ภายในห้องโถงประชุมของนครล่ฝัน ฉินอวี้โม่เรียกรวมตัวทุกคนโดยกล่าวว่ามีเรื่องที่ต้องการแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ
‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ไม่สงสัยสิ่งใดและเดินตามฉินเทียนเข้ามาในห้องโถงอย่างเรียบเฉย
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่และทุกคนดื่มซุปไก่ที่นางปรุงด้วยตัวเองมาตลอด และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฤทธิ์ของยาพิษที่ผสมลงไปในนั้นก็จะเริ่มแสดงผล เมื่อถึงตอนนั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็จะสูญเสียพลังมายาในร่างกายไปและนั่นจะเป็นเวลาลงมือของนาง
“เมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้พบท่านแม่ที่พลัดพรากจากกันมานานและเราต่างก็มีความสุขกันอย่างที่สุด”
ฉินอวี้โม่กล่าวขณะสายตามองไปที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋น
แน่นอนว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคลี่ยิ้มตอบด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
“อย่างไรก็ตาม หลังจากการสืบสวนหาความจริงของข้าในหลายวันที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหาบางอย่าง…”
หลังจากฉินอวี้โม่กล่าวต่ออีกหนึ่งประโยค สีหน้าของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็เปลี่ยนไปทันที
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไรกัน ?”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาฉินอวี้โม่ทันที สีหน้าของนางในตอนนี้แสดงออกถึงความกังวลไม่น้อย
“นี่เจ้าสงสัยในตัวตนของแม่รึ ? เจ้าคิดว่าข้ามิใช่แม่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ ?”
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นางมั่นใจว่านางรอบคอบมากพอและไม่เปิดเผยให้เห็นข้อบกพร่องใดในการแสดงของตน แม้ว่านางจะเติมบางสิ่งบางอย่างลงในไปซุปไก่ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ไม่มีทางพบมันได้ นางแสดงตัวสุภาพอ่อนโยนและจิตใจดีมาเสมอ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นจึงเชื่อมั่นว่าตัวตนที่แท้จริงของนางจะไม่ถูกเปิดเผยออกไป
“นี่หาใช่ความสงสัย หากแต่เป็นความแน่ใจต่างหาก เจ้ามิใช่แม่ของข้า !”
ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการเสียเวลาพูดจาไร้สาระและกล่าวออกไปอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าปกติ
“พี่เทียน…นี่เสี่ยวโม่เอ๋อร์กำลังหมายความว่าอะไรกัน ? ข้าคืออวี๋เสี่ยวอวิ๋น ท่านควรจะทราบดีกว่าใคร ข้าไม่รู้เลยว่าทำสิ่งใดผิดพลาดไปที่ทำให้เสี่ยวโม่เอ๋อร์นึกสงสัยในตัวข้าเช่นนี้”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หัวใจของ ‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ก็เกิดความกังวลขึ้นมา นางรีบเดินเข้าไปหาฉินเทียนและเอื้อมมือออกไปหมายจะจับมือของเขา
“อย่าแตะต้องตัวข้า !”
ฉินเทียนดึงมือออกไปทันทีและกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
“เฟยเอ๋อร์…เจ้าสงสัยในตัวแม่ด้วยหรือไม่ ?”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตีหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิมและหันไปหาฉินอี้เฟยผู้ซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดราวกับต้องการเข้าไปใกล้ทว่ายังไม่กล้าเดินเข้าไป
“นี่มิใช่ความสงสัย หากแต่เป็นความจริงที่ได้รับการยืนยันแล้ว”
ฉินอี้เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวต่อ “อีกอย่าง อย่าริอาจเรียกข้าว่าเฟยเอ๋อร์เด็ดขาด เจ้าไม่คู่ควรพอ !”
