ภายในห้องโถง ทั้งครอบครัวกำลังรับประทานอาหารค่ำและพูดคุยกันอย่างมีความสุข
‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ กังวลขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นห่วงต่อบิดามารดาหรือคนใกล้ชิดคนอื่นๆ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวจริงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว ความรักและความถูกต้องเป็นที่สุด หากได้พบหน้าครอบครัวหลังจากพลัดพรากกันนานหลายปี นางจะต้องถามถึงบิดามารดาและญาติพี่น้องอย่างแน่นอน การที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมเพิ่งเอ่ยถามขึ้นมาในตอนนี้แสดงให้เห็นว่านางละเลยเกี่ยวกับคนเหล่านั้นไป…
“ไม่ต้องกังวล ทั้งบิดาของข้า ทั้งบิดามารดาของเจ้ารวมถึงญาติสนิทคนอื่น ๆ ล้วนแต่สบายดี เจ้าไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะบิดามารดาของเจ้า พวกเขาก็ยังอยู่ในดินแดนหวนหลิง หากได้ทราบว่าเจ้ากลับมาแล้ว พวกเขาจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”
ฉินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกถึงความผิดปกติใด ๆ ทว่าหัวใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความรังเกียจจนแทบไม่อาจอดกลั้นไว้ ทักษะการแสดงของ ‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ผู้นี้ยังไม่แนบเนียนพอจริง ๆ ภายในเวลาเพียงไม่นาน จุดบกพร่องต่าง ๆ ก็เริ่มเผยออกมาแล้ว
“เยี่ยม เยี่ยมไปเลยจริง ๆ ข้าหายตัวไปนานหลายปี บิดามารดาของข้าคงจะกังวลใจมาก เมื่อปัญหาความวุ่นวายที่นี่ยุติลง ข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนพวกเขาให้จงได้”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นแสร้งทำเป็นถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ทว่าก็ขมวดคิ้วเล็ก ๆ ด้วยความกังวลเช่นกัน
“ท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นข้าจะสั่งให้ผู้ติดตามพาท่านไปหาท่านตาและท่านยายก่อน ดีหรือไม่เจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวเสนอขึ้นมาและลอบขยิบตาส่งสัญญาณให้กับฉินอี้เฟย
“ข้าก็คิดว่าควรจะส่งท่านแม่ไปที่ดินแดนหวนหลิงก่อนเช่นกัน”
ฉินอี้เฟยเข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่ได้ทันทีและกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย
“นั่นสิ ตอนนี้พวกเราก็กำลังเปิดศึกกับฝ่ายมารอยู่ นครล่าฝันก็มิใช่สถานที่ที่ปลอดภัยนัก อวิ๋นเอ๋อร์…การที่พลังของเจ้ายังไม่ฟื้นฟูกลับคืนมา พวกเราไม่อาจปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา หากฝ่ายมารทำอะไรเจ้า เกรงว่าข้าจะช่วยไว้ได้ไม่ทันการณ์ เจ้าไปที่ดินแดนหวนหลิงและไปอยู่กับบิดามารดาของเจ้าก่อนเถอะ เมื่อเสร็จเรื่องที่นี่ พวกเราจะตามไปสมทบโดยเร็ว”
ฉินเทียนเองก็ให้ความร่วมมือเช่นกันและอธิบายเหตุผลประกอบอย่างครอบคลุมซึ่งทำให้ยากที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นจะปฏิเสธได้
“พี่เทียน กว่าที่ข้าจะได้พบท่านกับลูก ๆ ข้าก็ผ่านความยากลำบากมามากมาย ข้ายังไม่อยากแยกไปที่ใดในตอนนี้ ข้าทราบดีว่าพลังของข้าในตอนนี้อ่อนแอเกินไปและคงจะเป็นภาระของทุกคน แต่ว่า…”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นแสร้งตีหน้าเศร้าและแน่นอนว่าไม่มีทางยอมตอบตกลงไปจากที่นี่
“พี่เทียน เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์ ข้าอยากจะฝ่าฟันทุกอุปสรรคไปพร้อมกับทุกคนและไม่อยากพลัดพรากจากกันอีก แม้ความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้จะอยู่ในระดับต่ำนัก ข้าก็สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงอย่างแน่นอน ข้าจะอยู่แต่ในจวนจ้าวนครโดยไม่ออกไปที่ใด หากยังถูกคนของฝ่ายมารจับตัวได้ ข้าจะระเบิดตัวเองเสีย ข้าจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือข่มขู่ของพวกมันแน่ ๆ”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าแน่วแน่
