ฉินอี้เฟยสั่งให้บุรุษชุดเทาหน้าประตูออกไปสืบข่าวอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ บุรุษชุดเทาก็กลับมาและแจ้งข่าวที่สืบทราบให้กับฉินอี้เฟยและคนอื่น ๆ
“นายท่าน คุณชายรองของตระกูลหานมาที่เมืองซิ่งหัวนี้จริงขอรับและเขาก็มาเข้าร่วมงานประมูลนี้เช่นกัน เขาและผู้ติดตามนั่งอยู่ในห้องถัดจากเรานี่เอง”
บุรุษชุดเทากล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่าน้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพที่มีต่อฉินอี้เฟยอย่างชัดเจน
แม้ความแข็งแกร่งของฉินอี้เฟยจะไม่มากเท่ากับบุรุษชุดเทา ทว่าฉินอี้เฟยก็เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้และถือเป็นเจ้าชีวิตของเขาไปแล้ว ตราบใดที่มีเขาอยู่ เขาจะไม่มีทางยอมให้ผู้ใดทำร้ายฉินอี้เฟยได้เป็นอันขาด
“เข้าใจแล้ว”
ฉินอี้เฟยพยักศีรษะก่อนกล่าวต่อ “บ่าวฮุย เจ้าไปพักก่อนเถอะ ตอนนี้ไม่ต้องออกไปคุ้มกันหน้าห้องหรอก”
เนื่องจากทราบถึงความจงรักภักดีและความหัวรั้นของบ่าวฮุยเป็นอย่างดี ฉินอี้เฟยจึงไม่ต้องการใช้งานเขาหนักเกินไป
แม้ว่าบ่าวฮุยจะมีสถานะเป็นลูกน้องและเขาก็ทำหน้าที่ปกป้องฉินอี้เฟยมานานหลายปี แต่ทั้งสองก็เป็นเหมือนญาติมิตรที่ดีต่อกัน
เมื่อครั้งที่ฉินอี้เฟยเดินทางมาที่ดินแดนเทพมายาในตอนแรก เขาก็เผชิญกับอุปสรรคความยากลำบากมากมาย
ในตอนนั้นความแข็งแกร่งของเขายังน้อยและอ่อนแอเกินไป ในดินแดนเทพมายาที่มีจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าอยู่ทั่วทั้งดินแดน แม้แต่การเอาชีวิตของตนเองให้รอดก็ยังถือเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
วันหนึ่งขณะเขาออกไปท่องผืนป่าเพื่อฝึกวิชาและสั่งสมประสบการณ์ เขาก็บังเอิญพบกับบ่าวฮุยผู้ซึ่งถูกไล่ฆ่าและถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นดังนั้น ฉินอี้เฟยก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปช่วยชีวิตคนแปลกหน้าผู้นี้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้น เมื่ออาการบาดเจ็บฟื้นตัว บ่าวฮุยก็ออกล่าผู้ที่ไล่ทำร้ายเขาและล้างแค้นได้สำเร็จ
บ่าวฮุยไม่มีญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่และทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ตัวคนเดียวลำพัง เมื่อเห็นความอ่อนแอของฉินอี้เฟยและซาบซึ้งที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตตนให้พ้นจากความตาย บ่าวฮุยจึงได้ติดตามคุ้มกันความปลอดภัยให้กับฉินอี้เฟยตั้งแต่นั้นมาและกลายเป็นผู้ติดตามที่ภักดีและไว้วางใจได้มากที่สุด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉินอี้เฟยก็เผชิญภยันตรายมากมาย ด้วยตัวตนและสถานะที่สูงส่งของเขา แน่นอนว่ามันดึงดูดความริษยาในใจของผู้คนได้มากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการปกป้องคุ้มกันของบ่าวฮุย คนเหล่านั้นจึงเพียงผ่านมาและผ่านไปโดยที่ไม่มีผู้ใดสร้างอันตรายที่ร้ายแรงต่อเขาได้
เพราะเหตุนั้นบ่าวฮุยจึงกลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวสำหรับฉินอี้เฟย แม้ไม่กล่าวสิ่งใดออกไปอย่างชัดเจน ทั้งสองต่างก็เห็นถึงความสำคัญของอีกฝ่าย
“หากมีอะไรก็เรียกใช้ข้าได้ตลอดขอรับ”
บุรุษชุดเทาพยักศีรษะตอบรับก่อนเดินไปนั่งลงด้านข้างและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
“พี่ใหญ่ ดีเลยเจ้าค่ะ ท่านสืบข่าวได้เร็วยิ่งนัก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและรู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของผู้ติดตามของพี่ชายยิ่งนัก นางคาดเดาได้ว่าฉินอี้เฟยคงต้องเผชิญภยันตรายมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อดูจากความไว้วางใจที่ฉินอี้เฟยมีต่อบ่าวฮุย นางก็ทราบดีว่าเขาเป็นเหมือนผู้อาวุโสข้างกายที่ฉินอี้เฟยเชื่อใจเป็นที่สุด
