ฮวาเหยียนอวี่ถือโอกาสยุติเรื่องนี้ก่อนและฉินอวี้โม่ก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน นางไม่คิดที่จะปล่อยให้สถานการณ์นี้ยืดเยื้อต่อไปเช่นกัน ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่เข้าใจวิชาควบคุมจิตใจที่ทั้งประหลาดและลึกลับเท่าใดนัก เพราะเหตุนั้น การเลือกที่พยายามฉีกหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้จึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น ฮวาเหยียนอวี่ก็ยังมีแผนการต่อไปที่เตรียมไว้และฉินอวี้โม่คาดเดาได้ไม่ยากว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับหานโม่ฉืออย่างแน่นอน นางได้หารือเรื่องนี้กับหานโม่ฉือมาเป็นการล่วงหน้าแล้วและต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสืบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนเผ่าอู่ซินให้ได้
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปก่อนเถอะ เราจะสืบหาความจริงเรื่องนี้อย่างละเอียดและอธิบายกับทุกคนในภายหลัง ทั้งข้าและจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ !”
ฮวาเหยียนอวี่ก็กล่าวให้ฝูงชนแยกย้ายกันไปจัดการเรื่องของตนเอง และจากนั้นด้วยการโบกมือครั้งเดียว แรงกดดันของฉินอวี้โม่ก็สลายหายไปทันที เป็นจริงดังที่คิดไว้ ความแข็งแกร่งของฮวาเหยียนอวี่ผู้นี้ก็ใกล้เคียงกับขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดเช่นกัน
“ขอรับ ท่านเทพธิดา”
คนเหล่านั้นเชื่อฟังวาจาของฮวาเหยียนอวี่โดยไม่มีข้อกังขาและแม้ยังมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาโกรธเคือง พวกเขาก็ถอนกำลังและแยกย้ายกันออกไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ ก็มองฉินอวี้โม่และฮวาเหยียนอวี่อย่างใช้ความคิดก่อนค่อย ๆ แยกย้ายกันไปทีละคนเช่นกัน
“เหอะ ท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ ถือว่าท่านใช้ได้ทีเดียว”
หลังจากทุกคนแยกย้ายกลับไป ฮวาเหยียนอวี่ก็แค่นเสียงเย็นชาและกล่าวออกมา
“ท่านก็เช่นกัน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และตอบกลับทันที
“ไม่แปลกใจเลยที่จอมยุทธ์หานโม่ฉือจะทั้งรักทั้งหลงท่านเช่นนี้ แต่ทว่า…ช่างน่าเสียดาย…ข้าว่าท่านไม่คู่ควรกับเขาหรอก !”
ฮวาเหยียนอวี่เดินเข้าไปใกล้ฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยุอย่างไม่ปิดบัง
“แน่นอน ในหัวใจของ ‘ท่านเทพธิดา’ ผู้สูงส่ง เกรงว่าคงมีเพียงท่านเท่านั้นที่จะคู่ควรกับสามีของข้า ทว่าก็โชคร้ายจริง ๆ ที่หัวใจของเขามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น ต่อให้ท่านมอบรองเท้าให้กับเขา เกรงว่าเขาคงจะเตะทิ้งไปอย่างไม่ไยดี”
ฉินอวี้โม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงของผู้มีชัยชนะและเผยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้านออกมา ในขณะเดียวกันนั้น นางก็จงใจเหวี่ยงมือที่จับไว้แน่นกับหานโม่ฉือเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเหนียวแน่นเพียงใด
กรอดดด~
ฮวาเหยียนอวี่กัดฟันแน่นและจ้องหน้าฉินอวี้โม่อย่างมุ่งร้าย นับตั้งแต่พบหน้ากันจนถึงตอนนี้ หานโม่ฉือไม่เคยแม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด ฮวาเหยียนอวี่มั่นใจมาเสมอว่ามีบุรุษเพียงน้อยนิดเท่านั้นในดินแดนนี้ที่จะต้านทานเสน่ห์ของนางได้ คิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษผู้นี้จะเมินเฉยตนราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ อย่างไรก็ตาม ความเฉยเมยและรักเดียวใจเดียวนี้เองที่ทำให้ฮวาเหยียนอวี่ชื่นชมหานโม่ฉือยิ่งนัก หากมิใช่เพราะคุณสมบัติดังกล่าว นางก็คงไม่มุ่งมั่นที่จะคว้าเขามาเป็นของตนเองให้ได้
“หากคิดจะมองภรรยาของข้าด้วยสายตาเช่นนี้อีก ระวังข้าจะควักลูกตาของเจ้าเสีย !”
