ในเวลานี้ ทุกคนกำลังนั่งหารือกันอยู่ภายในโถงประชุมของนครล่าฝัน
“อวี้โม่ เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นรอบทะเลไร้จุดจบในช่วงที่ผ่านมา มันอาจเป็นฝีมือของฝ่ายมาร”
มู่อวิ๋นขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาได้รับข่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องบางอย่างรอบบริเวณทะเลไร้จุดจบ จู่ ๆ จอมยุทธ์หลายคนที่นั่นก็เจ็บป่วยด้วยโรคประหลาด ในขณะที่คนธรรมดาจำนวนมากต้องเผชิญกับโรคระบาดอย่างทุกข์ทรมานซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่แปลกยิ่งนัก
ฐานทัพของฝ่ายมารก็ตั้งอยู่ในจุดหนึ่งท่ามกลางทะเลไร้จุดจบนั้น และในเมื่อเกิดเรื่องประหลาดเช่นนี้ มันก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา
“คุณหนู ข้าได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้มีเทพธิดาปรากฏตัวในพื้นที่นั้น นางถือเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งในบริเวณรอบ ๆ ทะเลไร้จุดจบซึ่งไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านรูปลักษณ์เท่านั้น ทว่ายังทรงพลังอย่างมาก สิ่งที่สำคัญคือนางสามารถรักษาโรคประหลาดของคนเหล่านั้นได้และแสดงตัวเหมือนกับเป็นคนใจบุญที่เข้ามาช่วยเหลือผู้คนในยามทุกข์ยาก”
เสี่ยวโร่วกล่าวเสริม แม้นางอยู่ที่นครล่าฝันตลอดเวลาที่ผ่านมา นางก็ได้รับข่าวความคืบหน้าจากตระกูลของตนเป็นระยะ ๆ เช่นกัน
ตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ขุมกำลังใหญ่ทั้งหมดต่างก็เก็บตัวอยู่ในอาณาเขตของตนเองเพื่อป้องกันมิให้คนจากฝ่ายมารบุกเข้ามาโจมตีได้ อย่างไรก็ตาม การที่มีอุปกรณ์สื่อสารของฉินอวี้โม่อยู่ แน่นอนว่าฝ่ายของพวกนางก็ไม่ได้รับผลกระทบในการติดต่อสื่อสารแม้แต่น้อย
“เทพธิดางั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็มองหน้ากันและเหมือนจะเข้าใจความคิดของกันและกันทันที
ฝ่ายมารมีชื่อเสียงที่เสื่อมเสียอย่างมาก เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะต้องมีพวกเขาที่บงการชักใยอยู่เบื้องหลังแน่ และการปรากฏตัวของเทพธิดาผู้นั้นก็คงจะมีจุดประสงค์เพื่อเอาชนะใจผู้คนและชักจูงพวกเขาเข้าร่วมกับฝ่ายมาร
“บังเอิญช่วงนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำมากนัก ข้าและโม่ฉือจะไปที่นั่นเอง”
นางตัดสินสินใจอย่างรวดเร็ว หลังจากความเงียบสงบมานานกว่าครึ่งปี มันก็ถึงเวลาที่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จากการสัมผัสรับรู้ของต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่าบุปผาแห่งแสงจะปรากฏอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กับทะเลไร้จุดจบ
“เข้าใจแล้ว”
ไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือพยายามขัดขวางเนื่องจากทราบดีว่าความแข็งแกร่งของนางและหานโม่ฉืออยู่ในระดับสูงสุดของทั้งดินแดนแล้ว ต่อให้ผู้นำฝ่ายมารปรากฏตัวด้วยตัวเองก็อาจไม่สามารถหยุดยั้งทั้งสองได้
“เสี่ยวอ้ายฉือ เสี่ยวอ้ายโม่ แม่และพ่อจะออกไปทำธุระบางอย่าง เจ้าทั้งสองต้องอยู่ที่นี่และเชื่อฟังท่านตานะ”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือหอมแก้มลาบุตรน้อยทั้งสองก่อนส่งร่างเล็ก ๆ ให้กับฉินเทียน
“ท่านแม่ พวกเราจะเชื่อฟังและไม่ดื้อ”
เวลานี้เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่มีอายุมากกว่าสองขวบแล้วและเข้าใจคำพูดของฉินอวี้โม่ได้ดี พวกเขาพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ร่างเล็กทั้งคู่เมินเฉยต่อหานโม่ฉือขณะเข้าไปซุกอ้อมแขนของฉินเทียน
แฝดชายหญิงต่างคิดในใจ ‘พ่อใจร้าย…ไม่ยอมให้เรานอนกับแม่ เราจะเมินไม่คุยด้วยไปอีกนาน…’
หานโม่ฉือก็เพียงลูบศีรษะบุตรน้อยทั้งสองก่อนจับมือฉินอวี้โม่และหายตัวไปต่อหน้าทุกคน
…..
