“ท่านลุงเจ็ด พวกท่านมาที่นี่เพราะไข่ประหลาดบนผาทรนงใช่หรือไม่ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามออกไปตรง ๆ ในน้ำเสียงหวานใสนั้นไม่มีความประหลาดใจอยู่เลยแม้แต่น้อย ผู้ใดก็ล้วนทราบดีว่าหากไม่มีไข่ประหลาดดังกล่าวก็คงไม่มีฝูงชนมายืนรวมตัวกันมากถึงเพียงนี้
ฉินอีเฟิงพยักหน้า เขาคิดว่าไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รับรู้ข่าวว่ามีไข่ประหลาดอยู่บนผาทรนงภายในป่าแสงจันทร์ ซึ่งถ้าหากคาดการณ์ไม่ผิดไข่นั้นน่าจะเป็นไข่ของอสูรเทวะราชัน แน่นอนว่าอสูรระดับนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของทุกขุมกำลัง
ว่ากันว่าหากลูกของอสูรมายาระดับเทวะราชันถูกเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่แรกเกิด ศักยภาพและความแข็งแกร่งของมันหลังจากเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ก็จะน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วเหล่าขุมกำลังน้อยใหญ่ทั้งหลายในนครไป๋อวิ๋นจึงเร่งรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อจะดูให้เห็นกับตา
“ทุกคนในที่นี้ต่างก็ทราบกันดีว่าไข่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำเหนือหน้าผา ภายในถ้ำนั้นมีราชาอสรพิษเก้าเศียรซึ่งเป็นอสูรมายาที่น่าหวาดหวั่น ที่สำคัญพื้นที่ภายในถ้ำนั้นก็นับว่าค่อนข้างคับแคบ อีกทั้งรอบ ๆ บริเวณด้านนอกถ้ำก็ยังมีอสูรมายาระดับสูงมากมายที่อาจจะเข้าไปก่อกวนได้ ข้าขอแนะนำว่าให้ทุกท่านแบ่งกำลังคนเพื่อส่งเข้าไป แต่ละขุมกำลังให้ส่งคนเข้าไปเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่เหลือให้รออยู่ด้านนอก ส่วนเรื่องไข่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนในแต่ละขุมกำลังที่ส่งเข้าไป ใครสามารถชิงมันมาได้ก็ได้ไปครอง ทุกท่านคิดเห็นว่าอย่างไร ?”
หลินซวงผู้อาวุโสแห่งสมาคมทหารรับจ้างประกาศข้อเสนอแนะต่อฝูงชน
การที่ยอดฝีมือทั้งหลายบุกเข้าไปในถ้ำเหนือหน้าผานั้นกันหมดโดยไม่มีผู้ใดคอยเฝ้าคุ้มกันอยู่ด้านนอกเป็นเรื่องอันตรายเพราะถ้ำนั้นคับแคบมาก ถ้าหากมีอสูรระดับสูงตัวอื่น ๆ บุกตามเข้าไปด้วย ความแออัดจะเป็นจุดบอดทำให้รับมือกับอสูรมายาในถ้ำได้ยาก โอกาสจะหลบหนีก็จะมีน้อย และสุดท้ายจะทำให้ทุกคนในถ้ำนั้นตกที่นั่งลำบาก
“ผู้อาวุโสหลินกล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเราตระกูลฉินไม่มีความเห็นอื่น”
ฉินอีเฟิงเป็นผู้แรกที่กล่าวสนับสนุนแผนการของหลินซวง การแบ่งคนเข้าไปถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะคนที่อยู่ข้างนอกก็ยังมีโอกาสสังหารอสูรมายาที่จะเข้ามาก่อกวนและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้
“ตระกูลโอวหยางก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน”
โอวหยางหมิงพยักหน้า เขาไม่มีปัญหากับข้อเสนอนี้
ทางด้านสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรนั้นส่งชวี่เซียวมาคนเดียว ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ในเวลานี้เหลือเพียงตระกูลเหล่ยที่ยังไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
ตัวแทนของตระกูลเหล่ยในครานี้คือเหล่ยเจิ้นเทียนซึ่งเป็นผู้อาวุโสหกแห่งตระกูล เขาเป็นตัวแทนและเป็นผู้นำของเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลเหล่ยในวันนี้ แม้จะเป็นระดับผู้อาวุโสแต่เหล่ยเจิ้นเทียนนั้นยังมีอายุไม่มากนัก ที่สำคัญผู้อาวุโสหกผู้นี้เป็นผู้มีนิสัยหยิ่งยโส เขามักจะเชิดหน้าวางตัวสูงส่งอยู่ตลอดเวลา และเมื่อได้เห็นคนผู้นี้อยู่ที่นี่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เพราะพวกเขาต่างก็คิดเห็นตรงกันว่าการที่ตระกูลเหล่ยส่งเหล่ยเจิ้นเทียนมาน่าจะทำให้งานนี้เกิดความยุ่งยากไม่น้อย
“พวกเราตระกูลเหล่ยมีคำถาม ไม่ทราบว่าข้าขอถามได้หรือไม่?”
