ย่านศูนย์การค้าของชนเผ่าเอลฟ์ตั้งอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตชีวาอย่างมากในเมืองราชวงศ์
ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าและแผงขายของมากมาย สินค้าทุกรูปแบบถูกจัดแสดงเรียงรายละลานตาและดึงดูดใจผู้ที่เดินผ่านไปมา
ทั้งสองข้างทางก็มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายที่ยืนกันอยู่โดยมีกิริยาท่าทางและการแต่งกายที่ล้วนแตกต่างกัน พวกเขาต่างก็กำลังโฆษณาสินค้าของตนเองอย่างกระตือรือร้น บางครั้งบางครา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามแผงขายของก็แวะหยุดเพื่อชมสินค้าก่อนเลือกซื้อสิ่งที่ต้องการหรือเดินจากไปด้วยความผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม ภายในถนนที่ครึกครื้นเส้นนี้ก็มีสิ่งหนึ่งที่ดูผิดแปลกและโดดเด่นมาก
สิ่งนั้นก็คือแผงลอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีสินค้าใด ๆ แสดงบนแผงขาย ทว่าถัดจากแผงดังกล่าวคือป้ายที่ระบุเพียงสองพยางค์ว่า ‘ดูดวง’ !
หลังแผงดังกล่าวคือบุรุษชราผู้หนึ่งที่นั่งนิ่งอยู่กับที่และหลับตาสนิท ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยหนวดเครายาว เขาสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดซึ่งดูเหมือนลักษณะของเทพบุตรผู้บริสุทธิ์ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับนิ่งเฉยเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ท่ามกลางถนนที่ครึกครื้น มีผู้คนเดินเข้าไปหาเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้เป็นครั้งคราวทว่าบุรุษชราผู้นั้นกลับไม่เคยลืมตาหรือแสดงความสนใจต่อผู้ใดแม้เพียงคนเดียว
“เหอะ ! คนอะไรกัน ทำตัวเร้นลับซับซ้อนยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าตั้งแผงที่นี่เพื่อหารายได้ เราหลายคนก็อยากดูดวงชะตากันทว่าเขากลับไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำ ข้าว่าเราแยกย้ายกันไปตามทางจะดีกว่า อย่าตั้งความหวังอะไรมากนักเลย”
ใครคนหนึ่งก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวกับบุรุษชราชุดขาวพักใหญ่ทว่าไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบสนองใด เขาจึงอดไม่ได้และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์โดยที่ใบหน้าแสดงความเย้ยหยันอย่างชัดเจน
แรกเริ่มเดิมที คนอื่น ๆ ต่างก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับบุรุษชราผู้ลึกลับนี้อย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้สนใจมากอีกแล้ว บุรุษชราผู้นี้หยิ่งยโสจนเกินไป ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาใกล้เพื่อใช้บริการดูดวง เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอราคามากเพียงใด หากเขามิได้เป็นยอดฝีมือที่มากความสามารถจริง เขาก็คงเป็นเพียงนักต้มตุ๋นที่แสร้งแสดงว่าเก่งกาจและพยายามเรียกร้องความสนใจ เมื่อเปรียบเทียบจากทั้งสองสิ่ง ทุกคนก็เชื่อในทิศทางเดียวกันว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า
“ตาเฒ่า เจ้ารู้วิธีดูดวงจริงรึไม่ ? หากไม่รู้จริงก็รีบเก็บข้าวของออกไปเสีย สหายของข้ากำลังมองหาทำเลดี ๆ ในการตั้งที่ขายของ เพราะฉะนั้นจงหลีกไปและยกตำแหน่งตรงนี้ให้เขาเสียจะดีกว่า”
ทันใดนั้น กลุ่มคนที่ดูเหมือนอันธพาลกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาจากระยะห่างออกไปและหยุดลงตรงหน้าบุรุษชราโดยผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวอย่างไร้มารยาท
บุรุษชรายังคงนิ่งเฉยเช่นเดิมและไม่เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดราวกับเขาไม่ได้ยินหรือไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“สหาย ไม่ต้องเสียเวลาอีก พังร้านนี้ให้ราบไปเลย ข้าอยากเห็นนักว่าเขาจะยังเสแสร้งทำนิ่งเฉยต่อไปได้รึไม่ !”
เมื่อเห็นว่าบุรุษชราเมินเฉยตน หัวหน้าอันธพาลก็เดือดดาลทันที เขาโบกมือสั่งคนที่ติดตามมาด้วยหลายคนและตะโกนกร้าวโดยต้องการที่จะทำลายแผงลอยของบุรุษชราในทันที
โครม ! พลั่ก !
