ผู้ติดตามหลายคนของหานซื่อล้วนจัดว่ามีฝีมือโดดเด่นในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลหานและแน่นอนว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา
แม้ความแข็งแกร่งของฝ่ายประตูหมื่นดาราจะถือว่าไม่เลวเช่นกัน ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายหานซื่อแม้แต่น้อย
ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ สมาชิกของฝ่ายประตูหมื่นดารานับสิบคนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ท่วงท่าการโจมตีของหานซื่อดุเดือดรุนแรงอย่างยิ่งและไม่ได้ยั้งมือแม้แต่น้อย เขาประจันหน้ากับหัวหน้ากลุ่มคนจากประตูหมื่นดาราและทุกกระบวนท่าโจมตีของเขาก็แอบแฝงไปด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า
“ท่าไม่ดีแล้ว ทุกคน ถอยก่อนเถอะ !”
เมื่อผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มฝ่ายประตูหมื่นดาราเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เขาก็ไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไปก่อนที่ร่างของเขาจะกะพริบหายไปและล่าถอยออกไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ จากประตูหมื่นดาราก็ถอยตามเขาไปเช่นกันและหายไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยปรากฏกายมาก่อน
“เหอะ รวดเร็วกันจริง ๆ !”
หานซื่อแค่นเสียงในลำคอทว่าไม่ไล่ตามพวกเขาเหล่านั้นไป บุคคลที่เขาต้องการจัดการจริง ๆ ก็คือฉินอี้เฟยผู้ซึ่งนั่งชมเหตุการณ์ความวุ่นวายด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เหอะ ข้าจัดการพวกเขาจนถอยหนีกันไปหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่เจ้า จะส่งแหวนมิติมาแต่โดยดีหรือว่าจะสู้กับข้าก่อน !”
คุณชายรองของตระกูลหานแค่นเสียงอีกครั้งและสายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉินอี้เฟยและบ่าวฮุยซึ่งแสดงใบหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ
แท้ที่จริงแล้วเขาไม่สามารถตรวจจับพลังของบ่าวฮุยได้เลย หากต้องรับมือกับคนทั้งสอง หานซื่อก็ไม่มั่นใจนักว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีไพ่ตายซ่อนไว้ หากใช้ไพ่ตายเหล่านั้น เขาเชื่อว่าจะเอาชนะได้อย่างไม่มีปัญหา
“จิ๊จิ๊จิ๊ คนบางคนก็หยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ คุณชายรองแห่งตระกูลหานคงคิดว่าตนเองสูงส่งและยิ่งใหญ่มากสินะ…”
ฉินอี้เฟยยืนขึ้นอีกครั้งขณะมองคู่ต่อสู้ด้วยแววตาเหยียดหยาม
สำหรับการที่ฉินอี้เฟยทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา หานซื่อไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรแล้วหากข่าวลือที่ว่าคุณหนูจากตระกูลเหมยชอบพอกับบุรุษผู้นี้เป็นเรื่องจริง การที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเป็นคุณชายรองของตระกูลหานก็มิใช่เรื่องแปลก
“ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นคุณชายรองของตระกูลหานซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลลับ ข้าเชื่อว่าเจ้าก็คงจะรู้ว่าควรทำอย่างไร เจ้าก็เป็นคนฉลาด ข้าคงไม่ต้องบอกว่าเจ้าควรทำตัวเช่นไร”
หานซื่อยิ้มกริ่มอย่างวางท่าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่เล็กน้อย เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ในเมื่อทราบถึงตัวตนของเขา อีกฝ่ายก็น่าจะทราบว่าสิ่งที่ควรทำคือสิ่งใด
“พรืดดด ! ฮ่า ๆ ๆ หานซื่อ เจ้าคิดจะข่มขู่พี่ฉินเฟยว่าหากไม่ให้ความร่วมมือแต่โดยดี เรือนกระจกน้ำแข็งจะเผชิญกับปัญหางั้นรึ ?”
เมื่อถึงเวลาแสดงตัว เสี่ยวโร่วก็อดหัวเราะพรืดไม่ได้ นางปรากฏกายถัดจากฉินอี้เฟยอย่างกะทันหันจนหานซื่อชะงักค้างไปเล็กน้อย
“เจ้านี่เอง ! คุณหนูของตระกูลเหมย !”