ณ เมืองลั่วอวี่ เมืองที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ในทางเหนือของทะเลไร้จุดจบซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงมากพอสมควรในดินแดนเทพมายา
จอมยุทธ์คนใดที่ต้องการเดินทางไปที่ทะเลไร้จุดจบเพื่อสั่งสมประสบการณ์ต่างก็ต้องมาที่เมืองลั่วอวี่แห่งนี้ก่อนเพื่อหยุดแวะพักและเติมเสบียง เพราะเหตุนั้น บรรยากาศของเมืองแห่งนี้จึงคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเกิดโรคประหลาดและมีโรคระบาดที่แพร่ไปทั่ว จำนวนจอมยุทธ์ที่เดินทางมาที่นี่จึงลดน้อยลงมาก ทว่ายังคงมีจอมยุทธ์จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าออกเป็นประจำเช่นเดิม
ภายในโรงน้ำชา ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือนั่งจิบชากันอย่างผ่อนคลายขณะเงี่ยหูฟังบทสนทนาของผู้คนโดยรอบอย่างเงียบ ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ต้องขอบคุณท่านเทพธิดาที่ช่วยให้เราผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ หากไม่มีนางละก็ เกรงว่าเมืองลั่วอวี่ของเราอาจต้องกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว !”
จอมยุทธ์คนหนึ่งถอนหายใจเบา ๆ ความแข็งแกร่งของเขาถือว่าไม่ธรรมดาและเป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตพสุธาเซียน
“ใช่แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองลั่วอวี่ของเราไม่เคยประสบกับปัญหาใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดหายนะเช่นนี้ขึ้นมาได้ หากไม่มีท่านเทพธิดาช่วยไว้ละก็ ข้าก็คงไม่ได้มานั่งจิบชาอย่างไร้กังวลเช่นนี้แน่”
บุรุษอีกคนกล่าวเห็นด้วย แววตาของเขาบ่งบอกถึงความเคารพที่มีต่อเทพธิดาอย่างไม่ปิดบัง
“พวกเจ้าคิดว่าระหว่างท่านเทพธิดาและท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จากนครล่าฝัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน ?”
