“สวรรค์ ! ที่แท้ก็เป็นเทพมายาคนใหม่ !”
ใครคนหนึ่งอุทานออกไปและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาสรรเสริญเชิดชู ไม่คิดเลยว่าโฉมนารีงามตรงหน้าจะเป็นเทพมายาในตำนานผู้นั้น
‘เทพมายา’ คือเทพผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานของดินแดนเทพมายาแห่งนี้ แม้หลังจากหายสาบสูญไปนานนับพันปี ชื่อเสียงเกียรติยศอันรุ่งเรืองของนางก็ยังไม่มีผู้ใดลบล้างได้ แม้ดูเหมือนว่าเรื่องราวของนางจะค่อย ๆ เลือนรางหายไป แต่เทพมายาก็ไม่เคยถูกลืมเลือนไปจากใจของทุกคน บัดนี้เมื่อเทพมายาคนใหม่ปรากฏกายตรงหน้า แน่นอนว่าความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจของทุกคนก็ย่อมไม่ธรรมดาเลย
“ที่แท้ก็เป็นเทพมายาคนใหม่นี่เอง เทพมายาในตำนาน !”
คนอื่น ๆ ก็อุทานกันออกมาและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งตกตะลึงและตื่นเต้นเพียงใดเมื่อได้ทราบว่าฉินอวี้โม่—ยอดฝีมือผู้ลึกลับและมากพรสวรรค์แท้จริงแล้วคือผู้สืบทอดกายเทพมายาคนใหม่
“คารวะท่านเทพมายา !”
ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเริ่มก่อน ทว่าคนผู้นั้นคุกเข่าลงและโค้งคำนับฉินอวี้โม่ด้วยความเคารพเป็นคนแรก
แม้พลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในตอนนี้จะยังไม่แกร่งกล้าเท่าพวกเขาบางคน แต่ตัวตนของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่จะกังขาได้ เทพมายา—บรรพชนเทพผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานของดินแดนเทพมายาผู้นี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับแถวหน้าจากขุมกำลังใหญ่ ๆ หรือแม้แต่ผู้นำของตระกูลลับทั้งสี่ก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อนาง
“หลังจากการรอคอยเนิ่นนานนับพันปี ในที่สุดเทพมายาคนใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ข้าเชื่อว่าภายใต้การปกครองของเทพมายา ดินแดนของเราจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน”
ใครคนหนึ่งมองฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อพันปีก่อน บรรพชนเทพมายาเคยเอาชนะผู้นำของฝ่ายมารและนำพาความสงบสุขกลับคืนสู่ดินแดนเทพมายา ทว่าพันปีต่อมา ขุมกำลังมารร้ายก็กลับมาพร้อมกับความแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิมและดินแดนเทพมายาก็ตกเป็นฝ่ายที่ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้จู่ ๆ เทพมายาคนใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันและนั่นเป็นเรื่องที่ดีต่อดินแดนเทพมายาอย่างยิ่ง
เหล่าผู้อาวุโสของสมาคมช่างหลอมล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นขณะมองไปที่เฉินโหยวผู้มีสีหน้าประหลาดใจและตัดสินใจตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยวาจา
“ท่านประธาน เรื่องของเฉินซินส่งกระทบร้ายแรงต่อทางสมาคมของเรา ท่านเทพมายาก็ช่วยเราไว้มากและเราก็ติดค้างนางอยู่ ดังที่เราทราบกันดีว่าหลายขุมกำลังหมายปองต้องการครอบครองกายเทพมายา ตอนนี้เราก็ควรที่จะยืนเคียงข้างท่านเทพมายาและช่วยเพิ่มอำนาจบารมีให้กับนาง ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ?”
