตัวผ่อนคลายได้มากเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าทักษะการหลอมของนางไม่ด้อยไปกว่าเฉินซินอย่างแน่นอน แม้แต่ประธานสมาคมช่างหลอมเองก็อาจไม่เหนือชั้นกว่านางมากนัก
ทุกคนในที่นี้มองดูภาพตรงหน้าท่ามกลางความเงียบสงัดขณะชื่นชมการหลอมอุปกรณ์ของช่างหลอมระดับปรมาจารย์ทั้งสองคนบนแท่นสูงและไม่มีผู้ใดคิดจะเอ่ยสิ่งใดทำลายความเงียบนี้ หัวใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังและสงสัยใคร่รู้ว่าผลงานสิ่งหลอมของทั้งสองจะเป็นอย่างไร
เวลาหลายชั่วยามผ่านไปรวดเร็วราวกับชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์เรืองรองใกล้ตกดินเต็มทีในขณะที่ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวค่อย ๆ มืดสลัวลง
ทั้งสองคนบนแท่นสูงยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดแปลกไปจากเดิมแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าสิ่งหลอมของทั้งสองน่าจะยังไม่สมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่กังวลแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนทราบดีว่าสิ่งหลอมของช่างหลอมมากฝีมือทั้งสองคนจะต้องเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ระดับสูงอย่างแน่นอน ในสถานการณ์ปกติ การหลอมอุปกรณ์ระดับสูงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็ม และบางคราอาจใช้เวลามากยิ่งกว่า
เพราะเหตุนั้น กล่าวได้ว่ายิ่งใช้เวลาในการหลอมมากเพียงใดก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสิ่งหลอมจะล้ำค่ามากเพียงนั้นเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนดึกดื่นค่อนคืน ประธานสมาคมก็สั่งให้คนเตรียมไข่มุกราตรีจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาเพื่อเพิ่มความสว่างให้ทั่วทั้งพื้นที่ของเมืองซิ่งหัวจนดูไม่ต่างจากแสงในตอนกลางวัน
แม้เวลาล่วงเลยมานาน เหล่าผู้ชมกลับไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าหรือง่วงนอนแม้แต่น้อย พวกเขายังคงมองไปที่ฉินอวี้โม่และเฉินซินบนแท่นสูงด้วยแววตาจดจ่อไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่มีฝีมือพอสมควร และปกติแล้วผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติแม้จะไม่รับประทานอาหารหรือพักผ่อนติดต่อกันนานเจ็ดวัน
ไม่มีผู้ใดปลีกตัวแยกออกไปจากลานจัตุรัสแห่งนี้ เนื่องจากกลัวว่าหากละสายตาและจากไปเพียงชั่วขณะ พวกเขาอาจพลาดบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ก็เป็นได้
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และดวงอาทิตย์ในยามเช้าก็ส่องแสงแดดอ่อน ๆ ออกมา หลายคนก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะหาวออกมาเล็กน้อย
พรึ่บ !
เสียงหนึ่งที่แทบไม่ได้ยินดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและทุกคนมองไปยังต้นเสียงนั้นทันที
ระหว่างนั้น บนแท่นสูงที่สงบนิ่งในตอนแรกมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ
จู่ ๆ เตาหลอมของเฉินซินก็หมุนตัวอย่างเร็วและลำแสงค่อย ๆ ส่องสว่างออกมาเป็นสีสันแตกต่างกัน
เริ่มตั้งแต่สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว…
ท้ายที่สุด ลำแสงเจ็ดสีก็ส่องสว่างและความเร็วในการหมุนของเตาหลอมก็ค่อย ๆ ช้าลง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลำแสงทั้งเจ็ดสีรวมตัวกันเป็นสีเดียวซึ่งก็คือสีเขียวและเกิดเสียงดังมาจากเตาหลอมก่อนที่มันจะหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว
“สวรรค์ ! นั่นมันอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะ !”
ใครบางคนโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความคาดไม่ถึงและไม่คิดว่าเฉินซินจะหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะได้เช่นนี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาเสมอว่าอย่างมากนายน้อยฝ่ายมารผู้นี้น่าจะหลอมได้เพียงอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นพิภพ ต่อให้เขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม
“ไม่คิดเลยว่าทักษะการหลอมของเฉินซินจะแกร่งกล้าถึงเพียงนี้แล้ว แม้แต่ตัวข้าเองที่คิดจะหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”
โม่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวออกไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สมาคมช่างหลอมของพวกเขาฟูมฟักและให้การฝึกฝนศัตรูที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
“สิ่งหลอมระดับวิจิตรขั้นสุริยะถือเป็นอุปกรณ์ระดับสูงมาก แม้จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จะเป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์เช่นกัน อย่างมากนางก็คงจะหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะออกมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ผลการดวลครานี้ก็คงจะเสมอกันมิใช่รึ ?”