อีกคนหนึ่งกล่าวด้วยความสงสัยใคร่รู้ซึ่งเป็นประโยคที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบตัวได้ทันที
“ข้าคิดว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่คงจะแข็งแกร่งกว่า”
ใครคนหนึ่งครุ่นคิดชั่วขณะก่อนกล่าวแสดงความคิดเห็นของตน
“ตอนนี้ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่เป็นทั้งผู้นำของชนเผ่ามายา เทพมายาคนใหม่และเป็นหนึ่งในผู้นำของนครล่าฝัน การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังอำนาจของนางและว่ากันว่านางก็บรรลุขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดแล้ว แม้ท่านเทพธิดาจะแข็งแกร่งมาก ทว่านางก็คงจะมิใช่คู่มือของจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่หรอก”
จอมยุทธ์หลายคนที่อยู่ในเมืองลั่วอวี่นี้ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ที่มาจากเมืองใหญ่ ๆ ในดินแดนเทพมายา พวกเขาล้วนเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของฉินอวี้โม่และรู้สึกชื่นชมนางอย่างมาก และหลายคนเชื่อว่าฉินอวี้โม่มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเทพธิดาอย่างแน่นอน
“แต่ข้าคิดว่าท่านเทพธิดาแข็งแกร่งกว่า ถึงอย่างไรนางก็สามารถรักษาโรคประหลาดเช่นนั้นได้และสามารถเอาชนะจอมยุทธ์คนชั่วของฝ่ายมารได้ แม้เราจะไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง คาดว่าพลังของนางก็น่าจะอยู่ในขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดเช่นกัน”
นอกเหนือจากจอมยุทธ์หลายคนที่มาจากเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งดินแดนก็ยังมีอีกหลายคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองลั่วอวี่มาตลอดและไม่เคยไปที่ภูมิภาคกลางของดินแดนเทพมายา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เท่าใดนักและสนับสนุนเทพธิดาผู้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทะเลไร้จุดจบในช่วงที่ผ่านมา
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอกล่าวบางอย่าง ฉินอวี้โม่ผู้นั้นคงมีดีเพียงแค่ชื่อเท่านั้น หากนางทรงพลังจริง ๆ ละก็ การที่ทะเลไร้จุดจบเผชิญกับปัญหาที่ใหญ่เช่นนี้ เหตุใดนางจึงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเราล่ะ ?”
เสียงหนึ่งดังมาจากฝูงชน น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความดูหมิ่นต่อฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน
ทุกคนต่างก็สนทนาแสดงความเห็นของตนเองอย่างกระตือรือร้นและไม่ทันสังเกตเห็นต้นทางของเสียงนั้น
“นั่นสิ พวกเขาต่างก็กล่าวอยู่เสมอว่าเราจะต้องรับมือกับฝ่ายมารไปด้วยกัน ทว่าการที่ฝ่ายของเราประสบกับปัญหาใหญ่เช่นนี้ เรากลับไม่เห็นนครล่าฝันหรือขุมกำลังอื่น ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเราเลย เราทำได้เพียงพึ่งพาท่านเทพธิดาผู้นี้เท่านั้น สำหรับข้า ข้าคิดว่าท่านเทพธิดาแข็งแกร่งมากกว่า หากเทพธิดาต้องการสร้างขุมกำลังขึ้นมาละก็…ข้าจะเป็นคนแรกที่ขอเสนอตัวติดตามนางอย่างแน่นอน !”
ใครอีกคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูงกล่าวขึ้นมา และทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น หลายคนก็เห็นด้วยกับเขาทันที
“เหอะ คนของนิกายหงส์มังกรก็มาที่นี่ด้วย”
ในเวลานี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำลังสวมหน้ากากบดบังใบหน้าจึงไม่มีผู้ใดจดจำได้ เมื่อบุรุษคนนั้นกล่าวขึ้นมา ทั้งสองก็สังเกตเห็นทันที เขามิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นหลงหยา—ผู้อาวุโสหกของนิกายหงส์มังกรซึ่งทั้งสองเคยพบหน้ามาก่อนแล้ว ส่วนอีกหลายคนที่นั่งอยู่ถัดจากเขา ทั้งสองก็เคยพบหน้ามาเช่นกันและจำได้ดีว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นสมาชิกของนิกายหงส์มังกรและสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร
ทุกคนก็พูดคุยกันต่อไปโดยยกยอสรรเสริญเทพธิดาผู้นั้นซึ่งเปรียบเสมือนวีรสตรีที่ช่วยชาวเมืองลั่วอวี่จากภัยร้ายไว้และในขณะเดียวกันก็แสดงความคิดเห็นดูหมิ่นต่อฉินอวี้โม่เช่นกัน
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่สนใจวาจาเหล่านั้นแม้แต่น้อยขณะนั่งจิบน้ำชาอย่างสบาย ๆ ต่อไป
ทันใดนั้น จู่ ๆ ทั้งโรงน้ำชาก็เงียบลง เหล่าผู้คนที่พูดคุยกันเสียงดังก่อนหน้านี้ต่างก็หันมองไปทางหน้าประตูโรงน้ำชาเป็นตาเดียว พวกเขาต่างก็อ้าปากค้างและแววตาปรากฏความชื่นชมที่ดูราวกับเสียสติอย่างชัดเจน
“แม่เจ้า ! นั่นท่านเทพธิดานี่นา !”
