หลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่วแต่งงานครองคู่กันมานานกว่าสิบปีและไม่อาจปฏิเสธเลยว่าย่อมมีความรู้สึกต่อกันบางอย่าง ต่อให้ไม่มีความรู้สึกฉันชู้สาวในตอนแรก ทั้งสองก็ค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกจนคุ้นเคยและผูกพันต่อกัน เวลานี้เมื่อได้ทราบว่าภรรยาที่อยู่ข้างกายมาตลอดแท้จริงแล้วคือสตรีจอมหลอกลวงและตีสองหน้า เขาก็อดรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกเพียงว่าสตรีที่เขารักสุดหัวใจถูกสังหารอย่างเลือดเย็นเพราะคนผู้นี้และบุตรสาวเพียงคนเดียวก็เกือบต้องตาย ความรู้สึกว่างเปล่านั้นก็กลายเป็นความโกรธแค้นชิงชังเจือด้วยจิตสังหารที่มิอาจควบคุมทันที นอกจากนี้ วิกฤตเรื่องร้ายมากมายที่เกิดขึ้นกับชนเผ่าเอลฟ์ก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับตู้ซีรั่วเช่นกันและนั่นทำให้จิตสังหารของเขารุนแรงยิ่งขึ้น
“ข้าไม่มีทางใจอ่อนกับสตรีผู้นั้นแน่ !”
เขากล่าวอย่างเยือกเย็นก่อนมุ่งหน้าออกไปทันที
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เพียงมองหน้ากันทว่าไม่คิดตามไป เรื่องระหว่างหลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่วนี้จำต้องสะสางโดยพวกเขาทั้งสองเอง บางทีอาจมีบางสิ่งบางอย่างที่หลัวจื้อเลี่ยไม่ต้องการให้คนอื่นทราบก็เป็นได้
ภายในห้องของตู้ซีรั่ว ในเวลานี้นางก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับใหลไม่ได้สตินานสามวัน อาการบาดเจ็บบนร่างกายของนางฟื้นตัวจนหายสนิทดีแล้วและไม่มีความเจ็บปวดอีกต่อไป ตู้ซีรั่วจึงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระไร้กังวล
เมื่อเห็นหลัวจื้อเลี่ยซึ่งนั่งเงียบและไม่สังเกตเห็นว่าตนฟื้นขึ้นมา นางก็กระซิบกระซาบเสียงเบา “พี่เลี่ย…”
เมื่อได้ยินเสียงของตู้ซีรั่ว สายตาของหลัวจื้อเลี่ยก็มองตรงไปที่นางทันทีก่อนกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าปิดบังสิ่งใดกับข้าอยู่รึไม่ ?!”
เขาไม่คิดที่จะใจอ่อนหรือไว้หน้าตู้ซีรั่ว และคิดที่จะเปิดอกพูดคุยกับนางให้รู้แล้วรู้รอด
คำถามอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของหลัวจื้อเลี่ยทำให้ตู้ซีรั่วชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวตอบอย่างงุนงง “พี่เลี่ย เหตุใดท่านจึงถามเช่นนี้ ?”
นางมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำมาในอดีตล้วนถูกเก็บกวาดอย่างแนบเนียนและไม่มีทางที่หลัวจื้อเลี่ยจะค้นพบความจริงได้ เว้นเพียงแต่ว่า…
“กลุ่มคนที่ลอบสังหารข้าบอกบางอย่างที่ทำให้ท่านสงสัยในตัวข้างั้นรึ ?”
ขณะกล่าวเช่นนี้ ตู้ซีรั่วก็แสร้งทำเป็นคร่ำครวญและกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศก “พี่เลี่ย… เราอยู่ด้วยกันมานานมากกว่าสิบปีแล้ว ทว่าท่านก็ยังเลือกที่จะเชื่อวาจาของคนนอกพวกนั้นและสงสัยในตัวข้า หากเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกัน ? ท่านฆ่าข้าให้ตายไปเสียยังดีกว่า”
ในอดีตตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตราบใดที่ตู้ซีรั่วกล่าวตัดพ้อเช่นนี้ ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวเพียงใด หลัวจื้อเลี่ยก็ให้อภัยนางง่าย ๆ เสมอมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในวันนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“หุบปาก !”
เมื่อหลัวจื้อเลี่ยได้ยินเสียงสะอื้นอย่างเสแสร้งของนาง เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีและกล่าวอย่างเยือกเย็น
“เจ้าลองสำรวจดูว่ามีสิ่งใดหายไปหรือไม่ ?”