คุณชายสามแห่งตระกูลเหล่ยหนึ่งในผู้เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้เหลือบมองฉินอวี้โม่ปราดหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด ภายในน้ำเสียงของเขาแฝงแววแห่งความกระแนะกระแหนอยู่หลายส่วน
“โอ้ ? คุณชายสาม เชิญถามมาได้”
หลินซวงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดูเหมือนเขาจะไม่ประหลาดใจเลยที่ตระกูลเหล่ยจะยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขาในทันที อย่างไรก็ตามแม้ว่าน้ำเสียงจะปกติแต่ฉินอวี้โม่สังเกตเห็นว่าคิ้วของผู้อาวุโสแห่งสมาคมทหารรับจ้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่ใคร่ชอบใจคุณชายสามจากตระกูลเหล่ยผู้นี้นัก
“ข้าแค่อยากจะถามว่าตระกูลฉินจะส่งผู้ใดเข้าไปในถ้ำ ?”
“คุณชายสาม เรื่องที่ตระกูลฉินของเราจะส่งใครไปนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าหรือ ?”
ฉินอีเฟิงขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินวาจาแปลกประหลาดของคุณชายจากตระกูลฝ่ายตรงข้าม
ภายในนครไป๋อวิ๋น ตระกูลฉินและตระกูลโอวหยางถือเป็นมิตรที่ดี แต่กับตระกูลเหล่ยนั้นเรียกได้ว่าไม่กินเส้นกันกับอีกสองตระกูล แม้ว่าจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางที่รุนแรง แต่ก็มักจะมีการกระทบกระทั่งเล็กน้อย ๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ
โดยเฉพาะตระกูลเหล่ยกับตระกูลฉิน ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคน สองตระกูลนี้แม้ไม่ใช่ศัตรูอย่างออกนอกหน้าแต่ก็นับว่าไม่ถูกกันเลย
“เกี่ยวข้องแน่นอน เพราะพวกเราไม่อยากจะร่วมมือกับกลุ่มคนฝีมืออ่อนหัด”
คุณชายสามแห่งตระกูลเหล่ยหันไปมองฉินอวี้โม่และกล่าววาจาระคายหูด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันดังลั่น นี่ถือเป็นการดูหมิ่นกันซึ่งๆ หน้าและโจ่งแจ้ง
ไม่ใช่เพียงแต่ตระกูลเหล่ยจะไม่ถูกกับตระกูลฉินอย่างรุนแรงเท่านั้น เหล่ยเจิ้นเทียนและคุณชายสามก็ยังไม่ชอบตระกูลฉินเป็นการส่วนตัวด้วย และยิ่งไม่ถูกกันเขายิ่งหาช่องทางในการเล่นงานและแน่นอนว่าข่าวคราวของฝั่งตรงข้ามนั้น พวกเขาตระกูลเหล่ยก็ได้สืบเสาะมาเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักนามของคุณหนูสี่ตระกูลฉินแห่งหลิงซีผู้เป็นขยะไร้ค่า และยิ่งเมื่อแอบได้ยินฉินอวี้โม่แนะนำตัวไปก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงคาดเดาว่านางจะต้องเข้าร่วมเป็นแน่…..ตระกูลฉินจะให้สตรีไร้ค่าที่เพิ่งจะฝึกพลังยุทธ์ได้จากเมืองเล็ก ๆ ไกลปืนเที่ยง มาร่วมงานกับพวกเขา แน่นอนว่าตระกูลเหล่ยไม่สามารถยอมรับได้ !
