โจวหังรุ่ยเฝ้ารอให้ฉินอวี้โม่ปรากฏตัวมาตลอด และตอนนี้เมื่อเห็นนางยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็ตรงเข้าโจมตีนางโดยไม่ลังเลทันที
ในทางกลับกัน เฝิงเยี่ยยืนนิ่งเช่นเดิมและไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“เฝิงเยี่ย เจ้ามัวแต่ทำบ้าอะไรอยู่ ?!”
เมื่อเห็นว่าเฝิงเยี่ยยืนนิ่งอย่างไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าของเฝิงต้าเป่าก็บิดเบี้ยวทันทีและตะโกนกร้าวพร้อมด้วยแววตาโกรธเคือง
“เฝิงต้าเป่า เจ้านี่ทั้งไร้สมองและไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง การที่ตระกูลเฝิงของพวกเจ้าใช้แต่วิธีการสกปรก ๆ เช่นนี้…ไม่แปลกใจเลยที่พวกเจ้าจะไม่ได้ขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมือง !”
น้ำเสียงเยาะเย้ยและดูแคลนของฉินอวี้โม่ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ตอบโต้การโจมตีของโจวหังรุ่ยได้อย่างสบาย ๆ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ความแข็งแกร่งของนางก็พัฒนาขึ้นมากพอสมควร เดิมทีโจวหังรุ่ยก็มิใช่คู่มือของนางมาตั้งแต่ต้นแล้วและตอนนี้เขาก็ยิ่งไม่มีหนทางเอาชนะนางได้เลย
อย่างไรก็ตาม การที่โจวหังรุ่ยและตระกูลเฝิงร่วมมือกันเพื่อกำจัดนางเช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าพวกเขาจะต้องมีไพ่ตายซ่อนไว้อย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่จึงเฝ้าจับตาดูพวกเขาโดยที่ไม่กระทำสิ่งใดบุ่มบ่าม
“ฉินอวี้โม่ เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน ?!”
เฝิงต้าเป่าแสดงสีหน้าฉงนงุนงงอย่างที่สุดและไม่เข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่นัก
“หมายความว่าเจ้ามันโง่เง่าเบาปัญญายังไงล่ะ !”
หานอวี้อดไม่ไหวและกระโจนออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวทันที ปัญญาของเฝิงต้าเป่าผู้นี้ช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินนัก ! วาจาของฉินอวี้โม่สื่อความหมายอย่างชัดเจนและปฏิกิริยาท่าทางของเฝิงเยี่ยก็ชัดเจนไม่แพ้กัน ทว่าเขาก็ยังงุนงงไม่เข้าใจเสียได้
“เฝิงต้าเป่า พวกเจ้าวางแผนจับอาจารย์ของข้าและใช้เขาเป็นเครื่องมือข่มขู่ให้ข้าทำตามคำสั่ง น่าเสียดายที่ข้ารู้จักพวกเจ้าดี ในเมื่ออาจารย์ของข้าอยู่ในกำมือของพวกเจ้าแล้ว ต่อให้ข้าทำตามคำสั่งทุกอย่าง…พวกเจ้าก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป แทนที่จะยินยอมให้เป็นเช่นนั้น ข้ายอมสู้จะดีกว่า การที่ข้าร่วมมือกับฉินอวี้โม่ ข้าเชื่อว่าข้าจะมีโอกาสช่วยอาจารย์ของข้าได้มากยิ่งกว่า”
เฝิงเยี่ยเดินตรงเข้าไปหยุดข้างฉินอวี้โม่และจ้องหน้าเฝิงต้าเป่าด้วยแววตาแน่วแน่
“เหอะ อาจหาญยิ่งนัก !”
เฝิงต้าเป่าแค่นเสียงเย็นชาและหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กหลายขวดออกมาถือในมือ
“โชคดีที่ท่านพ่อกำชับให้ข้าระวังเจ้าให้มาก มิฉะนั้นข้าอาจจะหลงกลเจ้า ด้วยโอสถที่พิเศษนี้…ต่อให้ฉินอวี้โม่จะมีความสามารถในการทะยานขึ้นชั้นฟ้า นางก็ไม่มีทางรอดชีวิตออกไปจากดินแดนลับแห่งนี้ !”