บุรุษคนหนึ่งเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วและอดอุทานออกไปไม่ได้ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความประหลาดใจและตื่นเต้นอย่างที่สุด
“ท่านเทพธิดา…ข้าไม่ได้ฝันไปจริง ๆ !”
คนอื่น ๆ ก็เรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเช่นกันและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อ หลายคนถึงกับขยี้ตาอย่างแรงราวกับต้องการพิสูจน์ว่าตนไม่ได้ฝันไป
ณ ทางเข้าของโรงน้ำชาในเวลานี้ มีสตรีร่างหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
สตรีผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตาและมีผ้าคลุมปิดใบหน้าที่ดูงดงามชวนมองจนไม่อาจละสายตาทั้งที่เห็นได้ไม่ชัดเจนก็ตาม เส้นผมยาวสลวยของนางสยายข้างหลังศีรษะอย่างสบาย ๆ รูปร่างของนางไม่ต่างจากฉินอวี้โม่เท่าใดนักและดวงตากลมโตทรงเสน่ห์ของนางก็น่ามองเป็นที่สุด ทั้งร่างของนางแผ่กลิ่นอายความสูงส่งที่ผู้ทำให้ผู้คนอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ ทว่าไม่อาจเข้าไปใกล้จนเกินไปราวกับกังวลว่าจะทำให้นางแปดเปื้อน
สตรีผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็น ‘ฮวาเหยียนอวี่’ เทพธิดาผู้เลื่องชื่อไปทั่วท้องทะเลไร้จุดจบในช่วงที่ผ่านมานี้
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเพียงชายตามองไปครู่หนึ่งก่อนละสายตาไม่สนใจอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สีหน้าของทั้งสองก็เคร่งขรึมมากขึ้นเล็กน้อยทันที เทพธิดาผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ
สายตาของฮวาเหยียนอวี่กวาดมองทุกคนในโรงน้ำชาก่อนหยุดลงที่ฉินอวี้โม่และหานฉือซึ่งนั่งอยู่บนชั้นที่สอง จากนั้นนางก็ก้าวเดินอย่างแผ่วเบาตรงไปในทิศทางของทั้งสองอย่างไม่ลังเล
“ในเมื่อท่านจอมยุทธ์ทั้งสองมาเยือนที่นี่แล้ว เหตุใดจึงไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงเล่า ?”
นางเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสองอย่างช้า ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟังจับใจ ทว่าเพียงประโยคสั้น ๆ นี้ของนางก็เหมือนจะทำให้จิตใจของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อยในทันที
“โอ้ ? ท่านเทพธิดาก็สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเช่นกันมิใช่รึ ?”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างไม่แปลกใจ ในฐานะเทพธิดาของฝ่ายมาร มิใช่เรื่องแปลกที่จะจดจำพวกนางได้ ยิ่งไปกว่านั้น พลังประหลาดที่เทพธิดาผู้นี้ฝึกฝนบ่มเพาะดูจะน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ร่างของฮวาเหยียนอวี่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเมื่อได้ยินวาจาของคนแปลกหน้าที่ดูลึกลับอย่างฉินอวี้โม่ สีหน้าความไม่พอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาทันที
“เจ้าเป็นใครกัน ?! เหตุใดจึงกล่าววาจาเสียมารยาทเช่นนี้กับท่านเทพธิดา !”