“ฮ่า ๆ ๆ การสืบเรื่องแค่นี้ง่ายนิดเดียว พวกเราคุ้นเคยกับคนจากขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายอยู่แล้ว สำหรับตระกูลลับทั้งสี่ เสี่ยวโร่วก็บอกข้าว่าครานี้ตระกูลไป่หลี่และตระกูลหลิวไม่ได้ส่งคนมา ตัวนางก็มาที่นี่ได้เพียงเพราะคำอนุญาตของผู้นำตระกูล สำหรับคนที่เหลือที่ดูโดดเด่นสะดุดตา ไม่มีใครรู้จักและยังอายุน้อย แน่นอนว่าเขาต้องเป็นคุณชายรองตระกูลหานอย่างแน่นอน เจ้าลองคิดดูสิ…เสี่ยวโม่เอ๋อร์…จะมีสักกี่คนกันที่ตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้”
ฉินอี้เฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เขาเพียงสั่งการออกไปเท่านั้นและบ่าวฮุยก็สืบข่าวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ประการแรกเป็นเพราะเรื่องนี้เป็นข้อมูลที่สืบได้ไม่ยาก ตราบใดที่มีข้อมูลภายในบางอย่างที่เป็นประโยชน์ก็ย่อมสืบข่าวคราวได้ง่าย ๆ
ประการที่สองก็คือฉินอี้เฟยทราบและเชื่อมั่นในสามารถของบ่าวฮุย เพียงแค่การสืบหาข้อมูลนี้เป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมสำหรับเขา
“ได้ข่าวว่าคุณชายรองของตระกูลหานก็เป็นช่างหลอมเช่นกัน ไม่รู้ว่างานประมูลครานี้จะมีสิ่งใดที่เขาสนใจรึไม่”
หานโม่ฉือกล่าวพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยทว่าฉินอี้เฟยเข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที
“หากว่าไม่มี… เราก็สามารถทำให้มีขึ้นมาได้”
ฉินอวี้โม่เข้าใจความหมายของทั้งสองเช่นกันและอดถอนหายใจกับความเจ้าเล่ห์ของคนทั้งสองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องท้องดำเช่นนี้ นางก็ไม่น้อยหน้าผู้ใดและกล่าวออกไปทันที
*腹黑 ท้องดำ หมายถึงการที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยแผนการและเล่ห์เหลี่ยม
เสี่ยวโร่วตกตะลึงไปครู่หนึ่งทว่าพยายามคิดตามอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูกลุ่มคนท้องดำทั้งสาม คุณหนูตระกูลเหมยก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
“เฮ้อ ช่างเข้าขากันได้ดีจริงเชียว เหตุใดคนใกล้ตัวของข้าถึงได้เป็นคนท้องดำกันหมดเช่นนี้ ?”
เมื่อได้ยินวาจาจริงจังของเสี่ยวโร่ว ทุกคนก็อดหัวเราะไม่ได้
“ข้าพอจะมีของบางอย่าง ข้าเชื่อว่าหานซื่อจะต้องสนใจมันแน่ ๆ อย่างไรก็ตาม เดิมทีข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับคุณหนูและท่านอาจใช้มันในงานรวมพลช่างหลอมได้ ทว่าตอนนี้ข้าคงต้องให้คุณหนูตัดสินใจเองเลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวโร่วหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาและยื่นให้กับฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง
นางได้ยินเรื่องงานรวมพลช่างหลอมที่จะเกิดขึ้นแล้วและคาดการณ์ไว้ว่าฉินอวี้โม่น่าจะมาร่วมงานครานี้ ประจวบเหมาะกับที่นางพบบางอย่างในตระกูลเหมยพอดิบพอดี หากมอบมันให้กับฉินอวี้โม่ ของสิ่งนี้จะมีบทบาทที่สำคัญเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้ทั้งสามวางแผนที่จะจัดการกับหานซื่อ แน่นอนว่านางก็เต็มใจร่วมมืออีกแรง
เมื่อเห็นสิ่งที่เสี่ยวโร่วยื่นให้มา ฉินอวี้โม่ก็ประหลาดใจทันที
มันคือขวดใบเล็กและข้างในบรรลุของเหลวข้นหนืดที่เปล่งแสงสีเงินออกมา
“นี่คือน้ำมันฤทธานุภาพ หากเติมมันลงในไปในขณะที่กำลังหลอมอยู่ มันจะเพิ่มอัตราความสำเร็จของสิ่งหลอมและพัฒนาคุณภาพของสิ่งนั้นได้เป็นอย่างมาก น้ำมันฤทธานุภาพนี้ถือว่าไม่ธรรมดาและพบได้ยากแม้ในดินแดนเทพมายา ท่านปู่ของข้าได้น้ำมันขวดนี้มาโดยบังเอิญและเก็บมันเป็นสมบัติของตระกูลมาเสมอ ก่อนหน้านี้ข้าเล่าเรื่องคุณหนูให้เขาฟัง เขาจึงมอบน้ำมันฤทธานุภาพขวดนี้ให้กับข้า”
