ในเวลานี้ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมนอนอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก ใบหน้าที่แท้จริงของนางถูกเปิดเผยออกมาแล้วซึ่งเป็นรูปลักษณ์ของหญิงชราที่ดูมีอายุมากกว่าหกสิบปี
เมื่อครู่นี้นางได้รับ ‘การต้อนรับ’ จากเหล่าอสูรของฉินอวี้โม่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นอย่างดีจนบาดเจ็บสาหัสพอสมควรและไม่สามารถไหลเวียนพลังความมืดในร่างกายได้ตามปกติ
“ฉินอวี้โม่ หากคิดว่าจะฆ่าข้าได้ก็เชิญเลย !”
สตรีชราเงยหน้าขึ้นมองฉินอวี้โม่และทุกคนอย่างเย็นชาขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สาเหตุที่นางปลอมตัวเป็นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นได้อย่างแนบเนียนเป็นเพราะนางใช้โอสถบางอย่างและใช้พลังส่วนหนึ่งจากบุปผาแห่งความมืด ตอนนี้เมื่อฤทธิ์ของโอสถนั้นถูกลบล้างไปแล้วและพลังของบุปผาแห่งความมืดสลายหายไป นางจึงกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของตน
เสียงของนางไม่น่าฟังนักและมีความแหบพร่าในแบบของคนชราซึ่งฟังดูขัดหูอย่างที่สุด
“เราไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่าเจ้า ทว่าเหตุใดเราไม่ลองมาคาดเดาถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้ากันก่อนล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่เดินตรงเข้าไปหาสตรีชราและยิ้มอย่างเยือกเย็น
“กล่าวกันว่าผู้อาวุโสเจ็ดของฝ่ายมารเป็นสตรีที่แข็งแกร่งมากซึ่งชำนาญด้านวิชาการปลอมตัวและละเอียดรอบคอบในทุกด้าน หากฝ่ายมารต้องการจะส่งใครมา มันก็ควรจะเป็นผู้อาวุโสเจ็ดคนนั้น—คุณยายฮวา”
ผู้อาวุโสเจ็ดของฝ่ายมารเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘คุณยายฮวา’ นางเกิดมาพร้อมกับใบหน้าที่เหี่ยวย่นราวกับคนชรา ทว่ากลับมีพรสวรรค์และพลังที่แข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง เมื่อพันปีก่อน ฉินอวี้โม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนางมาบ้างแล้ว ทว่าในสงครามครานั้น คุณยายฮวาผู้นี้กลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมา นางก็มั่นใจว่าสตรีชราตรงหน้านี้จะต้องเป็นคุณยายฮวาอย่างแน่นอน
“ถือว่าเจ้ารอบรู้ทีเดียว คู่ควรกับการเป็นคนที่เอาชนะท่านผู้นำของเราเมื่อพันปีก่อนจริง ๆ !”