เขาต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานี้ตัวเขาไม่ต่างจากคนที่ดวงตามืดบอดซึ่งมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของสตรีผู้นี้และถูกหลอกลวงตบตาอย่างโง่เขลามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
วาจาแข็งกร้าวและสีหน้าแววตาดุดันของหลัวจื้อเลี่ยในตอนนี้ทำให้ตู้ซีรั่วกังวลใจยิ่งกว่าเดิม นางหยุดร้องไห้สะอื้นและพยายามสำรวจหาว่ามีสิ่งใดหายไปหรือไม่
ทันใดนั้น นางก็นึกถึงจี้แม่กุญแจทองที่สวมใส่ติดตัวดั่งสมบัติล้ำค่าและเอื้อมมือแตะลำคอของตนโดยสัญชาตญาณก่อนพบว่าคอของนางว่างเปล่าและไม่มีของสิ่งนั้นอยู่อีกแล้ว
“พี่เลี่ย จี้แม่กุญแจทองของข้าอยู่ที่ใด ?”
ในช่วงเวลานี้ ตู้ซีรั่วก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจ ตราบใดที่นางไม่กล่าวเปิดเผยสิ่งใด นางเชื่อว่าหลัวจื้อเลี่ยก็คงจะไม่ค้นพบความลับเกี่ยวกับวัตถุดังกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ อย่ามาเรียกข้าว่าพี่เลี่ย มันฟังดูน่าขยะแขยงยิ่งนัก !”
หลัวจื้อเลี่ยลุกพรวดและจ้องมองตู้ซีรั่วด้วยแววตาเย้ยหยัน
“ตู้ซีรั่ว อย่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอและน่าสงสารอีกเลย ข้ารู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องชั่ว ๆ ทั้งหมดที่เจ้าทำหมดแล้ว ทั้งการที่เจ้าส่งคนไปรายงานข่าวปลอมหลอกข้า สั่งคนมาทำร้ายและช่วงชิงความทรงจำในช่วงที่ข้าอ่อนแอ หลังจากนั้นเจ้าก็ยังส่งคนไปฆ่าภรรยาและบุตรสาวของข้าอีก ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าซ่อนหัวใจที่ชั่วร้ายไว้ภายใต้เปลือกนอกที่ใสซื่อเช่นนี้ได้อย่างไร !”
ประโยคเหล่านี้ของหลัวจื้อเลี่ยเป็นดั่งดาบปลายแหลมที่ทิ่มแทงเข้าที่หัวใจของตู้ซีรั่วอย่างจัง ใบหน้างามของนางซีดเผือดไปทันที ความทรงจำของเขากลับมาแล้วและเขารู้ทุกอย่างที่ข้าทำ !
“พี่เลี่ย ข้า…”
นางต้องการกล่าวอธิบายทว่าถูกกล่าวแทรกโดยหลัวจื้อเลี่ยเสียก่อน
“ตู้ซีรั่ว ข้าไม่เข้าใจเลย ในเมื่อตอนนั้นเจ้าได้ตบแต่งเป็นภรรยาของข้าแล้ว เหตุใดจึงไม่ปล่อยภรรยาคนเดิมและลูกสาวของข้าไปทว่ายังส่งคนไปฆ่าพวกนางในโลกภายนอก ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เห็นอยู่ว่าเจ้าเองก็เป็นสมาชิกของชนเผ่าเอลฟ์ แล้วเหตุใดเจ้าจึงคิดร่วมมือกับคนจากฝ่ายมารพวกนั้นและต้องการทำให้ชนเผ่าเอลฟ์ของเราล่มสลาย เจ้าพร่ำบอกว่ารักข้า…เห็นทีความรักของเจ้าคงจะไร้ราคาจริง ๆ”
สิ่งที่เขาสงสัยใคร่รู้มากที่สุดคือเรื่องนี้ ในตอนนั้นเห็นได้ชัดว่าตู้ซีรั่วได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เหตุใดนางจึงต้องทำเรื่องชั่วช้าหลังจากนั้นอีก ?