ในเมื่อมีโอสถพิเศษที่สามารถทำให้จอมยุทธ์สูญเสียพลังมายาทั้งหมดในร่างกายไปได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่นต่อฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย ต่อให้ฉินอวี้โม่เตรียมความพร้อมล่วงหน้า โอสถในมือเขาก็จะส่งผลกระทบต่อนางอย่างใหญ่หลวง และด้วยจำนวนคนตระกูลเฝิงรอบตัว เขามั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะไม่มีทางเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน
เฝิงต้าเป่าขยับข้อมือเบา ๆ และขวดกระเบื้องบรรจุโอสถพุ่งออกไปตรงหน้าฉินอวี้โม่และเฝิงเยี่ย เมื่อพวกมันใกล้ถึงตัวคนทั้งสอง ขวดเหล่านั้นก็แตกออกและกลิ่นประหลาดโชยออกมา
“จิ๊จิ๊ ช่างเป็นกลิ่นที่หอมอบอวลดีจริง ๆ”
แต่ทว่า…สถานการณ์ที่คาดหวังไว้กลับไม่เกิดขึ้น ฉินอวี้โม่ไม่ทรุดล้มลงบนพื้นหรือกลั้นหายใจด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน นางสูดดมกลิ่นประหลาดเหล่านั้นเข้าเต็มปอดและกล่าวด้วยสีหน้าระรื่น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
เฝิงต้าเป่าตกใจทันทีและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ฉินอวี้โม่สูดดมกลิ่นยาพิษเข้าไปมากถึงเพียงนั้น ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็ควรจะล้มลงพื้นไปในทันที ทว่าเหตุใดนางจึงยังดูไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อยและซ้ำร้ายยังดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิมเช่นนี้ ?
ซ่างจู๋มู่และคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน แม้พวกเขาจะปิดผนึกจุดลมปราณของตนได้ทันท่วงที พวกเขาก็ยังได้รับผลกระทบและไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ ซึ่งระดับพลังของฉินอวี้โม่ผู้นี้ก็อ่อนแอยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ทว่านางกลับไม่สะทกสะท้านใด ๆ สตรีผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก…
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ยาพิษที่ตระกูลเฝิงเตรียมไว้เป็นอย่างดีและมั่นอกมั่นใจนักหนาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและสายตาของนางก็บรรจบลงที่โจวหังรุ่ยผู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไป
“โจวหังรุ่ย หากเจ้ามีไพ่ตายใด ๆ ก็รีบแสดงออกมาเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าและโจวเฉียนอยากจะกำจัดข้ามานานแล้ว ไม่มีทางที่เจ้าจะเข้ามาในดินแดนลับโดยที่ไม่มีไพ่ตายซ่อนไว้ !”
ในเวลานี้ นางค่อนข้างมั่นใจว่าผู้นำตระกูลโจวไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าโจวเฉียนและโจวหังรุ่ยจะตัดสินใจร่วมมือกับตระกูลเฝิงอย่างลับ ๆ เพื่อจัดการกับนาง และเกรงว่าสถานการณ์ภายในของตระกูลโจวจะซับซ้อนอย่างมาก แม้ในฐานะผู้นำตระกูล โจวปิ่งฮุยก็ไม่สามารถควบคุมโจวเฉียนและโจวหังรุ่ยได้เลย นั่นหมายความว่าอำนาจของตระกูลโจวมิได้อยู่ในมือเขาโดยสมบูรณ์
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าฉลาดดีนี่ !”
โจวหังรุ่ยหัวเราะและโบกมือเบา ๆ ก่อนที่บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาถัดจากเขา
บุรุษผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีเทาหม่นหมองและมีแววตาเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ
“ข้าก็นึกว่าเป็นอะไร ที่แท้ก็เป็นตัวนิ่มระดับราชาเซียนนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่จะมีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก”
หานอวี้มองบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าและยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที บุรุษผู้นี้คือร่างจำแลงมนุษย์ของตัวนิ่มที่มีพลังในระดับราชาเซียน
ตัวนิ่มถือเป็นอสูรสายเลือดระดับต่ำ การที่ตัวนิ่มตรงหน้าบ่มเพาะพลังจนบรรลุระดับราชาเซียนได้ก็แสดงให้เห็นว่ามันมีพรสวรรค์ที่มากพอสมควร
“เจ้าหนู เจ้าเป็นตัวอะไร ?”