คุณยายฮวาไม่ปฏิเสธขณะพยายามลุกขึ้นยืนและมองฉินอวี้โม่พร้อมกล่าวอย่างจริงจัง
ต้องกล่าวเลยว่าแม้เป็นศัตรูต่อกัน คุณยายฮวาก็รู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่ผู้นี้มากพอสมควร ไม่ว่าด้านพลังความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมหรือรูปลักษณ์งดงามของนางก็ล้วนจัดอยู่ในระดับสูงสุดของดินแดน กอปรกับปัญญาอันชาญฉลาดหลักแหลม ต้องยอมรับว่านางเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากเป็นที่สุด
เมื่อพิจารณาในตอนนี้ มันก็ไม่แปลกเลยที่ผู้นำฝ่ายมารจะเพลี่ยงพล้ำต่อชิงเหอเมื่อพันปีก่อน
“การที่ผู้อาวุโสเจ็ดผู้ทรงเกียรติปลอมตัวเป็นมารดาของข้าและมาที่นี่ด้วยตัวเองเช่นนี้ถือเป็นเกียรติของนครล่าฝันของเราจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่แสยะยิ้มอีกครั้ง แม้คาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าคนที่ฝ่ายมารส่งมาจะต้องมีสถานะสูงพอสมควร นางก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นบุคคลที่สำคัญเช่นนี้
“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ในเมื่อพ่ายแพ้แล้ว ข้าก็ยอมรับ ข้ายอมรับว่าข้าด้อยกว่าเจ้าจริง ๆ”
คุณยายฮวาหัวเราะเบา ๆ ในตอนนี้นางไม่มีความทะนงตนเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ในทางกลับกัน นางดูเหมือนหญิงชราธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่สงบนิ่งและใจเย็น
“หากข้าเดาไม่ผิด หานโม่ฉือคงไม่ได้เก็บตัวฝึกวิชาอยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวสินะ…ทว่าอยู่ในฐานทัพของฝ่ายมาร”
ในตอนนี้สมองของนางกำลังคิดคำนวณอย่างรวดเร็วและพยายามไตร่ตรองหลายสิ่งหลายอย่างให้ละเอียดกว่าก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่กล่าวว่าหานโม่ฉือเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว ทว่าตอนนี้คุณยายฮวาเชื่อว่ามันเป็นเพียงเรื่องโกหก ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ การที่เขาจะพัฒนาพลังต่อไปถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนเทพมายาก็มีข้อจำกัดของระดับพลัง เว้นแต่ว่าจะเดินทางไปยังดินแดนในระดับที่สูงขึ้น ทั้งฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะไม่สามารถทะลวงพลังได้อีก
หากหานโม่ฉืออยู่ในฐานทัพของขุมกำลังมารร้ายจริง การที่นางจะถูกเปิดโปงล่วงหน้าก็เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล เกรงว่าหานโม่ฉือคงจะส่งข่าวมาที่นี่ก่อนนางมาถึงด้วยซ้ำ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จึงได้เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ต้นและในหลายวันที่ผ่านมานี้ นางจึงกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุก ๆ คน
“ถูกต้อง โม่ฉือแอบลักลอบเข้าไปในฐานทัพของฝ่ายมารจริง ส่วนแผนการของฝ่ายมารที่จะส่งคนปลอมตัวเป็นมารดาของข้า เขาก็เป็นคนที่บอกข่าวเรื่องนี้กับเราล่วงหน้า”
ฉินอวี้โม่ไม่คิดปฏิเสธและยืนยันข้อสงสัยของคุณยายฮวาทันที
“โอ้ ช่างเป็นบุรุษที่กล้าหาญยิ่งนัก ทว่าหลังจากที่เข้าไปในฐานทัพของฝ่ายมาร มันก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหนีออกไปได้”
