ภายในภัตตาคารใหญ่แห่งนี้ การสาดวาจาใส่กันอย่างไม่ยอมอ่อนข้อของเถียนเยี่ยนจือและเหมียวเจินเจินเริ่มดึงดูดความสนใจของลูกค้าหลายคนแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมาจากตระกูลใหญ่ในเมืองเทียนยิน คนส่วนใหญ่เหล่านั้นจึงทำได้เพียงรับชมเหตุการณ์จากระยะห่างออกไปและไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว นับประสาอะไรกับการพยายามห้ามปรามเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
“เถียนเยี่ยนจือ เจ้าตาบอดรึไง ? หากพี่หานของข้าเป็นหมาแมวละก็ ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ชายของเจ้าก็ต่ำต้อยยิ่งกว่าหมาแมวเสียอีก !”
ในการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เหมียวเจินเจินมักจะยอมนิ่งเฉย ทว่าครานี้นางไม่มีทางปล่อยให้เถียนเยี่ยนจือวางท่าโอหังได้แน่จึงกล่าววาจาตอบโต้อย่างเยาะเย้ยถากถาง
ทว่าสิ่งที่นางกล่าวออกไปเป็นความจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยง หานโม่ฉือผู้นี้เหนือชั้นยิ่งกว่าบุรุษคนอื่น ๆ มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเขา บรรดาคุณชายตระกูลเถียนล้วนดูน่าเกลียดและไร้เสน่ห์ไปโดยปริยาย
“คุณชายผู้นี้มีนามว่าอะไรรึ ?”
เถียนเยี่ยนจือเรียกสติกลับคืนมาและเผยรอยยิ้มหวานดูสมบูรณ์แบบก่อนกล่าวเสียงอ่อนหวานราวกับไม่ได้ยินวาจาดูหมิ่นของเหมียวเจินเจินเมื่อครู่
นางมองหานโม่ฉือตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตาแม้เพียงเสี้ยวอึดใจ แววตาของคุณหนูตระกูลเถียนในตอนนี้เป็นประกายด้วยความปรารถนาและพวงแก้มระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
นี่คือบุรุษที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยพบเห็นมาในชีวิตนี้และเหนือชั้นยิ่งกว่าบุรุษที่กล่าวกันว่ารูปงามที่สุดในเมืองเทียนยินนับร้อยเท่า บุรุษทั้งหมดในตระกูลเถียนของนางก็ยิ่งเทียบไม่ติดฝุ่นเลยสักนิด บุรุษหนุ่มผู้นี้…หากได้แนบชิดอยู่เคียงข้างกาย ต่อให้ตนต้องแลกด้วยชีวิต เถียนเยี่ยนจือก็ยินดี
หานโม่ฉือขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่คิดที่จะชายตามองเถียนเยี่ยนจือแม้แต่หางตา
“เถียนเยี่ยนจือ สายตาของเจ้าคืออะไรกัน ? เจ้าไม่มีสิทธิ์คิดหมายปองพี่หานของข้า รูปลักษณ์ของท่านพี่สะใภ้งดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์มาจุติ คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเช็ดรองเท้าให้พี่หานด้วยซ้ำ !”
เหมียวเจินเจินเข้าใจความคิดของคุณหนูตระกูลเถียนได้ในทันที คราแรกที่พบหน้าหานโม่ฉือ ตัวนางเองก็มีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม นางไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้ต่อผู้ใดและกล่าววาจาเย้ยหยันเถียนเยี่ยนจืออย่างไม่สะทกสะท้าน
“น้องเหมียว พี่ทราบดีว่าก่อนหน้านี้เรามีเรื่องเข้าใจผิดกันมากนัก พี่ก็ผิดไปจริง ๆ อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะ”
เถียนเยี่ยนจือไม่มีสีหน้าโกรธเคืองแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังหัวเราะเบา ๆ อย่างมีความสุขขณะเดินตรงเข้าไปหาเหมียวเจินเจินและหมายจะจับมืออีกฝ่าย
“เถียนเยี่ยนจือ นี่เจ้ากำลังจะทำอะไรกัน ? ข้าไม่มีพี่อย่างเจ้า !”