หานอวี้มองทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวนิ่มได้ตั้งแต่แวบแรก ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สามารถมองเห็นถึงตัวตนของมันได้เลย หานอวี้มีสายเลือดระดับสูงที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของอสูรมายาทั้งหมด แม้ความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้จะยังอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย มันก็ยังมีแรงกดดันที่ทรงพลังของตนเอง ตราบใดที่มันไม่เปิดเผยตัว อสูรธรรมดา ๆ ทั้งหมดก็ไม่มีทางมองเห็นถึงตัวตนของมันได้อย่างแน่นอน
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ได้”
หานอวี้กล่าวอย่างทะนงตน เดิมทีเผ่าพันธุ์ตัวนิ่มก็มิได้เป็นอสูรมายาที่มีชื่อเสียงที่ดีนัก พวกมันมักจะลักขโมยสมบัติของอสูรอื่น ๆ เป็นประจำและชื่นชอบการทำสิ่งสกปรกอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เพราะฉะนั้นชื่อเสียงของพวกในหมู่อสูรจึงเลวร้ายอย่างยิ่ง
“โอหังยิ่งนัก !”
เมื่อตัวนิ่มเห็นท่าทางไม่แยแสของหานอวี้ มันก็เดือดดาลทันทีและตะโกนกร้าวขณะแผ่แรงกดดันตรงไปกดข่มหานอวี้
“ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง !”
หานอวี้เพียงกล่าวสั้น ๆ ขณะแผ่แรงกดดันออกไปตอบโต้เช่นกัน แม้จอมยุทธ์คนอื่น ๆ จะไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าบรรดาอสูรมายาทุกชีวิตรอบตัวค่อย ๆ ทรุดล้มลงพื้นทีละตัวตาม ๆ กัน บารมีมังกรจากมังกรทองห้าเล็บมิใช่สิ่งที่อสูรธรรมดาเหล่านี้จะต้านทานได้เลย
และนี่เป็นเพียงบารมีมังกรของหานอวี้เท่านั้น หากเป็นบารมีมังกรของซิว เกรงว่าอสูรเหล่านี้คงจะไม่ทรุดล้มลงบนพื้นเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน
“นี่มัน…บารมีมังกร !”
ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของตัวนิ่มก็บรรลุถึงระดับราชาเซียนแล้ว แม้จะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันอันทรงพลังนี้ ทว่าด้วยพลังของมันที่เหนือกว่าหานอวี้เล็กน้อย ผลกระทบที่เกิดกับมันจึงไม่รุนแรงนัก
ทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงบารมีมังกรนี้ ตัวนิ่มก็ขมวดคิ้วมุ่นและคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตรงหน้าได้ในทันที
“เหอะ เจ้าหนุ่มน้อยที่มีแรงกดดันทรงพลังเช่นนี้ สถานะของเจ้าในเผ่ามังกรจะต้องไม่ธรรมดาแน่ หากข้าได้กินเจ้าเข้าไป พลังของข้าคงจะพัฒนาได้เป็นอย่างมาก !”
ตัวนิ่มแผ่จิตสังหารรุนแรงออกไปทันที ความแข็งแกร่งของมันติดอยู่ในสภาวะชะงักงันไร้การพัฒนามาเนิ่นนานแล้ว หากต้องการพัฒนาต่อไป มันจะต้องกลืนกินอสูรมายาที่มีสายเลือดในระดับที่สูงกว่า และบังเอิญว่าหานอวี้ตรงหน้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมพอดิบพอดี แม้พลังจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ทว่ามันก็มีสายเลือดมังกรที่บริสุทธิ์ หากสามารถกลืนกินได้สำเร็จ บางทีตัวนิ่มอาจจะสามารถกำจัดสายเลือดระดับต่ำของตนได้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่ามังกร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ตัวนิ่มก็อดหัวเราะอย่างสาแก่ใจไม่ได้
“ไม่กลัวว่าฟันจะร่วงหมดปากไปก่อนรึ ?!”
