ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปสิบวัน สิบวันนี้ก็เรียกไดว่าเงียบสงบมากโดยที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมระมัดระวังตัวอยู่เสมอด้วยเกรงว่าจะเปิดเผยพิรุธใด ๆ ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ในทางกลับกัน นางก็ดูแลฉินอวี้โม่ ฉินเทียนและคนอื่น ๆ อย่างดีอยู่เสมอจนดูเหมือนเป็นมารดาและภรรยาที่ดีคนหนึ่ง
ฉินอวี้โม่และทุกคนไม่รีบร้อนที่จะเปิดโปงธาตุแท้ของนาง เรียกได้ว่าทุกคนในนครล่าฝันกลายเป็นนักแสดงมากฝีมือที่เล่นละครตบตาอวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้อย่างแนบเนียน
และในวันนี้ อุปกรณ์สื่อสารของฉินอวี้โม่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่เชื่อมต่อสายอย่างรวดเร็วก่อนที่เสียงของหานโม่ฉือจะดังขึ้น
“ฮวาเฉินและสมาชิกทั่วทั้งฝ่ายมารเฝ้าระวังและป้องกันข้อมูลได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากผู้อาวุโสคนสำคัญก็ไม่มีใครอื่นทราบเลยว่าบุปผาแห่งความมืดถูกเก็บไว้ที่ใด แม้แต่ผู้อาวุโสสิบสองติงเหวินก็ไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับมันด้วยซ้ำ”
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา หานโม่ฉือคุ้นเคยกับฝ่ายมารมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหม่าเฟย ติงเหวินและสหายคนอื่น ๆ ก็ดีขึ้นจนกลายเป็นสหายคนสนิทกัน เขาได้ลองสอบถามข้อมูลอย่างตั้งใจและอ้อมค้อมไปหลายครั้ง ทว่าไม่ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ใด ฮวาเฉินน่าจะนำบุปผาแห่งความมืดไปซ่อนไว้ในที่ใดสักแห่งซึ่งนอกจากเขาก็คงจะมีเพียงผู้อาวุโสใหญ่ของฝ่ายมารเท่านั้นที่ทราบว่ามันอยู่ที่ใด
“ข้าพยายามสืบหาเบาะแสหลายคราทว่าไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย ราวกับว่าบุปผาแห่งความมืดไม่ได้อยู่ที่ฐานทัพของฝ่ายมารด้วยซ้ำ เรื่องนี้แปลกประหลาดจริง ๆ”
นอกจากสอบถามข้อมูลจากสหาย หานโม่ฉือก็ได้พยายามเสาะหาทั่วทั้งเกาะแล้วเช่นกัน เสี่ยวม่านและหานอวี้ก็ได้ใช้วิธีการพิเศษของตนเองเพื่อสำรวจหาทว่าไม่พบแม้แต่ร่องรอยของบุปผาแห่งความมืด เห็นทีแผนการทำลายบุปผาแห่งความมืดก่อนโตเต็มวัยจะล้มเหลวเสียแล้ว
“ในเมื่อไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติม เจ้าก็กลับมาเถอะ ในตอนนี้เฟยเฟยสามารถใช้พลังของบุปผาแห่งแสงได้แล้ว ข้าเชื่อว่าเรามีโอกาสชนะพอสมควร”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพื่อให้หานโม่ฉือกลับมารวมตัวกันก่อน แม้ทราบถึงพลังและความแข็งแกร่งของบุรุษคนรักเป็นอย่างดี ทว่ามันก็ไม่มีทางที่ฉินอวี้โม่จะคลายกังวลได้หากว่าเขายังไม่กลับมา ในเมื่อไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำได้แล้วและไม่พบเบาะแสของบุปผาแห่งความมืดที่ตามหา มันจะเป็นการดีที่สุดหากเขาจะกลับมาที่นครล่าฝันเพื่อเตรียมความพร้อมต่อไป
“ตกลง ข้าจะเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางกลับในอีกสองวัน”
หานโม่ฉือตอบรับโดยไม่ลังเลขณะนึกถึงความคิดของเขาก่อนหน้านี้และตัดสินใจที่จะลองดูสักตั้ง
ติงเหวินและหม่าเฟยดีกับเขามากและปฏิบัติต่อเขาเช่นสหายคนสนิทอย่างแท้จริง หากหานโม่ฉือจากไปเฉย ๆ โดยไม่บอกกล่าว เขาก็ไม่สบายใจนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกได้ว่าติงเหวินและหม่าเฟยมีความคิดต่อต้านฝ่ายมารอยู่ในใจและต้องการลองดูว่าจะสามารถโน้มน้าวใจให้พวกเขาไปจากที่นี่ด้วยกันได้หรือไม่
หลังจากตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสาร ฉินอวี้โม่ก็ออกจากคฤหาสน์เฟิงหัว และทันทีที่ก้าวออกมา นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตน
ข้างนอกประตูห้องในเวลานี้ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เจ้าอยู่ข้างในรึไม่ ?”
‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ เคาะประตูและเอ่ยเรียกโดยที่มีถ้วยน้ำซุปอยู่ในมือ
“ท่านแม่ เชิญเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่เชิญอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเข้ามาในห้องของตน ทว่าเมื่อมองเห็นถ้วยน้ำซุปดังกล่าว ประกายบางอย่างก็ฉายขึ้นในแววตาของนาง
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ นี่คือซุปไก่ที่ข้าต้มขึ้นเอง มันถูกปรุงขึ้นมาจากไก่และสมุนไพรภายในนครล่าฝัน เจ้าลองชิมดูสิว่ารสชาติถูกปากรึไม่”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นวางถ้วยน้ำซุปลงบนโต๊ะก่อนจับมือฉินอวี้โม่มานั่งลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านแม่ ข้าบอกให้ท่านพักผ่อนให้สบายมิใช่รึ ? ท่านไม่จำเป็นต้องเหนื่อยทำอะไรพวกนี้หรอกเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธและรับถ้วยน้ำซุปมาดื่มอย่างช้า ๆ ทว่ายังอดกล่าวออกไปไม่ได้
“มันไม่ลำบากเลย ไม่ลำบากเลย”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นยิ้มอย่างสบายใจและกล่าวต่อ “ข้าอ่อนแอเกินไปและช่วยอะไรได้ไม่มากนัก เมื่อเห็นเจ้า พี่ชายและพ่อของเจ้าที่ทุ่มเททำงานหนักตลอดเวลา ข้าก็รู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน ข้าทำได้เพียงปรุงอาหารอร่อย ๆ ให้ทานกันเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้”
หลังจากหยุดชั่วคราว นางก็กล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าก็ไม่ได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับเจ้า ข้าอยากจะชดเชยทุกอย่างให้ได้มากที่สุด”
ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่จริงใจเช่นนี้ หลายคนคงอดที่จะหลงเชื่อนางไม่ได้ ทว่าน่าเสียดายที่บุคคลตรงหน้านางในตอนนี้คือฉินอวี้โม่
“ท่านแม่ ไม่จำเป็นเลยเจ้าค่ะ ไม่ต้องรู้สึกผิดใด ๆ ทั้งนั้น พี่ใหญ่และข้าไม่ถือโทษโกรธท่านเลยสักนิด เพียงได้มีท่านเป็นแม่ก็ทำให้เรามีความสุขมากแล้ว”
ฉินอวี้โม่วางถ้วยน้ำซุปลงบนโต๊ะและเขย่ามือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเบา ๆ ด้วยท่าทางของบุตรสาวที่ดี
“จะว่าไปแล้ว…ท่านได้นำน้ำซุปนี้ไปให้กับท่านพ่อและพี่อี้เฟยด้วยรึไม่เจ้าคะ ?”
นางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม ทว่าหัวใจกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แม้ว่าในเวลานี้ซุปไก่ดูจะไม่มีปัญหาใด ทว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นใช้วิธีการบางอย่างในการปรุงมัน หากดื่มซุปนี้เป็นเวลานาน คนผู้นั้นจะสูญเสียพลังมายาทั้งหมดภายในเวลาครึ่งเดือนและจะไม่มีทางฟื้นฟูกลับคืนมาได้ในเวลาสั้น ๆ หลังจากเวลาผ่านไปสิบวัน ในที่สุดอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมผู้นี้ก็มิอาจทนอยู่เฉยได้อีก
“ข้านำไปให้บางส่วนแล้ว และข้าก็สั่งให้เสี่ยวโร่วยกซุปไปให้หลานตัวน้อยทั้งสองด้วยเช่นกัน”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่สงสัยสิ่งใดและกล่าวตอบอย่างไม่ปิดบัง
“ท่านแม่ต้มซุปปริมาณมากเช่นนี้ในคราเดียว แต่กลับบอกว่าไม่ลำบากอีกอย่างนั้นหรือ…”
ฉินอวี้โม่กล่าวตำหนิอีกฝ่ายเบา ๆ ทว่านางก็แอบสื่อสารกับมารยาในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที
“มารยา เจ้าหนูทั้งสองน่าจะมาหาข้าในไม่ช้า ไปบอกพวกเขาด้วย ข้ามีเรื่องต้องคุยกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นสักพัก”
นางถ่ายทอดคำสั่งให้กับมารยาผ่านทางกระแสจิต
“รับทราบ”
มารยาพยักศีรษะตอบรับก่อนพุ่งตรงหายไปจากคฤหาสน์เฟิงหัว
ในอีกฟากหนึ่งของจวนจ้าวนคร เสี่ยวโร่วก็นำซุปไก่ที่ปรุงโดยอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไปให้กับเด็กแฝดชายหญิงทั้งสอง
“ท่านน้า ท่านแม่บอกว่าอย่าดื่มหรือกินของที่สตรีไม่ดีส่งมา”
เสี่ยวอ้ายฉือกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังและจดจำได้ถึงวาจาที่ฉินอวี้โม่กำชับไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี ‘อย่าแตะต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นส่งมา มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้’
“ข้ารู้ ต่อให้พวกเจ้าทั้งสองอยากจะดื่มมัน ข้าก็ไม่มีทางยอมแน่”
เสี่ยวโร่ววางถ้วยน้ำซุปลงบนโต๊ะและลูบศีรษะมนุษย์ตัวน้อยทั้งสองเบา ๆ
“เจ้ารู้รึไม่…ตอนนี้พ่อของเจ้าทั้งสองอยู่ที่ฐานทัพของฝ่ายมาร หากเราถ่วงเวลาสตรีชั่วร้ายคนนั้นไว้ได้ ท่านพ่อของเจ้าก็จะปลอดภัยมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องแสดงละครไปก่อน อย่าดื่มมันล่ะ ข้าจะนำมันไปเททิ้งในภายหลัง”
นางจดจำคำสั่งของฉินอวี้โม่ได้เป็นอย่างดีและไม่เก็บตัวบ่มเพาะวิชาตลอดสิบวันที่ผ่านมาเพื่อใช้เวลาดูแลเด็กน้อยทั้งสอง
“น้ามารยา~”
เด็กน้อยทั้งสองกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นมารยาปรากฏตัวขึ้นในห้อง ทั้งสองก็ตะโกนเรียกและวิ่งโร่ตรงเข้าไปหา
ทั้งสองชื่นชอบอสูรมายาทั้งหมดของฉินอวี้โม่และแน่นอนว่าอสูรที่เด็กน้อยโปรดปรานมากที่สุดก็คือมารยา
“น้ำซุปนี่…ถ้าอยากดื่มก็ดื่มได้เลย นายหญิงบอกว่ารสชาติของมันไม่เลวเลยทีเดียวและมันก็ดีสำหรับเจ้าทั้งสองด้วย”
มารยาก้าวออกมาและตรวจดูซุปไก่ทั้งสามถ้วยเพื่อยืนยันว่ามันไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมอยู่ข้างใน