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มือของพวกเขาใกล้แตะสิ่งของในร้าน คนเหล่านั้นก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลและกระเด็นลอยออกไปทันทีก่อนร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนอยู่ในสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
เมื่อคนของตนถูกโจมตีด้วยพลังที่มองไม่เห็นอย่างกะทันหันเช่นนี้ สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าบุรุษชราเพียงเสแสร้งทำตัวลึกลับ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความสามารถอยู่จริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีเขาจะประมาทอีกไม่ได้แล้ว !
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพลังจากห้าส่วนในร่างกายก็มาจดจ่อรวมกันที่มือก่อนกำปั้นพุ่งตรงไปหมายจะโจมตีบุรุษชราตรงหน้า
ปัง !
อย่างไรก็ตาม เขายังโจมตีไม่ถึงตัวบุรุษชราด้วยซ้ำก็รู้สึกราวกับแขนของตนปะทะเข้ากับกำแพงเหล็กกล้าอย่างรุนแรงและพลังในร่างกายสลายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
เมื่อรู้สึกได้ว่าจู่ ๆ พลังเอลฟ์ในร่างของตนหายไปอย่างกะทันหัน สีหน้าของคนผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บุรุษชราผู้นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง อีกทั้งยังน่าขนลุกจนเขาหวาดกลัวขึ้นมา
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่เข้ามารบกวนท่านผู้เฒ่า โปรดอย่าถือสาข้าเลย”
เขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีกและไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากกล่าวจบ บุรุษผู้นั้นก็รีบวิ่งจากไปพร้อมคณะสหายของตนอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาในตอนนี้ยังคงซีดสลดแสดงถึงความหวาดกลัวราวกับเห็นภูตผี พลังของบุรุษชราช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก อีกทั้งก็ยังมิได้ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ พลังมหาศาลนั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาล่าถอยออกไปโดยที่ไม่ทันสู้
เมื่อคนอื่น ๆ มองเห็นกลุ่มของอันธพาลเหล่านั้นที่หนีจากไป สีหน้าของพวกเขาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนไม่น้อย เดิมทีพวกเขาก็คิดว่าบุรุษชราเพียงเสแสร้งแสดงตบตาเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าพวกเขาทุกคนจะคิดผิดไปอย่างสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของบุรุษชราอยู่ในขอบเขตนภาเซียนเป็นอย่างต่ำและอาจจะเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ในชนเผ่าเอลฟ์แห่งนี้ไม่เคยมีใครได้ยินเกี่ยวกับผู้อาวุโสที่ทรงพลังมากเพียงนั้นมาก่อน
แม้เหล่าผู้คนที่เฝ้ามองต่างก็สงสัยใคร่รู้ ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกเขาทราบดีว่ายอดฝีมือผู้แกร่งกล้ามักมีลักษณะอารมณ์ที่ยากจะคาดเดา หากอยู่กวนใจหรือสร้างความน่ารำคาญจนเกินไป พวกเขาก็อาจจะเผชิญชะตากรรมเดียวกับกลุ่มอันธพาลเมื่อครู่นี้
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ยืนอยู่ด้านข้างและมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มคนผู้นั้นเข้าไปหาเรื่องบุรุษชราเมื่อครู่ สั่วซีหย่าก็ต้องการเข้าไปขัดขวางทว่าฉินอวี้โม่ห้ามนางไว้เสียก่อน นางคาดเดาได้ตั้งแต่ต้นว่าบุรุษชราผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและต้องการรอดูว่าเขาจะมีความสามารถเพียงใด
“นายหญิง เราลองเข้าไปขอดูดวงดีรึไม่ ?”