โม่ไป๋กล่าวถามความคิดเห็นของเฉินโหยว เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงชื่นชมฉินอวี้โม่ยิ่งนัก บัดนี้เมื่อทราบว่านางคือเทพมายาคนใหม่ พวกเขาก็ยิ่งต้องการผูกมิตรสานสัมพันธ์กับนางมากขึ้น ต่อให้ต้องยอมจำนนต่อฉินอวี้โม่ พวกเขาก็ไม่ขัดข้อง
ต้องกล่าวเลยว่าการที่ฉินอวี้โม่เป็นเทพมายาคนใหม่หมายความว่านางต้องมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นางก็เป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ที่มากด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่เหนือชั้นกว่าเฉินซินหลายเท่าตัว หากมีนางเป็นผู้คอยชี้นำ สมาคมช่างหลอมจะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
เฉินโหยวเข้าใจความหมายของโม่ไป๋และคนอื่น ๆ เป็นอย่างดีและก็ไม่คิดคัดค้านแต่อย่างใด จากนั้นเขาจึงริเริ่มคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพต่อเทพมายาคนใหม่โดยที่สมาชิกคนอื่น ๆ ของสมาคมช่างหลอมก็ปฏิบัติตามผู้นำของตนเองอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
เมื่อเฉินโหยวและสมาคมช่างหลอมคุกเข่าแสดงทัศนคติของตน ทุกคนในที่นี้ก็ล้วนมิใช่คนเขลาและเข้าใจได้ในทันที
พวกเขาเองก็เชื่อว่าสมาคมช่างหลอมตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องแล้ว ตราบใดที่ฉินอวี้โม่สามารถนำพาทุกคนฟันฝ่าอุปสรรคที่ขวางหน้าทั้งหมด เกียรติยศของนางก็จะรุ่งเรืองหาใดเปรียบอย่างแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึงก็จะไม่มีใครสนใจความผิดพลาดในอดีตของสมาคมช่างหลอมอีกต่อไป
“ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ก็เป็นเทพมายาคนใหม่นี่เอง เยี่ยมจริง ๆ”
สมาชิกฝ่ายมารชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ผู้อาวุโสลั่วจะคลี่ยิ้มชั่วร้ายและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาบ่งบอกถึงความละโมบอย่างชัดเจน
เทพมายาคนใหม่คือผู้ที่ฝ่ายมารเฝ้าตามหามาโดยตลอด ในเมื่อนางปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ แม้พวกเขาจะประหลาดใจ ทว่าความตื่นเต้นของพวกเขาก็ย่อมมีมากกว่า
หากสามารถจับตัวเทพมายากลับไปที่ขุมกำลังได้ นั่นจะถือเป็นคุณงามความดีครั้งใหญ่ของพวกเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น สถานะของพวกเขาในขุมกำลังจะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงกว่าเป็นแน่
“ไม่คิดเลยว่าการเดินทางที่เมืองซิ่งหัวในครานี้ พวกข้าจะได้ของดีที่คาดไม่ถึงกลับไป ฉินอวี้โม่…หากเจ้ายอมติดตามพวกข้ากลับไปแต่โดยดี เราจะพิจารณาปล่อยให้ผู้คนเหล่านี้รอดชีวิตไปได้”
จู่ ๆ ผู้อาวุโสลั่วก็ไม่ต้องการทำสงครามต่อไป ตราบใดที่สามารถพาตัวฉินอวี้โม่กลับไปได้ มันย่อมดีกว่าการเสียเวลาและเปลืองแรงเผชิญหน้ากับผู้คนในที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
“อย่าแม้แต่จะคิด หากเจ้าคิดจะจับตัวท่านเทพมายาไป พวกเจ้าก็ต้องข้ามศพพวกข้าไปก่อน !”
โม่ไป๋ลั่นวาจาเสียงดังฟังชัด น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความมุ่งมั่นเด็ดขาด
คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกันและไม่มีความหวาดหวั่นปรากฏบนใบหน้าอีกต่อไป พวกเขาเลือกที่จะปกป้องฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่ขณะแววตาที่มองฝ่ายมารเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าควรจะคิดหาทางรอดชีวิตกลับไปก่อน ในเมื่อข้ากล้าเปิดเผยตัวตนเช่นนี้ข้าก็ย่อมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม คิดว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าไม่ได้รึ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็น ในเมื่อนางตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้ว นางก็ย่อมมีหนทางรับมือของตนเองอยู่ ต่อให้ไม่มีหานโม่ฉือ—ยอดฝีมือในขอบเขตนภาเซียนอยู่ที่นี่ เพียงคฤหาสน์เฟิงหัวและกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็เพียงพอที่จะเอาชนะสมาชิกฝ่ายมารเหล่านี้ได้แล้ว
“เหอะ ช่างอาจหาญยิ่งนัก ! ถ้าเช่นนั้น ก็อย่ากล่าวโทษพวกข้าก็แล้ว…”
ผู้อาวุโสฝ่ายมารกำลังจะกล่าววาจาข่มขู่ฉินอวี้โม่ ทว่าจู่ ๆ แรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่ตรงมาที่เขา แรงกดดันนี้แกร่งกล้ามากเกินไปจนแม้แต่เขาที่มีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดก็ยังแทบคุกเข่าลงไปกับพื้น
สมาชิกฝ่ายมารคนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกันและความกังวลเริ่มก่อตัวในใจของหลาย ๆ คนขณะร่างกายเริ่มสะท้านเล็กน้อย
“จอมยุทธ์นภาเซียน !”