ใครคนหนึ่งขมวดคิ้วและกล่าวถึงความกังวลในใจของตนออกไป
ต่อให้ฉินอวี้โม่เป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ที่มากฝีมือ ผลงานของนางก็คงจะเทียบเท่ากับเฉินซินเท่านั้น แม้ว่าการเสมอถือเป็นผลที่ไม่เลวร้ายนัก ทว่าสมาชิกของฝ่ายมารก็คงจะมีท่าทียโสโอหังจากผลลัพธ์นี้ได้และวางตัวเหนือผู้คนในทั่วทั้งดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอน
“ท่านประธาน ท่านคิดว่าอย่างไร ?”
ทุกคนมองไปที่ประธานเฉินโหยวและไม่เห็นความกังวลใด ๆ แสดงบนใบหน้าของเขา
ด้วยเหตุผลบางประการ ต่อให้เฉินซินจะหลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะออกมาได้สำเร็จ เฉินโหยวก็ยังมีท่าทางที่สงบนิ่งอยู่ เขาเชื่อมั่นว่าฉินอวี้โม่จะเอาชนะอดีตศิษย์รักของตนได้อย่างแน่นอนและผู้นำดินแดนทางเหนือผู้นี้จะต้องมีวิธีการบางอย่างที่คาดไม่ถึง
“ไม่ต้องห่วง”
หลังจากกล่าวเพียงสั้น ๆ เพื่อบรรเทาความกังวลของคนในสมาคมช่างหลอม สายตาของเฉินโหยวก็มองตรงไปที่ฉินอวี้โม่อีกครา
เขารู้สึกมาตลอดว่าสิ่งหลอมของฉินอวี้โม่ครานี้จะต้องเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน
เหนือกว่าอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะก็ยังมีอุปกรณ์ระดับราชันซึ่งมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม การที่คิดจะหลอมอุปกรณ์ระดับราชันขึ้นมาจะต้องใช้วัสดุที่ล้ำค่าที่สุดและทักษะการหลอมที่สมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยหลอมออกมาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หากต้องการเอาชนะเฉินซิน ฉินอวี้โม่ไม่จำเป็นต้องหลอมอุปกรณ์ระดับราชันเสียทีเดียว เพราะอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะก็ยังแบ่งย่อยได้เป็นคุณภาพสามระดับเช่นกัน นั่นก็คือคุณภาพต่ำ คุณภาพกลางและคุณภาพสูง ความแข็งแกร่งของเฉินซินในตอนนี้หลอมได้เพียงอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะที่คุณภาพต่ำเท่านั้น หากฉินอวี้โม่หลอมอุปกรณ์ที่คุณภาพสูงออกมาได้ นางก็จะเอาชนะเฉินซินได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งซึ่งก็คือการหลอมอุปกรณ์พิเศษในตำนานออกมาซึ่งแตกต่างไปจากอุปกรณ์ทั่วไปที่ผู้คนเคยพบเห็นกัน หากอุปกรณ์ดังกล่าวมีคุณค่าการใช้งานที่สูง การประเมินมูลค่าของมันก็อาจไม่ด้อยกว่าอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะ
เฉินโหยวตั้งตารอด้วยความคาดหวังว่าฉินอวี้โม่จะหลอมอุปกรณ์พิเศษดังกล่าว ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยพบเจอช่างหลอมคนใดที่สามารถหลอมอุปกรณ์พิเศษขึ้นมาได้สำเร็จและเขาก็ตั้งตารอให้เวลานั้นมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ
เฉินซินไม่รีบร้อนเปิดเตาหลอมของตนเพื่อหยิบสิ่งหลอมออกมาขณะชำเลืองมองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
สิ่งหลอมของเขาในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสมบูรณ์แบบที่สุดที่เขาเคยหลอมมา ต่อให้ฉินอวี้โม่หลอมอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นสุริยะเช่นเดียวกัน เขาก็มั่นใจว่าจะเอาชนะคู่แข่งได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ยังคงดูไม่ทุกข์ร้อน นายน้อยฝ่ายมารก็เริ่มกังวลขึ้นมาและความมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนหน้านี้ก็เริ่มลดน้อยลงไป
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่รับรู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายหลอมอุปกรณ์สำเร็จแล้ว ทว่านางไม่สนใจสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เวลานี้นางยังคงจดจ่อกับขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมอุปกรณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็น
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉินซิน ฉินอวี้โม่ก็บิดเอวยืดเหยียดร่างกายอย่างเกียจคร้านราวกับแมวน้อยอ่อนแรง
หานโม่ฉือส่ายศีรษะเบา ๆ ทันทีที่เห็นอากัปกิริยาของฉินอวี้โม่ หากนางเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สตรีและทำท่าทางเช่นนี้ มันก็คงทำให้บุรุษทุกคนในใต้หล้าถึงกับอยู่ไม่ติดอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ ๆ ความเร็วในการหลอมของท่านไม่ธรรมดาเลย ไม่เสียแรงที่สมาคมช่างหลอมฝึกฝนท่านมาตลอดหลายปี”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวออกไป แท้จริงแล้วนางมิได้เกลียดชังเฉินซินผู้นี้เท่าใดนัก เพียงแต่วิธีการของเขาน่ารังเกียจเกินไป
นางชิงชังกบฏผู้ทรยศเป็นที่สุด ทว่าในตอนแรกเฉินซินก็อาจจะไม่มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสมาคมช่างหลอม เพียงแต่หลังจากนั้นทางสมาคมกลับไม่สามารถค้นพบความจริงได้ทันเวลา
อย่างไรก็ตาม เฉินซินก็ฉวยโอกาสและใช้ประโยชน์จากความจริงใจที่เฉินโหยวมีให้เขาและนั่นเป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่รังเกียจยิ่งนัก
“การที่ฉวยโอกาสจากความจริงใจของผู้อื่น นั่นทำให้รู้สึกดีอย่างนั้นหรือ ?”
