ฉินอวี้โม่มองตรงไปที่บุคคลชุดดำทั้งสองโดยไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใดก่อนหันไปขยิบตาให้กับสั่วซีหย่า จากนั้นทั้งสองก็หาที่นั่งลงอย่างใจเย็น
“ฮ่า ๆ ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับชนเผ่าเอลฟ์ในช่วงที่ผ่านมานี้ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเจ้าจริง ๆ !”
นางกล่าวขึ้นเบา ๆ ทว่าน้ำเสียงหนักแน่นอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้นางทำได้เพียงสันนิษฐานโดยไม่มีข้อพิสูจน์ ทว่าตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเหตุร้ายและสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในชนเผ่าเอลฟ์ในช่วงที่ผ่านมานี้เป็นแผนการของบุคคลชุดดำตรงหน้า
“แล้วอย่างไรเล่า ? ในเมื่อพวกเรากล้าก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเราย่อมมั่นใจ คิดหรือว่าพวกเจ้าเพียงสามคนจะขัดขวางพวกข้าได้ ?”
บุรุษชุดดำคนแรกกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและเย่อหยิ่ง เขาเชื่อมั่นว่าแผนการของพวกตนสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ใด ๆ อีกทั้งพวกเขาก็ยังมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหาใด
ยิ่งไปกว่านั้น ความแตกแยกไร้ความสามัคคีของบรรดาองค์ชายและองค์หญิงแห่งชนเผ่าเอลฟ์ก็ทำให้ฝ่ายของพวกเขามีโอกาสมากยิ่งขึ้น ตราบใดที่พวกเขาควบคุมชนเผ่าเอลฟ์ให้อยู่ในกำมือและร่วมมือกับพันธมิตรได้ แม้แต่ดินแดนทั้งหมดก็จะต้องตกเป็นของพวกเขาในอนาคตข้างหน้า ชนเผ่าเล็ก ๆ อย่างชนเผ่าเอลฟ์จึงมิใช่จุดหมายของพวกเขาแม้แต่น้อย เป้าหมายสูงสุดที่แท้จริงก็คือดินแดนเทพมายาทั้งหมด !
“จิ๊จิ๊จิ๊ พวกเจ้าคิดว่าจดหมายฉบับนั้นถูกส่งไปถึงเกาะเนรเทศแล้วงั้นรึ ?”
ความมั่นใจของคนผู้นั้นเป็นได้เพียงความโอหังจนเกินตัวในสายตาของฉินอวี้โม่ พวกเขาเปิดเผยแผนการของตนโดยไม่รู้ตัว ทว่าอย่างน้อยที่สุดความช่วยเหลือที่พวกเขาตั้งตารอก็จะไม่มาถึงในเร็ว ๆ นี้
“เจ้าทำอะไรลงไป ?!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุคคลชุดดำที่ปรากฏตัวเป็นคนที่สองก็ตะโกนกร้าวทันที ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะอาจหาญจนถึงขั้นขัดขวางกระบวนการส่งจดหมายของตนเช่นนี้
“ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในจดหมายก็เท่านั้น จดหมายของเจ้าจะยังถูกส่งไปถึงฝ่ายมารดังที่ต้องการ เพียงแต่…หลังจากได้รับมันแล้วพวกเขาจะตอบสนองอย่างไรนั้น ข้าก็ไม่อาจทราบได้”
สีหน้าของฉินอวี้โม่เรียบเฉยเย็นชาอย่างยิ่ง นางกำชับกลุ่มคนสามคนในวันนั้นให้ส่งจดหมายไปถึงฝ่ายมารตามเดิมและหาทางเข้าไปที่นั่นให้จงได้ เพียงแต่เนื้อหาในจดหมายถูกเปลี่ยนแปลงให้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อฝ่ายมารได้อ่านเนื้อความนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาคงจะเต็มไปด้วยสีสันหลากหลายอารมณ์
“บัดซบ !”
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนของสตรีตรงหน้า บุคคลชุดดำคนที่สองก็สบถเสียงดังทันทีและพุ่งตรงเข้ามาพร้อมเหวี่ยงฝ่ามือตรงเข้าใส่ร่างของฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว สตรีบัดซบผู้นี้ริอาจทำลายแผนการของข้า !