เสี่ยวโร่วอธิบายพร้อมรอยยิ้มอ่อน นางต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกว่าจะได้ของสิ่งนี้มา บัดนี้เพียงคิดว่ามันจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของหานซื่อ หัวใจของนางก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
ในฐานะช่างหลอม แน่นอนว่าฉินอวี้โม่รู้จักน้ำมันฤทธานุภาพและคุณสมบัติของมันดี
“ในเมื่อมีของดีเช่นนี้ เราก็ต้องนำออกไปแสดงให้ทุกคนได้เห็นเป็นบุญตาสักหน่อย หากคุณชายรองของตระกูลหานต้องการมัน ข้าก็จะปล่อยให้เขาได้ครอบครองมันไปก่อนชั่วคราว”
ฉินอวี้โม่ผุดความคิดขึ้นมาในหัวทว่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มกริ่ม หากนำน้ำมันฤทธานุภาพนี้ออกไปประมูล มันจะดึงดูดความสนใจได้มากอย่างแน่นอน ในเมื่อหานซื่อมีความสนใจด้านการหลอมอุปกรณ์ เขาก็คงไม่พลาดที่จะร่วมประมูลเพื่อให้ได้มันมาครอง
เมื่อถึงตอนนั้น ตราบใดที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงและหานซื่อเป็นคนประมูลมันได้ไป พวกนางก็จะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากนั้นนางก็จะหาทางยึดมันคืนมาจากหานซื่อและทำให้เขาเสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึกในคราวเดียว
* 了夫人又折兵 เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก ความหมายคือ การสูญเสียซ้ำสองอย่างในครั้งเดียว
และหากหานซื่อไม่ได้ประมูลมันไป พวกนางก็ยังสามารถซื้อมันกลับคืนมาได้ อย่างมากนางเพียงต้องจ่ายค่าดำเนินการเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนทั้งสี่ในที่นี้ เงินตราแลกเปลี่ยนมิใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด
“ฮ่า ๆ ๆ เป็นแผนที่ดีทีเดียว”
ฉินอี้เฟยและหานโม่ฉือมองหน้ากันก่อนกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
“ข้าคิดว่าข้าท้องดำมากแล้ว ทว่าเมื่อเทียบกับน้องสาวและน้องเขย ดูเหมือนว่าข้าจะยังห่างไกลอีกมาก”
ฉินอี้เฟยกล่าวพร้อมทอดถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นเขาก็สั่งให้ผู้ติดตามคนเดิมนำน้ำมันฤทธานุภาพออกไปส่งให้เถ้าแก่โรงประมูล
ในเมื่อมีของดีหายากเช่นนี้เพิ่มเข้ามาในรายการของประมูลอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าเถ้าแก่โรงประมูลไม่มีทางปฏิเสธ น้ำมันฤทธานุภาพเป็นของล้ำค่าที่หายากอย่างยิ่งและมันจะทำให้โรงประมูลของเขาได้ผลตอบแทนอย่างงาม
ทุกคนยังไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้และยังคงแย่งชิงกันประมูลวัสดุสำหรับหลอมอุปกรณ์หลากหลายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในสายตาของฉินอวี้โม่
ภายในห้องแยกถัดจากห้องของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ หานซื่อนั่งชมการประมูลอย่างเบื่อหน่าย สายตาของเขายังคงมองไปที่เก้าอี้ว่างสองตัวซึ่งเป็นจุดที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ทว่าไม่อาจทราบได้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด
เขาจับตามองบุรุษสวมหน้ากากลึกลับสองคนมาตั้งแต่ต้น ทว่าจู่ ๆ ทั้งสองก็เดินออกไป แม้หลังจากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินจากไปแล้ว หานซื่อก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทรงพลังบางอย่างจากหานโม่ฉือที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
“เป็นอย่างไร ได้เรื่องรึไม่ ? สองคนนั้นไปที่ห้องใด ?”
