“ขอโทษด้วย แต่ข้าไม่สนใจ”
ฉินอวี้โม่ไม่อยากจะเข้าใกล้คนประเภทนี้ หลังจากตอบกลับไปสั้น ๆ นางก็กลับมาสนทนากับลั่วอวิ๋นต่อเช่นเดิม
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างแน่วแน่ ของฉินอวี้โม่ ลิ่วเยว่ก็อึ้งไปชั่วขณะ ทว่าแทนที่จะโกรธเคืองเขากลับยิ้มออกมา
‘ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจยิ่งนัก ถึงกับกล้าปฏิเสธข้าเชียวหรือ’
นางปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ผู้คนในงานนี้ทั้งหมดต่างก็รู้ถึงสถานะของเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นศิษย์จากอารามซึ่งเป็นขุมกำลังที่มีอำนาจล้นฟ้า ทั้งชีวิตเขาเคยพบพานสตรีมามากมายและหลากหลาย สตรีหยิ่งยโสเขาก็เคยเจอมาไม่น้อย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดใครกล้าปฏิเสธคำขอผูกไมตรีของเขาเช่นนี้มาก่อน และมาวันนี้เขากลับได้พบเจอสตรีจองหองผู้นี้ และนี่ทำให้ลิ่วเยว่เกิดความสนใจขึ้นมา
“ฮ่า ๆ น่าสนใจนี่ เจ้าคิดที่จะใช้การเมินเฉยมาเรียกร้องความสนใจจากข้าอย่างนั้นใช่หรือไม่ ถึงได้ปฏิเสธข้า? ”
ลิ่วเยว่ยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ยินดีด้วย เจ้าทำสำเร็จแล้ว เจ้าเป็นสตรีที่น่าสนใจจริง ๆ ตอนนี้ข้าสนใจเจ้าขึ้นมาจริง ๆ แล้ว”
เมื่อได้ยินวาจาหลงตัวเองอย่างหน้าไม่อายของลิ่วเยว่ ฉินอวี้โม่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ตอนนี้ใบหน้าของงดงามแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในบัดดล
‘ไอ้โง่นี่มันไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนฮะ ! ตลกสิ้นดี ! ’ ฉินอวี้โม่ผู้เป็นอดีตมือสังหารระดับพระกาฬในชีวิตก่อนไม่เคยมีใครกล้าทำตัวสะเหล่อพูดจีบเธอ หน้าด้าน ๆ ด้วยคำพูดหลงตัวเองแบบนี้มาก่อน
“เหอะ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เจ้ากล้ามาเกี้ยวพานคุณหนูของข้า หัดดูสภาพตัวเองซะบ้างว่าเหมาะสมกับคุณหนูของข้าหรือไม่! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของบุรุษไร้ยางอาย เสี่ยวโร่วก็อดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและชี้หน้า พ่นวาจาถากถางเข้าใส่
‘ชายผู้นี้ไร้ยางอายอย่างน่ารังเกียจ เขามาช้าที่สุดจนผู้อื่นต้องรอ ทำตัวไม่ให้เกียรติท่านเจ้าเมืองที่เป็นเจ้าภาพ หน้าตาก็ไม่งดงามมีสง่าราศี เขาไม่ดูตัวเองเลยแต่กลับกล้ามาจีบคุณหนูของนาง… ถ้าจะจีบคุณหนูอย่างน้อยก็ควรจะเป็นคนที่มีระดับและรู้จักวางอย่างคุณชายลั่วอวิ๋น หรืออย่างองค์ชายสามฉีอวี้ที่เจอกันก่อนหน้านี้ถึงจะคู่ควร’
ถ้าหากฉินอวี้โม่รู้ถึงสิ่งที่เสี่ยวโร่วกำลังคิดอยู่ นางก็คงจะรู้สึกหมดคำพูด…
“สาวน้อย เจ้ากล้าด่าข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวโร่ว สีหน้าของลิ่วเยว่ก็เปลี่ยนไปทันที ทว่าในตอนนี้เมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ต้องพยายามควบคุมตัวเองและปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าสตรีที่เขาหมายปอง ตอนนี้ศิษย์จากขุมกำลังมากอำนาจกำลังพยายามสยบความโกรธในหัวใจเอาไว้