เมื่อเห็นเสี่ยวโร่วปรากฏตัว หานซื่อก็จำนางได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น นับตั้งแต่ที่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหมยกลับคืนสู่ตระกูล ตระกูลลับทั้งหมดต่างก็มีภาพวาดของนางเก็บไว้เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักหน้าตาของคุณหนูผู้นี้ การที่เขาจะทราบว่านางเป็นใครก็มิใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด
“เฮ้ เจ้าก็ไม่ได้โง่นี่นา แต่เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วดินแดนรึ ? ในที่ที่มีพี่ฉินเฟยอยู่ ข้าจะไม่อยู่ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีทางที่ข้าจะพลาดเรื่องสนุก ๆ เช่นนี้แน่”
เสี่ยวโร่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มและแววตาเย้ยหยัน แม้ว่าตระกูลหานจะทรงพลังกว่าตระกูลเหมย นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเกรงกลัวตระกูลหาน หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงก็ไม่แน่นอนเสมอไปว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ
“เหอะ ข้าก็นึกว่าเจ้าหายไปที่ใด ไม่ต้องห่วง ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงาน เจ้าเองก็ทราบดีว่าตระกูลลับทั้งสี่มีข้อตกลงร่วมกันอยู่ เราจะมีปัญหาขัดแย้งกันเองไม่ได้”
หานซื่อแค่นเสียงเย็นชาและรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เมื่อครู่เขาไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายของเสี่ยวโร่วแม้แต่น้อย ราวกับว่าจู่ ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากในอากาศ
เขาทราบถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวโร่วดี ทว่ามันก็น่าสะพรึงกลัวทีเดียวที่นางปรากฏกายถัดจากฉินอี้เฟยได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเช่นนี้
หากนางต้องการปลิดชีพสังหารเขา หานซื่อก็คงจะไม่รู้ตัวเช่นกัน
สิ่งที่เสี่ยวโร่วต้องการคือผลลัพธ์เช่นนี้และนางไม่มีทางอธิบายความจริงให้อีกฝ่ายได้ทราบ สำหรับคฤหาสน์เฟิงหัวในตอนนี้ หากมิใช่จอมยุทธ์ขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดก็ไม่มีทางที่จะสัมผัสถึงมันได้ ด้วยความแข็งแกร่งในระดับของหานซื่อและผู้ติดตามของเขา มันจึงมิใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะไม่รู้ตัวเลย
“เหอะ ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าตระกูลเหมย ในอนาคตข้างหน้า ทางที่ดีเจ้าอย่ายั่วยุให้ข้าโมโหจะดีกว่า มิฉะนั้นจะมาโทษว่าข้าไม่ปรานีไม่ได้ !”
หานซื่อแค่นเสียงเย็นชาก่อนหันหลังกลับเพื่อเดินจากไป นับตั้งแต่เสี่ยวโร่วปรากฏตัว เขาก็มีลางสังหรณ์บางอย่างในใจ เมื่อนึกถึงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ลางร้ายในใจเขาก็รุนแรงยิ่งขึ้น
“เฮ้ หานซื่อ เจ้าคิดจะเดินจากไปง่าย ๆ เช่นนี้รึ ?”
เสี่ยวโร่วยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวหยุดหานซื่อไว้ทันที พวกนางยังไม่ได้น้ำมันฤทธานุภาพคืนมา แล้วนางจะปล่อยให้เขาเดินจากไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ?
เมื่อได้ยินวาจาเชิงข่มขู่ของเสี่ยวโร่ว ฝีเท้าของหานซื่อก็ชะงักและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไรอีก ?!”
น้ำเสียงของเขาเริ่มแสดงถึงความบึ้งตึงไม่พอใจแล้ว หากมิใช่เพราะตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เขาก็คงไม่อยู่เฉยและลงมือทำอะไรสักอย่างเป็นแน่
“ส่งน้ำมันฤทธานุภาพมาและพวกข้าจะปล่อยเจ้าไป มิฉะนั้น…อย่าหาว่าพวกเราโหดเหี้ยมเกินไปก็แล้วกัน”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ปรากฏกายข้างฉินอี้เฟย สายตาของทั้งสองมองตรงไปที่หานซื่อและกล่าวขึ้นเบา ๆ
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาอย่างกะทันหัน หานซื่อก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม สองคนตรงหน้านี้ทรงพลังอย่างที่สุดจนตัวเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผันผวนใด ๆ เลยด้วยซ้ำ !
จากสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ เหมือนว่าทุกอย่างจะถูกจัดฉากขึ้นมา คนเหล่านี้วางแผนให้ฉินอี้เฟยล่อเขามาที่ป่าแห่งนี้เพื่อช่วงชิงน้ำมันฤทธานุภาพขวดนั้นคืนไป !