ทั้งน้ำเสียงและวาจาของเขาไม่มีความรู้สึกดีที่หลงเหลืออยู่สักนิด หากมิใช่เพราะแผนการของฉินอวี้โม่และทุกคน เขาก็คงจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นมาจนถึงตอนนี้ได้ ทุกวันนี้เขาพยายามทำตัวยุ่งวุ่นวายเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องมาพบหน้าหรือเข้าใกล้สตรีผู้นี้
“ทำไมกัน…ในเมื่อทุกคนสงสัยในตัวตนของข้าเช่นนี้ เหตุใดจึงยอมให้ข้าเข้ามาอยู่ในนครล่าฝัน ? แม้ข้าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างพวกเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าก็คิดถึงพวกเจ้าในทุกลมหายใจ หากรู้ว่าพวกเจ้าไม่เคยมีแม่อยู่ในหัวใจ…แม่ผู้นี้จะดิ้นรนพยายามอย่างหนักเพื่อตามหาทุกคนไปเพื่ออะไรกัน…”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมตีหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิมขณะมองทั้งสามด้วยแววตาเศร้าเสียใจและเอ่ยอย่างตัดพ้อ
“เฮ้ ป้าแก่เอ๋ย ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป เจ้าถูกส่งมาจากฝ่ายมารเพื่อปลอมตัวเป็นแม่ของอวี้โม่กับพี่เฟย ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้วก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดีเสียเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงต่อไป”
เยว่ชิงเฉิงกล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ทั้งที่ถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคนเช่นนี้แล้ว อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมก็ยังพยายามแสดงละครต่อไป ช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่งนัก
“ถูกต้อง ไม่ต้องเสแสร้งแสดงละครแล้วล่ะ ก่อนเจ้าจะมาที่นี่ เราทุกคนต่างก็ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าอยู่แล้ว ต่อให้พยายามเสแสร้งต่อไปก็ไม่มีใครเชื่อเจ้า นับประสาอะไรกับการเห็นใจ”
โอวหยางชิงเฟิงกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรังเกียจไม่ต่างกัน
“พวกเจ้ารู้ความจริงมานานแล้วรึ ?!”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมโพล่งออกมาและสีหน้าบิดเบี้ยวดูประหลาด หากเป็นเช่นนั้นจริง…หลายวันที่ผ่านมานี้นางก็เป็นเพียงตัวตลกต่อสายตาคนพวกนี้รึ ? ฉินอวี้โม่และทุกคนเพียงแสดงละครไปกับนางเท่านั้นและไม่เคยหลงเชื่อนางจริง ๆ
“ก็ใช่น่ะสิ” เสี่ยวโร่วพยักศีรษะและกล่าวต่อ “อีกอย่าง…ทักษะการแสดงของเจ้าก็ย่ำแย่มากจนข้ายังต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกตงิดใจ”
แม้นางจะทั้งใสซื่อและไร้เดียงสา นางก็คาดเดาได้ตั้งแต่ต้นว่าสตรีผู้นี้มิใช่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวจริง นับประสาอะไรกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่รู้ทันคนยิ่งกว่านาง ต่อให้ไม่มีข่าวล่วงหน้าจากหานโม่ฉือ เกรงว่าทุกคนในนครล่าฝันก็ไม่มีทางหลงเชื่อวาจาของ ‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ผู้นี้
“เจ้า !”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมกระวนกระวายและตวาดเสียงดังด้วยความโกรธแค้นทว่าไม่สามารถสรรหาคำพูดใดกล่าวออกไปได้
ทว่าจู่ ๆ นางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้พวกเจ้ารู้ความจริงแล้วอย่างไรกัน ? ซุปไก่ที่ข้าต้มให้พวกเจ้าดื่ม พวกเจ้าคงจะคิดไม่ถึงว่าข้าใส่บางอย่างผสมลงไป และในไม่กี่วันนี้ พวกเจ้าจะสูญเสียพลังมายาทั้งหมดในร่างและกลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น บุปผาแห่งแสงในร่างเด็กนั่น…อย่าหวังว่ามันจะพัฒนาพลังไปจนถึงระดับสูงสุดได้ ! ฮ่า ๆ ๆ”
ต่อให้ฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว พวกนางก็คงไม่คาดคิดว่านางจะวางยาพิษในซุปไก่รสอร่อยตลอดเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้ยาพิษที่นางผสมลงไปคงจะแทรกซึมเข้าถึงชั้นกระดูกของทุกคนแล้วและฤทธิ์ร้ายแรงของมันจะปรากฏในอีกไม่กี่วัน เรียกได้ว่าตอนนี้แผนการของนางสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“โง่ชะมัด คิดว่าพวกข้าที่ทราบความจริงล่วงหน้าจะไม่คิดป้องกันอะไรเลยงั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่อดกล่าวขัดจังหวะความสาแก่ใจที่เพ้อฝันของอีกฝ่ายไม่ได้ ดูเหมือนว่าคนที่ฝ่ายมารส่งมาคงจะไม่ชาญฉลาดเท่าใดนัก
“บอกตามตรง จริงอยู่ที่ว่ายาพิษที่เจ้าใส่ในซุปไก่ลึกลับมากทีเดียวและคนส่วนใหญ่คงไม่มีทางค้นพบถึงความผิดปกติได้ ทว่าน่าเสียดายที่ข้ารู้เรื่องโอสถและยาพิษมามากพอสมควร แม้ฤทธิ์ของมันจะรุนแรง แต่มันก็ไม่มีผลอะไรกับข้า พี่ใหญ่และท่านพ่อก็รับประทานโอสถที่ข้าให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เช่นกัน”
นางอธิบายกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมด้วยความเวทนา มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงจะหัวเราะอย่างเสียสติไปจนตายแน่
“นี่เจ้า…”
รอยยิ้มของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมชะงักค้างทันทีและนึกย้อนไปถึงคำเตือนที่ผู้นำฝ่ายมารเคยกำชับไว้ ‘ฉินอวี้โม่ผู้นั้นเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง จงระวังตัวและอย่าประมาทนางโดยเด็ดขาด’ ในที่สุดนางก็เข้าใจคำกล่าวนั้นอย่างแท้จริง ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่จะทราบถึงแผนการของตนมานานแล้ว
“ไม่…ซุปไก่ที่ข้าต้มให้เฟยเฟยแตกต่างจากของพวกเจ้า… มันมียาพิษที่แตกต่างกัน คงไม่มีทางที่พวกเจ้าจะพบมันได้ ?”
เมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมา อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมก็เลิกคิ้วขณะมองตรงไปที่เฟยเฟยด้วยความสงสัย
“มันแตกต่างไปจริง ๆ ทว่าน่าเสียดายที่ข้ามีร่างกายที่พิเศษและยาพิษนั่นไม่มีผลอะไรต่อข้า ในทางกลับกัน…ซุปของเจ้าก็มีรสชาติดีจริง ๆ อีกทั้งมันยังมีพลังงานอยู่มากซึ่งช่วยเร่งการเจริญเติบโตของบุปผาแห่งแสงได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะโตเต็มวัยในอีกไม่กี่วันแล้ว”
เฟยเฟยก็ยินดีอธิบายไขข้อข้องใจให้กับนางเช่นกัน นางอดรู้สึกไม่ได้ว่า ‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ ผู้นี้มีชะตากรรมที่น่าสิ้นหวังจริง ๆ
“ข้าไม่เชื่อหรอก พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามิใช่อวี๋เสี่ยวอวิ๋น ?!”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมยังคงตกตะลึงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ขณะกวาดสายตามองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พลางเอ่ยปากด้วยความสงสัย
“ป้าแก่เอ๋ย…ในตอนแรกการแสดงของเจ้าก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกและแสดงออกว่ารักคุณหนูและเป็นห่วงทุกคนอย่างแท้จริง ทว่าน่าเสียดายนัก…ลูกสาวที่พลัดพรากจากครอบครัวไปมากกว่าสิบปีจะไม่สนใจพ่อแม่ของตนเองได้อย่างไร แม้จะเอ่ยถามในตอนหลัง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว อีกอย่าง…เจ้าไม่เอ่ยถึงท่านป้าหลี่ก่วนเลยด้วยซ้ำ เกรงว่าคงเป็นเพราะเจ้าไม่รู้จักป้าหลี่ก่วนมาก่อน”
เสี่ยวโร่วก็กล่าวอธิบายถึงจุดบกพร่องในการแสดงของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอม
ฝ่ายมารสืบทราบข้อมูลมามากมายก็จริง ทว่าพวกเขาไม่ทราบเรื่องที่สำคัญอีกหลายเรื่องเช่นกัน เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจทราบมันทว่าไม่เคยบอกกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมผู้นี้ นางจึงพลาดรายละเอียดสำคัญเช่นนี้ไป
ต่อให้ไม่มีข่าวจากหานโม่ฉือ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ค้นพบจุดบกพร่องในการแสดงของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้นี้ได้อย่างง่ายดายและสามารถเปิดโปงตัวตนของนางได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าอย่างไร แผนการของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมก็ต้องล้มเหลวเพราะนางประมาทฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้มากเกินไป อีกทั้งนางก็ไม่เคยทราบเลยว่าบรรดาอสูรมายาของฉินอวี้โม่มีประสาทรับกลิ่นที่ไวเป็นพิเศษซึ่งทำให้ยาพิษของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไร้ผลโดยสิ้นเชิง
“เหอะ ต่อให้รู้ว่าข้ามิใช่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นแล้วอย่างไรกัน ? แม่ของเจ้ายังอยู่ในเงื้อมมือของพวกเราฝ่ายมาร เจ้ากล้าทำอะไรข้างั้นรึ ?”
‘อวี๋เสี่ยวอวิ๋น’ พยายามปกปิดความตื่นตระหนกบนสีหน้าแววตาและแค่นเสียงเย็นชาออกมา นางจ้องตรงไปที่ฉินอวี้โม่และกวาดสายตามองทุกคนอย่างเหยียดหยาม
“พรืดดด ! ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดว่าพวกเราไร้สมองอย่างนั้นหรือ ? หากแม่ของเข้าอยู่ในกำมือของพวกเจ้าจริง เกรงว่าฮวาเฉินคงใช้นางข่มขู่ข้าไปนานแล้ว เหตุใดจะต้องรอจนถึงตอนนี้และส่งอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมที่เบาปัญญาเช่นนี้มา ?”