“ท่านแม่…ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน เราไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ”
ในเมื่ออวี๋เสี่ยวอวิ๋นตอบกลับเช่นนี้ ทั้งสามก็ทราบดีว่าหากมิให้ความร่วมมือกับการแสดงของนาง มันก็คงจะผิดปกติเกินไป ฉินอวี้โม่จึงก้าวออกมาข้างหน้าและเขย่ามือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเบา ๆ พร้อมกล่าว “เราไม่กลัวว่าท่านแม่จะเป็นตัวถ่วงเลย และเราก็ไม่เคยคิดว่าท่านเป็นภาระเช่นกัน เราเพียงต้องการให้ท่านได้กลับไปรวมตัวกับท่านตาท่านยายอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาโดยเร็วที่สุดเท่านั้นและอยากให้ท่านอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีความคิดอื่นเลยเจ้าค่ะ”
“ใช่แล้วล่ะ เสี่ยวโม่เอ๋อร์พูดถูก อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าลองคิดดูเถอะ เราจำต้องแยกจากกันเป็นเวลากว่าสิบปี ข้าไม่อยากเผชิญกับความรู้สึกที่เลวร้ายนั้นอีก การที่พวกฝ่ายมารไปที่ดินแดนระดับต่ำไม่ได้ ที่นั่นจึงจะปลอดภัยสำหรับเจ้า”
ฉินเทียนเองก็แสร้งทำเป็นสนใจเพียงความปลอดภัยของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเท่านั้นขณะจับมือข้างหนึ่งของนางและกล่าวต่อไป “เอาล่ะ ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะ หากพวกคนชั่วจากฝ่ายมารคิดจะทำอะไรเจ้า ข้าจะฆ่าล้างพวกมันให้หมด !”
น้ำเสียงของเขาในตอนนี้ฟังดูน่าเกรงขามยิ่งนักและดูเหมือนฉินเทียนในเวลาปกติทั่วไป
“พี่เทียน…”
ด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจอย่างที่สุด อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของฉินเทียนทันทีโดยไม่ทันสังเกตเห็นคิ้วขมวดเป็นปมของเขา
ฉินเทียนระงับความต้องการที่จะผลักสตรีผู้นี้ออกไปให้พ้นตัวและปล่อยให้นางพิงร่างตนต่อไป
“เอาล่ะ ข้าจะไปตรวจดูความเรียบร้อยของเมืองก่อน อวิ๋นเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าไปพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้มีโอกาสรั้งเขาไว้ เขากลัวใจว่าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไป เขาจะอดกลั้นกับความรังเกียจไม่ไหวจนเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมออกไป
“ข้าก็ต้องขอตัวไปทำงานเช่นกัน เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ดูแลท่านแม่ด้วยล่ะ”
ฉินอี้เฟยลุกขึ้นและจากไปเช่นกัน เขาเองก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้เสี้ยวอึดใจ
“ท่านแม่เจ้าคะ ตอนนี้สงครามกับฝ่ายมารใกล้เข้ามาทุกที ท่านพ่อและพี่อี้เฟยมีเรื่องต้องจัดการมากมายนัก ท่านแม่อย่าคิดน้อยใจพวกเขาเลยนะเจ้าคะ”
ฉินอวี้โม่จับมืออวี๋เสี่ยวอวิ๋นและกล่าวอธิบายแทนคนทั้งสอง
“ข้าเข้าใจ…”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อฉินเทียนและฉินอี้เฟยแยกตัวออกไป ทว่าตอนนี้นางก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างชัดเจน
“ท่านแม่ ท่านยาย พวกเราง่วงมากและอยากไปนอนแล้ว~”
เสี่ยวอ้ายโม่กะพริบตาและอ้าปากหาว นางเองก็ไม่ชอบหน้าท่านยายคนนี้เลยสักนิด แม้อายุยังน้อยและไม่มีประสบการณ์ใด นางก็รู้สึกได้ว่าสตรีผู้นี้มิใช่คนดีแน่
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เจ้าพาลูก ๆ ไปนอนก่อนเถอะ ให้เสี่ยวโร่วอยู่กับข้าก็พอแล้ว”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกล่าวขึ้นก่อนเพื่อให้ฉินอวี้โม่พาบุตรทั้งสองไปเข้านอน
นางมาที่นครล่าฝันแห่งนี้พร้อมภารกิจสำคัญ จากการสังเกตการณ์และการสืบข่าวก่อนหน้านี้ นางทราบว่าสตรีที่มีนามว่าเสี่ยวโร่วผู้นี้ได้รับความไว้วางใจจากฉินอวี้โม่มากกว่าใครและเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสาซึ่งเหมาะในการเป็นเป้าหมายที่จะหลอกดึงข้อมูลมา สิ่งที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมต้องทำในตอนนี้คือทำให้เสี่ยวโร่วเชื่อตนโดยสมบูรณ์และนำไปสู่แผนการต่อไป
“เอาล่ะ เสี่ยวโร่ว ข้าขอฝากท่านแม่ไว้กับเจ้าด้วย”
