ภายในนครเวหาครานั้น ฉินอวี้โม่วานให้เถียนเข่อเอ๋อร์ช่วยสืบข้อมูลบางเรื่องให้กับนาง
ตระกูลเถียนมิใช่เป็นเพียงตระกูลธุรกิจอันดับหนึ่งผู้ทรงอิทธิพลของดินแดนเทพมายาเท่านั้น หากแต่ยังเป็นหนึ่งในองค์กรหน่วยข่าวกรองอันดับต้น ๆ ของดินแดนนี้ เรียกได้ว่ามีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ตระกูลเถียนจะไม่ทราบหรือไม่สามารถสืบข้อมูลได้
เรื่องที่ฉินอวี้โม่วานให้คุณหนูตระกูลเถียนช่วยสืบล้วนเป็นเรื่องที่มีคนรู้เพียงน้อยนิดและนางก็ไม่มั่นใจนักว่าตระกูลเถียนจะมีเบาะแสใด ๆ หรือไม่
“พี่อวี้โม่ เรื่องที่ท่านให้ข้าไปสืบล้วนไม่ธรรมดาเลย เมื่อกลับถึงตระกูลเถียน ข้าก็รีบไปตรวจสอบข้อมูลที่มีและถามจากท่านแม่ทันที ทว่าข้าก็ไม่ได้เบาะแสใดเว้นเพียงเรื่องเดียว”
เถียนเข่อเอ๋อร์ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา ฉินอวี้โม่ต้องการให้นางสืบหาข้อมูลหลายเรื่องซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น แม้ตระกูลเถียนจะมีช่องทางการสืบข่าวมากมายก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ตาม มีเรื่องหนึ่งที่นางได้เบาะแสมาแล้ว
นางหยิบแผนที่ฉบับหนึ่งจากแหวนมิติและกางเปิดออกตรงหน้า
สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้คือแผนที่ของดินแดนเทพมายาและมีสถานที่สามแห่งที่ถูกวงกลมไว้อย่างชัดเจน
“พิกัดของชนเผ่าเอลฟ์น่าจะเป็นหนึ่งในสามแห่งนี้ เนื่องจากชนเผ่าที่หายสาบสูญไปนานนับพันปีนี้ตามหาได้ยากยิ่งนักและเรายังต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสืบหาเบาะแส นอกจากนี้สถานที่ทั้งสามแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยภยันตรายทุกรูปแบบ เราจึงไม่กล้าเดินทางเข้าไปลึกนัก เพราะเหตุนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่าชนเผ่าเอลฟ์อยู่ที่ใด”
หลังจากทราบว่าต้นโพธิ์น่าจะอยู่ในชนเผ่าเอลฟ์ ฉินอวี้โม่จึงได้เริ่มสืบหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าเอลฟ์ ทว่าก็เคราะห์ร้ายที่ชนเอลฟ์นั้นลึกลับมากเกินไป นางเคยพยายามสอบถามจากเฉินโหยว—ประธานสมาคมช่างหลอมคนก่อนและผู้อาวุโสอีกหลายคน รวมถึงอวิ๋นซื่อเทียน ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการมา
เวลานี้สั่วซีหย่า—สตรีลูกครึ่งเอลฟ์ก็ยังคงเก็บตัวฝึกยุทธ์อยู่และไม่อาจทราบได้เลยว่านางจะออกมาเมื่อใด
ฉินอวี้โม่มักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในใจมาเสมอ นางจึงขอความช่วยเหลือจากเถียนเข่อเอ๋อร์
“เข่อเอ๋อร์ ขอบคุณเจ้ามาก”
ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณและเก็บแผนที่ฉบับนั้นไว้ นางทราบแล้วว่าชนเผ่าเอลฟ์น่าจะมีถิ่นฐานอยู่ในหนึ่งในสามพื้นที่ดังกล่าว ทว่าเวลานี้ฉินอวี้โม่วางแผนที่จะช่วยชีวิตบิดามารดาของหานโม่ฉือก่อนและจะไปสำรวจทั้งสามแห่งในภายหลังเพื่อสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับชนเผ่าเอลฟ์