เมื่อผู้ติดตามของตนเดินกลับเข้ามาในห้อง หานซื่อก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ทันที
“คุณชายรองขอรับ ทั้งสองคนเข้าไปในห้องถัดจากเรานี่เอง”
ผู้ติดตามของเขาออกไปสืบข้อมูลอยู่พักใหญ่ก่อนได้คำตอบในที่สุด เขาไม่กล้าละเลยหรือเสียเวลาจึงรีบกลับมารายงานอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดจู่ ๆ คุณชายของตนจึงสนใจ ‘บุรุษลึกลับ’ ทั้งสองคนขึ้นมา
“โอ้งั้นรึ ? ใครอยู่ในห้องนั้นกัน ?”
เมื่อได้ยินว่าคนที่ตามหาเข้าไปในห้องแยกถัดจากห้องของตน หานซื่อก็ขมวดคิ้วมุ่น
“เหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของเรือนกระจกน้ำแข็ง—ฉินเฟยขอรับ เขาเป็นผู้หลอมโอสถที่เลื่องลือของดินแดน”
แม้กล่าวตอบออกไปเช่นนี้ ลูกน้องของหานซื่อก็ไม่มั่นใจนัก เขาเองก็ได้รับข้อมูลนี้มาจากคนอื่นเช่นกัน
“ฉินเฟย ?”
หลังจากกล่าวชื่อนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัวของหานซื่อ อย่างไรก็ตาม เขาก็สงสัยยิ่งกว่าว่าบุรุษสวมหน้ากากสองคนเมื่อครู่เป็นใครกันแน่ ? แล้วทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับฉินเฟยผู้นั้นอย่างไร ?
“ดูเหมือนว่าดินแดนเทพมายาจะมีเรื่องน่าสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
หานซื่อยิ้มกริ่มและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสนอกสนใจ ในดินแดนเทพมายานี้มีเรื่องที่สนุกและน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวเขาไม่อยากกลับไปที่ตระกูลของตนอีกแล้ว
“อีกอย่าง ในระหว่างที่เราไม่อยู่ พี่ใหญ่ได้เคลื่อนไหวอะไรบ้างรึไม่ ?”
เมื่อกล่าวถึงพี่ชายที่บิดารักมากจนเขาริษยา น้ำเสียงของหานซื่อก็เจือด้วยความเยือกเย็นอย่างชัดเจน
“ไม่มีเลยขอรับ คุณชายใหญ่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาเก็บตัวฝึกวิชาและไม่ถามไถ่เรื่องกิจการภายนอก พรสวรรค์ของเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก คาดว่าอีกไม่นานเขาก็จะทะลวงพลังได้อีกครั้ง”
ผู้ติดตามกล่าวอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงระแวดระวังเล็กน้อย
“เหอะ ฝันไปเถอะ !”
หานซื่อแค่นเสียงเย็นชาและกล่าว “เจ้าไป…”
เขากระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูลูกน้องด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด หานเฟย หากเจ้าคิดจะทะลวงพลังและต้องการที่จะเหยียบข้ามหัวข้าไปอย่างสมบูรณ์ เจ้าฝันไปก่อนเถอะ !
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ผู้ติดตามคนนั้นพยักหน้าและเดินออกไป ทว่าครานี้เขาก็ออกจากโรงประมูลไปและมุ่งหน้าตรงไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เขาไม่รู้เลยก็คือเมื่อเขาออกไปนั้นมีใครบางคนที่แอบติดตามเขาไปอย่างไม่รีบร้อนโดยที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น
“สำหรับของประมูลชิ้นต่อไปคือสิ่งที่เพิ่มมาเป็นพิเศษ มันมีชื่อว่าน้ำมันฤทธานุภาพ ต่อให้ข้าไม่กล่าวสิ่งใด เชื่อว่าทุกท่านก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเพียงใด”
สำหรับงานประมูลครานี้ ของประมูลทุกชิ้นถูกประมูลออกไปหมดแล้วและเหลือเพียงน้ำมันฤทธานุภาพที่ถูกเพิ่มเข้ามาทีหลัง
เมื่อได้ยินชื่อของมัน ช่างหลอมหลายคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงขึ้นมาพร้อมกันและบรรยากาศเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาทันที
พวกเขาทราบดีว่า ‘น้ำมันฤทธานุภาพ’ หมายความว่าอะไร
ภายในห้องแยก หานซื่อเองก็ตกตะลึงเช่นกันก่อนยกยิ้มมุมปากเผยให้เห็นสีหน้าความมุ่งมั่นที่มิอาจปกปิด เขาจะพลาดโอกาสทองเช่นนี้ได้อย่างไร ?
น่าเสียดายที่เขาไม่รู้เลยว่าของสิ่งนี้มีจุดประสงค์เพื่อตัวเขา
.