หากตู้ซีรั่วหยุดเพียงเท่านั้น ความวุ่นวายทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น สั่วซีหย่าคงจะมิได้เข้ามาในชนเผ่าเอลฟ์ สั่วเชี่ยนก็คงไม่ต้องตายและสตรีลูกครึ่งเอลฟ์คงไม่ได้พบกับฉินอวี้โม่ รวมถึงชนเผ่าเอลฟ์ก็คงไม่ต้องเผชิญชะตากรรมอย่างเช่นทุกวันนี้
เมื่อได้ยินคำกล่าวหาของหลัวจื้อเลี่ย ตู้ซีรั่วก็ถึงกับพูดไม่ออกทันที จู่ ๆ นางก็เริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ทำลงไปหลังจากนั้นถูกหรือผิด หลัวจื้อเลี่ยกล่าวถูกต้องแล้ว หากนางไม่ทำเรื่องราวมากมายหลังจากนั้น นางก็คงไม่เผชิญกับสถานการณ์ในตอนนี้
เพียงแต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
“ตู้ซีรั่ว ข้าจะหย่าขาดกับเจ้าก่อนเป็นสิ่งแรก นับจากวันนี้ไป เจ้ามิใช่ภรรยาของหลัวจื้อเลี่ยผู้นี้อีกต่อไปและข้าจะลบเจ้าออกจากพงศาวลี หลังจากนั้นเราจะเป็นศัตรูต่อกัน…เป็นศัตรูคู่อาฆาต เจ้าสั่งฆ่าสตรีที่ข้ารักที่สุดและทำสิ่งชั่วร้ายเกินให้อภัยกับชาวเอลฟ์อีกมากมาย ข้าไม่มีทางเมตตาหรือใจอ่อนเพราะการที่เราอยู่ด้วยกันมานานกว่าสิบปีแน่ !”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็หยิบแผ่นพับฉบับเล็กออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาก็กรีดปลายนิ้วมือเล็กน้อยจนเลือดไหลออกมาและขีดฆ่าลงบนแผ่นพับดังกล่าวก่อนชื่อของตู้ซีรั่วจะหายไปอย่างไม่หลงเหลือร่องรอย
นี่คือแผ่นพับลำดับวงศ์ตระกูลของหลัวจื้อเลี่ยซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อของเขาและตู้ซีรั่วระบุอยู่ด้วยกันและพิสูจน์ให้เห็นว่านางเป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์ ทว่าบัดนี้เมื่อชื่อของนางถูกลบล้างออกไป นั่นก็หมายความว่าเขาหย่าขาดตัดสัมพันธ์กับตู้ซีรั่วและนางมิใช่ภรรยาของเขาอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน หลัวจื้อเลี่ยก็หยิบจดหมายแสดงการหย่าร้างและยื่นมันให้กับตู้ซีรั่วเพื่อประกาศการตัดสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ
“พี่เลี่ย ท่าน…”
ตู้ซีรั่วบ่อน้ำตาแตกทันที และหลังจากอ่านรายละเอียดในจดหมาย จู่ ๆ นางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ หลัวจื้อเลี่ย เราอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนมานานหลายปี เจ้าไม่มีความรู้สึกใดต่อข้าเลยหรือ ?”
เวลานี้นางไม่ต่างไปจากคนเสียสติและสูญเสียเหตุผลทุกอย่างไป นางเพียงต้องการทราบว่าที่ผ่านมาบุรุษผู้นี้มีความรู้สึกใดกับนางบ้างหรือไม่
“ตู้ซีรั่ว ข้าเคยบอกเจ้าเมื่อนานมาแล้วว่าข้ามองเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่งและไม่ได้ต้องการตบแต่งกับเจ้า อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำลงไปในอดีตทำให้ข้ามิอาจอภัยให้เจ้าได้อีกแล้ว ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีกต่อไป นับจากนี้เป็นต้นไป เราขาดกัน !”
หลัวจื้อเลี่ยกล่าวสิ่งเหล่านี้อย่างเย็นชาทว่ารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเล็กน้อย แท้จริงแล้วเขาไม่เคยมีความรักฉันชู้สาวกับตู้ซีรั่ว ทว่านับตั้งแต่เยาว์วัย นางก็อยู่เคียงข้างเขามาตลอด เพราะเหตุนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อนางดั่งน้องสาวคนหนึ่งที่รักและผูกพันอย่างแท้จริง
วาจาเย็นชาของหลัวจื้อเลี่ยทำให้ตู้ซีรั่วสงบสติลงก่อนแสยะยิ้มประหลาดและกล่าวอย่างเยือกเย็น “หลัวจื้อเลี่ย แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ !”
หลังจากกล่าวจบ ร่างของนางก็กะพริบและพุ่งออกไปจากเรือนทันที หากยังอยู่ที่นี่ต่อไป นางเชื่อว่าหลัวจื้อเลี่ยจะลงมือสังหารตนอย่างแน่นอน บัดนี้นางทำได้เพียงกลับไปที่ครอบครัวของตนเพื่อเตรียมแผนการในระยะยาว
“เหอะ คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ งั้นรึ !”
หลัวจื้อเลี่ยแค่นเสียงเย็นชา ร่างของเขาพุ่งตรงไปและหยุดยืนตรงหน้าตู้ซีรั่ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูถึงระดับสูงสุดแล้ว ตู้ซีรั่วมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม หลัวจื้อเลี่ยเองก็ต้องประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของตู้ซีรั่วเช่นกัน สิ่งที่เขาทราบมาก่อนหน้านี้คือนางมีพลังเพียงขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้นเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าพลังของนางในปัจจุบันจะไม่ด้อยไปว่าตัวเขามากเท่าใดนัก
“ดูเหมือนว่าฝ่ายมารจะให้ผลประโยชน์กับเจ้ามากทีเดียว”
หลัวจื้อเลี่ยกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“เหอะ !”