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉินอีเฟิงก็ทำหน้ายุ่งทันที เขาพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของตระกูลเหล่ยบ้างแล้ว
โอวหยางชิงเฟิงเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาก้าวออกมาและต้องการจะพูดบางอย่าง
ทว่าฉินอวี้โม่กลับรีบจับแขนของเขาไว้เป็นเชิงห้าม และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ
“ข้าเองก็ไม่อยากจะทำให้เกิดปัญหาขึ้น ข้าจึงขอเสนอว่าผู้ที่มีระดับพลังไม่ถึงขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราให้รออยู่ด้านนอก แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้มีระดับไม่ถึงขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราแต่มีอสูรระดับเทวะราชันอยู่ด้วยก็ถือว่าเข้าไปได้”
ฉินอวี้โม่ใช้พลังมายาตรวจสอบแล้ว และพบว่าคุณชายสามจากตระกูลเหล่ยผู้นี้เป็นเพียงจอมยุทธ์ในขอบเขตมายารัตนะเจ็ดดาราเท่านั้น และอสูรมายาของเขาแม้ว่านางจะยังดูไม่ชัด แต่ก็น่าจะอยู่ระดับเทวะ เนื่องจากอีกฝ่ายคิดจะเหยียดหยามนางก่อน ดังนั้นฉินอวี้โม่จึงไม่รั้งรอหรือยั้งคิดที่จะเหยียดหยามกลับไปบ้าง
“ข้าเห็นด้วย !”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ โอวหยางชิงเฟิงก็รีบกล่าวเสริมขึ้นมาทันที เขารู้ถึงระดับพลังของฉินอวี้โม่ดีและข้อเสนอกับเงื่อนไขของนางก็ถูกใจเขามาก
ใบหน้าของคุณชายสามเปลี่ยนไป เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขอบเขตมายารัตนะเจ็ดดารา ส่วนอสูรมายาของเขาก็อยู่เพียงระดับเทวะห้าดารา หากทำตามข้อเสนอของสตรีไร้ค่าจากตระกูลฝั่งตรงข้าม ตัวเขาเองก็ถือว่าเข้าไปไม่ได้
เมื่อเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันและท่าทางอันแสนมั่นใจของฉินอวี้โม่แล้ว คุณชายสามก็รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
แต่ในเมื่อเขาเป็นผู้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อน หากจะกลับวาจาถอนคำพูดตอนนี้ก็จะต้องเสียหน้าไม่น้อย ดังนั้นถ้าหากวันนี้เขาจะไม่ได้เข้าไปเขาก็ยอม ขอเพียงทำให้สตรีน่าชังผู้นั้นไม่ได้เข้าไปด้วย ! เพราะในสายตาเขา ฉินอวี้โม่ไม่มีทางเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราไปได้เป็นแน่
“ฮ่า ๆ ข้อเสนอของแม่นางฉินอวี้โม่สมเหตุผลจริง ๆ ราชาอสรพิษเก้าเศียรคืออสูรเทวะราชันเจ็ดดารา หากใครฝีมือไม่ถึงขั้นก็ไม่ควรเข้าไป”
คุณชายสามยังคงหัวเราะออกมา เขาหันไปมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะกล่าวต่อ “ตระกูลเหล่ยของเราไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”