และก่อนหน้านี้ในการประมูลน้ำมันฤทธานุภาพ พวกเขาก็จงใจเสนอราคาเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้เขาสูญเสียความมั่งคั่งไปก่อนและสุดท้ายก็จะกลายเป็นการเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก…
*賠了夫人又折兵 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก มีความหมายว่า การสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของหานซื่อก็แดงก่ำด้วยโทสะคุกรุ่นจนแทบระเบิด ทว่าในใจลึก ๆ เขากลับรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เขาประมาทเกินไปจนตกหลุมพรางแผนการที่เรียบง่ายเช่นนี้
“ข้าเชื่อว่าข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกเจ้า แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงจ้องเล่นงานข้าเช่นนี้ ?”
หานซื่อมองฉินอี้เฟยด้วยแววตาฉงนสงสัย จากนั้นสายตาของเขาก็เลื่อนไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือพร้อมกล่าวต่อ “พวกเจ้าเป็นใคร ? มีความเกี่ยวข้องกับฉินเฟยอย่างไร ? แล้วเหตุใดจึงจงใจหาเรื่องข้า ?”
เขาถามคำถามออกไปชุดใหญ่ ทว่าแท้จริงแล้วเพียงต้องการถ่วงเวลาเพื่อรอให้คนที่เขาส่งไปกลับมาเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น บางทีเขาก็อาจจะมีโอกาสหลบหนีออกไปได้
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าต้องการถ่วงเวลาเพื่อรอให้คนของเจ้ากลับมาก่อนสินะ”
ฉินอวี้โม่คาดเดาความคิดของหานซื่อได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นางยิ้มเยือกเย็นและกล่าวอย่างสบาย ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหานซื่อก็บิดเบี้ยวไปทันที เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะมองทะลุความคิดของเขาได้และตัดขาดทางหนีทีไล่ของเขาไปโดยตรง
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ?!”
คุณชายรองของตระกูลหานมองฉินอวี้โม่และทั้งสามด้วยแววตาที่เริ่มแสดงถึงความหวาดหวั่นเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่ทรงพลังหลายคนเช่นนี้
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าต้องตัดสินใจเลือกมาก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าพวกเราเป็นใครนั้น หากว่าเราอารมณ์ดี เราก็ไม่รังเกียจที่จะบอกเจ้า”
หานโม่ฉือยิ้มเยือกเย็นและกล่าวตอบ ทั้งน้ำเสียงและอากัปกิริยาของเขาสงบนิ่งอย่างยิ่งและไม่มีความปั่นป่วนใดเกิดขึ้นเพราะหานซื่อที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
เกรงว่าหานซื่อผู้นี้ไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและคงไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดาของเขา วันนี้หานโม่ฉือก็เพียงต้องการ ‘ต้อนรับ’ เขาชุดใหญ่ด้วยการกลั่นแกล้งให้เขาขุ่นเคืองใจเท่านั้น ทว่าไม่มีจุดประสงค์อื่นใด
“ไม่มีทาง ! พวกเจ้าทำให้ข้าเสียหินผลึกไปถึงสี่ล้านก้อนแล้ว และตอนนี้ยังคิดจะทวงน้ำมันฤทธานุภาพคืนไปอีกรึ ฝันไปเถอะ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น เขาก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าจะหลบหนีไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุด
“จงคุกเข่าซะ !”
หานโม่ฉือตะโกนกร้าวและแผ่แรงกดดันออกไป ส่งผลให้ทั้งหานซื่อและผู้ติดตามของเขาคุกเข่าลงอย่างว่าง่ายทันที
สีหน้าของฉินอี้เฟยและเสี่ยวโร่วไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ทว่าบ่าวฮุยที่อยู่ด้านข้างกลับลอบมองหานโม่ฉือด้วยแววตาตกตะลึงเจือด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย
บรรดาผู้ที่ชมเหตุการณ์จากระยะไกลต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังของหานโม่ฉือเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดทันทีและไม่กล้าอยู่ชมการปะทะอีกต่อไปก่อนทยอยเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
บุรุษผู้นั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก นี่คือความคิดของคนเหล่านั้น แม้พวกเขาหลายคนจะมีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเมื่อเผชิญกับแรงกดดันอันทรงพลังนี้ ขืนยังอยู่ต่อไป เกรงว่ามันคงจะไม่สนุกแน่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างก็ชิงชังหานซื่อผู้โอหังอย่างที่สุด เมื่อเห็นว่ามีบางคนสั่งสอนบทเรียนให้กับคนผู้นั้น พวกเขาก็ย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับน้ำมันฤทธานุภาพ หากมันกลับคืนสู่เจ้าของเดิมก็มิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวใจของพวกเขาก็สงบลง…
เมื่อบรรดาผู้ชมรอบ ๆ เดินจากไป แววตาของเสี่ยวโร่วก็เปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจและความชื่นชมอย่างยิ่ง
“คุณชาย คุณชายสุดยอดไปเลย !”