ฉินอวี้โม่ขยิบตาส่งสัญญาณให้กับเสี่ยวโร่วซึ่งความหมายของมันก็ชัดเจนดี
“คุณหนู ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลฮูหยินเป็นอย่างดี”
เสี่ยวโร่วพยักศีรษะรับคำอย่างหนักแน่น แม้นางจะมีจิตใจที่บริสุทธิ์ นางก็มิใช่คนโง่เขลา ในเมื่อทราบแล้วว่าสตรีตรงหน้าคือคนของฝ่ายมารปลอมตัวมา นางก็ไม่มีทางเชื่อวาจาของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ตอนนี้เสี่ยวโร่วเพียงทำตามคำสั่งของฉินอวี้โม่และต้องการเล่นละครตามบทของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมไปก่อนก็เท่านั้น
ฉินอวี้โม่จับมือพาบุตรน้อยทั้งสองเดินจากไปในขณะที่เสี่ยวโร่วนำทางอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไปอีกทางหนึ่ง
“ฮูหยิน ช่วงนี้นายท่านยุ่งมากและคงจะไม่กลับมานอนที่เรือน ท่านพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าเสี่ยวโร่วไม่มีทางจัดแจงให้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมได้ร่วมหลับนอนกับฉินเทียนในห้องเดียวกันและนำทางนางไปที่เรือนแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไกลจากฉินอวี้โม่ ฉินเทียนและคนอื่น ๆ ก่อนกล่าวด้วยท่าทางเคารพ
“เสี่ยวโร่วเอ๋ย ขอบใจเจ้ามาก”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นจับมือเสี่ยวโร่วด้วยท่าทางอบอุ่นและจริงใจ
เมื่อมาถึงเรือนที่พัก นางก็จับมือเสี่ยวโร่วไปนั่งลง
“เสี่ยวโร่ว เจ้าก็ทราบดีว่าข้าไม่ได้อยู่ดูแลเฟยเอ๋อร์และเสี่ยวโม่เอ๋อร์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนี้เจ้าอยู่กับข้าและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้ข้าฟังดีกว่า”
“ฮูหยิน ท่านควรพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ การที่ท่านเดินทางมาจากทางใต้สุดของดินแดนและต้องเผชิญกับเรื่องร้ายมามาก ท่านคงจะเหนื่อยไม่น้อยเลย”
เสี่ยวโร่วไม่ตอบคำถามทว่าเสนอให้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นพักผ่อนเสียก่อน
“ข้านอนไม่หลับหรอก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การที่ปราศจากการเลี้ยงดูจากผู้เป็นมารดา ข้าไม่รู้เลยว่าสองพี่น้องเติบโตขึ้นมาอย่างไร เสี่ยวโร่ว…เจ้าเล่าให้ข้าฟังก่อนเถอะ อีกอย่าง…เรามาคุยเรื่องสถานการณ์ในนครล่าฝันกันด้วยเถอะ เกรงว่าการที่ข้าไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลยจะทำให้พี่เทียนและเสี่ยวโม่เอ๋อร์ต้องอับอายขายหน้า”
ด้วยสีหน้าแววตาจริงใจ นางยืนกรานให้เสี่ยวโร่วเล่าเรื่องราวให้ตนฟังอย่างละเอียด
“หากฮูหยินต้องการเช่นนี้ ข้าก็จะเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ”
เสี่ยวโร่วพยักศีรษะและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในดินแดนหวนหลิงให้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้ทราบ
“ลูก ๆ ของข้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน พวกเขาต้องทนทุกข์มามาก”
เมื่อฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความเศร้าและการแสดงของนางก็ดูแนบเนียนอย่างที่สุด
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวโร่วทราบดีอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเพียงแสดงละครตบตาเท่านั้นจึงไม่คล้อยตามแต่อย่างใด
“ต่อมา คุณหนูก็ตามคุณชายมาที่ดินแดนเทพมายา ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ท่านก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องให้ยืดยาว”
เสี่ยวโร่วบอกปัดเรื่องราวที่เหลืออย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้วล่ะ ข้าพอจะได้ยินมาบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เสี่ยวโม่เอ๋อร์ทำลงไปทำให้แม่อย่างข้าภูมิใจในตัวนางเป็นที่สุด”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นพยักศีรษะด้วยความพึงพอใจก่อนกล่าวต่อ “เจ้าช่วยเล่าถึงสถานการณ์ของนครล่าฝันให้ข้าฟังได้รึไม่ ?”