ในฐานะผู้อาวุโสของนครหมื่นอสูร ว่านเจียงจึงมีความรู้กว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังดังกล่าว เขาก็อดอุทานออกไปไม่ได้
นอกจากพลังในขอบเขตนภาเซียนก็ไม่มีพลังใดที่สามารถทำให้ยอดฝีมือในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดมีสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้
“จอมยุทธ์นภาเซียน ! ไม่คิดเลยว่าจอมยุทธ์หานโม่ฉือจะแกร่งกล้าถึงเพียงนี้ !”
ทุกคนล้วนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าแรงกดดันที่แผ่ออกไปกดข่มคนเหล่านั้นมาจากผู้ใด และหัวใจของหลายคนที่ยังคงกังวลก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นความมั่นใจขึ้นมาทันที
พวกเขามีจอมยุทธ์ขอบเขตนภาเซียนอยู่ทั้งคนและคนผู้นั้นยังเป็นวีรบุรุษผู้พิทักษ์ข้างกายของเทพมายา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้คนจากฝ่ายมารมีจำนวนที่มากกว่าหรือทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
“คิดไว้ไม่มีผิด… ผู้ที่เป็นสามีของท่านเทพมายาได้ย่อมมีความแกร่งกล้าทรงพลังที่ไม่ต่างกัน”
คนจากนครเวหาก็กล่าวออกไปเบา ๆ เขาทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่พอสมควร
แม้แต่ตัวนางเองก็ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดผิดมนุษย์ ทว่าตอนนี้ก็ไม่คิดว่าข้างกายของนางก็จะยังมีสัตว์ประหลาดผู้แกร่งกล้าที่มากด้วยพรสวรรค์เช่นนี้อยู่อีก เทพมายาคนใหม่ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวมากทีเดียว !
“นภาเซียน !”
ผู้อาวุโสลั่วกัดฟันหรอกด้วยความเจ็บใจ คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมีจอมยุทธ์นภาเซียนอยู่ด้วย
“น่าเสียดายที่วันนี้เจ้าจะไม่มีทางจับตัวโม่เอ๋อร์กลับไปได้ !”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างเยือกเย็นและแรงกดดันในร่างของเขาแผ่ตรงไปกดข่มผู้อาวุโสลั่วอย่างสบาย ๆ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่ริอาจข่มขู่โม่เอ๋อร์ของเขา มันผู้นั้นล้วนต้องชดใช้อย่างสาสม
พรวดดด !
เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันอันทรงพลังจากหานโม่ฉือ ผู้อาวุโสลั่วก็ถึงกับกระอักเลือดคำโตออกมา
เป็นจริงดังที่คิดไว้ พลังของขอบเขตนภาเซียนและขอบเขตพสุธาเซียนห่างชั้นกันเกินไป แม้แต่พลังในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดของเขาก็เทียบกับขอบเขตนภาเซียนไม่ติดฝุ่น
บรรดาสมาชิกของฝ่ายมารเริ่มทนรับกับแรงกดดันดังกล่าวไม่ไหว เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน พวกเขาหลายคนก็กระอักเลือดออกมาเช่นเดียวกันและลมหายใจอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก
“ในเมื่อวันนี้พวกเจ้าฝ่ายมารกล้าส่งคนมาเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ก็อยู่ต่อก่อนเถอะ ด้วยจอมยุทธ์ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดที่รวมตัวกันมากถึงเพียงนี้ ครานี้ฝ่ายมารจะต้องได้รับความสูญเสียที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน !”
เขากล่าวขึ้นเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย การจัดการกับสมาชิกฝ่ายมารเหล่านี้ เขาไม่จำเป็นต้องยั้งมือแม้แต่น้อย
หากยอดฝีมือทรงพลังของฝ่ายตรงข้ามถูกควบคุมหรือถูกสังหารไปมาก มันก็จะส่งผลร้ายแรงต่อขุมกำลังฝ่ายมารอย่างแน่นอน
“เหอะ ฝันไปเถอะ !”
ผู้อาวุโสลั่วแค่นเสียงเย็นชาก่อนหยิบก้อนแสงจิตวิญญาณออกมาและบีบมันจนแตกกลายเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
“ผู้อาวุโสลั่ว มีเหตุอันใดถึงได้รบกวนเวลาของข้าเช่นนี้ ?”