“ต้องยอมรับเลยว่าพลังของเจ้าก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ทว่าการเอาชนะข้าก็ไม่ง่ายนักหรอก !”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มเย็นชาขณะหลบหลีกการจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างสบาย ๆ เวลานี้วิชาอสนีบาตของนางพัฒนาจนถึงระดับสูงสุดแล้ว นับประสาอะไรกับบุคคลชุดดำทั้งสองตรงหน้า ต่อให้ผู้นำฝ่ายมารผู้ทรงพลังปรากฏตัวด้วยตนเอง ความเร็วของนางก็อาจจะไม่ด้อยไปกว่าตัวเขา
ฉินอวี้โม่หลบหลีกการโจมตีได้อย่างง่ายดายจนอีกฝ่ายฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม ทันใดนั้น กระบี่ยาวเปล่งประกายปรากฏขึ้นในมือของคนผู้นั้นและจ้วงแทงตรงมาที่ร่างของฉินอวี้โม่โดยตรง ในขณะเดียวกัน บุรุษชุดดำอีกคนก็ไม่รอช้าและเริ่มโจมตีสั่วซีหย่าเช่นกัน
แต่ทว่า… เขายังไม่ทันเข้าถึงตัวสตรีครึ่งเอลฟ์ด้วยซ้ำเมื่อจู่ ๆ สภาพแวดล้อมรอบตัวก็เปลี่ยนไปและพบว่าตนปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง
ท่ามกลางทะเลเพลิงโหมกระหน่ำนี้ อสูรมายาที่ปกคลุมด้วยเพลิงร้อนระอุก็จับจ้องตรงมาที่เขาด้วยดวงตาแดงก่ำก่อนคำรามเสียงดังสนั่นและพุ่งเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าคนผู้นั้นไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยและพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับอสูรตัวนั้นทันที
เมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าเพียงนั่งนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าแท้จริงแล้วฉินอวี้โม่แอบวางข่ายอาคมไว้รอบตัว ข่ายอาคมมังกรเพลิงนี้เป็นอีกหนึ่งข่ายอาคมมายาทรงพลังที่นางเพิ่งเรียนรู้มาเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อตกไปอยู่ภายในขอบเขตของมัน เว้นเพียงแต่มังกรเพลิงภายในนั้นถูกทำลาย คนผู้นั้นจะติดอยู่ในข่ายอาคมไปตลอดกาล
มังกรเพลิงดังกล่าวแท้จริงแล้วก่อตัวขึ้นมาจากเพลิงวิญญาณ แม้พลังการโจมตีของมันจะไม่แกร่งกล้ามากนัก ทว่าทักษะการก่อกวนรังควานของมันก็จัดอยู่ในระดับต้น ๆ บุรุษชุดดำที่ติดอยู่ในข่ายอาคมดังกล่าวไม่มีทางออกมาได้ในเวลาที่น้อยกว่าสองก้านธูปอย่างแน่นอน
“คิดไว้ไม่มีผิด เจ้าก็ยังมีวิธีการรับมืออยู่ !”
เมื่อเห็นบุรุษชุดดำคนแรกติดอยู่ในข่ายอาคมของฉินอวี้โม่อย่างง่ายดาย บุคคลชุดดำอีกคนที่กำลังโจมตีฉินอวี้โม่ก็กล่าวพร้อมสีหน้าที่กลายเป็นเยือกเย็นมากขึ้นขณะจิตสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากร่าง
หากไม่รีบกำจัดสตรีที่อันตรายผู้นี้ไปโดยเร็ว เกรงว่าในอนาคตนางจะต้องนำพาปัญหาที่ใหญ่กว่านี้มาอย่างแน่นอน เมื่อฉินอวี้โม่พัฒนาเติบโตและทรงพลังมากขึ้น การที่จะกำจัดนางก็จะยากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
“ฮ่า ๆ ๆ ข้ายังมีวิธีการอีกมากมาย แม้ว่าเจ้าจะเป็นจอมยุทธ์นภาเซียน ทว่าเจ้าก็เพิ่งบรรลุขอบเขตนี้ได้เพียงไม่นานเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่ข้าต่อสู้กับจอมยุทธ์นภาเซียนข้างนอกเผ่าอู๋เหวย ไม่ทราบว่าเจ้าได้ยินมาบ้างรึไม่ ? แม้แต่จอมยุทธ์นภาเซียนที่กล่าวกันว่าทรงพลังนักหนาถึงสองคนก็ยังต้องตกเป็นรองเมื่อสู้กับข้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นก่อนปรบมือเบา ๆ และอสูรมายาทั้งหมดของนางปรากฏตัวเรียงรายข้างกาย พวกมันแสยะยิ้มให้กับศัตรูตรงหน้าอย่างเยือกเย็นไม่ต่างกัน
“เอ่อ…”
เมื่อเห็นอสูรมายานับร้อยชีวิตทั้งเล็กใหญ่ปรากฏตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว คนผู้นั้นก็ผงะไปทันที ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้มีอสูรมายาอยู่กับตัวมากมาย
“อีกอย่าง ในเมื่อเจ้าร่วมมือกับขุมกำลังชั่วช้าอย่างฝ่ายมาร เจ้าก็ควรจะรู้จักเทพมายา บอกตามตรง…ข้านี่แหละคือเทพมายาคนใหม่ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน ในเมื่อทราบเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างหมดเปลือกแล้ว นางก็ไม่คิดปิดบังสิ่งใดอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของนาง ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์นภาเซียนเจ็ดหรือแปดคนพร้อมกัน นางก็ยังหลบหนีออกไปได้โดยที่ไม่ต้องหวาดหวั่นใด ๆ
“เทพมายาคนใหม่ ?!”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ บุคคลชุดดำก็ตกตะลึงทันทีก่อนนึกบางอย่างขึ้นได้และกล่าวลอดฟันที่กัดแน่น “เจ้านี่เองที่คอยสร้างปัญหาจนทำให้แผนการของฝ่ายมารต้องล้มเหลวหลายครั้งหลายครา แม้แต่ผู้นำฝ่ายมารก็ยังไม่สามารถจับตัวเจ้าไปได้ !”