หานโม่ฉือเอ่ยขึ้นตรงเวลาพอดิบพอดี สายตาของเขายังคงไม่ชายตามองฮวาเหยียนอวี่ทว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเตือน
หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่ต้องการจะเล่นสนุกกับสตรีผู้นี้ เขาคงสังหารฮวาเหยียนอวี่ด้วยมือตัวเองไปนานแล้วและคงไม่ปล่อยให้นางดูหมิ่นฉินอวี้โม่หลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ชนเผ่าอู่ซินเป็นขุมกำลังที่ลึกลับยากเกินหยั่งถึงมาตั้งแต่ต้น หากไม่สามารถค้นพบไพ่ตายที่ชนเผ่าอู่ซินกำลังซ่อนอยู่ เขาและฉินอวี้โม่อาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสงครามกับฝ่ายมารที่กำลังจะมาถึง
“เหตุใดจอมยุทธ์หานโม่ฉือถึงได้โหดร้ายกับข้าเช่นนี้ ? หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่ได้พบท่านก่อน นางก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ข้างกายท่านเช่นนี้หรอก”
ฮวาเหยียนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเริ่มรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว อย่างไรก็ตาม นางมองหานโม่ฉือด้วยแววตาเศร้าสร้อยและน้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อยซึ่งดูบอบบางและน่าเห็นใจ
น่าเสียดายที่หานโม่ฉือยังคงเฉยเมยและไม่คิดที่จะชายตามอง นับประสาอะไรกับความรู้สึกเห็นใจที่ฮวาเหยียนอวี่ต้องการ
“ฮ่า ๆ ๆ นายหญิง นายท่านช่างอำมหิตจริง ๆ เลย”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เหล่าอสูรอดหัวเราะอย่างสาแก่ใจไม่ได้ ท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของฮวาเหยียนอวี่ทำให้พวกมันรำคาญใจและอยากจะกระโจนออกมาอัดนางจนน่วม อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นท่าทางของหานโม่ฉือ พวกมันก็หัวเราะชอบใจยิ่งนัก การกระทำของเขาถือว่าเหมาะสำหรับคนเสแสร้งเช่นนี้แล้วและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้านาง
“ขออภัยด้วย…สามีของข้ามักจะควบคุมอารมณ์ไม่เก่ง”
ฉินอวี้โม่เกาะแขนหานโม่ฉือพลางยิ้มยั่วยุฮวาเหยียนอวี่ก่อนก้าวออกไปข้างหน้า
“นังแพศยา ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้ !”
สีหน้าของฮวาเหยียนอวี่ในตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเก นางกำหมัดแน่นและแผ่จิตสังหารอย่างไม่ปิดบัง
“ท่านเทพธิดา ท่านอยากให้ข้าน้อย…”
ท่ามกลางความว่างเปล่า จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาทของฮวาเหยียนอวี่และฟังดูโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย
“เหอะ หากการจัดการกับฉินอวี้โม่มันง่ายดายถึงเพียงนั้น นางก็คงมิใช่ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของพวกเราฝ่ายมารหรอก!”