ทันทีที่ก้อนแสงดังกล่าวแตกกระจาย เงาร่างเลือนรางก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน แม้เป็นเพียงเงาจาง ๆ ทว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างดังกล่าวก็ทำให้ทุกคนกังวลได้ทันที
“ท่านผู้นำขอรับ พวกเราพบตัวเทพมายาคนใหม่ในเมืองซิ่งหัวและนางมีผู้พิทักษ์เป็นจอมยุทธ์นภาเซียน พวกเรามิใช่คู่มือของเขาแม้แต่น้อย เราจึงหวังว่าท่านจะช่วยเหลือพวกเราได้”
ผู้อาวุโสลั่วกล่าวอย่างเคารพนอบน้อมและเงาร่างตรงหน้าของเขาปรากฏมาจากเครื่องรางช่วยชีวิตที่ผู้นำฝ่ายมารมอบไว้ให้เขาก่อนเดินทางมาที่นี่
เมื่อถึงคราววิกฤติ เพียงบีบก้อนแสงให้แตกกลายเป็นเสี่ยง ๆ ผู้นำของฝ่ายมารก็จะปรากฏกายขึ้นมาได้
“โอ้ ? เทพมายาคนใหม่รึ ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้นำฝ่ายมารก็ตกตะลึงเล็กน้อยและกวาดสายตามองไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อนพยักศีรษะเบา ๆ
“ใช่นางจริง ๆ ลักษณะท่าทางและกลิ่นอายที่แผ่ออกมาช่างคล้ายกับเทพมายาเมื่อพันปีก่อนยิ่งนัก”
หลังจากยืนยันตัวตนของฉินอวี้โม่ สีหน้าความประหลาดใจของผู้นำฝ่ายมารก็กลับกลายเป็นเรียบเฉยและไม่อาจทราบได้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองเห็นร่างเงานั้นได้อย่างชัดเจน ทว่าเนื่องจากร่างเงาตรงหน้าเป็นเพียงภาพเลือนราง พวกนางจึงทราบเพียงแค่ว่าเจ้าของเงาเป็นบุรุษวัยกลางคนเท่านั้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีว่าข้าจะต้องลงมือเอง ผู้อาวุโสลั่ว จัดการเก็บกวาดผู้คนที่อยู่รอบ ๆซะ อย่าให้พวกเขาเข้ามาขัดขวางแผนการของเราได้”
ร่างเงานี้ก็ถ่ายทอดคำสั่งไปสู่ผู้อาวุโสลั่วและบ่งบอกว่าครานี้เขาจะต้องลงมือด้วยตนเอง ถึงอย่างไรสมาชิกของฝ่ายมารเหล่านี้ก็ไม่อาจรับมือกับจอมยุทธ์ในขอบเขตนภาเซียนได้
ผู้อาวุโสลั่วก็รับคำสั่งมาพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ด้วยแววตาที่ชั่วร้าย ในเวลานี้เหมือนว่าความมั่นใจของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล
“ฮ่า ๆ ๆ อยากเห็นนักว่าทีนี้พวกเจ้าจะรับมือกับพวกข้าอย่างไร !”
ผู้อาวุโสลั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวเสียสติ เมื่อทราบว่าครานี้ผู้นำฝ่ายมารจะลงมือด้วยตนเอง เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะทุกคนและนำตัวฉินอวี้โม่กลับไปที่ขุมกำลังเพื่อรับรางวัลอย่างงาม
จากนั้นแรงกดดันจากร่างจิตของผู้นำฝ่ายมารก็แผ่ออกไปรอบตัวและปัดเป่าแรงกดดันของหานโม่ฉือออกไปทันที อึดใจต่อมา เขาก็ไม่รอช้าและพุ่งตรงเข้าไปหมายจะจู่โจมฉินอวี้โม่ทันที
แน่นอนว่าหานโม่ฉือไม่มีทางปล่อยให้เขาทำร้ายฉินอวี้โม่ได้และพุ่งตรงเข้าไปปะทะกับอีกฝ่ายทันที
เมื่อผู้อาวุโสลั่วและเหล่าสมาชิกฝ่ายมารที่เหลือเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็ถือโอกาสนี้ต่อสู้กับคนอื่น ๆ อย่างรวดเร็วเช่นกัน ในเวลานี้ ลานจัตุรัสของเมืองซิ่งหัวก็เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย
.