เหมียวเจินเจินรู้สึกสะอิดสะเอียนกับท่าทางที่เปลี่ยนไปและปัดมือที่เถียนเยี่ยนจือยื่นมาด้วยสีหน้ารังเกียจ
“น้องเหมียวอย่าพูดจาเช่นนั้นเลย ตระกูลเถียนและตระกูลเหมียวของเราทั้งคู่ล้วนเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองนี้ แม้จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้าง มันก็ไม่น่าจะส่งผลต่อความปรองดองเป็นมิตรของเรา เรื่องก่อน ๆ ทั้งหมดที่ผ่านมา พี่เป็นฝ่ายผิดเองและอยากจะขอโทษเจ้า…ในอนาคตข้างหน้า พี่ให้สัญญาว่าจะไม่กวนใจเจ้าอีก เราจะอยู่อย่างสงบสุขและเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน เจ้าว่าดีรึไม่ ?”
เถียนเยี่ยนจือยังคงไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจและมีความอดทนใจเย็นอย่างมาก ทว่าแม้กล่าวกับเหมียวเจินเจินอยู่ สายตาของนางก็ยังจับจ้องไปที่หานโม่ฉืออย่างไม่วางตา
“แหวะ !”
เหมียวเจินเจินถอยหลังและทำท่าทางอาเจียนก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน “เถียนเยี่ยนจือ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้รึว่าเจ้ากำลังพยายามทำสิ่งใด เจ้าอยากจะแกล้งตีสนิทข้าเพื่อสืบเรื่องพี่หานและหาทางยั่วยวนเขาล่ะสิ เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเด็ดขาด !”
แม้เหมียวเจินเจินยังเยาว์วัย นางก็มิใช่คนโง่เขลาและคาดเดาแผนการของอีกฝ่ายได้ทันที นางจึงกล่าววาจาตอบโต้อย่างไม่ไว้หน้า
“เหอะ แล้วอย่างไร ? ด้วยเกียรติและชื่อเสียงในฐานะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเถียน ข้าจะไม่คู่ควรกับเขาได้อย่างไร ? ยิ่งไปกว่านั้น หากตระกูลเหมียวของเจ้าและตระกูลเถียนของข้าสานสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน เราทั้งสองตระกูลก็ไม่ต้องขัดแย้งกันอีกและความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้น ทั้งเมืองเทียนยินแห่งนี้ก็จะตกอยู่ในอำนาจของเรา ! ต่อให้พี่หานของเจ้ามีภรรยาแล้ว ข้าก็ไม่รังเกียจ เป็นเรื่องธรรมดาที่บุรุษจะมีสามภรรยาสี่นางสนม และข้าก็ไม่ขัดข้องกับการเป็นภรรยาน้อยของเขา”
เถียนเยี่ยนจือไม่ปฏิเสธและแค่นเสียงเบา ๆ ก่อนกล่าวยอมรับอย่างหนักแน่น สายตาของนางมองไปที่เหมียวเจินเจินเพียงชั่วขณะก่อนหันกลับไปที่หานโม่ฉืออีกครั้งเพื่อแสดงความรู้สึกในใจ
น่าเสียดายที่หานโม่ฉือเมินเฉยต่อนางโดยสมบูรณ์และไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ
“เถียนเยี่ยนจือ เจ้านี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ !”
เหมียวเจินเจินถึงกับหมดคำพูดเมื่อได้ยินวาจาของเถียนเยี่ยนจือ ไม่คิดเลยว่าคุณหนูตระกูลเถียนจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ คุณหนูผู้ทรงเกียรติของตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเถียนกล้ายอมรับอย่างเปิดเผยว่าต้องการบุรุษที่มีภรรยาแล้วมาครอบครองได้อย่างไม่อายเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เถียนเยี่ยนจือเป็นสตรีที่ทะนงตนมากมิใช่รึ ?