สั่วซีหย่ากล่าวกระซิบกระซาบ แม้ทราบว่านายของตนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ นางก็อดเอ่ยถามไม่ได้
“ลืมมันไปเถอะ เรื่องพวกนี้ล้วนถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้ว ดูเหมือนว่าตาเฒ่าผู้นี้จะเฝ้ารอเพียงผู้ที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตาเท่านั้น เราแค่มองดูอยู่ห่าง ๆ เถอะ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ โดยไม่คิดที่จะเข้าไปรบกวนบุรุษชราผู้ลึกลับ นางมิได้คิดเหมือนคนอื่นที่เชื่อว่าบุรุษชราผู้นี้เป็นนักต้มตุ๋น หากแต่รู้สึกได้ว่าบุรุษชราคือจอมยุทธ์ลับ การที่เขาปรากฏตัวในชนเผ่าเอลฟ์อย่างกะทันหันเช่นนี้ก็น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่พิเศษบางอย่างเป็นแน่
ฉินอวี้โม่เป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิต เช่นเดียวกับการที่นักฆ่ามือพระกาฬแห่งยุคศตวรรษ 21 ต้องมาปรากฏตัวในร่างคุณหนูผู้อ่อนแอในดินแดนนี้ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้วและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงมันได้
หานโม่ฉือและหลัวหมิงเฟยเองก็มีความคิดไปในทางเดียวกัน ผู้ที่มีความสามารถในระดับนี้จะชี้แนะและให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ถูกโชคชะตาลิขิตไว้เท่านั้น ส่วนผู้ใดจะถูกลิขิตไว้หรือไม่ มันก็เป็นสิ่งที่มิอาจบังคับหรือเลือกเองได้
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็เดินผ่านบุรุษชราไปอย่างไม่สนใจและวางแผนที่จะมุ่งหน้าตรงไปที่ศูนย์การค้าข้างหน้า
ทว่าก่อนผ่านพ้นไปนั้น จู่ ๆ บุรุษชราผู้นั้นก็เอ่ยเรียกพวกนาง
“การที่ไม่มีพวกเจ้าคนใดเดินเข้ามาถามข้า แล้วพวกเจ้าจะทราบได้อย่างไรว่าพวกเจ้ามิใช่ผู้ที่ถูกโชคชะตาลิขิตไว้ ?”
บุรุษชราค่อย ๆ ลืมตาเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงด้วยสติปัญญาและดูล้ำลึกราวกับสามารถมองเห็นความจริงทุกอย่างของโลกทั้งใบได้
“โอ้ ? ผู้ที่ถูกโชคชะตาลิขิตไว้คงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม เพราะสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วย่อมเข้ามาหาเอง ท่านผู้เฒ่าไม่คิดเช่นนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มทว่าคิดไม่ถึงเช่นกันว่าบุรุษชราจะเอ่ยเรียกพวกตนเช่นนี้ จู่ ๆ บุรุษลึกลับก็เอ่ยขึ้นเพื่อหยุดพวกนางไว้และนั่นทำให้ฉินอวี้โม่มีข้อสันนิษฐานเกิดขึ้นในใจ พวกนางจะต้องเป็นเป้าหมายที่ทำให้บุรุษชราเดินทางมาในที่แห่งนี้โดยเฉพาะ
“ก็เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า เพียงแต่…เจ้าคือคนที่ข้ากำลังตามหาอยู่จริง ๆ”
บุรุษชราพยักศีรษะเบา ๆ และคลี่ยิ้มพร้อมกล่าวตามตรง แม้จะหลับตาอยู่ เขาก็รับรู้ได้ถึงการมาถึงของฉินอวี้โม่ในทันทีและคนผู้นี้คือคนที่เขากำลังตามหาอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น บุรุษชราก็เฝ้ารอฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เพื่อบอกบางอย่างกับพวกนาง อย่างไรก็ตาม หากต้องการทราบสิ่งนั้น พวกนางจะต้องถามให้บุรุษชราคำนวณโชคชะตาชีวิตก่อน
“ฮ่า ๆ ๆ จิตวิญญาณจากต่างแดนสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างนี้ได้อย่างกลมกลืนทีเดียว ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างนี้จะพึงพอใจกับผู้สิงสถิตมาก”
ประโยคเดียวของบุรุษชราก็บ่งบอกได้ถึงต้นกำเนิดของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจนและพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขาทราบแม้กระทั่งว่านางมาจากโลกอื่น
“เพียงต้องทำเพื่อความอยู่รอด และบังเอิญว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน แรกเริ่มเดิมที คุณหนูสี่ผู้เป็นเจ้าของร่างนี้คนเดิมถูกกำหนดให้ต้องตายด้วยชะตากรรมอันเลวร้ายและเหมือนจะสอดคล้องกับเงื่อนไขบางอย่างจึงทำให้ดวงวิญญาณของเธอเข้ามาสิงสถิตในร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมก็ยอมรับเธออย่างง่ายดายและทำให้ร่างกายนี้กลายเป็นร่างที่เธอสามารถควบคุมได้อย่างอิสระเสมือนเป็นร่างในชีวิตก่อนของตนเอง
“นั่นถือเป็นเรื่องของโชควาสนาเช่นกัน เท่าที่ข้าทราบมา มิใช่จิตวิญญาณทุกดวงที่จะหลอมรวมกับร่างได้อย่างกลมกลืนและเป็นไปด้วยดีเช่นนี้”
บุรุษชรายิ้มและกล่าวตอบ “พวกเจ้ามาที่ที่เพราะต้องการสืบเบาะแสเกี่ยวกับต้นโพธิ์ใช่หรือไม่ ?”