คุณยายฮวาหัวเราะเบา ๆ ทว่าเมื่อไตร่ตรองถึงบางอย่างได้ นางก็เงยหน้ามองฉินอวี้โม่อีกครั้งและสีหน้าของนางก็บิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่สิ หานโม่ฉือคงจะออกมาแล้ว พวกเจ้าจึงเปิดโปงตัวตนของข้าเช่นนี้ การแสดงทั้งหมดของพวกเจ้าก่อนหน้านี้ก็เพื่อทำให้ข้าคลายใจและไม่ระวังตัว รวมถึงเพื่อให้หานโม่ฉือที่อยู่ในฐานทัพของฝ่ายมารปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสเจ็ดของขุมกำลังมารร้าย แน่นอนว่าคุณยายฮวาก็มีสติปัญญาที่ชาญฉลาดในระดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้นางเพียงประมาทเกินไปจริง ๆ ทว่าตอนนี้นางเริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นแล้ว
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เสแสร้งทำเป็นเชื่อนางและแสดงบทบาทของครอบครัวที่แสนสุขเพียงเพื่อถ่วงเวลาให้กับหานโม่ฉือ ตอนนี้ในเมื่อทุกคนฉีกหน้านางอย่างไม่ปรานีเช่นนี้ เกรงว่าเป็นเพราะหานโม่ฉือสืบข่าวมาได้มากพอและออกมาจากที่นั่นได้สำเร็จแล้ว
“เหอะ หากก่อนหน้านี้เจ้าไม่ประมาทเกินไป เจ้าก็อาจค้นพบจุดบกพร่องและพิรุธบางอย่าง ทว่าน่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและไม่ได้ดูถูกดูแคลนคุณยายฮวาผู้นี้เหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป หากมิใช่เพราะพวกนางเตรียมตัวไว้ก่อน เกรงว่าอาจพลาดท่าให้กับแผนการของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้
“มันสายเกินไปแล้วก็จริง ทว่าต่อให้พวกเจ้าจะจับตัวข้ามาได้ มันก็เปล่าประโยชน์ ข้าไม่รู้ว่าท่านผู้นำเก็บบุปผาแห่งความมืดไว้ที่ใดและไม่รู้ถึงความลับอื่น ๆ ของฝ่ายมาร นอกจากท่านผู้นำและผู้อาวุโสใหญ่ ไม่มีใครอื่นที่รู้เรื่องสำคัญเหล่านั้น”
คุณยายฮวากล่าวด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายลง เวลาผ่านมานานนับพันปีและนางก็แก่มากแล้ว ตอนนี้เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของฉินอวี้โม่ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนางก็ไม่สนใจ ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานาน นางเองก็เหนื่อยมามากแล้วและเดิมทีหลังจากที่เสร็จเรื่องนี้ นางก็วางแผนที่จะออกไปเก็บตัวฝึกวิชาเพียงลำพังในที่ใดสักแห่ง แต่ตอนนี้เกรงว่านางคงจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีกต่อไป
“เหอะ เจ้าแก่ฮวาเฉินนั่นระวังตัวและยังหวาดระแวงทุกอย่างไม่เปลี่ยน!”
ฉินอวี้โม่เย้ยหยัน นางน่าจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้นานแล้ว ฮวาเฉินเป็นคนขี้ระแวงมาแต่ไหนแต่ไร หากมิใช่คนที่เขาไว้ใจอย่างที่สุดก็ไม่มีผู้ใดที่ทราบได้ว่าบุปผาแห่งความมืดอยู่ที่ใด แม้แต่คุณยายฮวาที่เป็นถึงผู้อาวุโสเจ็ดก็ไม่อาจทราบถึงสถานการณ์ความคืบหน้าของบุปผาแห่งความมืด
“คุณยายฮวา เหตุใดเจ้าจึงหายตัวไปในสงครามเมื่อพันปีก่อน?”
ฉินอวี้โม่มองไปตรงที่หญิงชราตรงหน้าและเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น ทว่ายังมีผู้อาวุโสอีกสี่ถึงห้าคนที่ไม่ปรากฏตัวในสงครามครานั้น และฉินอวี้โม่ก็สงสัยว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับไพ่ตายบางอย่างของฝ่ายมาร
“คิดว่าข้าจะบอกเจ้างั้นรึ?”
