ณ ข้างนอกยอดเขาม่านหมอก กลุ่มคนลึกลับกลุ่มหนึ่งยืนรวมตัวกันขณะสายตาทอดมองไปยังเส้นทางไปสู่ยอดเขาม่านหมอก ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขากำลังคิดสิ่งใด
ในหมู่คนเหล่านี้ หากฉินอวี้โม่อยู่ที่นี่ นางจะจดจำคน ๆ หนึ่งได้ในทันที และคนผู้นั้นมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอดีตภรรยาของหลัวจื้อเลี่ยและเป็นผู้สั่งการสังหารมารดาของสั่วซีหย่า—ตู้ซีรั่วนั่นเอง !
ข้างหลังของนางก็คือกลุ่มบุรุษชุดดำที่เคยประจันหน้ากับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เป็นระยะสั้น ๆ บนเนินเขาข้างนอกเผ่าเลี่ยหยางในวันนั้น
“ไม่คิดเลยว่าองค์หญิงเล็กแห่งชนเผ่าเอลฟ์จะมีความสามารถในการวางม่านป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไว้นอกยอดเขาม่านหมอก เกรงว่านางคงรับรู้ถึงการมาเยือนของเราแล้ว ตอนนี้เราต้องเร่งฝีเท้าและรีบเข้าไปข้างในยอดเขาให้ได้ก่อนคนพวกนั้น”
บุรุษชุดดำผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถเข้าไปในยอดเขาม่านหมอกเบื้องหน้าได้อย่างง่ายดาย ไม่คิดเลยว่าจะเผชิญกับอุปสรรคมากมายเมื่อเข้าไปใกล้ ม่านป้องกันและอาคมยับยั้งตรงหน้าพวกเขาซับซ้อนยิ่งนัก หากไม่มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าขอบเขตนภาเซียนก็คงไม่มีทางข้ามผ่านไปได้
อึดใจต่อมา เขาก็ไม่รอช้าและหยิบลูกแก้วออกมาจากแหวนมิติ ภายในนั้นมีพลังที่เทียบเท่าได้กับพลังครึ่งหนึ่งของผู้นำฝ่ายมารและเชื่อว่าการฝ่าทำลายม่านป้องกันตรงหน้าจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
ตูมมม !
ด้วยเสียงดังสนั่น ม่านป้องกันรอบนอกยอดเขาม่านหมอกของเผ่าเพียวเหมี่ยวก็พังทลายลงและเผยให้เห็นทางเข้าที่นำไปถึงข้างใน
คนเหล่านั้นไม่รีรอและเหาะพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“นายหญิง คนพวกนั้นเข้าไปข้างในแล้ว !”
เมื่อมารยาและเสี่ยวจิ่วมาถึง พวกมันก็ได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นทันทีจึงรีบกล่าวบอกฉินอวี้โม่อย่างเป็นกังวลเพื่อให้พวกนางตามมาที่นี่โดยเร็ว
“พวกเจ้ารีบตามพวกเขาเข้าไปก่อน พวกเราจะไปถึงในไม่ช้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวบอกมารยาและเสี่ยวจิ่วเพื่อให้อสูรทั้งสองรีบตามศัตรูเข้าไป
นางและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นและรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของยอดเขาม่านหมอก เวลานี้พวกนางจึงรีบมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้นโดยเร็วทว่ายังต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปเพื่อไปถึง
“นายหญิง พวกเขาทิ้งคนไว้จำนวนหนึ่งเพื่อคุ้มกันที่หน้าทางเข้า ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดจะถ่วงเวลาพวกท่านไว้สักระยะ ท่านจะต้องระวังตัวด้วย”
มารยากล่าวต่อด้วยความเป็นห่วงและรีบไล่ตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปพร้อมกับเสี่ยวจิ่วอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะมาถึง ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็จะไม่ปล่อยให้คนใจชั่วพบต้นโพธิ์เป็นอันขาด