นางอดกล่าวชื่นชมออกมาอย่างจริงใจไม่ได้ เพียงทราบว่ามีผู้ทรงพลังเช่นนี้คอยปกป้องคุณหนูของตนอยู่ เสี่ยวโร่วก็โล่งใจเป็นที่สุด
“ตัดสินใจมาซะ จะยอมมอบน้ำมันฤทธานุภาพมาดี ๆ หรือจะยอมตาย !”
หานโม่ฉือกล่าวย้ำอีกครั้ง แรงกดดันจากเขาในตอนนี้ทำให้หานซื่อและผู้ติดตามแทบพูดอะไรไม่ออก
“หากเจ้าต้องการน้ำมันฤทธานุภาพ เจ้าต้องถอนแรงกดดันของเจ้าออกก่อน”
หานซื่อกัดฟันกรอดและกล่าวออกไป ตลอดชีวิตที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อนและมันมิใช่ความรู้สึกที่น่าอภิรมย์เสียเลย หากมีโอกาสในภายภาคหน้า เขาจะเอาคืนความอับอายและคับแค้นใจทั้งหมดที่ได้เผชิญในวันนี้อย่างสาสม !
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเจรจาต่อรองกับข้า !”
ผลัวะ !
หานโม่ฉือกล่าวอย่างไม่แยแสก่อนที่ฝ่ามือทรงพลังจะฟาดเข้าที่ร่างของหานซื่อจนอวัยวะภายในบอบช้ำทันที
พรวดดด !
หานซื่อกระอักเลือดคำโตออกมาและมองหานโม่ฉือด้วยแววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“คุณชายรองขอรับ มอบน้ำมันฤทธานุภาพนั่นให้เขาไปก่อนเถอะ พลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป เราไม่มีทางสู้ได้แน่ ให้เรารอดกลับไปในวันนี้ก่อนและรายงานเรื่องนี้ต่อท่านผู้นำ จากนั้นเราค่อยกลับมาเอาคืนก็ยังไม่สายขอรับ !”
ผู้ติดตามคนหนึ่งกระซิบเบา ๆ เพื่อโน้มน้าวใจหานซื่อ
กรอดดด~
หานซื่อกัดฟันกรอด แม้ยังไม่เต็มใจนัก ทว่าในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงตัดสินใจหยิบน้ำมันฤทธานุภาพออกมาจากแหวนมิติของตนและยื่นให้กับหานโม่ฉือ
“เฮ้ แหวนมิติวงนี้สวยดีนี่นา ดูเหมือนว่าของข้างในจะล้ำค่าทีเดียว”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง ในเมื่อเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหานแล้ว นางก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้หานซื่อผู้นี้ต้องทนทุกข์อย่างที่สุด
“ข้าจะนำมันมาให้เจ้า แต่เจ้าเอาไปแค่สิ่งของข้างในก็พอและคืนแหวนวงนี้ให้กับเขา ในอนาคต ข้าจะหาแหวนที่สวยงามกว่านี้มาให้เจ้า”
หานโม่ฉือกล่าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น จากนั้นเขาก็ดึงแหวนมิติมาจากมือของหานซื่อทันที
นอกจากเสียทรัพย์มหาศาลและน้ำมันฤทธานุภาพแล้ว ซ้ำร้ายยังต้องยอมสละสมบัติในแหวนมิติให้กับคนแปลกหน้า ถือว่าวันนี้คุณชายรองตระกูลหานเผชิญกับความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในความจริง ด้วยความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ เขาก็สามารถยึดเอาทุกอย่างไปได้ตามต้องการ ทว่าสาเหตุที่เขาเลือกทำอะไรยืดเยื้อเช่นนี้ก็เพียงเพื่อทำให้หานซื่ออับอายขายขี้หน้าก็เท่านั้น
ความเกลียดชังและความคับแค้นสุมแน่นในอกของหานซื่อ ทว่าเขาไม่กล้าแสดงออกและต้องอดทนกล้ำกลืนเอาไว้