เมื่อทุกตระกูลไม่มีปัญหาใด ๆ แล้ว พวกเขาก็เริ่มทำการเลือกตัวแทนที่จะเข้าไปในถ้ำ
แน่นอนว่าระดับผู้อาวุโสของทุกตระกูลได้เข้าไป ตัวแทนผู้อาวุโสจากสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเองก็ได้เข้าไป หลินซวงและตัวแทนจากสมาคมทหารรับจ้างนั้นมีเพียงสามคนที่ผ่านคุณสมบัติและได้เข้าไป ทว่าเมื่อปรึกษากันแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจทิ้งจอมยุทธ์ระดับมายารัตนะเก้าดาราไว้ด้านนอกหนึ่งคน
ทางตระกูลโอวหยางนอกจากโอวหยางชิงเฟิง โอวหยางหมิง พวกเขายังมียอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดาราอยู่อีกหนึ่งซึ่งมีนามว่าโอวหยางซวน
ทางตระกูลฉินนอกเหนือจากฉินอีเฟิงแล้วก็ยังมียอดฝีมือระดับมายารัตนะเก้าดาราอีกสองคน
คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มอายุย่างยี่สิบปีนามว่าฉินรั่วเฟย อีกผู้หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนซึ่งหนึ่งในผู้คุ้มกันหลักของตระกูลฉินนามว่า ฉินขุย
“ฉินขุย เจ้ารออยู่ด้านนอก”
ฉินอีเฟิงหันไปกล่าวสั่งการฉินขุยก่อนจะมองไปยังฉินอวี้โม่
ตอนนี้ฉินอีเฟิงกำลังสงสัยเป็นอย่างมาก ดูภายนอกแล้วฉินอวี้โม่ดูไม่เหมือนกับจอมยุทธ์ระดับสูง แล้วเหตุใดเมื่อครู่นางจึงตัดสินใจกล่าวเงื่อนไขเช่นนั้นออกไปด้วยท่าทางที่มั่นใจนัก หากว่าฉินอวี้โม่มีระดับพลังไม่ถึงมายารัตนะเก้าดาราหรือไม่มีอสูรเทวะราชัน นางก็จะไม่ได้เข้าไป ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลฉินก็กลัวว่าหลานสาวจะได้รับอันตราย เขาจึงตัดสินใจให้ฉินขุยเฝ้าอยู่ด้านนอกเพื่อคุ้มกันนาง
“เสี่ยวอวี้โม่ ไว้ค่อยตามฉินขุยเข้าไปทีหลังนะ เขาจะคอยปกป้องเจ้าเอง”
ฉินอีเฟิงเดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่และกล่าว
“ท่านลุงเจ็ด ใครบอกว่าข้าจะรออยู่ด้านนอก ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอ่อน
“หรือว่าเจ้า…”
เมื่อได้ยินที่ฉินอวี้โม่กล่าว ฉินอีเฟิงก็ประหลาดใจไม่น้อย นี่หรือว่าเขามองพลาดสิ่งใดไป ?
“ท่านลุงดูนี่”
ฉินอวี้โม่ยิ้ม สัญลักษณ์ของระดับพลังปรากฏบนฝ่าเท้าของฉินอวี้โม่
คุณชายสามตระกูลเหล่ยที่เย้ยหยันผู้อื่นก่อนหน้านี้ก็ลอบมองคุณหนูสี่ตระกูลคู่แข่งเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เพราะเขามองเห็นดาวดวงใหญ่เก้าดวงปรากฏบนฝ่าเท้าของสตรีที่เขาคิดว่าอ่อนหัด บุรุษตระกูลเหล่ยเบิกตากว้างอย่างอดไม่ได้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว !
“มายารัตนะเก้าดารา !”