“ข้าไม่รู้ ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือคนไร้ยางอายอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับคุณหนูของข้า! ”
เสี่ยวโร่วส่ายศีรษะ แท้จริงแล้วสาวใช้ตัวน้อยเองก็ไม่ทราบว่าคนจากอารามเป็นใครหรือมีความสำคัญอย่างไร ที่สำคัญต่อให้รู้จักอารามก็เถอะ แต่นางก็จะไม่ยอมให้คนเช่นนี้มายุ่งกับคุณหนูของนางอยู่ดี
เสียงของเสี่ยวโร่วค่อนข้างดังและฟังได้ชัดเจนในความเงียบ แขกทุกคนที่เข้ามาร่วมงานเลี้ยงจึงได้ยินที่นางพูดทั้งหมด ไม่ทราบเช่นกันว่าผู้ได้เป็นผู้ริเริ่มแต่ทว่าในตอนนี้ภายในสถานที่จัดเลี้ยงกำลังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างขบขัน
ลิ่วเยว่ผู้นี้ไร้ยางอาย เรื่องนี้ทุกคนต่างก็เห็นด้วยตาและคิดตรงกันหมด ทว่าในที่แห่งนี้ก็คงมีแต่เพียงสาวน้อยชุดเขียวนามว่าเสี่ยวโร่วเท่านั้น ที่กล้าเอ่ยออกไปตรง ๆ
“เจ้าเด็กสกปรก เจ้า…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวโร่ว ลิ่วเยว่ก็โกรธจนพูดไม่ออก
“ข้ามาจากอาราม เจ้ากล้าดียังไงถึงมาพูดกับข้าแบบนี้? ”
ลิ่วเยว่มองเสี่ยวโร่วด้วยสายตาโกรธเคือง ครั้งนี้เขาโกรธมากจริง ๆ
“อาราม? ”
เมื่อเสี่ยวโร่วได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย นางก็อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายศีรษะ
“ข้าไม่รู้จักอารามของเจ้า ข้ารู้จักแต่วัดแถวบ้านข้า ยังไงเจ้าก็ไม่คู่ควรกับคุณหนู เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเกี้ยวคุณหนูของข้า”
น้ำเสียงของเสี่ยวโร่วนั้นหนักแน่น นางต้องการประกาศเจตนาที่ชัดแจ้ง คุณหนูของนางงดงามราวเทพเซียน การที่ต้องถูกคนนิสัยแย่เช่นนี้มาเกี้ยวพาน … ดูอย่างไรก็ไม่ต่างจากคางคกอยากกินเนื้อหงส์
“ฮึ่มมม…”
ลิ่วเยว่แข็งค้างไป เขากำลังทั้งโมโหและงุนงงในคราวเดียวกัน ‘ในโลกนี้มีคนที่ไม่รู้จักอารามอยู่จริง ๆ อย่างนั้นรึ? ’
เมื่อเห็นลิ่วเยว่นิ่งและหยุดพูดไป เสี่ยวโร่วก็นั่งลง อย่างไรก็ตาม นางก็ยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดันเพื่อป้องกันไม่ให้เขามายุ่งกับฉินอวี้โม่
“ฮ่า ๆ น่าสนใจ คุณหนูก็น่าสนใจ สาวใช้ยังไม่ธรรมดาอีก”
ลิ่วเยว่หัวเราะทว่ากลับเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขนลุก เขาจ้องมองฉินอวี้โม่และกล่าว
“เด็กน้อย เช่นนั้นลองถามความคิดเห็นคุณหนูของเจ้าดูก่อนดีไหม? “
เมื่อเห็นว่าลิ่วเยว่ยังคงหน้าด้านหน้าทนไม่รู้จักความหมายของคำว่าถอย ฉินอวี้โม่ก็อดที่จะขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้ ในตอนที่เสี่ยวโร่วพูด นางไม่ได้หยุดสาวใช้น้อยเพราะตัวนางเองก็ขี้เกียจเจรจากับคนประเภทนี้
หากเป็นชาติก่อน และมีคนแบบนี้กล้ามาเกี้ยวพานเธอ ในลักษณะนี้ อีกฝ่ายจะต้องจ่ายค่าตอบแทนความสะเหล่อในราคาแพงแน่ อย่างไรก็ตาม ชีวิตนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้ เธอยังต้องสนใจสายตาผู้คนที่จ้องมองมา อีกทั้งเธอยังไม่อยากจะกลายเป็นจุดสนใจโดยการมีเรื่องกับคนของอาราม