บุรุษชรากล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ดูยากจะเข้าใจ ราวกับมีพลังของการหยั่งรู้และการทำนายโชคชะตา
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าตั้งใจมาบอกพวกเราเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่เฉลยให้พวกเราเลยล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างสนใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าบุรุษชราผู้นี้ทราบบางอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น นางเชื่อว่าเขาต้องการจะบอกบางอย่างกับพวกตนเป็นแน่ บางทีการที่เขาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหันเป็นเพราะจุดประสงค์เรื่องนี้
“คิดไว้ไม่มีผิด เป็นสตรีน้อยที่ชาญฉลาดจริง ๆ สามารถคาดเดาจุดประสงค์ของข้าได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ข้าจะบอกเบาะแส ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องบอกเจ้าก่อน”
บุรุษชรายิ้มและมองตรงไปที่ฉินอวี้โม่ก่อนกล่าว “แม้เจ้าเป็นจิตวิญญาณจากโลกอื่น มันก็มิได้หมายความว่าการที่เจ้ามาที่นี่เป็นสิ่งผิดพลาด หากแต่มันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้โดยโชคชะตาและเป็นชะตากรรมของเจ้า เจ้าอาจคิดว่าร่างกายของเจ้าในตอนนี้เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยให้เจ้าข้ามผ่านเข้ามายังโลกนี้ได้”
หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อ “ในอดีต เจ้าคร่าชีวิตของผู้คนไปมากมายและทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ในชีวิตนี้ ถึงแม้ว่าเหตุผลบางประการจะทำให้จิตสังหารเหล่านั้นน้อยลงกว่าเดิมมาก อย่างไรก็ตาม นั่นก็มิได้หมายความว่าลึก ๆ ภายในหัวใจของเจ้าไม่มีจิตสังหารใดหลงเหลืออยู่ เมื่อใดที่จิตสังหารอันแรงกล้าเหล่านั้นปะทุออกมา กายเทพมายาอาจจะกลายเป็นอาวุธชิ้นสำคัญสำหรับเจ้าและเป็นเครื่องมือสำหรับการโค่นทำลายดินแดนเทพมายา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงอย่ากระทำสิ่งใดด้วยความวู่วามหรือใจร้อน จงรักษาจิตให้มั่นคงและใจเย็นเข้าไว้ มันจะเป็นผลดีต่อตัวเจ้าเอง”
เมื่อได้ฟังวาจาของบุรุษชรา ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจบางอย่างทว่าก็ยังสับสนงุนงงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม นางพยักศีรษะรับคำเบา ๆ ในชีวิตนี้ นางจะไม่คร่าชีวิตของผู้คนเป็นว่าเล่นเหมือนอย่างในชีวิตก่อนอีกต่อไป
“หานโม่ฉือ เดิมทีเจ้าเป็นตัวแทนของดาวเทียงสั่วะซึ่งเป็นดาวอัปมงคล ผู้คนรอบตัวเจ้าจะต้องพบกับจุดจบที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม เพราะการปรากฏตัวของฉินอวี้โม่ ลางร้ายลางอัปมงคลดังกล่าวจึงได้หายสาบสูญไปอย่างสิ้นเชิง เจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไปในอนาคต ทว่าจงระวังเรื่องจิตใจของเจ้าไว้ให้ดี ภายใต้ความคิดเดียว เจ้าสามารถเปลี่ยนกลายเป็นได้ทั้งพระหรือว่ามาร ข้าก็ทราบดีว่าเพื่อช่วยเหลือฉินอวี้โม่ ต่อให้เจ้าจะต้องกลายเป็นมาร เจ้าก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทว่าเจ้าต้องคิดให้ดีว่าสิ่งใดคือสิ่งที่เจ้าต้องการจริง ๆ”
เขากล่าวกระตุ้นให้หานโม่ฉือวิเคราะห์การควบคุมสมดุลระหว่างความคิดด้านดีและด้านร้ายของตนเอง
หานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาเคยได้ยินคำพูดทำนองนี้จากสวีไหลมาก่อนและเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วพอสมควร
“สำหรับต้นโพธิ์ที่พวกเจ้าตามหา มันอยู่ในเผ่าใดเผ่าหนึ่งของชนเผ่าเอลฟ์ เพียงแต่มันซ่อนอยู่ลึกพอสมควร จงสำรวจหาให้ดี”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว ร่างของบุรุษชราชุดขาวก็หายวับไปต่อหน้าทุกคนและไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยใด ๆ ราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาตัวตนของบุรุษชราได้ทันที…
.