หลังจากที่สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง กลุ่มคนทั้งสี่ของฉินอวี้โม่ก็เหาะตรงไปในทิศทางของยอดเขาม่านหมอกโดยตรง ทว่าในระหว่างทางนั้น แน่นอนว่าพวกนางก็ได้พบกับเหลียนหยางและหลัวอวิ๋นซีที่กำลังรีบมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน
เมื่อสองพ่อลูกพบกับกลุ่มคนทั้งสี่ ทั้งสองก็ไม่กล่าวสิ่งใดมากนักและไม่คิดที่จะขัดขวางพวกนางเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายเพียงพยักศีรษะให้กันและเหาะตรงต่อไปยังที่หมายซึ่งก็คือยอดเขาม่านหมอก
ทั้งหกคนใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเพื่อไปถึงทางเข้าของยอดเขาดังกล่าว
เมื่อเห็นบรรดาทหารผู้พิทักษ์ที่บาดเจ็บกันถ้วนหน้าที่ทางเข้าของยอดเขาและเห็นม่านป้องกันที่ถูกทำลายไป สีหน้าขององค์หญิงเล็กก็บิดเบี้ยวเหยเกทันที การที่มีใครบางคนกล้าบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามของเผ่าเพียวเหมี่ยวของนางเช่นนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินรับได้
“ระวังตัวด้วย”
เหลียนหยางกล่าวเตือนบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงและคนทั้งกลุ่มก็เตรียมก้าวเดินต่อไป ทว่าก่อนที่จะก้าวออกไปได้หลายก้าวนั้น จู่ ๆ กลุ่มคนชุดดำก็เข้ามาขวางทางไว้เสียก่อน
“ไสหัวไปให้พ้น !”
เนื่องจากทราบดีว่ากลุ่มคนชุดดำเหล่านี้เป็นเพียงลิ่วล้อที่ไร้ความสำคัญ หลัวอวิ๋นซีจึงไม่คิดที่จะเสียเวลากับพวกเขาขณะตะโกนกร้าวด้วยโทสะที่พลุ่งพล่านและพลังในร่างแผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบัง
แม้แต่เหลียนหยางก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกันและพุ่งตรงเข้าโจมตีบุรุษชุดดำอย่างรวดเร็วและไร้ซึ่งความปรานี
ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ สั่วซีหย่าและหลัวหมิงเฟยก็มองหน้ากันด้วยความเข้าใจตรงกันและไม่รอช้าขณะพุ่งเข้าโจมตีคนชุดดำทันที
ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ พวกนางก็ทำให้กลุ่มคนชุดดำบาดเจ็บสาหัสและผ่านเข้าไปในยอดเขาม่านหมอกได้สำเร็จ
หลัวอวิ๋นซีไม่รอช้าและมุ่งหน้าตรงไปตามเส้นทางทอดยาวไปสู่ยอดเขา ในเมื่อผู้บุกรุกเหล่านั้นถึงขั้นฝ่าเข้ามาในยอดเขาม่านหมอกเช่นนี้ พวกเขาจะต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีอย่างแน่นอน และสิ่งเดียวที่หลัวอวิ๋นซีนึกได้ในตอนนี้ก็มีเพียงบ่อน้ำพุร้อนที่ลึกลับในยอดเขาเท่านั้น
“นายหญิง มาเร็วเข้า พวกเขาเหมือนจะคาดเดาได้แล้วว่าต้นโพธิ์น่าจะอยู่ใต้น้ำและกำลังคิดหาทางถ่ายเทน้ำออกจากบ่อน้ำพุร้อนก่อน”
เสียงของมารยาดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่อีกครั้งเพื่อเร่งเร้านาง
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และทุกคนก็มุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุดและไม่กล้าที่จะล่าช้าแม้แต่น้อย ภายในเวลาเพียงไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าบ่อน้ำพุร้อนลึกลับในยอดเขาม่านหมอก
ทว่าทันทีที่มาถึงจุดหมาย พวกนางก็พบกับกลุ่มคนชุดดำหลายสิบคนซึ่งดูเหมือนมีตู้ซีรั่วเป็นหนึ่งในหัวหน้า
“ท่านป้า ที่แท้ก็เป็นท่านนี่เอง !”