คุณชายสามตระกูลเหล่ยอุทานออกมาเสียงดังอย่างตกตะลึง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเชื่อ
“ระดับมายารัตนะเก้าดารา เสี่ยวอวี้โม่อยู่ระดับมายารัตนะเก้าดาราจริง ๆ”
ฉินอีเฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าบุตรชายคนโตของฉินเทียนพี่ชายของฉินอวี้โม่มีพรสวรรค์สูงส่งมากแล้ว ทว่าไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะเหนือชั้นยิ่งกว่า อายุเพียงแค่สิบหกแต่กลับอยู่ขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราแล้ว ในดินแดนหวนหลิงพรสวรรค์ระดับนี้ถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าว “อา ดูเหมือนว่าจะมีคนบางคนต้องผิดหวังแล้วสินะ”
ฉินอวี้โม่ปรายตาตามองคุณชายสามตระกูลเหล่ยที่คิดจะเย้ยหยันนางก่อนหน้านี้ ‘หึ ! ริอ่านจะประมือกับข้าอย่างนั้นหรือ อย่างเจ้ายังอ่อนหัดนัก’
“เป็นไปได้อย่างไรกันที่เจ้าจะอยู่ขอบเขตมายารัตนะเก้าดารา”
คุณชายสามยังคงไม่อยากจะเชื่อ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงขยะไร้ค่าจากเมืองที่แสนห่างไกล ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่นางจะก้าวมาถึงระดับที่สูงเช่นนี้ แม้แต่ในนครไป๋อวิ๋น ผู้ที่ทะลวงเข้าถึงระดับมายารัตนะเก้าดาราตั้งแต่อายุเพียงสิบหกปีก็ยังแทบจะหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เวลานี้บุรุษตระกูลเหล่ยจึงได้แต่สาปแช่งแหล่งข่าวที่บอกว่านางเป็นขยะไร้ค่า
“ฮ่า ๆ คุณชายเหล่ย เชิญท่านรออยู่ข้างนอกเพราะพวกเราไม่อยากจะทำงานร่วมกับคนฝีมืออ่อนหัด ไม่เอาไหน !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มแล้วกล่าวเย้ยหยันบุรุษอ่อนหัดตระกูลเหล่ย อดีตนักฆ่าสาวจงใจหยิบยกประโยคเดียวกันกับที่คนผู้นี้เคยใช้เย้ยหยันนางออกมาใช้ ทว่าสาวงามมั่นใจเหลือเกินว่าความรู้สึกสะใจของนางยามเอ่ยคำนี้น่าจะมากกว่าอีกฝ่าย
“ดี ! ดี ! ดีมาก !”
ฉินอีเฟิงยิ้มกว้างอย่างชื่นมื่น หากท่านผู้นำตระกูลฉินทราบว่าฉินอวี้โม่มีพรสวรรค์สูงส่งถึงเพียงนี้ เขาคงจะมีความสุขยิ่งกว่าใคร
“เสี่ยวอวี้โม่เป็นสตรีที่วิเศษมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดชิงเฟิงถึงบอกว่าพวกเจ้าเป็นสหายที่ดี”
โอวหยางหมิงเองก็ยิ้มอย่างชอบใจเช่นกัน
เขาจับสัมผัสได้แต่แรกว่าฉินอวี้โม่น่าจะอยู่ขอบเขตมายารัตนะ ทว่าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นมายารัตนะในขั้นดาราสูงสุดเช่นนี้
ขณะที่ทางด้านคุณชายสามตระกูลเหล่ยที่เหยียดหยามนางก่อนหน้านี้นั้นได้แต่ยืนหน้าชา ดวงตาร้อนผ่าว บุรุษตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงรู้สึกราวกับถูกสตรีบ้านนอกตบหน้าอย่างจัง หากคนผู้นี้มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้ อนาคตของนางคงจะไร้ขีดจำกัดแน่
ฉินอวี้โม่ยิ้มรับคำของผู้อาวุโสในตระกูลเงียบ ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด
ในตอนนี้คุณชายสามกัดฟันกรอด เขารู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมาก ตอนแรกเขาต้องการจะทำให้ตระกูลฉินต้องขายหน้า ไม่คิดเลยว่าการกระทำของเขาจะย้อนกลับเข้ามาหาตัวเอง เวลานี้เขารู้สึกเกลียดชังสตรีบ้านนอกนามว่าฉินอวี้โม่ผู้นั้นอย่างแท้จริง
“เหอะ ! การอยู่ข้างนอกอาจจะดีกว่าก็ได้ พวกไม่เก่งจริงที่เข้าไปข้างในก็คงเป็นได้เพียงอาหารของอสรพิษเท่านั้น !”