หานอวี้แสยะยิ้มเยือกเย็นและกล่าวอย่างดูแคลน หากคิดที่จะกลืนกินมังกรสายเลือดสูงส่งอย่างมัน เกรงว่าตัวนิ่มตรงหน้านี้คงจะเสียสติไปแล้ว
มารยาก็เพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด แม้ภายนอกอาจดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของหานอวี้ด้อยกว่าตัวนิ่ม ทว่าตัวนิ่มตรงหน้าก็ไม่มีทางทำอะไรมันได้อย่างแน่นอน ความคิดที่จะกลืนกินหานอวี้เป็นได้เพียงความคิดเพ้อฝันเท่านั้น
“พยัคฆ์หงส์ทอง เจ้าไปช่วยตัวนิ่มจัดการกับเจ้าอสูรมายานั่นซะ !”
เฝิงต้าเป่าชี้ตรงไปที่หานอวี้และออกคำสั่งเสียงดังชัดเจน
ในเวลานี้พยัคฆ์หงส์ทองก็ไม่ได้จำแลงร่างมนุษย์ มันเพียงส่งเสียงร้องเบา ๆ และค่อย ๆ เดินตรงไปหาหานอวี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินไปหยุดลงตรงหน้ามังกรน้อยในร่างเด็กหนุ่ม จู่ ๆ พยัคฆ์หงส์ทองก็คุกเข่าลงและเลือกที่จะยอมจำนนโดยตรง
“เจ้ากำลังทำบ้าอะไรกัน ?!”
เฝิงต้าเป่าทั้งสับสนและงุนงงอย่างที่สุด เขาสั่งให้พยัคฆ์หงส์ทองโจมตีหานอวี้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามและมันเลือกยอมจำนนต่ออีกฝ่ายแทน
“มนุษย์เอ๋ย…ข้ายินดียอมจำนนและกลายเป็นหนึ่งในอสูรพันธสัญญาของเจ้า”
พยัคฆ์หงส์ทองกล่าวออกมาซึ่งน้ำเสียงของมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันเป็นอสูรเพศเมีย
มันจดจำฉินอวี้โม่ได้ดี นับตั้งแต่อยู่ในโรงประมูลก่อนหน้านี้ มนุษย์ผู้นี้ก็ต้องการที่จะประมูลตนเช่นกัน
ด้วยการที่มีอสูรพันธสัญญาอย่างหานอวี้ พยัคฆ์หงส์ทองก็ทราบได้ทันทีว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เดิมทีมันก็ไม่ต้องการจำนนต่อเฝิงต้าเป่าตั้งแต่แรกและตอนนี้ถือเป็นโอกาสหลุดพ้นที่ดีที่สุด
“นายหญิง โปรดรับมันเถอะ พวกเราอสูรมายาขาดสมดุลระหว่างเพศผู้เพศเมียมานานหลายปีแล้ว”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เสี่ยวเฮยและอสูรหลายตัวตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยหวังว่าผู้เป็นนายจะยอมรับพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้
“ท่านแม่ รับมันมาเถอะ มันเป็นพยัคฆ์ที่น่าสงสารและข้าต้องการจะสอบถามข้อมูลบางอย่างจากมันด้วย”
หานอวี้ส่งกระแสจิตหาฉินอวี้โม่เช่นกัน ในเผ่าพันธุ์พยัคฆ์หงส์ทองมีความลับบางอย่างที่ทำให้มันสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก เพียงแต่เผ่าพันธุ์พยัคฆ์หงส์ทองก็หายสาบสูญไปนานแล้ว หากฉินอวี้โม่ตัดสินใจทำพันธสัญญากับพยัคฆ์หงส์ทองตัวนี้ หานอวี้ก็จะได้ติดต่อกับเผ่าพันธุ์ดังกล่าวและไขปริศนาที่น่าสงสัยเหล่านั้น
“เข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะก่อนวางมือประทับลงบนศีรษะของพยัคฆ์หงส์ทองตรงหน้า และภายในชั่วพริบตา การเชื่อมโยงระหว่างพยัคฆ์หงส์ทองและเฝิงต้าเป่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและมันกลายเป็นหนึ่งในอสูรพันธสัญญาของฉินอวี้โม่อย่างสมบูรณ์
“คารวะนายหญิง”
พยัคฆ์หงส์ทองกลายร่างเป็นสตรีอายุประมาณยี่สิบปีและโค้งคำนับต่อฉินอวี้โม่
“เจ้าอสูรไม่รักดี ทำอะไรของเจ้า ?!”
เฝิงต้าเป่าคาดไม่ถึงเลยว่าอสูรมายาของตนจะกลายเป็นอสูรพันธสัญญาของผู้อื่นภายในชั่วพริบตาเช่นนี้ ซ้ำร้ายคนผู้นั้นยังเป็นศัตรูของตนอีกด้วย หลังจากตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาก็เรียกสติกลับคืนมาและอดตะโกนกร้าวออกไปไม่ได้
ทว่าจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย เพียงพริบตาเดียวก็สามารถสยบอสูรพันธสัญญาของเขามาเป็นของตนเองได้ ฉินอวี้โม่ผู้นี้ยังมีความสามารถอีกมากแค่ไหนกัน ?
“เจ้าโง่ ข้าสุดจะทนกับเจ้าแล้ว หากมิใช่เพราะถูกบีบบังคับให้ทำพันธสัญญาโดยผู้ฝึกสัตว์อสูรคนนั้น คิดว่าข้าจะยอมจำนนต่อเจ้ารึ !”
พยัคฆ์หงส์ทองจ้องหน้าเฝิงต้าเป่าตาเขม็งและระบายความรังเกียจที่สะสมมาตลอดหลายวัน หากมิใช่เพราะอสูรพันธสัญญาทำร้ายนายของตนไม่ได้ มันก็คงจะขย้ำเฝิงต้าเป่าจนตายไปแล้ว และก็เป็นเพราะว่ามันจงเกลียดจงชังเฝิงต้าเป่ามาก มันจึงไม่เคยคิดแสดงร่างมนุษย์ให้เขาได้เห็น
“ฮ่า ๆ ๆ แม่พยัคฆ์สาวนี่ช่างถูกใจข้าจริง ๆ”
เสี่ยวเฮยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ความตรงไปตรงมาของพยัคฆ์หงส์ทองทำให้มันชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ พยัคฆ์หงส์ทองและอสูรอื่น ๆ ของฉินอวี้โม่ก็มีจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันแล้ว พวกมันจึงได้ยินวาจาของเสี่ยวเฮยอย่างชัดเจน ใบหน้าของพยัคฆ์หงส์ทองในร่างสตรีก็แดงระเรื่อไปเล็กน้อยด้วยความเขินอายทันที
“ท่านแม่ ข้าจะจัดการตัวนิ่มขยะนี่เอง”
หานอวี้กล่าวก่อนพุ่งตรงเข้าไปปะทะกับตัวนิ่ม ตัวนิ่มที่ต่ำต้อยนี่ริอาจเพ้อฝันที่จะกลืนกินมัน นี่คือการรนหาที่ตายชัด ๆ หากไม่ได้ถลกหนังมันมาทำเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ในวันนี้ หานอวี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ?
“นายหญิง ข้าขอจัดการกับเจ้าโง่นั่น !”
พยัคฆ์หงส์ทองชี้ไปที่เฝิงต้าเป่าและกล่าวทันที ความชิงชังที่มันมีต่อเฝิงต้าเป่าชัดเจนอย่างไม่อาจปิดบัง
“นายหญิง พวกเราจะจัดการกับสมาชิกตระกูลเฝิงคนอื่น ๆ”
เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าขณะกระโจนออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวทีละตัวและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้
ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดขัดขวางอสูรเหล่านี้และพยักศีรษะเบา ๆ โดยอนุญาตให้พวกมันได้แสดงฝีมือตามต้องการ
สายตาของนางเพียงเลื่อนไปหยุดลงที่โจวหังรุ่ยผู้ซึ่งชะงักค้างอยู่กับที่และแผ่จิตสังหารแรงกล้าออกไปอย่างเปิดเผย