เมื่อเห็นว่าหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นก็คือท่านป้าที่รู้จักกันมานาน หลัวอวิ๋นซีก็ชะงักไปเล็กน้อยและกล่าวผ่านฟันที่กัดแน่น
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมากันเร็วเช่นนี้”
บุรุษชุดดำที่ดูเป็นหัวหน้าอีกคนหัวเราะเยาะก่อนขยิบตาส่งสัญญาณกับตู้ซีรั่วเพื่อให้นางหาทางถ่วงเวลาไว้
ตู้ซีรั่วเข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที แม้ว่านางจะไม่เต็มใจนัก นางก็พยักศีรษะและทราบดีว่าตอนนี้ควรทำอย่างไร
“อวิ๋นซีคนดีของป้า ไม่ได้พบกันเสียนาน เจ้าสบายดีหรือไม่ ?”
ตู้ซีรั่วคลี่ยิ้มและก้าวตรงเข้ามา ทว่าเมื่อสบตากับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ สีหน้าของนางก็ดูชะงักไปเล็กน้อยและแววตาฉายชัดไปด้วยความชิงชัง
“เหอะ ท่านป้า ท่านคิดจะทำอะไรจึงได้พาคนมากมายมาที่ยอดเขาม่านหมอกของข้าเช่นนี้ ?”
หลัวอวิ๋นซีแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวตอบโต้โดยตรงอย่างไม่คิดที่จะเสียเวลาแสร้งแสดงความสุภาพใด
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็แค่อยากมาเห็นบ่อน้ำพุร้อนที่วิเศษนี้เท่านั้น”
ตู้ซีรั่วหัวเราะเบา ๆ ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถเห็นถึงเจตนาของนางที่ตั้งใจจะถ่วงเวลาไว้
“เหอะ ถ้าเพียงอยากมาเห็น ท่านป้าก็มาหาข้าได้โดยตรง เหตุใดจึงต้องบุกรุกเข้ามาและทำลายม่านป้องกันรอบยอดเขาของข้าเช่นนี้ ?”
หลัวอวิ๋นซีหาใช่คนโง่เขลา นางแค่นเสียงเย็นชาและกวาดสายตามองกลุ่มคนชุดดำก่อนกล่าวต่อ “อีกอย่าง… ท่านป้าช่วยอธิบายให้ข้าได้เข้าใจทีเถิด คนพวกนี้เป็นใครกัน ?”
“พวกเขาเป็นคนของป้าเอง”
ตู้ซีรั่วชำเลืองมองกลุ่มคนชุดดำข้างหลังตนเล็กน้อยและกล่าวต่อ “อวิ๋นซี ข้าจะไม่ปิดบังอะไร พวกเรามีที่นี่ก็เพื่อตามหาต้นโพธิ์ในตำนาน หากเราพบมัน เรียกได้ว่าชนเผ่าเอลฟ์จะตกเป็นของเราไปโดยปริยาย เหตุใดเจ้าไม่มายืนข้างป้าและมาช่วยป้าตามหามันล่ะ หากเจ้าพบมัน ป้าจะถือว่าเจ้ามีส่วนช่วยที่สำคัญในแผนการของเรา”
ตู้ซีรั่วไม่คิดปิดบังอีกต่อไปและกล่าวจุดประสงค์ของพวกตนออกไปตามตรง
“จิ๊จิ๊จิ๊ น้องเล็ก สตรีผู้นี้มิใช่ป้าสะใภ้ที่พวกเราเคยรู้จักอีกต่อไป นางสมรู้ร่วมคบกับฝ่ายมารและพยายามโค่นอำนาจชนเผ่าเอลฟ์ของเรา เมื่อท่านลุงทราบเรื่อง เขาก็ตัดขาดความสัมพันธ์และหย่าร้างกับนางทันที”
หลัวหมิงเฟยคลี่ยิ้มและกล่าววาจาซ้ำเติมความเจ็บปวดของตู้ซีรั่วอย่างตั้งใจ
“หลัวหมิงเฟย เจ้า…”