ตู้ซีรั่วเพียงแค่นเสียงเย็นชาและไม่กล่าวสิ่งใด เวลานี้นางตระหนักแล้วว่าหลัวจื้อเลี่ยไม่มีทางปล่อยตนไปอย่างแน่นอน
เมื่อมากกว่าสิบปีก่อน หลัวจื้อเลี่ยออกไปจากชนเผ่าเอลฟ์เพื่อหลบหนีการแต่งงานกับนาง ทว่าการที่นางทำสิ่งผิดพลาดมากมายในอดีตที่ผ่านมานี้ คงไม่มีทางที่หลัวจื้อเลี่ยจะให้อภัยตนอย่างแน่นอน
“พี่เลี่ย ท่านหยุดข้าไม่ได้หรอก !”
นางกล่าวขึ้นอีกครั้งขณะยังไม่ลงมือทำสิ่งใด ตราบใดที่นางต้องการหลบหนี ตู้ซีรั่วเชื่อว่าหลัวจื้อเลี่ยหยุดตนไม่ได้แน่
“ฮ่า ๆ ๆ หากเขาคนเดียวหยุดเจ้าไม่ได้ แล้วถ้าเพิ่มพวกเราเข้าไปล่ะ ?”
ทันใดนั้น น้ำเสียงเรียบเฉยของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้นในหูของตู้ซีรั่วก่อนที่นางและหานโม่ฉือจะปรากฏตัวกลางอากาศขวางทางอีกฝ่ายไว้
“เหอะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของข้า !”
เมื่อเห็นคนทั้งสอง โทสะพลุ่งพล่านในใจของตู้ซีรั่วก็แทบจะระเบิดออกมา หากมิใช่เพราะมนุษย์ทั้งสอง หลัวจื้อเลี่ยจะค้นพบความลับที่นางปิดบังไว้และทุกอย่างจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร…
“ไม่ว่าจะทำสิ่งใด สวรรค์เบื้องบนล้วนมองเห็นมัน ในเมื่อเจ้าทำสิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านั้น เจ้าก็ควรจะเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับผลลัพธ์ของมัน”
ฉินอวี้โม่ยังคงมีใบหน้าที่เรียบเฉยและวาจาของตู้ซีรั่วไม่ทำให้นางขุ่นเคืองแต่อย่างใด
“หยุดพล่ามไร้สาระเสียที เจ้าไม่ชนะหรอก !”
ตู้ซีรั่วกล่าวเสียงแข็งและกระบี่ปรากฏในมือของนางก่อนพุ่งตรงไปโจมตีฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
“คิดว่าข้าจะอยู่เฉยและปล่อยให้เจ้าทำร้ายคนรักของข้าต่อหน้าข้างั้นรึ ?!”
ครานี้หานโม่ฉือเอ่ยวาจาอย่างเยือกเย็นและปัดกระบี่ของตู้ซีรั่วออกไปอย่างสบาย ๆ ทว่าในขณะที่เขากำลังจะสั่งสอนให้สตรีชั่วช้าผู้นี้รู้สำนึก ฉินอวี้โม่ก็จับแขนเขาและปรามเขาไว้ก่อน
“กำลังรอศิษย์พี่ของเจ้าอยู่งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มและมองสตรีตรงหน้าอย่างใช้ความคิด
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ?!”
ตู้ซีรั่วตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณ การที่ฉินอวี้โม่กล่าวเช่นนี้ หมายความว่าเกิดเรื่องบางอย่างกับศิษย์พี่ของนางหรือ ?
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องรอหรอก เขาติดอยู่ในข่ายอาคมของข้าและยังออกมาไม่ได้ ต่อให้ออกมาได้สำเร็จ หลัวหมิงฮ่าวและสั่วซีหย่าก็กำลังรออยู่ที่นั่นและเมื่อเขาออกมา เขาก็จะถูกจับตัวในทันที”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว พวกนางไม่มีทางปล่อยให้ตู้ซีรั่วและบุรุษชุดดำผู้นั้นมีโอกาสหลบหนีอย่างแน่นอน
สีหน้าของตู้ซีรั่วเปลี่ยนไปทันที แผนการของฉินอวี้โม่ช่างล้ำลึกยิ่งนัก
“นายหญิง ท่าไม่ดีแล้ว องค์ชายห้าถูกจับตัวไปโดยกลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน !”
ทันใดนั้น น้ำเสียงเป็นกังวลของสั่วซีหย่าก็ดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ส่งผลให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
.