ใครคนหนึ่งกล่าวอย่างอดไม่ได้ขณะมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยแววตาแข็งกร้าวราวกับพวกเขากำลังรังแกท่านเทพธิดาที่ตนชื่นชม
“ข้าต้องขออนุญาตเจ้าก่อนที่จะกล่าวสิ่งใดอย่างนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ตวัดสายตามองเจ้าของเสียงนั้นและแรงกดดันที่ทรงพลังก็แผ่ตรงออกไปทันทีโดยที่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ตุบ !
ชายคนนั้นเข่าทรุดล้มลงบนพื้นพร้อมด้วยใบหน้าซีดเผือดและดวงตาเบิกโพลงขึ้นทันที แววตาของเขาในตอนนี้เจือด้วยความหวาดกลัว เขามิอาจเข้าใจความแข็งแกร่งของบุคคลลึกลับทั้งคู่นี้ได้เลยและเขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเหตุใดเมื่อครู่จึงกล่าววาจาเช่นนั้นออกไป
“โอ้ ที่แท้ข่าวลือก็เป็นความจริง จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ผู้นำของชนเผ่ามายาและผู้นำของดินแดนทางเหนือเป็นสตรีที่ชอบทำอะไรตามใจอยากและไม่เคยสนใจความคิดเห็นของผู้ใด”
ฮวาเหยียนอวี่หัวเราะเบา ๆ และเอ่ยวาจาราวกับกำลังเอ่ยชมฉินอวี้โม่ ทว่าแท้จริงแล้วน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความถากถางและต้องการแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าฉินอวี้โม่เป็นบุคคลที่ไร้เหตุผลเพียงใด
“อะไรนะ ?! นี่คือฉินอวี้โม่งั้นรึ ?”
คนอื่น ๆ ชะงักไปชั่วขณะก่อนเริ่มกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่คิดเลยว่าจอมยุทธ์ลึกลับที่นั่งอยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีใครให้ความสนใจจะเป็นฉินอวี้โม่ผู้เลื่องชื่อของดินแดนเทพมายา
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และไม่ปฏิเสธวาจาของอีกฝ่าย
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นกิริยาท่าทางของนาง แน่นอนว่าหลายคนไม่ชอบใจนักและกระซิบกระซาบกันเบา ๆ โดยที่ชื่นชมฮวาเหยียนอวี่และดูหมิ่นฉินอวี้โม่
ภายใต้ผ้าคลุมของฮวาเหยียนอวี่ มุมปากของนางยกยิ้มเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจที่ได้ยินวาจากระซิบกระซาบชื่นชมตนเองจากคนเหล่านั้น นางสบตาฉินอวี้โม่อีกครั้งด้วยแววตาที่ยั่วยุ
แม้ฉินอวี้โม่จะไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ ทว่านางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าฮวาเหยียนอวี่ผู้นี้จะประกาศสงครามกับนางอย่างซึ่ง ๆ หน้า ทว่านี่ก็ทำให้นางรู้สึกสนใจในตัวอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
“ทุกคน วันนี้ข้าจะช่วยตรวจดูว่ามีอาการผิดปกติใด ๆ กับร่างกายของทุกคนรึไม่”
ฮวาเหยียนอวี่หันไปกล่าวกับทุกคนด้วยเสียงเบา สีหน้าท่าทางเห็นใจและเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของทุกคนทำให้นางชนะใจจอมยุทธ์จำนวนมากได้ทันที
“ขอบคุณขอรับ ท่านเทพธิดา”
ทุกคนกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกันและน้ำเสียงแสดงถึงความเคารพ
“ไปกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นและจับมือหานโม่ฉือเดินจากไป