“ถูกต้องแล้ว ทีนี้เจ้ายังจะมีความมั่นใจอีกรึไม่…ตู้ซีรั่ว !”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ ก่อนกล่าวเปิดเผยตัวตนของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน สำหรับแผนการเช่นนี้ย่อมไม่มีใครอื่นที่ทำได้นอกจากตู้ซีรั่ว คำถามลองเชิงทั้งหมดในรถม้าระหว่างการเดินทางและผู้ที่ปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกนางไปถึงร้านขายผ้าก่อนหน้านี้ล้วนพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่ได้ทั้งหมดแล้ว
ตู้ซีรั่วคือผู้ที่แฝงตัวอยู่ในชนเผ่าเอลฟ์และเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขุมกำลังมารร้ายและหลัวหมิงรุ่ย
สีหน้าของตู้ซีรั่วถอดสีทันทีที่ได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยเรียกชื่อของตน นางก้าวถอยหลังเล็กน้อยและมองดูสตรีตรงหน้าอย่างระแวดระวัง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
ตู้ซีรั่วฉงนสงสัยอย่างที่สุด นางมั่นใจว่าตนไม่เปิดเผยพิรุธใด ๆ แล้วเหตุใดฉินอวี้โม่จึงคาดเดาตัวตนของนางได้เช่นนี้ ?
“ฮ่า ๆ ๆ ต้องยอมรับว่าในตอนแรกเจ้าก็ซ่อนมันได้เป็นอย่างดีภายใต้ความอ่อนโยนและความจริงใจ ทว่านับตั้งแต่เจ้ากลับไปที่บ้านของเจ้าและกลับมาอีกครั้ง เจ้าก็เผยพิรุธออกมาหลายอย่างทีเดียว จากการที่จู่ ๆ เจ้าก็แสดงความเมตตาเอ็นดูข้าและสั่วซีหย่าอย่างผิดปกติและคำถามหยั่งเชิงทั้งหมดในรถม้าก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งแววตาอาฆาตที่เจ้ามองสั่วซีหย่าในแวบเดียวนั้น ทั้งหมดก็ทำให้ข้าคาดเดาได้ไม่ยาก”
หลังจากหยุดชั่วคราว ฉินอวี้โม่ก็กล่าวต่อ “และที่สำคัญที่สุด เมื่อเจ้าส่งคนมาตามรอยพวกข้า คนของข้าก็คอยจับตาดูคนของเจ้าเช่นกัน อีกทั้งการที่เจ้ามาที่ภัตตาคารแห่งนี้ก่อนโดยกำชับให้พวกข้าตามมาทีหลัง นั่นเป็นการกระทำที่น่าสงสัยมากทีเดียว”
ในขณะที่ตู้ซีรั่วกำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย นางไม่รู้ตัวเลยว่าฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าก็กำลังหยั่งเชิงนางอยู่เช่นกัน แรกเริ่มเดิมที กลุ่มของฉินอวี้โม่คิดอยู่แล้วว่าตู้ซีรั่วเป็นผู้ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ทว่าแม้ยืนยันได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ มันก็ยังน่าเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรแล้วท่านหญิงแห่งเมืองเลี่ยหยางผู้นี้ก็วางตัวดีและแสดงออกด้วยความอ่อนโยนเป็นมิตรเสมอมา เมื่อทราบว่านางอยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่านางเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจจริง ๆ พวกเจ้าทั้งสองชาญฉลาดทีเดียว ที่แท้สั่วซีหย่าก็เป็นบุตรของสตรีผู้นั้นจริง ๆ !”