“น้องเอ๋ย…”
บุรุษหนุ่มตระกูลเถียนคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย ทว่าเขาและคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้ากล่าวความคิดในใจออกมา น้องสาวของพวกเขาคนนี้เป็นสตรีรุ่นใหม่เพียงคนเดียวของตระกูลและยังมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมพอสมควร เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าบิดามารดาหรือผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็รักและเอาใจนางเสมอ เมื่อเปรียบเทียบกัน เรียกได้ว่าพี่ชายอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงในตระกูลเถียนด้วยซ้ำ
“เหอะ เหมียวเจินเจิน ไม่ว่าเจ้าจะคิดอย่างไร บุรุษรูปงามผู้นี้ก็ต้องเป็นของข้า !”
เถียนเยี่ยนจือหันกลับไปจ้องหน้าบรรดาพี่ชายตาเขม็งก่อนที่สายตาจะกลับไปหยุดลงที่หานโม่ฉืออีกครั้ง
บุรุษหนุ่มที่เพียบพร้อมเช่นนี้ หากพลาดโอกาสนี้ไป นางก็ไม่ทราบเลยว่าตนเองจะได้พบใครอื่นที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์แบบเหมือนเขาอีกหรือไม่
เหมียวเจินเจินพยายามสรรหาคำพูดตอบโต้ทว่าเมื่อกำลังจะเอ่ยปาก นางก็เห็นหานโม่ฉือยืนขึ้นอย่างช้า ๆ
“เจ้าถามความเห็นของข้าแล้วรึ ?”
เขาชำเลืองมองเถียนเยี่ยนจืออย่างเยือกเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
“คุณชายยินดีหรือไม่ ? ตราบใดที่คุณชายตอบรับข้า ตระกูลเถียนของเราจะต้อนรับคุณชายเป็นอย่างดี และไม่ต้องห่วง…ท่านพ่อท่านแม่จะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของข้า”
เถียนเยี่ยนจือไม่ได้รับรู้ถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ในน้ำเสียงของหานโม่ฉือแม้แต่น้อยและกล่าวออกไปอย่างจริงใจ เพื่อหานโม่ฉือผู้นี้ นางยอมแม้กระทั่งยกทั้งตระกูลเถียนมาโน้มน้าวใจเขา
“ไสหัวไปซะ !”
หานโม่ฉือเพียงกล่าววาจาสั้น ๆ อย่างไม่ไว้หน้าซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนของตนอย่างชัดเจน
“อย่าโอหังให้มันมากไปนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีบุรุษมากมายเพียงใดที่ต้องการเป็นเขยของตระกูลเถียนของเรา ทว่าคนเหล่านั้นถูกน้องสาวของข้าปฏิเสธไปจนหมด แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครมาจากที่ใดและไม่เคยเห็นหน้าเจ้าในตระกูลเหมียวมาก่อน แต่เจ้าก็คงจะเป็นเพียงศิษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เพียงแค่น้องสาวของข้าแสดงความสนใจต่อเจ้าก็เป็นบุญของเจ้ามากแล้ว”
เถียนเหล่ย—คุณชายใหญ่ของตระกูลเถียนอดกล่าวออกไปไม่ได้ ทว่าน้ำเสียงของเขาเจือด้วยความริษยาเล็ก ๆ ที่แทบไม่อาจสังเกตเห็น
ไม่ต้องกล่าวเลยว่าสถานะของเถียนเยี่ยนจือสำคัญเพียงใดในตระกูลเถียน หากถามบิดามารดาของพวกเขา ทั้งสองไม่มีทางปฏิเสธที่จะแต่งตั้งให้เถียนเยี่ยนจือเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหนุ่มหน้าหล่อนี่มีโอกาสที่จะครอบครองอำนาจของตระกูลเถียนไปอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดว่าหานโม่ฉือจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่เขาและน้องชายคนอื่น ๆ พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มาทั้งชีวิต ทว่าหานโม่ฉือผู้นี้กลับแสดงทีท่ารังเกียจมันอย่างที่สุดซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทำใจรับได้ !