“พี่อวี้โม่ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าจะรีบแจ้งท่านทันทีที่ได้รับข่าวเรื่องอื่น ๆ”
เถียนเข่อเอ๋อร์ยิ้มอย่างเป็นมิตร นางรู้สึกถูกชะตากับฉินอวี้โม่ยิ่งนัก แน่นอนว่านางจะช่วยฉินอวี้โม่สืบข้อมูลที่ต้องการด้วยความเต็มใจ หากเป็นคนอื่นที่นางไม่ชอบหน้า คุณหนูตระกูลเถียนไม่มีทางเสียเวลาสืบหาเบาะแสให้คนผู้นั้นอย่างแน่นอน
ฉินอวี้โม่มอบกำไลสื่อสารไว้ให้เถียนเข่อเอ๋อร์หนึ่งชิ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เรื่องอื่น ๆ ที่นางให้เถียนเข่อเอ๋อร์ช่วยสืบข่าวล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งหมด ด้วยพลังอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเถียน คาดว่าพวกเขาจะได้เบาะแสในไม่ช้า
ตระกูลเถียนไม่มีคฤหาสน์หรือที่พักในนครล่าฝัน ฉินอวี้โม่จึงเชิญให้เถียนเข่อเอ๋อร์พักอยู่ในจวนจ้าวนคร และด้วยการที่คุณหนูตระกูลเถียนเป็นคนร่าเริงและมีชีวิตชีวา นางจึงเข้ากับสตรีคนอื่น ๆ อย่างเช่นเยว่ชิงเฉิงได้ดีและกลายเป็นสหายกันอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตั้งใจที่จะพักอยู่ที่นครล่าฝันสักระยะก่อนเดินทางไปที่จวนตระกูลเหมยเพื่อพบกับเสี่ยวโร่ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ โฉมงามนางหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นมาข้างหน้าประตูของนครล่าฝัน นางสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตาพร้อมด้วยผ้าคลุมบดบังใบหน้าซึ่งไม่สามารถปกปิดความงดงามชวนหลงไหลได้เลย นางมีกลิ่นอายที่สง่างามและสูงศักดิ์ดุจดั่งเทพธิดาจากเบื้องบน เพียงแค่ปรากฏกายขึ้นมาที่หน้าประตูของนคร นางก็ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไม่น้อย
สตรีงามนางนี้ก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเทพธิดาแห่งตระกูลไป่หลี่และเป็นคู่หมั้นคู่หมายของหานโม่ฉือ—ไป่หลี่ชิงโร่ว
ในวันนั้น สิ่งที่หานเฟยบอกนางที่จวนตระกูลไป่หลี่ทำให้ไป่หลี่ชิงโร่วไม่พอใจและเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
นางเฝ้ารอหานโม่ฉือมาเนิ่นนานโดยไม่คิดชายตามองบุรุษอื่นใด เมื่อทราบว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว นางย่อมเศร้าใจเป็นธรรมดา และยิ่งกว่าความทุกข์ใจนั้นก็คือความไม่ยินยอมอย่างที่สุด
ไม่ว่าด้านพรสวรรค์ ความแข็งแกร่งและรูปลักษณ์ ไป่หลี่ชิงโร่วมั่นใจในความโดดเด่นเหนือผู้ใดของตนเสมอมา นี่จะต้องเป็นเพราะหานโม่ฉือไม่เคยพบนางมาก่อน เขาจึงตกลงปลงใจกับสตรีอื่น มิฉะนั้นเขาคงไม่หลงรักผู้ใดนอกจากนางอย่างแน่นอน
และเป็นเพราะความไม่ยินยอมนี้ จิตใจที่สงบนิ่งของนางจึงเปลี่ยนกลายเป็นความปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิง นางสั่งให้คนออกไปสืบหาเบาะแสทันทีว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่อยู่ที่ใด เวลานี้สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดก็คือการพบหน้าคู่หมั้นคู่หมายของตน รวมถึงสตรีผู้นั้นที่แย่งเขาไปจากนาง
หลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดในเมืองซิ่งหัว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็กลายเป็นคนดังของดินแดนเทพมายาไปโดยปริยาย ระหว่างเดินทางมาที่นี่ ไป่หลี่ชิงโร่วได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับฉินอวี้โม่มามากพอสมควร
กล่าวกันว่าฉินอวี้โม่มีรูปลักษณ์ที่ ‘งดงามสะเทือนทั้งใต้หล้า’ และยังแกร่งกล้าสามารถไม่ด้อยไปกว่าบุรุษใด ในฐานะเทพมายาคนใหม่ นางได้ผนึกกำลังดินแดนทางเหนือ แก้ปัญหาวิกฤตเลวร้ายของสมาคมช่างหลอมและรับช่วงต่อกลายเป็นประธานสมาคมช่างหลอมคนปัจจุบัน
อีกทั้งนางยังมีความสามารถที่เหนือชั้นในด้านการหลอมอุปกรณ์ซึ่งสามารถหลอมอุปกรณ์สื่อสารพิเศษและมีสามีที่ทรงอำนาจซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตนภาเซียน ยิ่งไปกว่านั้น สามีของนางก็มีรูปลักษณ์หล่อเหลาและโดดเด่นเหนือธรรมชาติเช่นกัน เรียกได้ว่าทั้งสองเหมาะสมและเข้ากันดุจดั่งสวรรค์ประทานมาจนกลายเป็นคู่รักที่โดดเด่นน่าสนใจที่สุดของคนทั้งดินแดน
ข้อมูลเหล่านี้ลอยมาถึงหูไป่หลี่ชิงโร่วอย่างต่อเนื่องจนนางรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีสตรีคนใดที่เหนือชั้นกว่าตนและยังได้รับความเคารพจากผู้คนมากมายเช่นนี้ นี่ก็ทำให้ไป่หลี่ชิงโร่วไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับฉินอวี้โม่ผู้นี้อย่างแท้จริง
หลังจากการเดินทางนานกว่าสิบวัน ในที่สุดนางก็มาถึงนครล่าฝัน ทว่าจู่ ๆ นางก็เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาว่าจะต้องใช้ตัวตนฐานะใดในการแสดงตัวต่อหน้าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่
หลังจากหยุดหน้าประตูนครด้วยความลังเลครู่ใหญ่ นางก็ตัดสินใจหาห้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งก่อน นางทราบแล้วว่าหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่พักอยู่ในจวนจ้าวนคร อีกทั้งยังทราบอีกว่านครล่าฝันแห่งนี้แตกต่างจากเมืองอื่น ๆ และเป็นขุมกำลังที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนในนครล่าฝันก็ทั้งเรียบง่ายและเป็นกันเองกว่าคนในเมืองอื่น ๆ หากนางต้องการเข้าไปพบหานโม่ฉือ ไป่หลี่ชิงโร่วเชื่อว่าจะไม่มีผู้ใดขัดขวางตนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ นางก็เกิดขี้ขลาดขึ้นมา
อันที่จริง สิ่งที่หานโม่ฉือไม่ทราบก็คือไป่หลี่ชิงโร่วเคยเห็นหน้าเขามาก่อนแล้ว
สิบปีก่อนเมื่อครั้งที่ไป่หลี่ชิงโร่วยังเป็นดรุณีน้อยเยาว์วัย นางทราบว่าตนมีสัญญาผูกมัดและต้องแต่งงานกับหานโม่ฉือ ในตอนนั้นนางก็ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับบิดามารดาของเขาและทราบว่าหานโม่ฉือมิได้อยู่ในดินแดนเทพมายาอีกต่อไป