ฮวาเหยียนอวี่แค่นเสียงและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“คิดไว้ไม่มีผิด มีใครบางคนติดตามอยู่ข้างกายฮวาเหยียนอวี่อยู่ตลอด เพียงแต่ความสามารถในการซ่อนกลิ่นอายและลมหายใจของคนผู้นั้นก็ยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้แต่พวกเราก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของเขาได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ ขณะยืนยันข้อสันนิษฐานของตน
ก่อนหน้านี้ นางสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานบางอย่างและสันนิษฐานได้ว่ามีใครสักคนติดตามอยู่ไม่ไกลจากฮวาเหยียนอวี่ เพียงแต่ทั้งนาง หานโม่ฉือและซิวได้พยายามใช้พลังวิญญาณแผ่ออกไปเพื่อสำรวจแล้ว ทว่ากลับไม่ค้นพบตำแหน่งของคนผู้นั้นเลย หากมิใช่เพราะบุรุษผู้นั้นใช้ทักษะการหลบซ่อนที่ประหลาดเกินเข้าใจก็ยากที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ เกรงว่าพวกเขามีวิธีการพิเศษในการหลบซ่อนตัวมิให้ผู้ใดค้นพบพิกัดที่แน่ชัดเป็นแน่
จากนั้นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็เดินเข้าไปในหนึ่งในภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลั่วอวี่โดยมีฮวาเหยียนอวี่ตามมาไม่ห่าง
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อพวกท่านมาถึงเมืองลั่วอวี่แล้ว แน่นอนว่าข้าในฐานะเจ้าบ้านก็ต้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”
หลังจากนำทางทั้งสองไปยังห้องแยกห้องหนึ่ง ฮวาเหยียนอวี่ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“โม่ฉือ ข้าอยากเข้าไปดูร้านหลอมและโรงประมูลของเมืองแห่งนี้สักหน่อย เจ้าอยู่ที่นี่ให้ท่านเทพธิดาดูแลในฐานะเจ้าบ้านไปก่อนก็แล้วกัน”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ยืนขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ในเมื่อฮวาเหยียนอวี่คิดจะทำอะไรบางอย่าง แล้วนางจะไม่เปิดโอกาสได้อย่างไร ฉินอวี้โม่ต้องการเปิดโอกาสเพื่อให้ได้ทราบว่าวิชาควบคุมจิตใจของฮวาเหยียนอวี่เป็นอย่างไรกันแน่
“เข้าใจแล้ว”
หานโม่ฉือก็พยักศีรษะอย่างว่าง่าย แน่นอนว่าเขาเข้าใจความคิดของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี
“เจ้า ตามไปคุ้มกันจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ด้วย อย่าให้เกิดอันตรายใดกับนาง”
ฮวาเหยียนอวี่ทราบดีว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตั้งใจเปิดโอกาสให้กับนาง ทว่านางก็ไม่กังวลแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่านางมั่นใจในวิชาควบคุมจิตใจของตนเองเป็นอย่างมาก หลังจากออกคำสั่ง หนึ่งในผู้พิทักษ์ของนางก็นำทางฉินอวี้โม่ออกไปทันที แม้ภายนอกจะดูเป็นการติดตามเพื่อคอยคุ้มกันและอำนวยความสะดวก ทว่าแท้จริงแล้วคนผู้นั้นมีหน้าที่ในการจับตาดูทุกฝีก้าวและถ่วงเวลามิให้นางกลับมาได้ง่าย ๆ
ฉินอวี้โม่จะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฮวาเหยียนอวี่ได้อย่างไร ? นางเพียงไม่สนใจเท่านั้น หากต้องการย้อนกลับมาหาหานโม่ฉือ คนเหล่านั้นไม่มีทางขัดขวางนางได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ ฮวาเหยียนอวี่ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้เช่นกัน
เมื่อฉินอวี้โม่ออกไป ห้องแห่งนี้ก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
หานโม่ฉือไม่มองฮวาเหยียนอวี่ด้วยซ้ำขณะนั่งรับประทานอาหารของตน
“จอมยุทธ์หานโม่ฉือ ข้าขี้ริ้วขี้เหร่เกินไปจนท่านไม่อยากมองงั้นรึ ?”