“หุบปาก !”
เถียนเยี่ยนจือตวัดสายตามองเถียนเหล่ยตาเขม็งราวกับกังวลว่าเขาจะทำสิ่งใดที่รุนแรงเกินไปจนทำให้หานโม่ฉือตกใจกลัว
“คุณชายหาน พี่ใหญ่ของข้ามักมีอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ อย่าถือสาเขาเลย ข้าไม่รังเกียจที่คุณชายมีครอบครัวแล้วและข้าก็ไม่สนใจสักนิด ไม่ต้องกังวล…ข้าจะผูกมิตรกับพี่สาวผู้นั้นและไม่สร้างปัญหากวนใจนาง และหลังจากเราแต่งงานกัน ข้าจะเชื่อฟังคุณชายทุกอย่างและไม่คัดค้านให้หงุดหงิดใจเลย”
สายตาหวานหยดของนางเหลือบมองหานโม่ฉือเล็กน้อยและนั่นก็ทำให้นางแสดงอาการเขินอายทันที มุมปากของนางยกเป็นรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดราวกับกำลังเพ้อฝันถึงวันนั้น
“แม่เจ้า ! เถียนเยี่ยนจือ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะหน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ !”
เหมียวเจินเจินอดกลอกตาให้กับการกระทำของอีกฝ่ายไม่ได้ เถียนเยี่ยนจือผู้นี้ถูกผีสางเข้าสิงหรืออย่างไรกัน ? สตรีผู้นี้ใช่คุณหนูตระกูลเถียนคนเดิมที่เคยประจันหน้ากับนางหลายคราและปฏิเสธบุรุษทุกคนที่เข้ามาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ?
“หนวกหู !”
หานโม่ฉือขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมและรู้สึกสะอิดสะเอียนในหัวใจ
“รีบไสหัวออกไปซะ มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน !”
แม้เถียนเยี่ยนจือจะทำให้เขารู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด ทว่านางก็ยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่หนักหนาจนเกินไป หานโม่ฉือจึงยังไม่ต้องการลงมือและสร้างปัญหาให้กับตระกูลเหมียว
เขาเพียงกวาดสายตามองคนตระกูลเถียนอย่างเย็นชาเจือข่มขู่และแผ่แรงกดดันออกไป
“น้องเอ๋ย เรากลับกันก่อนเถอะ”
เดิมทีบรรดาคนตระกูลเถียนคิดว่าหานโม่ฉือเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วคนผู้นี้จะมีพลังถึงขอบเขตราชาเซียน ต่อให้ฝ่ายของพวกเขามีมากกว่า ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็อยู่ในขอบเขตราชาเซียนครึ่งก้าวเป็นอย่างมากเท่านั้นและนั่นหมายถึงช่องว่างระหว่างพลังอีกมาก แม้พวกเขาจะมีความได้เปรียบด้านจำนวน ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหานโม่ฉือ พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปโดยปริยาย
พลังและทัศนคติของหานโม่ฉือทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันเป็นอย่างมาก
“หากพวกท่านอยากไปก็ไปก่อนเถอะ !”