ในตอนนั้นบิดามารดาของไป่หลี่ชิงโร่วตั้งใจที่จะล้มเลิกข้อตกลงแต่งงานดังกล่าว ทว่าตัวนางไม่คิดเช่นนั้น
ไป่หลี่ชิงโร่วเป็นคนทะนงตนมาตั้งแต่เยาว์วัยและเชื่อมั่นว่าต่อให้ต้องตัดสินใจล้มเลิกข้อตกลงนี้ นางก็ขอพบหน้าคู่หมั้นคู่หมายคนนั้นเสียก่อน
เพราะเหตุนั้น นางจึงอ้อนวอนท่านปู่ซึ่งเป็นอดีตผู้นำตระกูลไป่หลี่เพื่อใช้กระจกล้ำค่าประจำตระกูลในการมองดูสถานการณ์ของหานโม่ฉือผู้ซึ่งอยู่ในดินแดนหวนหลิง
เวลานั้นหานโม่ฉือยังไม่แข็งแกร่งเท่าใดนักและพิษเย็นในร่างก็ยังมิได้ถูกขจัดออกไป เมื่อไป่หลี่ชิงโร่วเห็นภาพของหานโม่ฉือในตอนนั้น เขาก็ยังเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากพิษเย็นที่แผ่ไปทั่วร่างกาย
อย่างไรก็ตาม บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็ก้าวเข้ามาครอบครองพื้นที่ในหัวใจของไป่หลี่ชิงโร่วตั้งแต่เสี้ยววินาทีนั้นและทำให้หัวใจของนางปั่นป่วนด้วยความโหยหา
แม้ได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นเพียงแวบเดียว ความรักก็ก่อตัวฝังรากลึกในหัวใจของนางและนางตัดสินใจในทันทีว่าหานโม่ฉือคือบุรุษที่นางจะต้องแต่งงานด้วย
หลังจากนั้น นางก็ขัดคำสั่งของบิดามารดาเป็นครั้งแรกและยืนกรานที่จะยึดมั่นในคำสัญญาการแต่งงานต่อไป แม้ว่าหานเฟย—คุณชายใหญ่ตระกูลหานและศิษย์ผู้โดดเด่นของตระกูลอื่น ๆ อีกหลายคนพยายามเกี้ยวพาน นางก็เคยไม่หวั่นไหวกับผู้ใด
นางเชื่อมั่นว่าสักวันหานโม่ฉือจะต้องมาที่ดินแดนเทพมายาเพื่อตามหาบิดามารดาของเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น นางและเขาจะได้ครองรักกันและกลายเป็นคู่รักดุจดั่งเทพบุตรและเทพธิดาที่น่าอิจฉาที่สุดในดินแดน
เพียงแต่นางก็ไม่คาดคิดว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้
อย่างเช่นเรื่องหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ที่ชะตาฟ้าลิขิตให้ครองคู่กัน นับตั้งแต่วินาทีแรกที่หานโม่ฉือได้พบหน้าคุณหนูสี่คนงามที่น่าสนใจคนนั้น ชะตาของทั้งสองก็เกี่ยวโยงและคู่กันเรื่อยมา
ในอดีต หานโม่ฉือไม่เคยทราบด้วยซ้ำว่าเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่ในดินแดนเทพมายา และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เคยรู้ว่ามีสตรีนางหนึ่งที่ตั้งมั่นว่าจะไม่แต่งงานกับชายใดนอกจากตัวเขา
หลังจากนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไป่หลี่ชิงโร่วก็เฝ้ารอจนกระทั่งหานโม่ฉือปรากฏตัวขึ้นมา และก็เป็นจริงดังที่นางคิดไว้ หานโม่ฉือพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดน แม้ว่าอายุของเขาจะยังน้อย เขาก็กลายเป็นจอมยุทธ์นภาเซียนผู้แกร่งกล้าแล้ว
พรสวรรค์อันโดดเด่นเช่นนั้นเรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนแม้ในดินแดนเทพมายา
แต่ทว่า…สิ่งที่ไป่หลี่ชิงโร่วคาดไม่ถึงเลยก็คือหานโม่ฉือกลายเป็นสามีของสตรีอื่นไปแล้วและยังมีบุตรด้วยกันจนกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