คุณยายฮวาตอบกลับไปเช่นนี้ ทว่าสำหรับการที่นางไม่ปรากฏตัวในการต่อสู้เมื่อพันปีก่อน แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่สำคัญบางอย่างจริงๆ
“ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยว่าฝ่ายมารไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก และดินแดนเทพมายาก็ไม่ได้ถูกโค่นล้มอย่างง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด”
หลังจากกล่าวจบ นางก็หลับตาลงและไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ ราวกับว่านางปล่อยวางทุกอย่างแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่ ฉินเทียนและทุกคนก็มองหน้ากัน
“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก่อน”
ฉินอวี้โม่โบกมือและส่งคุณยายฮวาเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้ง ร่างของนางในตอนนี้ถูกพันธนาการไว้และไม่สามารถใช้พลังมายาได้แม้แต่เสี้ยวเดียว ในเวลานี้นางกลายเป็นเพียงคนชราที่ไร้พลังเท่านั้น
“มารยา จับตาดูนางไว้ เมื่อโม่ฉือกลับมา เราอาจจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์”
แม้ว่าคุณยายฮวาไม่ต้องการเปิดเผยความจริงออกมา ทว่านั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือยังมีวิธีการพิเศษบางอย่างที่สามารถสำรวจความทรงจำของผู้อื่นได้ เมื่อถึงตอนนั้น นางจะให้เขาลองดูว่าจะสามารถดึงความทรงจำที่เป็นประโยชน์ออกมาจากจิตสำนึกของคุณยายฮวาได้หรือไม่
“รับทราบเจ้าค่ะ”
มารยาจับคุณยายฮวาเข้าไปในห้องปิดตายห้องหนึ่งเพื่อมิให้นางก่อความวุ่นวายใด ๆ ได้
“ท่านพ่อ การเตรียมตัวของทุกคนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ?”
หลังจากจัดการกับเรื่องคุณยายฮวาจนเสร็จสิ้น ฉินอวี้โม่ก็หันไปถามบิดาเกี่ยวกับการเตรียมการอื่น ๆ
ก่อนสงครามใกล้เข้ามา นางก็ได้มอบหมายให้ฉินเทียนและคนอื่น ๆ จัดเตรียมบางอย่างซึ่งพวกเขาก็ดำเนินการอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา และในตอนนี้ทุกอย่างก็น่าจะใกล้เรียบร้อยแล้ว
“เกือบที่จะพร้อมแล้วล่ะ ในตอนนี้ทุก ๆ คนก็ปรับสภาวะพลังของตนเองให้อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ในสงครามที่จะมาถึง พวกเขาจะสามารถแสดงศักยภาพทั้งหมดที่ตนเองมีได้อย่างแน่นอน”
พลังของฉินเทียนเองก็บรรลุขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดแล้วและไม่สามารถแข็งแกร่งมากขึ้นได้อีกในช่วงระยะสั้น ๆ นี้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาก็ได้ช่วยชี้แนะเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ในการฝึกวิชาซึ่งทุกฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์กลับมาอย่างมาก แม้เยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ จะไม่สามารถทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตนภาเซียนได้ ทว่าพวกนางก็ยังมีพลังในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุด เมื่อรวมเข้ากับอสูรพันธสัญญาที่ทรงพลังและอาวุธวิญญาณที่แกร่งกล้า พวกนางก็มีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์นภาเซียนได้อย่างไม่เสียเปรียบ
ความแข็งแกร่งของคนอื่น ๆ ก็บรรลุขอบเขตสูงสุดของพวกเขาในตอนนี้แล้วและจะไม่มีการทะลวงพลังเกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ นี้ กล่าวได้ว่าตอนนี้นครล่าฝันพร้อมสำหรับการทำสงครามแล้ว