คุณชายสามตระกูลเหล่ยเอ่ยอย่างเย็นชา วาจาของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี
“ก็ยังดีกว่าบางคนที่ทำได้เพียงรออยู่ด้านนอกเท่านั้น ไว้กลับออกมาข้าจะเล่าให้ฟังเองว่าอสรพิษที่อยู่ด้านในหน้าตาเป็นอย่างไร”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเย็นแล้วกล่าวคำเย้ยหยันอีกหนึ่งประโยคเป็นการส่งท้ายก่อนจะเลิกสนใจคุณชายน่ารำคาญผู้นี้โดยสิ้นเชิง
ในตอนนี้ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อม พวกเขาจ้องมองไปยังปากทางเข้าถ้ำที่เป็นจุดหมาย การจะเข้าไปข้างในจะต้องบินขึ้นไปเท่านั้น
“ช้าก่อน ! เจ้าอยู่ขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราเข้าไปได้ก็จริง แต่เหตุใดสาวน้อยผู้นี้ถึงจะเข้าไปด้วย ?”
เมื่อเห็นเสี่ยวโร่วเดินตามฉินอวี้โม่ไปติด ๆ และเตรียมจะเข้าไปในถ้ำอสรพิษด้วย คุณชายสามตระกูลเหล่ยผู้ดื้อด้านก็เอ่ยถามขึ้นมา
ฉินอวี้โม่คือยอดฝีมือขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราก็จริง แต่เขาพอจะมองออกว่าสาวน้อยยังไม่ทันโตผู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งถึงระดับนั้นแน่นอน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดนางถึงสามารถเข้าไปได้
“คุณชายก็ลองถ่างตามองให้มันชัดขึ้นอีกนิดสิ คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าเจ้าโง่งม”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มร้ายก่อนจะกล่าวต่อ “คุณชายไม่เห็นคนที่ติดตามเสี่ยวโร่วอยู่หรืออย่างไร ?”
หลังจากเสนอเงื่อนไขของตนไปในตอนต้น ฉินอวี้โม่ก็ให้ม่อเสียแสร้งทำตัวเป็นอสูรมายาของเสี่ยวโร่ว คุณชายสามตระกูลเหล่ยนั้นตาเซ่อจนไม่ได้สังเกต เขาจึงกล่าวคัดค้านไม่ให้เสี่ยวโร่วเข้าไปอย่างดื้อดึง และนั่นก็ทำให้ฉินอวี้โม่อดรนทนไม่ได้จนต้องค่อนแขวะไปอีกหนึ่งประโยค
มีอสูรมายาระดับเทวะราชันเป็นผู้คุ้มกัน หากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ฉินอวี้โม่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสี่ยวโร่วมากนัก
เมื่อคุณชายสามสังเกตเห็นบุรุษชุดดำผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวโร่วเขาก็นิ่วหน้า
“อสูรมายาของเสี่ยวโร่วอยู่ระดับเทวะราชัน ไม่เห็นหรือว่ามันอยู่ในร่างมนุษย์ ?”
ทันทีที่กล่าวจบฉินอวี้โม่ก็บอกให้ม่อเสียเปลี่ยนร่างเป็นหมี ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
หลังจากนั้น นักฆ่าสาวในร่างอดีตคุณหนูก็ตัดสินใจแล้วว่าจะละทิ้งความสนใจทั้งปวงจากคุณชายน่าตายแห่งตระกูลฝั่งตรงข้ามให้หมดสิ้น
ในตอนนี้เหล่ายอดฝีมือที่รับหน้าเข้าไปภายในถ้ำอสรพิษเตรียมตัวกันจนพร้อมสมบูรณ์แล้ว ทุกคนเริ่มบินตรงขึ้นไปยังหน้าผาสูง ณ ปากทางเข้าถ้ำ !