เมื่อได้ยินวาจาของหลัวหมิงเฟย สีหน้าของตู้ซีรั่วก็บิดเบี้ยวเหยเกทันที เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดฝังลึกที่สุดในชีวิตของนางและเป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการได้ยินจากผู้อื่นมากที่สุด การได้ยินองค์ชายสามกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้จึงทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก
หลัวอวิ๋นซีตกตะลึงเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน นางไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน แน่นอนว่าการได้รับรู้ความจริงอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางก็ยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ในความทรงจำของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา ป้าสะใภ้ผู้นี้มีจิตใจดีมีเมตตาและอ่อนโยนมาเสมอ แล้วจู่ ๆ ท่านลุงของนางจะตัดขาดความสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใยได้อย่างไร ? อีกทั้งนางก็ยังร่วมมือกับขุมกำลังมารร้ายเพื่อโค่นอำนาจชนเผ่าเอลฟ์ด้วยอย่างนั้นหรือ ?
“ที่แท้เรื่องที่ราชินีเอลฟ์หมดสติและไม่ฟื้นขึ้นเสียทีก็เป็นฝีมือของเจ้าและฝ่ายมารนี่เอง !”
เหลียนหยางตอบโต้ทันที จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นความมืดหม่นขณะจ้องมองตู้ซีรั่วพร้อมกับจิตสังหารที่ค่อย ๆ ปรากฏอย่างชัดเจน
“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง ! ในเมื่อทุกคนทราบดีแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป !”
จู่ ๆ ตู้ซีรั่วก็อ้าปากหัวเราะอย่างเสียสติและกล่าวต่อ “ข้าร่วมมือกับฝ่ายมารจริงและจุดประสงค์ก็คือควบคุมชนเผ่าเอลฟ์ให้อยู่ในกำมือของข้า เดิมทีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าหลัวจื๋อยินเลยสักนิด แล้วเหตุใดนางจึงได้เป็นราชินีผู้ปกครองทั้งชนเผ่าเอลฟ์ ทว่าข้าไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองแม้กระทั่งหัวใจของคนที่ข้ารักด้วยซ้ำ !”
เมื่อกล่าวจบ สีหน้าท่าทางของนางก็แสดงถึงความโกรธแค้นและชิงชังอย่างชัดเจน เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางและหลัวจื้อเลี่ยเป็นบาดแผลใหญ่ในหัวใจและส่งผลกระทบอย่างมากจนนางแทบจะกลายเป็นคนเสียสติและไร้เหตุผล
“ท่านป้า ท่าน…”
เมื่อได้เห็นความบ้าคลั่งของตู้ซีรั่วกับตาของตัวเอง หลัวอวิ๋นซีก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
“อวิ๋นซี ป้าเคยดีกับเจ้ามาก เจ้ามาอยู่ฝ่ายเดียวกันและช่วยป้าจะดีกว่า ตราบใดที่เรากำจัดราชินีเอลฟ์และคนน่าเบื่อหน่ายพวกนี้ได้สำเร็จ ชนเผ่าเอลฟ์ก็จะตกเป็นของเรา เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ !”