ฮวาเหยียนอวี่ยืนขึ้นและเดินตรงเข้าไปใกล้หานโม่ฉือ ทันใดนั้นกลิ่นหอมอ่อน ๆ บางอย่างก็แผ่มาแตะจมูกของเขาส่งผลให้เขาขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยทันที
“ใช่”
เขาพยักศีรษะอย่างจริงจังเพื่อยืนยันคำถามของอีกฝ่าย และมันเป็นคำตอบที่ทำให้ฮวาเหยียนอวี่แทบกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
นางเพียงเอ่ยถามอย่างไม่คิดอะไรเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าหานโม่ฉือจะตอบกลับอย่างตรงไปตรงมาและยังเป็นคำตอบที่ยืนยันว่านางขี้ริ้วขี้เหร่เช่นนี้ นางเชื่อมั่นว่ารูปลักษณ์ของตนงดงามพอที่จะเทียบกับฉินอวี้โม่ได้ แล้วนางจะขี้เหร่หรือดูน่าเกลียดไปได้อย่างไร?
“จอมยุทธ์หานโม่ฉือช่างล้อข้าเล่นจริง ๆ”
นางยิ้มเจื่อน ๆ ขณะเข้าไปใกล้หานโม่ฉือและรินสุราลงแก้วให้กับเขา
“ข้าไม่เคยล้อเล่น”
หานโม่ฉือยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง วาจาของเขาครานี้ทำให้ฮวาเหยียนอวี่หน้าเสียยิ่งกว่าเดิมและรอยยิ้มเจื่อนเดิมบนใบหน้าถึงกับชะงักค้างไปทันที
หานโม่ฉือ…เขาไม่ชายตามองนางและคิดว่านางขี้เหร่จริง ๆ !
“ฮิ ๆๆ จอมยุทธ์หานโม่ฉือช่างอคติจริง ๆ หากท่านได้รู้จักกับข้าก่อน ท่านอาจจะคิดว่าฉินอวี้โม่ขี้ริ้วขี้เหร่ก็เป็นได้”
นางหัวเราะเบา ๆขณะแผ่พลังวิญญาณของตนเข้าไปในจิตใจของหานโม่ฉืออย่างช้า ๆ
หานโม่ฉือก็สัมผัสได้ว่าสติสัมปชัญญะของตนเองค่อย ๆ เลือนรางพร่ามัวและกลิ่นหอมจากร่างของฮวาเหยียนอวี่ก็แปลกประหลาดจริง ๆ มันสามารถบรรเทาพลังวิญญาณของเป้าหมายให้อ่อนลงและยับยั้งพลังของเขาได้เป็นการชั่วคราว
“หานโม่ฉือ…เจ้าคือสามีของข้า จงจำไว้ให้ดี…เจ้าคือสามีของข้า ฉินอวี้โม่และนครล่าฝันเป็นศัตรูของเจ้า”
เสียงของฮวาเหยียนอวี่ดังชัดเจนในโสตประสาทของหานโม่ฉือจนเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าคือสามีของเจ้า ฉินอวี้โม่และนครล่าฝันเป็นศัตรูของข้า”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ และแววตาค่อย ๆ กลายเป็นคลุมเครือไม่ชัดเจน
“ใช่ เจ้าคือสามีของข้าและเราทั้งหมดเป็นสมาชิกของฝ่ายมาร”
ฮวาเหยียนอวี่พยักศีรษะอย่างพึงพอใจ วิชาควบคุมจิตใจของนางไม่เคยล้มเหลวเลยสักครา ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความช่วยเหลือจากบุปผาแห่งความมืด ไม่ว่าหานโม่ฉือจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานมันได้
“เราทั้งหมดเป็นสมาชิกของฝ่ายมาร”
ในตอนนี้หานโม่ฉือแทบจะไม่มีสติรับรู้แล้วขณะกล่าวตามวาจาของฮวาเหยียนอวี่ซ้ำไปซ้ำมา
“คุณหนู ทุกอย่างเรียบร้อยรึไม่ ?”