“คนจากขุมกำลังอื่นก็พัฒนาความแข็งแกร่งจนถึงระดับสูงสุดแล้วเช่นกัน เพียงแต่บรรดาผู้นำของขุมกำลังพันธมิตรต่าง ๆ ก็ยังเก็บตัวฝึกวิชากันอยู่และส่งข่าวมาว่าพวกเขาจะออกมาก็ต่อเมื่อถึงวันก่อนสงคราม”
เสี่ยวโร่วกล่าวถึงข้อมูลในฝ่ายของตน การติดต่อกับขุมกำลังอื่นเป็นหน้าที่ของนางและฉินอี้เฟย ตอนนี้ขุมกำลังพันธมิตรอื่น ๆ มีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่พร้อมแล้ว มีเพียงผู้นำขุมกำลังหลายคนที่ยังเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ด้วยหวังว่าพลังอำนาจของพวกเขาจะเสถียรคงที่มากที่สุดเมื่อถึงเวลาของสงคราม
“เอาล่ะ ทุกคนจับตาดูสถานการณ์ในช่วงนี้ให้ดีล่ะ คุณยายฮวาอยู่ในมือของเราแล้ว เกรงว่าคนของฝ่ายมารไม่มีทางอยู่เฉยแน่ ชิงเฟิง..เจ้าและฉีอวี้รวบรวมคนจัดเวรตรวจตราความเรียบร้อยที่หน้าประตูนครตลอดเวลาเพื่อป้องกันมิให้คนนอกแอบลักลอบเข้ามาได้”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนเตรียมการหลาย ๆ ด้าน ร่างของคุณยายฮวามีร่องรอยของพลังจากบุปผาแห่งความมืดซึ่งถูกมารยาและอสูรอื่นขจัดจนสลายไป เชื่อว่าคนของฝ่ายมารน่าจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้อาวุโสเจ็ดของฝ่ายมาร สถานะของนางก็ชัดเจนอยู่แล้ว ฮวาเฉินจะต้องหาทางส่งคนมาตรวจดูสถานการณ์และหาทางช่วยคุณยายฮวาอย่างแน่นอน
“เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
โอวหยางชิงเฟิงและคนอื่น ๆ รับคำด้วยความจริงจังทันที จากนั้นฉินอวี้โม่ก็จัดการสิ่งต่าง ๆ เพิ่มอีกเล็กน้อยก่อนมุ่งหน้าออกจากนครล่าฝันเพื่อไปรับตัวหานโม่ฉือ
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาได้ถูกต้องว่าฝ่ายมารจะต้องทราบข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผู้อาวุโสเจ็ด เจ้าแก่ไร้ประโยชน์นั่น เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็จัดการไม่สำเร็จ !”
ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง สีหน้าของฮวาเฉินแสดงถึงความโมโหเกรี้ยวโกรธอย่างชัดเจน และตรงหน้าของเขาก็มีบุปผาแห่งความมืดที่มีขนาดเท่ากับตัวมนุษย์ตั้งอยู่ รอบ ๆ บุปผาดังกล่าวเต็มไปด้วยพลังความมืดที่ไร้ที่สุดสิ้นซึ่งหมักหมมรวมกันจนเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างที่สุด
“ท่านผู้นำขอรับ ข้าคิดว่ามิใช่เรื่องแปลกที่ผู้อาวุโสเจ็ดจะทำภารกิจไม่สำเร็จ ฉินอวี้โม่ผู้นั้นรับมือได้ยากจนเกินไป เป็นธรรมดาที่นางจะมองทะลุได้ถึงแผนการของเรา”
ผู้อาวุโสใหญ่ของฝ่ายมารยืนอยู่ข้างหลังฮวาเฉินและกล่าวแก้ต่างให้กับคุณยายฮวา
พวกเขาทุกคนล้วนทราบถึงความเก่งกาจและยากเกินรับมือของฉินอวี้โม่ เมื่อคุณยายฮวาไปที่นั่น นางก็เตรียมใจที่จะกลับมาพร้อมกับความล้มเหลวแล้ว เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่และพวกไม่เพียงแต่มองเห็นแผนการนี้จนทะลุปรุโปร่งเท่านั้น ทว่าผู้อาวุโสเจ็ดก็ยังตกไปอยู่ในกำมือของคนเหล่านั้นเช่นกัน
“ส่งคนเข้าไปสำรวจดูสถานการณ์ที่นั่นและดูว่ามีโอกาสช่วยนางได้รึไม่ หากไม่มีก็หาทางกำจัดนางซะ !”
ฮวาเฉินออกคำสั่งทันทีและไม่มีความปรานีเลยสักนิด แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นผู้อาวุโสเจ็ดของฝ่ายมารก็ตาม