หลังจากหยุดชั่วคราว นางก็กล่าวต่อ “ป้าทราบดีว่าเจ้าหมายปองพ่อหนุ่มหานโม่ฉือนั่น แม้ว่าเขาจะปฏิเสธเจ้าในตอนนี้ แต่ถ้าเจ้าได้กลายเป็นราชินีแห่งชนเผ่าเอลฟ์ละก็ เขาจะต้องยอมจำนนต่อเจ้าอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครหน้าไหนที่จะปฏิเสธหรือเมินเฉยต่อตำแหน่งและพลังอำนาจได้”
ตู้ซีรั่วกล่าวโน้มน้าวใจโดยหวังว่าหลัวอวิ๋นซีจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับตน หากหลัวอวิ๋นซีเปลี่ยนใจ นางก็มั่นใจว่าวันนี้พวกของตนจะตามหาต้นโพธิ์ได้อย่างแน่นอน
หลัวอวิ๋นซีมีท่าทีลังเลเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินประโยคหลังของตู้ซีรั่ว หากได้เป็นผู้ปกครองของชนเผ่าเอลฟ์ บางทีแววตาที่หานโม่ฉือมองนางอาจเปลี่ยนไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของนางก็เลื่อนไปที่หานโม่ฉือโดยอัตโนมัติทว่าเมื่อเห็นจิตสังหารแรงกล้าที่ฉายวาบในแววตาของเขา นางก็นึกถึงสิ่งที่เขาเคยกล่าวกับตนได้ทันที
หากแปรพักตร์เป็นศัตรูกับเขา หานโม่ฉือจะสังหารนางโดยไม่ปรานีอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ชนเผ่าเอลฟ์ก็คือบ้านของนางและไม่สามารถปล่อยให้ตกอยู่ในกำมือของคนชั่วเหล่านี้ได้
เหลียนหยางมองสีหน้าสับสนของบุตรสาวโดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาเข้าใจนิสัยของหลัวอวิ๋นซีดีกว่าใคร นางมักที่จะมีความภาคภูมิใจและมีความทะนงตนที่ไม่เป็นรองใครมาตั้งแต่เยาว์วัย หากนางตัดสินใจสิ่งใดแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเปลี่ยนใจนางได้
อย่างไรก็ตาม เวลานี้เหลียนหยางเองก็ตัดสินใจกับตัวเองแล้วเช่นกัน หากหลัวอวิ๋นซีเปลี่ยนใจไปร่วมมือกับตู้ซีรั่ว เขาจะยึดอำนาจเผ่าเพียวเหมี่ยวและนำทุกคนต่อต้านนางด้วยตัวเอง
“ตู้ซีรั่ว อย่าฝันไปเลย ข้าไม่มีทางร่วมมือกับคนใจชั่วอย่างเจ้าที่คิดทรยศต่อชนเผ่าเอลฟ์ !”
หลัวอวิ๋นซีลั่นวาจาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เจ้าหันหลังให้กับทั้งชนเผ่าเอลฟ์ของเราและร่วมมือกับขุมกำลังมารร้ายเพื่อโค่นอำนาจของชนเผ่า นับจากวันนี้ไป เจ้าคือศัตรูของข้าหลัวอวิ๋นซีผู้นี้ ! ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำอะไรชาวเอลฟ์ได้แน่ !”
นางหยิบคันธนูยาวที่ระยิบระยับออกมาจากแหวนมิติของตน อาวุธนี้คือสิ่งที่นางได้รับมาจากราชินีเอลฟ์ผู้เป็นมารดา
“เจ้ากล้าทำร้ายท่านแม่ที่ข้าเคารพรัก วันนี้ข้าจะจัดการกับเจ้าและนำพาความสงบสุขกลับคืนสู่ชนเผ่าเอลฟ์ให้จงได้ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว ร่างของนางก็ปกคลุมไปด้วยเกราะประกายแสงเจิดจ้าขณะพุ่งตรงเข้าโจมตีตู้ซีรั่ว
“เหอะ ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ แล้วไม่ฟัง ข้าก็คงจะต้องใช้กำลัง !”
ตู้ซีรั่วแค่นเสียงเย็นชาและพุ่งตรงเข้าประจันหน้ากับหลัวอวิ๋นซีอย่างไม่หวาดกลัว
.