ฉินอวี้โม่ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว ขุมกำลังมารร้ายที่แกร่งกล้าส่งบุคคลเช่นนี้มาปลอมตัวเป็นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้อย่างไรกัน ? นางช่าง ‘ธรรมดา’ จนเกินไป
“ในอดีตพวกเจ้าฝ่ายมารจับตัวเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไปจริง อีกไม่นานพวกข้าจะสะสางความแค้นเรื่องนี้กับพวกเจ้าแน่ ทว่าตอนนี้การที่เจ้าปลอมตัวเป็นภรรยาสุดที่รักของข้าและมาเยือนถึงนครล่าฝัน ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงอยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าใช้วิธีการใดในการปลอมตัวเป็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของข้า !”
ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชาและพุ่งตรงไปโจมตีอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมในทันที
เขาทราบมานานแล้วว่าคนผู้นี้จงใจปกปิดระดับพลังที่แท้จริงของตนเองไว้ และความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลย
“หากคิดจะจับตัวข้า มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้ามีฝีมือมากพอรึไม่ !”
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมไม่ปิดบังอีกต่อไปและพลังที่แท้จริงของนางปะทุออกมาอย่างกะทันหัน แท้จริงแล้วนางเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุด
นางพุ่งตรงเข้าหาฉินเทียนเพื่อประชันฝีมือกับเขาและแสดงให้เห็นถึงพลังที่แกร่งกล้าไม่ต่างกัน
ปัง ! พลั่ก ! โครม !
ทั้งสองปลดปล่อยการโจมตีใส่กันหลายกระบวนท่าก่อนถอยหลังออกไปเล็กน้อย ฉินเทียนจัดเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในดินแดนนี้ ทว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถจัดการกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตรงหน้าในเวลาอันสั้นได้
“วันนี้ข้าจะไม่เสียเวลาเล่นสนุกกับเจ้าหรอก ไว้พบกันใหม่ในสงครามชี้ชะตา !”
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยนัก อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมก็วางแผนที่จะหลบหนีไปจากที่นี่ จากนั้นนางก็ถือโอกาสนี้พุ่งตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
โครม !
ทว่าร่างของนางก็กระแทกเข้ากับม่านพลังที่แกร่งกล้าอย่างจังและกระเด็นถอยหลังกลับมาก่อนร่วงลงพื้นอย่างน่าเวทนา
“จิ๊จิ๊ ในเมื่อเจ้ามาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่แล้ว เป็นไปได้อย่างไรกันที่พวกเราจะปล่อยให้เจ้าหลบหนีไปง่าย ๆ ?!”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ นางเตรียมม่านป้องกันไว้ตั้งแต่ต้นแล้วและไม่มีทางที่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมจะหนีรอดออกไป
“ข้าประมาทพวกเจ้าเกินไปจริง ๆ แต่เจ้าคิดรึว่าเจ้าชนะแล้ว ?”
ในตอนนี้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมดูไม่ตื่นตระหนกใด ๆ ทว่าในขณะที่ทุกคนไม่ทันระวัง นางก็พุ่งตรงไปหาเด็กแฝดชายหญิงอย่างรวดเร็วโดยมีจุดประสงค์ที่จะจับตัวทั้งสองไว้เพื่อที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะได้ทำอะไรแบบห่วงหน้าพะวงหลังและนางก็จะชิงจังหวะหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย
“ถือว่าเป็นแผนการที่ดี…แต่คิดหรือว่าข้าจะให้โอกาสนั้นกับเจ้า !”
เมื่อร่างของนางพุ่งออกไป ร่างของฉินอวี้โม่ก็กะพริบปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเด็กน้อยทั้งสองพร้อมยกฝ่ามือฟาดอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมจนลอยกระเด็นออกไป
“ออกมา !”
ด้วยเสียงกล่าวเบา ๆ คฤหาสน์เฟิงหัวก็ปรากฏขึ้นและดูดกลืนอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเข้าไปข้างในทันที
“พวกเจ้า…ช่วยต้อนรับแขกให้เป็นอย่างดีด้วย อย่าให้ข้าเสียชื่อเด็ดขาด !”
นางออกคำสั่งกับอสูรมายาทั้งหลายในคฤหาสน์เฟิงหัวและได้ยินเสียงตอบรับอย่างมีความสุขของเหล่าอสูร
ภายในเวลาเพียงไม่นาน อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมก็ได้รับ ‘การต้อนรับ’ เป็นอย่างดีจนมีสภาพไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปและถูกมารยานำตัวออกมา
ตอนนี้นางก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมและดูเหมือนหญิงชราที่มีอายุมากกว่าหกสิบปี
“แม่เจ้า ! ที่แท้ก็เป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว รู้สึกแสบร้อนปวดตาจริง ๆ !”
เสียงร้องอุทานของเสี่ยวอ้ายโม่ดังขึ้นมาจนทำให้ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้