นี่ทำให้นางทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหานโม่ฉือผู้นี้คือคนที่นางเฝ้าโหยหามาตลอด เหตุใดเขาจึงไม่รอสร้างครอบครัวกับนาง ไป่หลี่ชิงโร่วสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าสตรีแบบใดกันที่ดึงดูดใจบุรุษผู้นั้นได้ นางมั่นใจว่าหากหานโม่ฉือได้รู้จักกับนางก่อน การกระทำทุกอย่างของเขาจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายประดังประเดเข้าในหัวใจของไป่หลี่ชิงโร่วจนคุณหนูตระกูลไป่หลี่ผู้ซึ่งมักวางท่าเฉยเมยอยู่เสมอถึงกับหงุดหงิดขึ้นมา
ขณะนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมและกำป้ายหยกในมือพร้อมกับนึกถึงบุรุษเย็นชาผู้นั้น ไป่หลี่ชิงโร่วก็ทอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้
ป้ายหยกแผ่นนี้คือสิ่งที่นางได้รับมาจากมารดาของหานโม่ฉือในอดีตและถือเป็นของดูต่างหน้า ไป่หลี่ชิงโร่วพกมันติดตัวตลอดหลายปีที่ผ่านมาดั่งสมบัติล้ำค่าที่ไม่ยอมแยกจาก น่าเสียดายที่หานโม่ฉือไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับนางจนกระทั่งตอนนี้…และเขาไม่เคยยอมรับนางในฐานะคู่หมั้นคู่หมาย
“นายหญิง จะมัวรีรออยู่ไย ออกไปประจันหน้าตรง ๆ เถอะ ต่อให้เขามีครอบครัวแล้วอย่างไร? ใช่ว่าจะมีกฎใดกำหนดไว้ว่าบุรุษจะมีภรรยาได้เพียงคนเดียว ข้าเชื่อว่านายหญิงงดงามถึงเพียงนี้คงมีบุรุษเขลาเพียงน้อยนิดที่จะไม่หมายปองท่าน”
สตรีนางหนึ่งปรากฏกายตรงหน้าไป่หลี่ชิงโร่วอย่างกะทันหัน ทว่าสตรีผู้นี้ก็มิใช่มนุษย์ หากแต่เป็นอสูรมายาแห่งโชคชะตาของไป่หลี่ชิงโร่ว—หงส์น้ำแข็งซึ่งทรงพลังอย่างยิ่ง ไป่หลี่ชิงโร่วในตอนนี้มีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดและมีหงส์น้ำแข็งที่อยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดเช่นกัน นั่นจึงทำให้นางเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลลับทั้งสี่มาเสมอ
หัวใจของไป่หลี่ชิงโร่วสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของอสูรคู่กาย หงส์น้ำแข็งพูดถูกทุกประการ บุรุษหนุ่มรูปงามและมากด้วยพรสวรรค์ความสามารถอย่างหานโม่ฉือย่อมเป็นที่หมายปองของสตรีมากมาย แม้เขาและฉินอวี้โม่จะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ไป่หลี่ชิงโร่วก็จะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ได้ นางและหานโม่ฉือมีสัญญาการแต่งงานที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน นางมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหากได้พบกับตน เขาจะต้องตกหลุมรักนางจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไป่หลี่ชิงโร่วก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและลุกขึ้นมุ่งหน้าตรงไปยังจวนจ้าวนครล่าฝันทันที
แน่นอนว่าไป่หลี่ชิงโร่วก็ไม่อาจคิดเลยว่าความมั่นใจของตนจะถูกเหยียบย่ำจนแหลกสลายภายในเวลาอีกไม่นาน…
.