นี่เป็นเพราะว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมคิดว่าเสี่ยวโร่วและเด็กน้อยทั้งสองไม่แข็งแกร่งพอและมิใช่ภัยคุกคามสำหรับนาง ยิ่งไปกว่านั้น หากเกิดความผิดปกติกับคนหลายคนในเวลาเดียวกัน นางก็อาจจะถูกสงสัยได้ เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่ได้ใส่อะไรลงไปในซุปของทั้งสาม
“น้ามารยา~ บอกท่านแม่ให้ระวังตัวด้วย เราจะเชื่อฟังและไม่ดื้อไม่ซน”
เสี่ยวอ้ายโม่กล่าววาจาราวกับเป็นผู้ใหญ่ก่อนหอมแก้มอสูรสาวซึ่งเป็นภาพที่น่ารักน่าชังมาก
“เข้าใจแล้ว”
มารยายกยิ้มมุมปากและกล่าวตอบเบา ๆ เดิมทีมันถือเป็นน้ำแข็งพันปีที่มีลักษณะนิสัยเย็นชาอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสอง มันก็ยากเหลือเกินที่มันจะวางตัวเย็นชาได้
“ข้าจะไปหาท่านตาและท่านลุงของพวกเจ้าก่อน”
หลังจากกล่าวบอกกับทั้งสองและขยิบตาส่งสัญญาณให้กับเสี่ยวโร่ว มารยาก็หายตัวไปอีกครั้ง
เสี่ยวโร่วเข้าใจความหมายของมารยาเมื่อครู่และกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อแม่ของเจ้ายืนยันแล้วว่าดื่มได้ก็ดื่มเร็วเถอะ หลังจากนี้เราจะไปขอบคุณฮูหยินด้วยกัน”
แม้จะไม่สามารถช่วยอะไรด้านอื่นได้มากนัก ทว่าอย่างน้อยที่สุดพวกนางก็สามารถช่วยได้โดยการที่ไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาของฉินอวี้โม่
ทั้งฉินเทียนและฉินอี้เฟยได้รับซุปไก่จากอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเช่นกัน เนื่องจากเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว แน่นอนว่าทั้งสองไม่แตะต้องซุปที่ได้รับและสั่งให้คนนำไปเททิ้งก่อนไปพบฉินอวี้โม่ด้วยกัน
“ท่านยาย~ ขอบคุณที่ต้มซุปให้พวกเราดื่ม มันอร่อยมาก ๆ เลย~”
ภายในห้องของฉินอวี้โม่ เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่มาถึงพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วและกล่าวขอบคุณอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอม
“มิใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย พวกเจ้าเป็นหลานที่ดีของยาย ยายต้องดูแลพวกเจ้าอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเจ้าชอบมัน จากนี้ไปยายจะต้มให้พวกเจ้าดื่มทุกวันเลย”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกอดเด็กน้อยและกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ไม่จริงใจเอาเสียเลย
“ท่านแม่ มันจะไม่เหนื่อยเกินไปหรือเจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก ทว่านางก็ไม่ได้ปฏิเสธไปโดยตรง
“นั่นสิ อวิ๋นเอ๋อร์ หากไม่ทำอะไรเลย เจ้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้จะฝึกวิชาไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องเหนื่อยต้มซุปทุกวันหรอก”
เสียงของฉินเทียนดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูประคบประหงมเอาใจ
ฉินอี้เฟยก็เดินเข้ามาพร้อมบิดาเช่นกัน แม้เขาไม่กล่าวสิ่งใด สีหน้าของเขาก็แสดงถึงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“โธ่…นี่คือสิ่งที่ข้าเต็มใจทำ แค่ทุกคนชอบมัน ข้าก็มีความสุขมากแล้ว ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมากมายและทำได้เพียงต้มซุปเท่านั้น มันไม่เหนื่อยอะไรเลย อีกอย่างหลังจากนี้ข้าก็วางแผนที่ปรุงอาหารด้วยตัวเองและจะเตรียมอาหารทั้งมื้อเช้ามื้อค่ำให้กับท่าน”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นยิ้มและจับมือฉินเทียนไว้ ใบหน้าของนางแสดงถึงความสุขใจทว่าน้ำเสียงของนางก็ยืนยันหนักแน่น
นครล่าฝันแห่งนี้มีการป้องกันที่รัดกุมในทุกด้านและนางไม่มีโอกาสเริ่มต้นทำสิ่งใดตามแผนของตนได้เลย นอกจากนี้ การต้มซุปในทุก ๆ วันก็จะช่วยฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไว้ใจนางมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นางมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ต่อไป
“ถ้าเช่นนั้น…แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน”
ฉินเทียนแสร้งกล่าวด้วยสีหน้าจนปัญญาและตอบตกลงเมื่อเห็นฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้
“เอาล่ะ ตอนนี้เราอย่ารบกวนเสี่ยวโม่เอ๋อร์เลย”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่กำลังใช้เวลาเล่นอยู่กับบุตรน้อยทั้งสอง อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ถือโอกาสกล่าวเพื่อขอตัวกลับ จุดประสงค์ในตอนนี้บรรลุแล้วและนางไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ตลอดเวลา นอกจากนี้นางยังต้องไปดูสถานการณ์ทางด้านเฟยเฟยด้วยตัวเอง
ฉินอวี้โม่ไม่คัดค้านและมองดูอวี๋เสี่ยวอวิ๋นรวมถึงคนอื่นที่จากไปก่อนบอกข่าวความคืบหน้าจากหานโม่ฉือให้ฉินอี้เฟยได้ทราบ
“เมื่อโม่ฉือออกมาจากฝ่ายมาร เราก็เริ่มลงมือกันเถอะ”
ฉินอี้เฟยพยักศีรษะและบรรลุข้อตกลงกับฉินอวี้โม่ ตราบใดที่หานโม่ฉือออกจากฐานทัพของฝ่ายมารได้อย่างปลอดภัย พวกเขาก็จะถอดหน้ากากเพื่อเปิดโปงธาตุแท้ของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น และเมื่อถึงตอนนั้น คาดว่าสงครามก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน
หลังออกมาจากห้องของฉินอวี้โม่ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นและฉินเทียนก็เดินมุ่งหน้าไปสู่ห้องโถงด้วยกัน
“พี่เทียน ข้าคิดว่าหนูน้อยเฟยเฟยคงจะไม่เคยดื่มซุปไก่จากโลกภายนอกแน่ ๆ ข้าจะยกซุปไก่ไปให้นางสักหน่อย”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแสดงให้เห็นถึงความใจกว้าง
“ไปเถอะ แต่อย่าทำสิ่งใดที่จะเหนื่อยเกินไปล่ะ”
ฉินเทียนแตะมืออวี๋เสี่ยวอวิ๋นเบา ๆ และทราบดีว่านางกำลังจะลงมือทำบางอย่าง ทว่าเขาก็ไม่คิดที่จะขัดขวางแต่อย่างใด
“พี่เทียนเองก็อย่าทำงานหนักเกินไปจนลืมพักผ่อนล่ะ”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกล่าวกับฉินเทียนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลก่อนหันหลังเดินไปยังทิศทางของโรงครัว แน่นอนว่าซุปไก่ที่นางจะนำไปให้กับเฟยเฟยจะต้อง ‘พิเศษ’ กว่าถ้วยของฉินอวี้โม่และทุกคน…