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือทำให้เถียนเยี่ยนจือหลงใหลในตัวเขายิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเท่านั้นที่โดดเด่น ทว่ายังมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แล้วนางจะหาบุรุษที่เพียบพร้อมรอบด้านเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก ? ไม่เพียงแต่ทุกคนในเมืองเทียนยินจะเทียบชั้นกับเขาไม่ได้เท่านั้น ทว่าแม้กระทั่งทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ก็คงมีเพียงน้อยคนที่จะเทียบกับเขาได้
มีเพียงบุรุษหนุ่มที่มีคุณสมบัติสมบูรณ์แบบเช่นนี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับคุณหนูตระกูลเถียนอย่างนาง เถียนเยี่ยนจือจึงมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นว่าตนจะต้องได้เขามาครอบครองให้จงได้…ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
“คุณชายหาน ข้าไม่คู่ควรกับท่านอย่างนั้นหรือ ? มีสิ่งใดที่ท่านไม่พอใจ บอกข้ามาเถิด ข้าสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อท่านได้”
เถียนเยี่ยนจือมองหานโม่ฉือโดยไม่กะพริบตาและแสดงสีหน้าเศร้าใจเล็ก ๆ น่าเสียดายที่รูปลักษณ์ของนางมิได้งดงามเอาเสียเลยและด้วยเครื่องสำอางหนาที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า สีหน้าเศร้าสร้อยของนางจึงดูไม่น่าเห็นใจแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังดูน่ารังเกียจยิ่งกว่า
“ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าคู่ควรทั้งนั้น !”
เหมียวเจินเจินไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไปและก้าวออกไปข้างหน้าหานโม่ฉือพร้อมกล่าวเสียงดัง
“เถียนเยี่ยนจือ ดูหน้าตาและการกระทำของเจ้าสิ เจ้าจะคู่ควรกับพี่หานของข้าได้อย่างไร ? แม้ตระกูลเถียนจะเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนยิน พี่หานก็ไม่สนใจหรอก เจ้ารีบไสหัวไปจะดีกว่า มิฉะนั้น…หากพี่หานโมโหขึ้นมา เขาจะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น !”
ตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ได้อยู่ด้วยกัน เหมียวเจินเจินก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี หานโม่ฉือผู้นี้จะกลายเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือระดับหัวกะทิของดินแดนนี้ในไม่ช้าก็เร็ว และฉินอวี้โม่ภรรยาของเขาก็ไม่ธรรมดาเลยเช่นกัน ในโลกใบนี้มีเพียงฉินอวี้โม่เท่านั้นที่คู่ควรอยู่เคียงข้างหานโม่ฉือ ไม่ว่าสตรีอื่นจะประเสริฐเลิศหรูเพียงใดก็ไม่ดีพอ
ไม่ว่าตระกูลเหมียวหรือตระกูลเถียน หรือแม้กระทั่งทั้งเมืองเทียนยินก็ไม่สำคัญในสายตาของหานโม่ฉือ คนเหล่านี้เป็นเพียงมดตัวเล็ก ๆ ในสายตาของเขาเท่านั้น
“เหมียวเจินเจิน เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งสิ้น หุบปากไปเสีย !”
เถียนเยี่ยนจือไม่สนใจวาจาของเหมียวเจินเจินแม้แต่น้อยและจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง นางคิดว่าคุณหนูตระกูลเหมียวเองก็หมายปองหานโม่ฉือเช่นกันจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น
“เจ้าต่างหากที่ควรหุบปาก !”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างเย็นชาและเหวี่ยงฝ่ามือฟาดเข้าใส่เถียนเยี่ยนจือจนกระเด็นออกไปทันที
โครมมม !
เถียนเยี่ยนจือผู้ซึ่งไม่ทันตั้งตัวลอยกระเด็นจากชั้นสองของภัตตาคารลงไปถึงชั้นล่างและกระแทกเข้ากับโต๊ะหลายตัว
“ข้าให้โอกาสเจ้ามามากแล้ว !”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างไม่แยแสและเดินลงไปชั้นล่าง
“เหอะ คิดว่าลงไม้ลงมือเช่นนี้แล้วเจ้าจะหนีกลับไปได้ง่าย ๆ รึ ?”
บุรุษหนุ่มทั้งหมดของตระกูลเถียนก็เข้าล้อมหานโม่ฉืออย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยแววตามุ่งร้าย