ภายในห้องแยกนั้น จู่ ๆ ร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิทขนาดใหญ่และเผยให้เห็นเพียงดวงตามืดหม่นเท่านั้น ร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังความมืดที่น่าสะพรึงกลัวและอย่างน้อยความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดซึ่งไม่มีใครที่จะกล้ามองข้าม
“ไม่มีปัญหาหรอก เพียงแต่หานโม่ฉือทรงพลังมากเกินไปและข้าต้องใช้วิชาควบคุมจิตใจถึงสามครั้งด้วยกัน เจ้าต้องผนึกพลังของเขาเสียก่อน และหลังจากสองวัน เขาจะทำตามคำสั่งของข้าอย่างว่านอนสอนง่าย”
ฮวาเหยียนอวี่พยักศีรษะเบา ๆ เห็นได้ชัดว่านางไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากนัก ศาสตร์ของการควบคุมจิตใจมิใช่วิชาที่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป ตราบใดที่มีโอสถเฉพาะ กอปรกับคาถาวิญญาณที่ชัดเจน นางก็สามารถควบคุมความคิดจิตใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่วิชาประหลาดนี้ก็เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ยากอย่างยิ่ง แม้ในบรรดาชาวเผ่าอู่ซินก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ฝึกมันได้จนเชี่ยวชาญ
“ขอรับ”
บุรุษชุดดำพยักหน้ารับคำสั่งและเดินตรงเข้าไปหาหานโม่ฉือก่อนเตรียมผนึกพลังความแข็งแกร่งของเขา
พลั่ก ! พรวดดด !
แต่ทว่า…ก่อนจะเอื้อมมือแตะหานโม่ฉือได้ แรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่ออกไปอย่างรุนแรงและบุรุษชุดดำก็ถูกฝ่ามือฟาดกระเด็นออกไปก่อนกระแทกเข้ากับกำแพงและกระอักเลือดออกมา
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
สีหน้าของฮวาเหยียนอวี่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและแววตาแสดงถึงความไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็น คิดไม่ถึงเลยว่าหานโม่ฉือจะยังไม่ถูกควบคุมและยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์เช่นนี้ !
“จิ๊จิ๊ ฮวาเหยียนอวี่ ตอนแรกข้านึกว่าวิชาควบคุมจิตใจของเจ้าจะน่ากลัวกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเลยสักนิด”
ทันใดนั้น เสียงของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้นในหูของฮวาเหยียนอวี่และทำให้สีหน้าของนางบิดเบี้ยวไป
“คุณหนู ระวังตัวด้วย”
บุรุษชุดดำพยายามลุกขึ้นยืนทว่าตระหนักได้ว่าพลังในร่างของตนถูกผนึกไว้และไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกยืนได้ในตอนนี้ ความกลัวอย่างที่สุดก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขาอย่างรวดเร็ว หานโม่ฉือผู้นี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยไปกว่าท่านผู้นำเลย !
“เหอะ ฉินอวี้โม่ เจ้าเป็นคนจัดฉากเรื่องทั้งหมดสิน ะ!”
ฮวาเหยียนอวี่เรียกสติกลับคืนมาและพยายามใจเย็นลง เวลานี้นางทราบดีว่านางตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแล้ว
“ใช่ หากไม่ทำเช่นนี้ เจ้าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างนั้นรึ ?!”
ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด จากนั้นประตูห้องก็เปิดออกและเผยให้เห็นคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนรวมตัวกันอยู่หน้าห้องขณะจ้องหน้าฮวาเหยียนอวี่ด้วยแววตาโกรธแค้นเจือความสงสัย
“ชั่วช้ายิ่งนัก ที่แท้เรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นฝีมือของพวกคนชั่วจากฝ่ายมาร !”
ใครคนหนึ่งกล่าวสบถอย่างอดไม่ได้และแววตาที่มองตรงมาที่ฮวาเหยียนอวี่ก็ฉายแววความรังเกียจเหยียดหยามอย่างชัดเจน