“สำหรับนครล่าฝัน มันคือขุมกำลังที่อธิการมู่อวิ๋นและจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าจากดินแดนหวนหลิงอีกหลายคนร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา แน่นอนว่าคุณหนูก็มีอำนาจในระดับของจ้าวนคร ทว่านางมิใช่คนจัดการดูแลความเรียบร้อยตามปกติ โดยทั่วไปจะมีผู้อาวุโสและจอมยุทธ์ระดับสูงหลายคนร่วมกันดูแล ฮูหยินเพิ่งมาถึงที่นี่และอาจยังไม่รู้จักผู้อาวุโสเหล่านั้น วันพรุ่งนี้ข้าคิดว่าคุณหนูคงจะพาท่านไปทำความรู้จักกับผู้อาวุโสเหล่านั้นเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าเสี่ยวโร่วไม่บอกความจริงในเรื่องที่สำคัญ นางเพียงเล่าสถานการณ์โดยรวมของนครล่าฝันโดยไม่ลงลึกถึงรายละเอียด
‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ไม่สงสัยใด ๆ เช่นกัน ก่อนหน้านี้ฝ่ายมารก็ได้สืบเรื่องเกี่ยวกับนครล่าฝันมามากแล้วซึ่งข้อมูลเหล่านั้นก็แทบจะเหมือนกับที่เสี่ยวโร่วเพิ่งกล่าวออกมา
“ฮูหยิน พลังของท่านในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ช่วงนี้ท่านเก็บตัวอยู่ในบริเวณจวนจ้าวนครเพื่อฝึกวิชาไปก่อนนะเจ้าคะ”
เสี่ยวโร่วกล่าวต่อ ท่าทางของนางในตอนนี้แสดงให้เห็นว่านางเชื่อวาจาของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ
“ข้าเข้าใจ ข้าจะไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายให้กับเสี่ยวโม่เอ๋อร์และคนอื่น ๆ”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นพยักศีรษะรับคำทว่าเสี่ยวโร่วไม่อาจคาดเดาความคิดที่แท้จริงของนางได้เลย
“เสี่ยวโร่ว ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกและยังไม่คุ้นเคยกับมันนัก เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์และพี่เทียนก็มีเรื่องยุ่งต้องจัดการอยู่ตลอด เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีเวลามาคุยกับข้าแน่ เจ้าจะพาหลาน ๆ มาพบข้าบ้างได้รึไม่ ? อ้อ…หนูน้อยเฟยเฟยก็ด้วย เจ้าจะพานางมาคุยกับข้าได้รึไม่ ?”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกล่าวลองเชิงอย่างเป็นเหตุเป็นผลเพื่อมิให้กระตุ้นความสงสัยของอีกฝ่าย
“ได้เลยเจ้าค่ะ เจ้าหนูทั้งสองโวยวายอยากพบท่านยายอยู่เช่นกัน หากได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน ทั้งสองจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ สำหรับเฟยเฟย ข้าจะเรียกนางมาด้วยกัน ส่วนนางจะมาหรือไม่นั้น ข้าก็มิอาจบังคับฝืนใจได้”
เสี่ยวโร่วพยักศีรษะตอบรับแต่โดยดี
“ฮูหยิน ท่านก็ไปหาพวกนางเองได้นะเจ้าคะ จวนจ้าวนครก็ถือเป็นบ้านของท่านแล้ว ท่านไม่ต้องกังวลสิ่งใดเลย”
เสี่ยวโร่วกล่าวเสริมต่อเล็กน้อยด้วยท่าทางใสซื่อซึ่งทำให้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าตนตัดสินใจถูกต้องแล้ว เด็กนี่โง่ชะมัด อีกไม่นานแผนการของข้าจะต้องสำเร็จแน่ !
“ฮูหยิน ตอนนี้ท่านพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะกลับมาหาท่านอีกครั้ง หากท่านมีเรื่องใดก็ไปที่ห้องรับรองเพื่อเรียกใช้ได้เลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวโร่วกล่าวทิ้งท้ายก่อนยืนขึ้นและจากไป นางไม่ต้องการเสียเวลาอยู่กับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมอีกต่อไป ตอนนี้นางก็มั่นใจมากขึ้นว่าสตรีผู้นี้มิใช่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวจริง มิฉะนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดคุยกันเนิ่นนานเช่นนี้โดยที่ไม่เอ่ยถามถึงหลี่ก่วน ในอดีต ภายในดินแดนหวนหลิง อวี๋เสี่ยวอวิ๋นไว้วางใจและฝากให้หลี่ก่วนดูแลบุตรทั้งสองของตน ไม่มีทางเลยที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวจริงจะลืมเลือนเรื่องนี้ไปได้
ในเวลานี้ ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ผู้คนที่กล่าวกันว่ามีธุระที่ต้องจัดการล้วนมารวมตัวกันข้างในนี้
“ลองเดากันสิว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมนั่นจะทำอะไรต่อไป ?”
เยว่ชิงเฉิงยกยิ้มมุมปากและกล่าวขึ้นมา นางตั้งตารอดูการเคลื่อนไหวต่อไปของสตรีผู้นั้น