ในที่สุดตู้ซีรั่วก็ยืนยันสิ่งหนึ่งได้ นั่นก็คือกลุ่มของบุรุษสามคนนั้นขัดคำสั่งของนางและมิได้สังหารสั่วซีหย่า และเป็นเพราะการกระทำของพวกเขาเอง ปัญหาครั้งใหญ่จึงมาเยือนตรงหน้านางในตอนนี้ ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ
“ใช่แล้ว แม่ของข้ามีนามว่าสั่วเชี่ยน ตู้ซีรั่ว…เจ้าส่งคนไปฆ่าท่านแม่ของข้า ข้าจะล้างแค้นให้กับนางอย่างแน่นอน !”
สั่วซีหย่าเดินตรงมาหยุดข้าง ๆ ฉินอวี้โม่ขณะสายตาที่มองตู้ซีรั่วเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
เวลานี้ตู้ซีรั่วไม่ปิดบังอีกต่อไปและถอดผ้าคลุมสีดำเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง มุมปากของนางยกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันขณะมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าด้วยจิตสังหารแรงกล้าไม่แพ้กัน
“ล้างแค้นงั้นรึ ? ฮ่า ๆ ๆ ตลกสิ้นดี ตอนนั้นแม่ของเจ้าใช้มารยายั่วยวนพี่เลี่ยจนให้กำเนิดลูกนอกคอกอย่างเจ้าออกมา เจ้าควรจะขอบคุณข้ามากกว่าที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้”
ตู้ซีรั่วแสยะยิ้มเยือกเย็น ความโหดเหี้ยมและเย็นชาของนางช่างแตกต่างจากสิ่งที่เสแสร้งก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“เหอะ ท่านแม่และท่านพ่อรักกันมาก หากเจ้าไม่หลอกลวงและใช้วิธีการชั่วร้ายกับท่านพ่อในตอนนั้น เรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น สายเลือดที่ด้อยกว่าก็มิได้หมายความว่าจะต้องต่ำต้อย ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไร มันก็ไม่จำเป็นว่าเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์จะต้องมีระดับชั้นเหนือกว่าเสมอ แม้ข้าจะเป็นลูกครึ่งเอลฟ์ ข้าก็ภาคภูมิใจในตัวตนของข้า !”
สั่วซีหย่าไม่เคยมั่นใจที่จะกล่าวเช่นนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้นางไม่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าในตัวตนของตนอีกต่อไป ในทางกลับกัน นางกลับมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ลูกครึ่งเอลฟ์ก็สามารถแกร่งกล้าได้และมิใช่สายเลือดที่ต่ำต้อย
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าก็มีส่วนคล้ายกับพี่เลี่ยไม่น้อยเลย ช่างน่าเวทนานักที่เขาจะไม่มีวันยอมรับในตัวของเจ้า ฮ่า ๆ ๆ !”
หลังจากกล่าวจบ ตู้ซีรั่วก็หัวเราะลั่นราวเสียสติ เสียงหัวเราะของนางทำให้ทั้งฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจทันที
ฉึก !
ทันใดนั้น กระบี่ในมือของตู้ซีรั่วก็แทงเข้าที่ท้องส่วนล่างของตนเองจนเกิดแผลเหวอะหวะ เลือดสดไหลออกจากแผลทันทีก่อนที่นางป้ายเลือดบางส่วนบนใบหน้าและลำตัวจนกลายเป็นสภาพที่น่าสงสารขึ้นมา
เมื่อนางทรุดล้มลงบนพื้น สภาพที่เปราะบางอ่อนแอของตู้ซีรั่วก็ทำให้ผู้พบเห็นสงสารจนจับใจได้ง่าย ๆ
โครมมม !
เวลานี้ จู่ ๆ ประตูหน้าห้องก็ถูกพังเปิดออก หานโม่ฉือ หลัวจื้อเลี่ยและหลัวหมิงฮ่าวปรากฏตัวขึ้นก่อนและตามด้วยคนอื่นอีกหลายคน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?!”
เมื่อเห็นตู้ซีรั่วนอนจมกองเลือดบนพื้นในขณะที่ฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่ายืนนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย รวมถึงบุรุษชุดดำอีกคนที่ติดอยู่ในข่ายอาคม หลัวจื้อเลี่ยก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
“พี่เลี่ย ขะ…ข้าคงไม่รอดแล้ว ก่อนตาย…ข้าขอให้ท่าน…ช่วยทวงความเป็นธรรมให้กับข้าด้วย…”
ตู้ซีรั่วมีสภาพราวกับใกล้ตายเต็มทีขณะกล่าวกับหลัวจื้อเลี่ยอย่างยากลำบาก…
.