นางอดกล่าวออกไปอย่างเย็นชาไม่ได้ ฉินอวี้โม่ไม่ได้ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้กับสมาคมช่างหลอม ทว่าก็อดเอ่ยถามออกไปไม่ได้
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เฉินซินก็ชะงักไปเล็กน้อยและความรู้สึกผิดก็ฉายชัดบนใบหน้าของเขาทันที
“บางสิ่งบางอย่างก็ไม่อาจควบคุมได้”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ไม่ลังเลอีกหรือสนใจฉินอวี้โม่อีกต่อไป จากนั้นเขาก็พุ่งตัวลงจากแท่นสูงและไปหยุดตรงหน้าเฉินโหยวและคนอื่น ๆ
“นี่คืออาวุธที่ข้าหลอมออกมา—มีดอสูรโลหิต มันคืออาวุธระดับวิจิตรขั้นสุริยะ เชิญพวกท่านตรวจสอบคุณสมบัติของมันได้เลย”
เฉินซินกล่าวขณะหยิบสิ่งหลอมออกจากเตาหลอมและแสดงให้เห็นต่อหน้าทุกคน น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยมและพึงพอใจกับผลงานของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
อักษรหลายตัวปรากฏขึ้นกลางอากาศซึ่งระบุถึงคุณสมบัติของมีดอสูรโลหิตเล่มนี้
นอกเหนือจากความแหลมคมและความทรงพลัง คุณสมบัติที่น่าทึ่งที่สุดของมันคือคุณสมบัติในการพัฒนาเติบโตต่อไป
คุณสมบัติการพัฒนาเติบโตเช่นนี้หมายความว่ามีดดังกล่าวจะสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ หากมีโอกาสในอนาคต มันก็สามารถสั่งสมพลังมากพอจนจำแลงร่างมนุษย์ได้และพัฒนาจนกลายเป็นอุปกรณ์ระดับราชัน
เนื่องจากคุณสมบัตินี้ เฉินซินจึงมั่นใจในผลงานของตนเองเป็นอย่างมาก ครานี้เขาแสดงฝีมือได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อหลอมอาวุธที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขาถือว่าไม่ธรรมดา กอปรกับอาวุธเช่นนี้ก็ยิ่งเสริมให้ตัวเขาทรงพลังมากขึ้นไปอีก
“เหอะ อาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ แม้แต่ประธานสมาคมช่างหลอมเองก็อาจจะหลอมมันออกมาไม่ได้ง่าย ๆ เห็นได้ชัดแล้วว่าพรสวรรค์ของนายน้อยยอดเยี่ยมเพียงใด อยากรู้นักว่าฉินอวี้โม่นั่นจะเอาชนะนายน้อยของพวกข้าได้อย่างไร !”
ผู้อาวุโสลั่วจากฝ่ายมารกล่าวขึ้นได้จังหวะพอดิบพอดีและน้ำเสียงยังคงโอหังไม่เปลี่ยนแปลง ผลงานการหลอมอุปกรณ์ที่น่าทึ่งของเฉินซินเหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน ยิ่งนายน้อยฝ่ายมารทำผลงานได้ดีเพียงใด มันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อฝ่ายมารมากเพียงนั้น
“รอดูไปก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วง เจ้าจะรู้สึกเหมือนถูกตบใบหน้าฉาดใหญ่อย่างแน่นอน”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาทว่าทำให้ผู้อาวุโสลั่วแทบเดือดดาลทันที
“ฮ้าาา~ เสร็จสักที !”
ฉินอวี้โม่บนแท่นสูงถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็หันขวับไปมองในทันที ฉินอวี้โม่หลอมอุปกรณ์ของตนเสร็จสมบูรณ์แล้วทว่ากลับไม่มีปรากฏการณ์หรือแสงใด ๆ ที่ปรากฏให้เห็น หรือว่าการหลอมของนางจะล้มเหลว…?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของหลายคนก็เริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย